เคล็ดกายานวดารา (Lc by Novel Kingdom) – ตอนที่ 330 อยากตายงั้นหรือ เช่นนั้นก็ดาหน้ากันเข้ามาเถอะ

 

“หลงเฉิน ที่แท้เจ้ายังไม่ตาย”

 

ทันทีที่สุดยอดฝีมือทั้งสามคนนั้นเข้ามาถึงส่วนในของสุสาน สิ่งแรกที่ได้พบก็คือ หลงเฉินกำลังใช้ก้อนอิฐดำมะเมื่อมในมือทำการงัดแงะโลงศพอยู่ นั่นทำให้พวกเขาต่างทอสีหน้าปั้นยากอย่างถึงขีดสุดออกมา

 

ที่แท้ หลังจากที่กัวเหรินทำให้ผู้อยู่เหนือขอบเขตสองคนนั้นตายไป ก็ไม่ได้สนใจพวกเขาอีกเลย แม้แต่ศิลากระจ่างสองก้อนนั้น ก็ยังถูกหลงเฉินเก็บไป จนทางเดินนั้นมีแต่ความมืดมิด

 

สุดปลายทางเดินฝั่งตรงข้ามเงียบสงัดไร้สุ่มเสียง ไม่สีเสียงความเคลื่อนไหวใดๆดังออกมา ไม่ทราบแม้แต่น้อยว่าเจ้ากัวเหรินนั่นกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ พวกเขาต่างคิดเอาเองว่าเป็นไปได้ว่ากัวเหรินกำลังนอนแผ่ตัวเกือกกลิ้งอยู่ใจกลางกองสมบัติ แล้วกอบโกยสมบัติใส่แหวนมิติอย่างบ้าคลั่งอยู่ คิดดังนั้นก็ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกร้อนรนจนแทบทนแบกรับไว้ไม่ไหว

 

ทว่าต่อให้ยากที่จะแบกรับมากเท่าไหร่ ก็จำต้องแบกรับเอาไว้ เพราะความน่ากลัวเหลือประมาณของกลไกนั้น แม้เป็นถึงสุดยอดฝีมือ ก็ใช่ว่าจะมีโอกาสที่จะผ่านไปได้

 

แน่นอนว่าโอกาสที่จะผ่านเข้าไปได้ไม่ได้มีมากมายนัก แต่หากว่าพลาดขึ้นมา ก็มีแต่ต้องตายอยู่ภายในนั้นเท่านั้น แม้แต่ชีวิตที่จะได้พบเห็นสมบัติก็ยังไม่อาจที่จะมีได้ เช่นนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่โง่งมที่สุดแล้ว

 

ดังนั้นสุดยอดฝีมือทั้งสาม ต่างก็ไม่กล้าที่จะไปเสี่ยงอันตราย ยิ่งผู้อยู่เหนือขอบเขตเหล่านั้น ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง เพราะก่อนหน้านี้ได้เห็นแล้วว่ากัวเหรินกำลังดักซุ่มรอลอบทำร้ายคนที่ผ่านเข้าไปอยู่ ตัวอย่างจากผู้อยู่เหนือขอบเขตสองคนนั้นที่ตายไปเมื่อสักครู่ ที่ยังไม่ทันแม้แต่จะร่ำร้องอะไรออกมาก็ถูกกลไกอันน่าหวาดกลัวในทางเดินนั้นบดขยี้ในทันที ซ้ำยังตายอย่างน่าอเนจอนาจยิ่งนัก ร่างกายแหลกเละกลายเป็นกองเนื้อ ไม่เหลือแม้แต่ศพให้เห็น เช่นนั้นผู้ใดยังจะกล้าลองกันเล่า ?

 

ศิษย์ของทั้งฝ่ายธรรมะและอธรรมที่เฝ้ารออยู่ปากทางด้านนอกของทางเดิน ต่างก็ตกอยู่ในสภาพที่ทรมานใจอย่างเหลือคณานับ ในทุกชั่วลมหายใจเข้าออกคล้ายกับว่าช่างยาวนานนับชั่วยาม หากว่าให้จากไปเช่นนี้ พวกเขาย่อมไม่ยอมอย่างแน่นอน

 

และหลังจากผ่านไปสามชั่วยามเต็มๆ ภายในสุสานที่สุดปลายทางเดินนั้นก็เกิดความเคลื่อนไหวขึ้น เสียงอะไรบางไม่ดังไม่เบาอย่างดังออกมาจากข้างใน ซึ่งที่แท้ในตอนนั้นเป็นช่วงเวลาที่หลงเฉินกับกัวเหรินกำลังเก็บอิฐเหล็กวิหคสลักเหมันต์ทั้งหมดเอาไว้นั่นเอง

 

เมื่อได้ยินเสียงที่เล็ดลอดออกมา ทุกผู้คนที่อยู่ด้านนอกต่างก็จิตใจร้อนรุ่มมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นความเคลื่อนไหวภายใน แต่ก็แน่ใจถึงแปดเก้าส่วนว่ามีคนกำลังรวบรวมสมบัติอยู่

 

หลายคนในที่นั้นส่งเสียงดังขึ้น คล้ายกับผึ้งแตกรังก็มิปาน เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันจ้องเขม็งไปยังทางเดินนั้น ทว่าก็ยังไม่มีความกล้าพอที่จะเสี่ยงบุกฝ่าเข้าไป

 

จนกระทั่งในช่วงเวลาที่หลงเฉินใช้ก้อนอิฐทุบไปบนโลงหิน จนทำให้เกิดการสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสุสาน ในเวลานั้นเองเหล่าคนที่อยู่ด้านนอกก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป รู้สึกคล้ายกับว่าตนเองกำลังจะบ้าคลั่งขึ้นมาแล้ว

 

ผู้อื่นกำลังทำการเปิดสมบัติอยู่ แต่พวกเขากลับทำได้เพียงแต่ฟังเสียงเท่านั้น นั่นทำให้พวกเขาแทบจะกลายเป็นคนบ้าไปเลยทีเดียว สมบัติอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่กลับทำได้เพียงเฝ้ารออยู่ด้านนอก นี่ถือได้ว่าเป็นรสชาติชีวิตที่ทำให้ผู้คนเสียสติได้เลย

 

“มารดามันเถอะ!”

 

ในที่สุดก็มีคนทนต่อไปไม่ไหว ในมือเบิกหอกยาวขึ้นมาเล่มหนึ่ง เล็งไปที่ทางเดินมืดมิดนั้น แล้วปาหอกยาวออกไปอย่างหัวเสีย หอกนั้นเข้าไปชนกับกำแพงหินอย่างแรง จนทำให้กลไลเกิดการขยับขึ้นมาครู่หนึ่ง

 

ทว่ากลไกเหล่านั้นถูกเคลื่อนได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้นก็หยุดลงไปทันที เนื่องจากสุสานแห่งนี้นั้นมีอยู่มาอย่างเนิ่นนานแล้ว ถึงแม้จะสร้างกลไกที่ประหลาดพิสดารขึ้นมา แต่ก็ไม่อาจที่จะหยุดการกัดกร่อนของกาลเวลาไปได้

 

บางชิ้นส่วนของกลไกเหล่านั้นก็มีบ้างที่เน่าเปื่อยผุพังไป รวมกับก่อนหน้านี้ที่หลงเฉินทำการงัดแงะโลงศพด้วยพลังทั้งหมด จึงทำให้แกนหลักของกลไกเกิดการเคลื่อนขยับผิดตำแหน่งไป

 

ผลสุดท้ายก็คือกลไกกับดักนั้นทำงานได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ก็หยุดชะงักลงไปทันที ไม่สามารถขยับต่อไปได้อีก เหล่าศิษย์ฝ่ายธรรมะและอธรรมที่อยู่ด้านนอกนั้น เมื่อพบว่ากลไกหยุดลงไปแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะยินดีขึ้นมายกใหญ่

 

“อ๊าก”

 

ศิษย์สายตรงฝ่ายธรรมะผู้หนึ่ง ร่ำร้องออกมาด้วยความตกใจ คนผู้นั้นถูกใครบางคนโยนเข้าไปภายในเส้นทางเดินของถ้ำ เขาล้มคะมำทั้งกลิ้งทั้งตีลังกาลึกเข้าไปตามทางเดินมืดมิดนั้น

 

แท้จริงแล้ว ยอดฝีมือผู้อยู่เหนือขอบเขตฝ่ายอธรรมผู้หนึ่งเป็นผู้ลงมือ เขาหมายที่จะทำการทดสอบดูสักครั้ง ทว่าเหตุการณ์นี้ ศิษย์ฝ่ายธรรมะเหล่านั้นกลับไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองแต่อย่างใด เมื่อเห็นว่าคนผู้นั้นปลอดภัยไร้กังวล ต่างก็ตะโกนโห่ร้องเสียงดัง พุ่งตัว วิ่งกรูเข้าไปภายในถ้ำอย่างรวดเร็ว

 

แน่นอนว่าผู้ที่เข้าไปถึงภายในถ้ำเป็นลำดับแรกๆ ย่อมต้องเป็นสุดยอดฝีมือทั้งสามคนนั้น เพราะไม่มีใครกล้าพอที่จะวิ่งนำหน้าพวกเขาเข้าไป ทำได้แต่เพียงคอยตามอยู่ทางด้านหลัง

 

เมื่อสามคนนั้น พุ่งตัวเข้ามาถึงภายในสุสาน ก็ได้พบทั้งหลงเฉินและกัวเหริน หลงเฉินนั้นกำลังยกก้อนอิฐสีดำขึ้นสูง แล้วทำการทุบไปที่โลงศพขนาดใหญ่อยู่

 

“ฆ่ามันซะ!”

 

จ้าวหมิงซานตะโกนขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราดถึงขีดสุด แล้วพุ่งเข้าหาหลงเฉินอย่างรวดเร็ว ตลอดทั่วทั้งร่างระเบิดพลังสภาวะขึ้น พลังสภาวะที่น่าหวาดกลัว แผ่กระจายสะท้อนไปมาจากใจกลางห้องเก็บโลงศพนั้น ประดุจคลื่นพายุคลั่งที่เกรี้ยวกราดก็มิปาน จ้าวหมิงซานเงื้อมกำปั้น หมายจะอัดเข้าไปที่ศรีษะของหลงเฉิน

 

ในขณะเดียวกันนั้น สุดยอดฝีมือฝ่านอธรรมผู้นั้น ก็ระเบิดพลังขึ้น เตรียมพุ่งเข้าใส่หลงเฉินจากอีกทางด้านหนึ่ง สุดยอดฝีมือฝ่ายธรรมะที่อยู่ทางด้านหนึ่ง กับสุดยอดฝีมือของฝ่ายอธรรมที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ต่างก็ได้แยกย้ายกันมุ่งมั่นที่จะสังหารหลงเฉิน

 

พวกเขาได้ตัดสินใจแล้วว่า จะทำการสังหารหลงเฉินก่อน เพื่อช่วงชิงสมบัติที่อยู่ในตัวของเขา แล้วค่อยจัดการกับสมบัติที่เหลืออยู่อีก ในภายหลัง

 

“กัวเหริน อีกเดี๋ยวเจ้าอาศัยช่วงชุลมุนหนีไปซะ แล้วไปรอข้าที่จุดเดิม” หลงเฉินกระซิบบอกต่อกัวเหรินอย่างรวดเร็ว แล้วส่งเสียงอย่างเย็นชาออกมาดังลั่น พร้อมกันนั้นก็ใช้ก้อนอิฐในมือตบสวนเข้าไปที่กำปั้นของจ้าวหมิงซาน

 

“โครม”

 

การปะทะนั้นทำให้ทั่วทั้งสุสานก็ได้เกิดการสั่นสะเทือนขึ้น เมื่อกำปั้นกระแทกเข้ากับก้อนอิฐสีดำก็ทำให้จ้าวหมิงซานก็รู้สึกเจ็บปวดเหลือประมาณ

 

“ผลัวะ”

 

หลงเฉินนั้นหลังจากฟาดก้อนอิฐเข้าต้านหมัดของจ้าวหมิงซานได้แล้ว เขาก็ฟาดอิฐออกไปอีกครา ครั้งนี้เป้าหมายคือศรีษะของจ้างหมิงซาน ซึ่งการออกกระบวนท่าครั้งนี้ของหลงเฉินรวดเร็วเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น

 

ขณะที่จ้าวหมิงซานกำลังตื่นตะลึงกับความแข็งแกร่งของก้อนอิฐในมือของหลงเฉินอยู่ ทันใดนั้นเขาก็พบว่าการโจมตีครั้งที่สองของหลงเฉินก็เข้ามาถึงตัวแล้ว หลงเฉินฟาดก้อนอิฐเข้ามาด้วยความเร็วอย่างเหลือเชื่อ จ้าวหมิงซานที่พึ่งรู้สึกตัวก็รีบร้อนเบี่ยงตัวหลบไปทางด้านหลัง

 

ทว่าเขากลับประเมินความเร็วของหลงเฉินต่ำไป ก้อนอิฐก้อนนั้นประทะเข้าไปที่ศีรษะของจ้าวหมิงซานในทันที

 

“โครม”

 

ถึงแม้จะไม่ได้โดนเข้าเต็มๆ แต่ว่าด้วยพลังอันมหาศาลที่น่าหวาดกลัวนั้น ก็ทำให้จ้าวหมิงซานรู้สึกเจ็บปวดเหลือประมาณ ถ้าหากเป็นผู้อยู่เหนือขอบเขตโดยทั่วไป ก็คงจะต้องถูกทุบจนเลือดสาดกระจายไปแล้ว

 

ทว่าถึงแม้จะเป็นเขา แต่บนศีรษะของจ้าวหมิงซานก็ยังปรากฏรอยบวมเป่งเท่าซาลาเปาขึ้นมาเลยทีเดียว ดูไปแล้วก็คล้ายดั่งมีเขางอกเงยขึ้นมา ดูน่าประหลาดยิ่งนัก

 

เมื่อได้ลูบๆคลำๆไปที่ซาลาเปาบวมเป่งบนหัว จ้าวหมิงซานก็ทั้งแตกตื่นทั้งเดือดดาล ภายใต้ความประมาทหลงระเริงของตัวเอง ทำให้ได้รับบาดเจ็บขึ้นมาแล้ว และเป็นความเจ็บปวดที่ขายหน้าเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย

 

“ไปตายซะ”

 

จ้าวหมิงซานเดือดดาลถึงขีดสุด เขาตะโกนเสียงดังออกมาในทันที พร้อมกันนั้นในมือก็ปรากฏดาบยาวสีทองเล่มหนึ่ง แล้วหันเข้าไปฟาดฟันเข้าใส่หลงเฉินอย่างรวดเร็ว

 

ในขณะนั้นเอง สุดยอดฝีมืออีกสองคนก็มาถึงแล้ว เมื่อได้เห็นพลังการต่อสู้ของหลงเฉินพวกเขาเองก็รู้สึกแตกตื่นตกใจขึ้นมาเช่นกัน

 

ถึงแม้จะเคยได้ยินมาว่าหลงเฉินนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง แต่ทว่าหลงเฉินที่พึ่งจะทะลวงพลังเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นเท่านั้น ตลอดทั่วทั้งร่างยังอยู่ในสภาวะที่ค่อนข้างไม่แน่นอน แม้กระทั่งขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นขั้นที่หนึ่งก็ยังมิใช่

 

ทว่า นี่เป็นเพียงแค่อยู่ในขั้นต้นเท่านั้น ก็ยังสามารถที่จะทำให้จ้าวหมิงซานต้องพลาดท่าได้ถึงเพียงนี้ ดูไปแล้วหลงเฉินผู้นี้แท้จริงแล้วไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย

 

“ทุกคนระวัง ก้อนอิฐในมือของเขาเป็นของล้ำค่า ถึงได้มีพลังทำลายที่รุนแรงมากมายเช่นนั้น” สุดยอดฝีมือฝ่ายธรรมะผู้นั้นกล่าวเตือนขึ้นมา

 

จ้าวหมิงซานเมื่อได้ยินคนผู้นั้นกล่าวออกมาเช่นนี้ ภายในใจก็เกิดความขุ่นมัวขึ้นอีกครั้ง นี่ถือได้ว่าเป็นการตอกย้ำความอับอายของเขายิ่งนัก ทำให้เข้าไม่สามารถกู้หน้าคืนมาได้อีกแล้ว

 

หลงเฉินยิ้มเย้ยหยั่นออกมา เขาคร้านที่จะต่อล้อต่อเถียงกับคนพวกนี้แล้ว เก็บก้อนอิฐในมือกลับไป แล้วเรียกทลายมารออกมาใช้แทน

 

ในเวลานี้ตลอดทั้งใบดาบของทลายมาร เต็มไปด้วยรอยแตกดุจฟันปลา ซึ่งเป็นผลมาจากกลไกของกับดักในค่ายกลที่เขาเผชิญก่อนหน้านี้

 

ทันใดนั้นเองยอดฝีมือทั้งสามคนก็ตัดสินใจพุ่งเข้าโจมตีหลงเฉินพร้อมกัน ต่างชัดอาวุธออกมาแล้วพุ่งเข้าหลงเฉินอย่างรวดเร็ว

 

หลงเฉินเตรียมตัวตั้งรับอย่างในทันที เขากระตุ้นพลังจิตสังหารให้ลุกโชนขึ้นมา

 

หลงเฉินตะโกนออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว ประดุจเสียงอัสนีทลายฟ้า เสียดลึกเข้าไปในโสตประสาทของทุกผู้คน เสียงก้องกังวานไปทั่วสุสาน ทลายมารในมือ ก็ถูกตวัดไปในอากาศ หันคมดาบเข้าฟาดฟันคนทั้งสาม

 

“ตูม”

 

เสียงระเบิดกึกก้องดังขึ้นมา ทั่วทั้งห้องเก็บโลงศพสั่นสะเทือนอย่างหนัก บนเพดานห้องมีเศษดินเศษทรายร่วงหล่นลงมาไม่น้อย

 

หลงเฉินนั้น เพียงแต่รู้สึกได้ว่ามีพลังระเบิดที่รุนแรงเกิดขึ้น แล้วจึงขยับตัวถอยหลังออกไปหลายสิบจั้ง ภายในแววตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความฮึกเหิม

 

หลังจากที่เลื่อนระดับพลังเข้าถึงขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นแล้ว เขาก็พบว่าพลังของตนเองเกิดการเปลี่ยนแปลง จนแทบเรียกได้ว่าพลิกฟ้าสะเทือนดินเลยทีเดียว พลังอันมหาศาลในร่างกาย ในตอนนี้ก็ยิ่งทวีความสมบูรณ์แบบในการใช้งานออกมาได้มากยิ่งขึ้น

 

จ้าวหมิงซานและพรรคพวกกลับยิ่งทวีความหวาดผวามากขึ้น ทั้งสามคนร่วมมือกัน ยังไม่อาจต้านพลังของหลงเฉินได้ ในทางกลับกันเมื่อได้รับแรงกระแทกจากหลงเฉิน ยังถึงกับต้องถอยหลังไปตั้งหลักไกลออกไปกันอีกด้วย

 

นี่บอกได้อย่างชัดเจนแล้วว่า พลังฝีมือที่แท้จริงของหลงเฉินนั้นแข็งแกร่งเทียบเท่ากับพวกเขาได้เลย แต่เพราะพวกเขาต่างก็เป็นผู้ที่มีพลังการฝึกปรือในระดับขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนปลาย จึงคงความได้เปรียบในด้านพลังการฝึกปรือมากกว่า

 

“หลงเฉินผู้นี้ยังไงก็ไม่อาจปล่อยไว้ได้”

 

สุดยอดฝีมือของฝ่ายอธรรมผู้นั้นกล่าวขึ้น ภายในแววตาทั้งคู่สายประกายดุร้าย ไม่แปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใดหลงเฉินผู้นี้ จึงเป็นบุคคลคนที่สองที่ถูกประกาศจับตาย ที่เป็นรองเพียงแค่หานเทียนหวู่เท่านั้น

 

ด้วยพรสวรรค์เช่นนี้ ถือได้ว่าน่าหวาดกลัวมากเกินไปแล้ว นี่ถ้าหากปล่อยให้เขาพัฒนาขึ้นไปได้อีก จะต้องกลายเป็นหานเทียนหวู่คนที่สองอย่างแน่นอน

 

“ท่านทั้งสอง ขอเพียงสามารฆ่าหลงเฉินได้ สมบัติที่ซ่อนอยู่ภายในห้องเก็บโลงศพทั้งหมด พวกเราฝ่ายอธรรมจะไม่แตะต้องแม้แต่เสี้ยวเดียว” สุดยอดฝีมือของฝ่ายอธรรมผู้นั้นหันไปกล่าวต่อยอดฝีมือฝ่ายธรรมะทั้งสองคน

 

เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ก็ทำให้จ้าวหมิงซานต้องสะดุ้งตกใจขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อไตร่ตรองชั่วครู่จึงค่อยเข้าใจถึงความหมายของสุดยอดฝีมือของฝ่ายอธรรมผู้นั้นขึ้นมาได้

 

เขาเองนั้น ก็กำลังคิดที่จะนำศีรษะของหลงเฉินกลับไปเพื่อแลกกับรางวัลเช่นกัน ดังนั้นในใจจึงลอบด่าทอความโง่เขลาของฝ่ายอธรรม จะพูดจะจาช่างไม่มีศิลปะแม้แต่น้อย

 

“คนมีชื่อเสียงอย่างฝ่ายธรรมะของเรา มีหรือที่จะต้องไปเกลือกกลั้วกับฝ่ายอธรรมเช่นพวกเจ้ากัน ? ที่พวกเราต้องฆ่าหลงเฉินนั้น ก็เพื่อขจัดมลทินให้แก่ฝ่ายธรรมะ หาได้เป็นการร่วมมือกับเจ้าไม่ วาจาไร้สาระกล่าวให้มันน้อยหน่อย ลงมือฆ่าเขาได้แล้ว” จ้าวหมิงซานกล่าวออกมาอย่างเย็นชา

 

เขากล่าวออกมาเช่นนี้ ก็เพราะคร้านที่จะต้องมาอธิบายความสัมพันธ์ที่มีอยู่กับสุดยอดฝีมือของฝ่ายอธรรมผู้นั้นให้กระจ่าง ไม่เช่นนั้นหากร่วมมือกับศิษย์ของฝ่ายอธรรม ก็จะถือเป็นความผิด ข้อกล่าวหาเช่นนี้ เขาย่อมไม่อาจที่จะแบกรับไว้ได้

 

สุดยอดฝีมือของฝ่ายอธรรมผู้นั้นเมื่อได้ฟังวาจาโอหัง บนใบหน้าก็เต็มแน่นไปด้วยแววเย้ยหยันขึ้นมาทันที ศิษย์ฝ่ายธรรมะจะถึงอย่างไรก็ยังคงเป็นพวกจอมเสแสร้งตลอดกาลอยู่ดี

 

“พวกเจ้าไปจับตัวเจ้าหนูนั่นไว้ จำไว้ต้องจับเป็นกลับมา เอ๊ะ ? มันหายไปไหนแล้ว ? ”

 

ทันใดนั้นสุดยอดฝีมือของฝ่ายอธรรมผู้นั้น ก็พบว่ากัวเหรินที่อยู่ทางด้านหลังของหลงเฉิน ได้หายตัวไปแล้ว

 

“เรียนศิษย์พี่ เขา……หนีไปแล้ว” ศิษย์ของฝ่ายอธรรมผู้หนึ่ง กล่าวตอบอึกอักออกมาด้วยใบหน้าซีดขาว

 

“หนีไปแล้ว ? ทำไมถึงรวดเร็วได้ถึงเพียงนั้นกัน ?” สุดยอดฝีมือของฝ่ายอธรรมผู้นั้นทอสีหน้าไม่อยากเชื่อถือ แล้วกล่าวออกมา นี้มันก็เร็วเกินไปแล้ว

 

“ฮึ่ย……ตัวบัดซบผู้นี้ เจ้าเล่ห์มากเกินไปแล้ว” ทุกผู้คนต่างก็มองหน้ากันไปมา ศิษย์ของฝ่ายอธรรมผู้หนึ่ง กล่าวออกมาด้วยอาการหัวเสีย

 

เดิมทีที่หลงเฉินได้กำชับบอกกัวเหริน เขาก็ทราบได้ในทันทีว่าในที่แห่งนี้ เขาไม่อาจที่จะช่วยเหลืออะไรได้ ในทางกลับกันก็จะกลายเป็นตัวถ่วงของหลงเฉินไปเสียแทน

 

ดังนั้นในขณะที่หลงเฉินกำลังใช้ก้อนอิฐไล่ฟาดผู้คนอยู่นั้น เขาก็ได้กลายเป็นจุดสนใจของทุกคนในที่แห่งนั้นไป ที่ซึ่งสามารถหันเหความสนใจทั้งหมดไปรวมอยู่ที่ตัวเขา กัวเหรินฉวยโอกาสในเวลานั้นค่อยๆขยับออกไปที่ปากทาง

 

และในช่วงเวลาที่หลงเฉินใช้ก้อนอิฐทุบเข้าไปที่ศีรษะของจ้าวหมิงหยวนจนบวมเป่ง ทุกผู้คนต่างก็ตกใจจนหน้าถอดสี ขณะที่กัวเหรินกลับขยับออกห่างมาได้ไกลมากขึ้นอีก จนอยู่ห่างจากทางเข้าออกไม่ไกลแล้ว

 

ทว่าในที่สุด กัวเหรินก็ถูกศิษย์ฝ่ายธรรมะพบเห็นเข้าจนได้ ศิษย์ผู้นั้นชักอาวุธพุ่งเข้าใส่กัวเหรินในทันที

 

กัวเหรินเห็นเช่นนั้น ก็เรียกกระบองไม้ออกมาเล่มหนึ่ง เขาใช้มันกระตุ้นกลไกที่อยู่ด้านบนเพดาน ทันใดนั้นก็ปรากฏเป็นห่าเข็มเงินกระจัดกระจายไปทั่วทั้งฟ้า กินอาณาบริเวณปกคลุมเป็นวงกว้างไปทางด้านหน้า แล้วตกลงใส่กลุ่มคน ในตอนนั้นมีผู้คนนับสิบกว่าต้องคมเข็มเข้า

 

อีกทั้งบนเข็มเงินเหล่านั้นยังถูกเคลือบเอาไว้ด้วยพิษ เหล่าคนที่ถูกเข็มพิษแทงเข้าไปเหล่านั้น ต่างก็ได้ทอสีหน้าแปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรงในทันที แล้วต่างก็รีบกลืนโอสถถอนพิษกันในทันที

 

ทว่าพวกเขาก็ได้พบว่าโอสถถอนพิษไม่สามารถควบคุมพิษนั้นได้เลยแม้แต่น้อย จึงพยายามไหลเวียนพลังลมปราณทั้งหมดเพื่อสะกดการไหลเวียนของพิษเอาไว้ จากนั้นก็ใช้พลังลมปราณนั้นไหลเวียนขับพิษออกมา

 

ในขณะที่ทุกคนกำลังชุลมุนกันอยู่ กัวเหรินก็ถอยไปจนถึงปากทางเข้าได้สำเร็จ ทว่าก็ยังมีศิษย์จำนวนหนึ่งติดตามมา กัวเหรินจึงล้วงเอาลูกกลมออกมาลูกหนึ่ง เขาขวางลูกกลมนั้นลงพื้นในทันที เกิดควันคละคลุ้งขึ้นมาเป็นสาย ควันนั้นหนาทึบเสียจนแม้แต่ยื่นมือออกมาตรงหน้าก็ยังไม่อาจที่จะมองเห็นนิ้วทั้งห้าได้

 

ทันทีที่เห็นกลุ่มควันลอยขึ้นมา ศิษย์ที่ไล่ล่ากัวเหรินเหล่านั้นต่างก็รีบถอยออกห่าง พวกเขานั้นเกรงกลัวว่านั่นจะเป็นหมอกพิษ และยิ่งเกรงว่ากัวเหรินจะลอบปล่อยเข็มพิษจากภายในหมอกด้วย

 

เมื่อรอคอยจนหมอกควันสลายหายไป กัวเหรินก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว ทว่าการหลุดรอดออกไปของกัวเหริน เหล่าศิษย์ที่ไล่ล่านั้น เดิมทีก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจมากนัก พวกเขาคิดเพียงว่าเป็นเพียงปลาเล็กที่หลุดไปตัวหนึ่งเท่านั้น

 

ทว่าในขณะนี้สุดยอดฝีมือของฝ่ายอธรรมผู้นั้นถามขึ้นมา ทุกคนก็เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาบ้างแล้ว

 

สุดยอดฝีมือของฝ่ายอธรรมผู้นั้นทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมา จ้าวหมิงซานกับสุดยอดฝีมืออีกคนหนึ่งก็ได้ทอสีหน้าปั้นยากเป็นอย่างยิ่ง

 

หากเพียงแค่ชีวิตของเจ้ากัวเหรินผู้นั้น พวกเขาไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย แต่ในตัวของกัวเหรินนั่น มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะต้องมีสมบัติอยู่ส่วนหนึ่ง ซึ่งก็น่าจะเป็นส่วนมากอีกด้วย

 

ทว่าเจ้าคนผู้นั้นกลับหลบหนีไปแล้ว อย่างไม่ทิ้งร่องรอย หากคิดที่จะไล่ตามออกไป ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย จ้าวหมิงซานและสุดยอดฝีมืออีกสองคน จึงหันไปหาหลงเฉิน จ้องมองเขม็งอย่างเอาเป็นเอาตาย

 

“ซูม”

 

หลงเฉินพาดทลายมารไว้บนไหล่อย่างเกียจคร้าน พร้อมทั้งมองตอบกลับทั้งสามคนอย่างเย็นชา “อยากตายงั้นหรือ ? เช่นนั้นก็ดาหน้ากันเข้ามาเถอะ ! ”

 

 

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา
Status: Ongoing
เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset