เคล็ดกายานวดารา (Lc by Novel Kingdom) – ตอนที่ 331 หนึ่งสยบสาม

 

“อยากตายงั้นหรือ ? เช่นนั้นก็ดาหน้ากันเข้ามาเถอะ ! ”

 

หลงเฉินก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมาอย่างเย็นชา ทลายมารในมือที่กร้าวแกร่ง ขยับออกจากหัวไหล่ สาดประกายออกไปเบื้องหน้า ส่งไปถึงยังดวงตาทั้งสามคู่ของคนทั้งสาม ทั่วทั้งร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังสภาวะ แผ่กระจายพวยพุ่งออกมามากยิ่งกว่าเดิม ประดุจภูเขาไฟลูกใหญ่ที่กำลังจะปะทุขึ้นมา และทันทีที่ภูไฟระเบิดขึ้นมา ก็เรียกได้ว่าทำลายล้างทั้งฟ้าทั้งดินได้เลยทีเดียว

 

ในสายตาของหลงเฉิน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะหรือฝ่ายอธรรม ก็ล้วนสมควรตายอย่างไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าคนพวกนี้จะมีเหตุผลอะไร แต่ก็ลงมือต่อเขาออกมาแล้ว อีกทั้งยังเจตนาที่จะฝังเขาให้ตายอย่างชัดเจน ดังนั้นในขณะที่ฆ่าไปจึงหาได้มีแรงกดดันใดๆ

 

สุดยอดฝีมือทั้งสามคนจับจ้องอยู่ที่หลงเฉิน บนใบหน้าปรากฏแววเคร่งเครียดขึ้น การโจมตีเมื่อครู่ พิสูจน์ให้พวกเขาเห็นแล้วว่า หลงเฉินนั้นน่าหวาดกลัวเพียงใด

 

แต่ทว่า ที่น่าหวาดกลัวที่สุดกลับไม่ใช่หลงเฉินที่อยู่ตรงหน้าในขณะนี้ แต่เป็นตัวเขาในภายภาคหน้า วันใดที่เขาเติบใหญ่ขึ้น พลังฝีมือก้าวหน้ามากขึ้น คงจะกลายเป็นบุคคลที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่งผู้หนึ่งเลยทีเดียว

 

สุดยอดฝีมือของฝ่ายอธรรมนั้น ไม่คาดหวังให้มีหานเทียนหวู่คนที่สองเกิดขึ้นในฝ่ายธรรมะอีก และสุดยอดฝีมือทั้งสองคนของฝ่ายธรรมะ ก็ยิ่งไม่คาดหวังที่จะให้มีคนเป็นก้างขวางคอของพวกเขาแน่ โดยเฉพาะคนผู้นี้ ที่นับว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจคนหนึ่งเลยก็ว่าได้

 

ถึงแม้พวกเขาจะได้รับการแจ้งเตือนมาแล้วว่า ‘จงอย่าประมือกับหลงเฉินเป็นอันขาด ปล่อยให้ภารกิจในการฆ่าหลงเฉินเป็นของหานเทียนหวู่เท่านั้น’ เบื้องบนต้องการให้ศึกการต่อสู้ระหว่างหานเทียนหวู่กับหลงเฉินเกิดขึ้น เพื่อที่จะทำให้ชื่อเสียงของหานเทียนหวู่ขจรขจายมากขึ้น

 

แต่ทว่า ด้วยท่าทีของบุคคลที่กำลังกดดันอยู่เบื้องหน้าในเวลานี้ ทำให้พวกเขาไม่อาจรีรอปล่อยให้ยืดเยื้อเช่นนั้นได้อีกต่อไปแล้ว หากคิดที่จะครอบครองสมบัติภายในถ้ำ ก็มีแต่ต้องฆ่าหลงเฉินเท่านั้น

 

“ศิษย์ของฝ่ายอธรรมรับคำสั่ง วางมือจากการแย่งชิงสมบัติ ถอยออกไป ปิดล้อมเส้นทางเอาไว้ วันนี้พวกเรามีแต่ต้องฆ่าคนแล้ว” สุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้นออกคำสั่ง

 

“ขอรับ”

 

เมื่อบรรดาศิษย์ฝ่ายอธรรมรับคำสั่งแล้ว ผู้อยู่เหนือขอบเขตที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งคนหนึ่ง ก็ได้นำพาพวกพ้องหลายสิบคน เข้าคุ้มกันทางเดินเส้นนี้เอาไว้ ปิดล้อมทุกเส้นทางการเข้าออก

 

เมื่อเห็นว่าศิษย์ของฝ่ายอธรรมเหล่านั้น ถึงกับปล่อยวางสิ่งที่อยู่ภายในโลงศพ ก็ทำให้ฝ่ายจ้าวหมิงซานเกิดความยินดีขึ้นมา แล้วหันไปสบตากับผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้หนึ่งที่อยู่ทางด้านหลัง

 

ผู้อยู่เหนือขอบเขตผู้นั้นมาจากหมู่ตึกเดียวกันกับจ้าวหมิงซาน เมื่อสบตาจ้าวหมิงซานแล้วก็เข้าใจความหมายของเขาได้ในทันที และได้เริ่มเตรียมการที่จะจัดการกับโลงศพหินนั้น

 

“หลงเฉิน ที่นี้เป็นสุสานเก่าแก่ เรื่องนี้เจ้าคงรู้อยู่แล้วสินะถึงได้เลือกที่ตายได้ถูกที่เช่นนี้ ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว เลือกตำแหน่งฝังศพของตัวเองได้หรือยังล่ะ” จ้าวหมิงซานยิ้มอย่างเย็นชาแล้วกล่าว

 

“ในสถานที่แห่งนี้แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นบริเวณพื้นที่ที่เต็มไปด้วยสมบัติ แต่ที่นีน่ะ เป็นข้าต่างหากที่เลือกให้แก่พวกเจ้า สถานที่แห่งนี้ฝังศพเอาไว้มากมาย แบ่งเป็นหลายชนชั้น ทั้งหลุมศพจักรพรรดิ หลุมศพข้าราชบริวาร และหลุมศพสุนัข แต่สำหรับพวกเจ้า แค่เพียงหลุมศพสุนัข ก็ยังถือว่าเลิศเลอมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ” หลงเฉินกล่าวโต้ตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

ยอดฝีมือทั้งสามคนมีสีหน้าเปลี่ยนไป วาจาของหลงเฉินผู้นี้ ร้ายกาจเกินไปแล้ว เพียงแค่อ้าปากเอ่ยวาจาก็แฝงเอาไว้ด้วยสภาวะการโจมตีได้ และแทบไม่ด้อยไปกว่าการโจมตีด้วยร่างกายเลย ที่สำคัญที่สุดก็คือสามารถทำให้ผู้คนรู้สึกเจ็บปวดใจอย่างมากได้เลยทีเดียว

 

“หลงเฉิน วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าต้องตายอย่างแน่นอน”

 

จ้าวหมิงซานตะโกนออกมาเสียงดัง เขาเป็นคนแรกที่ลงมือ ใช้ดาบยาวฟาดฟันไปในอากาศ สั่นคลอนสภาวะอากาศให้ปั่นป่วนอย่างหนัก ในขณะเดียวกันในบรรยากาศก็เต็มไปด้วยแรงกดดันอันมหาศาล จนก่อเกิดเป็นภาพมายาขึ้นมา

 

นี่ก็คือพลังฝีมือของผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศ เพียงแค่กระบวนท่าเดียว ทั้งยังไม่ได้แฝงด้วยเพลิงโทสะเลยแม้แต่น้อย แต่ทว่าก็อัดแน่นไปด้วยพลังที่แข็งแกร่ง น่าหวาดหวั่น

 

“ช่างมีความฝันที่ยิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน แต่เสียใจด้วยนะ ที่มันไม่อาจจะเป็นจริงขึ้นมาได้”

 

หลงเฉินส่งเสียงขึ้นมาอย่างเย็นชา ไหลเวียนพลังลมปราณภายในร่างอีกครั้ง เงื้อมทลายมารในมือพุ่งตรงเข้าประหัดประหารจ้าวหมิงซาน

 

“ตูม”

 

เกิดเสียงดังคล้ายระเบิดปะทุขึ้นมา ห้องเก็บโลงศพเกิดการสั่นไหวขึ้น จ้าวหมิงซานสัมผัสได้ถึงพลังขุมหนึ่งที่รุนแรงไหลเวียนเข้ามา จนเขาไม่อาจต้านทานได้ ต้องถอยหลังออกไปไกล

 

ภายใต้สภาวะพลังที่รุนแรง หลงเฉินที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น ถึงกับสามารถมีชัยเหนือจ้าวหมิงซานได้ขั้นหนึ่ง เพียงแค่ดาบเดียวที่สะบัดออกไปก็กดดันจ้าวหมิงซานจนถอยร่นไปได้ หลงเฉินเอง ในตอนนี้ก็ยิ่งเกิดความเข้าใจต่อพลังอันมหาศาลภายในร่างมากยิ่งขึ้น

 

คมดาบของทลายมารที่ตวัดออกไปในครั้งนี้ มีรูปแบบที่ประหลาดพิศดารต่างแตกไปจากเดิม และแฝงไว้ด้วยแรงสภาวะคุกคามหนักหน่วง จนจ้าวหมิงซานต้องถอยร่นไปไกล ความว่องไวของหลงเฉินที่เพิ่มมากขึ้น ยังทำให้สามารถหันคมดาบไปฟาดฟันเข้าใส่สุดยอดฝีมือฝ่ายธรรมะอีกคนได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย

 

ทว่าคนผู้นั้นเตรียมพร้อมรับมือเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เมื่อพบว่าทลายมารของหลงเฉินฟันเข้ามา ก็ขยับกระบี่ยาวในมือ เข้าต้านรับกับดาบนั้นทันที

 

ในชั่วเสี้ยววินาทีที่ทลายมารปะทะเข้าไป กระบี่ยาวก็แผ่รัศมีพลังที่กว้างขึ้นกว่าเดิมออกมา ในตอนนั้นหลงเฉินรู้สึกได้ถึงขุมพลังอันมหาศาลที่ประหลาดพิสดารสายหนึ่งจากกระบี่ยาวในมือของคู่ต่อสู้ ที่น่าตกใจก็คือพลังนั้นสามารถทำให้พลังอันมหาศาลของเขาสลายไปเกือบทั้งหมด

 

ยิ่งไปกว่านั้น กระบี่ยาวในมือของคนผู้นั้น คล้ายกับเป็นศิลาแม่เหล็กก็มิปาน กระบี่นั้นเสมือนมีแรงดึงดูดอย่างแรงดึงรั้งดาบของหลงเฉินเอาไว้

 

หลงเฉินคิดอย่างตื่นตระหนก ช่างเป็นวิชาทักษะที่ประหลาดยิ่งนัก วิธีการโจมตีเช่นนี้ เขาพึ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก ด้วยสถานะการณ์ที่คาดไม่ถึงเช่นนี้ ก็ทำให้หลงเฉินลอบแตกตื่นอยู่ในใจ

 

และเนื่องจากหลงเฉินสูญพลังอันมหาศาลไปอย่างรวดเร็ว จึงส่งผลกระทบต่อกระบวนท่าที่ออกไป ทำให้ร่างกายสูญเสียการทรงตัว และโอนเอนไปมา

 

คนทั้งสามที่อยู่ตรงหน้า ต่างก็เป็นสุดยอดฝีมือที่ผ่านศึกมานับร้อย เมื่อเห็นหลงเฉินกำลังจะพลาดท่าเสียที จึงเข้าจับยึดตัวเขาเอาไว้ในทันที

 

“ตายซะ”

 

สุดยอดฝีมือของฝ่ายอธรรมผู้นั้น จ้วงกระบี่ยาวในมือแทงเข้าไประหว่างเอวของหลงเฉินที่ถูกยึดร่างกายไว้ ไม่อาจหลบเลี่ยงได้

 

กระบี่ยาวของสุดยอดฝีมือของฝ่ายอธรรมผู้นั้น พิเศษยิ่งนัก มีความกว้างเท่าฝ่ามือ ยาวสี่ฉื่อ ดูไปแล้วให้ความรู้สึกถึงคสามดุดันเป็นอย่างยิ่ง

 

ใบกระบี่นั้นเป็นสีแดงคล้ำดูประหลาด ไม่ทราบว่าตีขึ้นมาจากวัสดุใดจึงสามารถแสดงพลังที่โหดร้ายได้มากเช่นนี้ แม้การโจมตียังไม่ทันจะมาถึงแต่กลับได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งรุนแรงออกมา จนทำให้ผู้คนโดยรอบรู้สึกเวียนศรีษะ ตาพร่ามัวขึ้นมา

 

ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ บนตัวกระบี่เล่มนั้นคล้ายกับแฝงเร้นไว้ด้วยความพยาบาทอยู่เหลือคณานับ อีกทั้งกระบวนท่าที่สุดยอดฝีมือของฝ่ายอธรรมผู้นั้นใช้ออกมา ก็ทำให้หลงเฉินรู้สึกคล้ายกับถูกอสูรพุ่งเข้าใส่ก็มิปาน

 

อาวุธเฉกเช่นนี้ ผู้คนฝ่ายธรรมะเรียกจนติดปากว่าเป็น อาวุธชั่วร้าย ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอดฝีมือฝ่ายอธรรม ใช้วิชาลึกลับและดำมืดสร้างขึ้น

 

ศิษย์ของฝ่ายอธรรมจำนวนมาก ต่างก็ใช้อาวุธชั่วร้ายนี้ ทว่าความแข็งแกร่งของอาวุธ กลับไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับวัสดุที่ใช้ทำอาวุธแต่อย่างใด ความแข็งแกร่งนั้น มาจากส่วนที่สำคัญที่สุด นั่นก็คืออักขระประหลาดที่ถูกสลักไว้ด้านบนของอาวุธ หากอาวุธนั้นทำให้คนผู้หนึ่งตาย อักขระเหล่านั้นก็จะดูดซับความเครียดแค้นที่มีอยู่ก่อนตายของคนผู้นั้นเอาไว้

 

ธรรมดาทั่วไปมนุษย์ก่อนที่จะถูกฆ่าตาย ในจิตใจก็ย่อมเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม ทั้งเปี่ยมไปด้วยโทสะ ความหวาดกลัว ความเคียดแค้นที่อัดอั้นเอาไว้อยู่อย่างมากมาย

 

อาวุธของฝ่ายอธรรมทั้งหมด รวบรวมสะสมเอาไว้ด้วยความรู้สึกที่มืดมนเหล่านั้น ดังนั้นหากยิ่งสังหารผู้คนมากขึ้น อาวุธก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น

 

สุดยอดฝีมือของฝ่ายอธรรมผู้นั้น อาวุธในมือของเขา ไม่ทราบว่าได้ฆ่าคนไปแล้วมากน้อยเท่าใด ในระหว่างที่ลงมือ ก็ปรากฏความเครียดแค้นที่แข็งแกร่งขุมนั้นออกมา ความเคียดแค้นนั้นสามารถทลายการป้องกันจิตใจของผู้อยู่เหนือขอบเขตปกติธรรมดาได้อย่างง่ายดาย

 

ถึงแม้จะมิได้เป็นคู่ต่อสู้ แต่เนื่องจากสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมผู้นั้นออกกระบี่ไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้แม้แต่จ้าวหมิงซานกับสุดยอดฝีมืออีกคนที่เพียงแต่อยู่ใกล้เคียงเท่านั้น ก็ยังเกิดความรู้สึกเจ็บปวดขึ้น ลึกล้ำลงไปถึงภายในจิตวิญญาณ

 

แม้แต่พวกเขาเองก็ยังได้รับผลกระทบที่รุนแรงได้ถึงเพียงนี้ หลงเฉินที่เป็นเป้าหมายของอาวุธเช่นนี้ ก็คงพอจะคาดเดาถึงผลกระทบได้แล้ว

 

จ้าวหมิงซานและยอดฝีมืออีกคน ต่างก็อกสั่นขวัญแขวน คนฝ่ายอธรรมผู้นี้ ช่างแข็งแกร่งเกินไปแล้ว พวกเขาไม่อาจที่จะประมาท หรือลดความระมัดระวังลงไปได้อีกแล้ว

 

บนกระบี่ชั่วร้ายเล่มนั้นสามารถโจมตีได้ถึงพลังจิตวิญญาณ หลงเฉินเองก็ตกใจยิ่งนัก ทว่าที่ทำให้เขาโล่งใจได้ก็คือ ถึงแม้ว่าจะไม่เคยร่ำเรียนทักษะวิชาเฉพาะของจิตวิญญาณมาก่อน แต่เขาที่ถือได้ว่ามีพลังแห่งจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด ดังนั้นแม้กระบี่นั้นจะมีพลังโจมตีจิตวิญญาณที่น่าหวาดหวั่น แต่ก็ไม่สามารถทำให้เกิดผลกระทบต่อเขาได้มากมายนัก

 

“เคร้ง”

 

ในตอนที่ดาบยาวในมือของหลงเฉินถูกดูดเอาไว้จนไม่อาจดึงกลับมาได้ พร้อมกันนั้นกระบี่ของยอดฝีมือฝ่ายอธรรมก็จ้วงแทงเขาไปที่เอวของเขา ทุกคนต่างก็คิดว่าหลงเฉินในเวลานั้นคงต้องถูกฆ่าตายแน่แล้ว แต่ทว่าในตอนนั้นเองมืออีกข้างหนึ่งของหลงเฉิน ก็ปรากฏก้อนอิฐสีดำก้อนหนึ่ง หลงเฉินใช้ก้อนอิฐนั้นวางขวางไว้ที่ตำแหน่งระหว่างเอว เพื่อต้านทานกระบี่ชั่วร้ายนั้นไว้

 

การโจมตีของสุดยอดฝีมือของฝ่ายอธรรมผู้นั้น ถือได้ว่าแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด ทันทีที่กระบี่ชั่วร้ายนั้นเข้าปะทะก็เกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และผลักให้ร่างกายของหลงเฉินถอยไปทางด้านหลัง จนสามารถหลุดออกจากแรงดึงดูดของยอดฝีมือฝ่ายธรรมะผู้นั้นไปได้

 

“เหอะเหอะ ก้อนอิฐนี้ ไม่เลวเลยจริงๆ แข็งจนเหลือเชื่อ”

 

หลงเฉินเอาก้อนอิฐเก็บไว้ ครั้งนี้ถือได้ว่าได้ลาภก้อนโตมาแล้ว ต่อให้หลังจากนี้ไม่ได้สมบัติอื่นใดมาอีกเลย แต่เพียงแค่ก้อนอิฐกองเท่าภูเขาที่อัดแน่นอยู่ภายในแหวนมิติ ก็สามารถทำให้หลงเฉินมั่งคั่งขึ้นมาได้แล้ว

 

กัวเหรินบอกเอาไว้ว่า ก้อนอิฐเหล่านี้สามารถนำไปหลอมให้มีความบริสุทธิ์เพิ่มขึ้นได้ และหลังจากที่หลอมมากกว่าหนึ่งร้อยครั้งแล้ว ความแข็งแกร่งก็จะยิ่งทวีคูณมากขึ้นนับสิบเท่า

 

ในสายตาของพวกเขา นี่เป็นวัตถุดิบที่ล้ำค่ายิ่งนัก เหตุใดผู้อื่นจึงคิดที่จะใช้มันเป็นเพียงแค่ก้อนอิฐธรรมดาไปเสียได้

 

น่าเสียดายที่ไม่ทราบว่ากลไลภายในทางเดินนั้นมีโครงสร้างเป็นเช่นไร ไม่เช่นนั้นแล้วหลงเฉินก็คงจะต้องถือโอกาสเข้าไปในห้องควบคุมกลไก แล้วเก็บกวาดเอาอาวุธออกมาให้หมด นั่นถือได้ว่าเป็นสมบัติในระดับเครื่องมือปราณเลยทีเดียว แค่เพียงวัสดุที่ใช้ ยังยอดเยี่ยมยิ่งกว่าทลายมารเสียอีก ไม่เช่นนั้น ก็คงจะไม่อาจทำให้ทลายมารเกิดรอยบิ่นขึ้นได้

 

จู่ๆความคิดเหล่านี้ก็ผุดขึ้นมาในสมองของหลงเฉิน และเมื่อเหลือบสายตามองบรรดาศิษย์ฝ่ายธรรมะคนอื่นๆในสุสาน ก็พบว่าพวกเขากำลังพยายามทุ่มเททุกวิถีทางเพื่อเปิดฝาโลงศพนั้นอยู่

 

ศิษย์ฝ่ายธรรมะหลายสิบคน กำลังใช้อาวุธหนัก ทำการทุบฝาโลงนั้นไม่หยุด และเป็นจริงตามคำกล่าวที่ว่า มีคนเยอะก็ถือเป็นพลังอย่างหนึ่ง

 

โลงศพนั้น ถูกผลักออกไปทางด้านหน้าได้ประมาณเจ็ดชุ่นแล้ว ในเวลานี้โครงสร้างของโลงศพทั้งหมดก็ได้ปรากฏออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน

 

ร่องที่มีลักษณะประหลาดที่ด้านบนของฝาโลง ประจวบติดกับคานบนเพดานพอดิบพอดี จึงทำให้ไม่สามารถพลิกโลงได้ จะมีก็แต่ต้องดันออกไปทางด้านหน้าเท่านั้น

 

ทว่าฝาครอบโลงศพนั้น ไม่ทราบว่าใช้หินศิลาชนิดใด ถึงได้มีความหนักดุจภูผาได้ถึงเพียงนี้ ศิษย์สายตรงหลายสิบคน อีกทั้งยังมีผู้อยู่เหนือขอบเขตอีกหลายคน ทำได้เพียงขยับฝาโลงนั้นออกไปทางด้านหน้าได้ทีละเล็กทีละน้อยเท่านั้น

 

เมื่อได้ดูจนถึงตรงนี้ หลงเฉินก็ได้แต่หัวเราะขึ้นในใจ เพราะศิษย์ที่ทำการเปิดฝาโลง ต่างก็เป็นศิษย์ของหมู่ตึก ส่วนคนที่ไม่ใช่ศิษย์หมู่ตึก ต่างก็ทำได้แต่เพียงมองดูอยู่รอบนอกเท่านั้น

 

ดูจากอาการทั้งร้อนรนทั้งกังวลและลังเลของพวกเขา ก็เห็นได้ชัดว่า พวกเขานั้นมีความคิดต่อต้านอยู่ในใจ ทราบว่าต่อให้มีสมบัติอยู่ แต่ก็เกรงว่าจะไร้ซึ่งวาสนาที่จะได้มา ด้วยกลุ่มหมู่ตึกพลิกสวรรค์มีคนมากกว่า หากพวกเขาต้องการก็คงมีแต่เพียงต้องใช้กำลังของคนหมู่มากเข้าแย่งชิงมา ซึ่งก็เห็นทางเป็นไปได้น้อยนัก

 

แต่ว่าหากต้องจากไปเช่นนี้ พวกเขาที่ต่างก็ไม่เต็มใจ พวกเขาที่ต่างก็ลังเล ถ้าหากสมบัตินั้นยอดเยี่ยมเทียมฟ้าแล้ว ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ก็ต้องลองเสี่ยงดู ว่าพอจะสามารถช่วงชิงโชคลาภมาได้ซักเล็กน้อยได้หรือไม่

 

หลงเฉินนั้น เพียงมองดูแค่ครั้งเดียวก็เห็นจิตใจของทุกผู้คนได้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว

 

“ซูม”

 

ทลายมารในมือของหลงเฉินขยับวูบ เงาดาบปกคลุมเต็มไปหมด ครั้งนี้เป็นหลงเฉินที่เป็นฝ่ายเปิดศึกกับคนทั้งสามขึ้นมาก่อน

 

เมื่อครู่นั้นเขาไม่ทันระวังตัว จึงทำให้พลาดท่าเสียทีไปครั้งใหญ่ ในตอนนี้เขาหมายที่จะทำการทดสอบดูว่า พลังที่แท้จริงของตนเองนั้นถึงขั้นใดกันแล้ว

 

หลงเฉินไหลเวียนพลังลมปราณตลอดทั่วทั้งร่างไหลเข้าสู่ทลายมาร ทำให้ทลายมารเปล่งแสงขึ้นมาทันทีคล้ายกับมีชีวิต ในเวลาเดียวกันพลังความแน่วแน่ที่น่าหวาดกลัวขุมหนึ่งก็ถูกแผ่ออกมาจากตัวของหลงเฉิน พลังนั้นราวกับพุ่งเข้าผนึกยอดฝีมือทั้งสามคนเอาไว้ทันที

 

“ดาบคลั่งสมุทรพิโรธ”

 

หลงเฉินตะโกนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำ ระเบิดพลังสภาวะขึ้นทั่วทั้งร่าง ดาบยาวกลายเป็นดุจดาบสมุทร อยู่ในระดับความเร็วที่สูงอย่างถึงที่สุด เพียงแค่พริบตาเดียวก็ได้โอบล้อมทั้งสามเอาไว้แล้ว

 

ในตอนนี้ยอดฝีมือทั้งสามคนทั้งแตกตื่นทั้งเดือดดาล และที่น่าตกใจที่สุดก็คือ วิชาดาบของหลงเฉินมีความแกร่งกล้าได้มากถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังแผ่พลังกินอาณาบริเวณที่กว้างอย่างไร้ที่เปรียบ

 

ที่น่าโมโหก็คือ หลงเฉินดูแคลนพวกเขาเกินไปแล้ว ถึงกับใช้ทักษะยุทธ์การโจมตีเป็นกลุ่มเพียงกระบวนท่าเดียว ในการต่อกรกับพวกเขา เช่นนี้ก็ช่างไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

 

ทักษะยุทธ์การโจมตีเป็นกลุ่ม น้อยนักที่จะพบเห็นว่านำมาใช้สำหรับการต่อสู้ตัวต่อตัว เพราะการโจมตีนั้นแผ่กระจายออกเป็นวงกว้าง ทั้งยังต้องสิ้นเปลืองพลังมากมาย ยิ่งเขาที่มีเพียงผู้เดียวต้องโจมตีออกมาโดยเสมือนอยู่เป็นกลุ่มก็ยิ่งต้องใช้พลังมหาศาล ภายใต้พลังการต่อสู้เช่นนี้ จึงถือได้ว่าเสียเปรียบเป็นอย่างยิ่ง

 

ทว่าการต่อสู้ในตอนนี้กลับไม่ใช่ตัวต่อตัวที่เป็นเพียงหนึ่งต่อหนึ่ง แต่เป็นหนึ่งต่อสาม หลงเฉินก็ยังคงใช้ทักษะยุทธ์โจมตีเป็นกลุ่มออกมา จนแทบจะสร้างความอับอายให้แก่พวกเขาได้เลยก็ว่าได้

 

“สามหาว”

 

“ตัวบัดซบ”

 

“ไปตายซะเถอะ”

 

ทั้งสามคนมีโทสะขึ้นมายกใหญ่ ต่างก็สบถด่าทอขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว อาวุธในมือเปล่งเป็นประกายขึ้น ร่างกายระเบิดพลังทำลายอันน่าหวาดกลัวออกมา มุ่งหน้าเข้าโจมตีหลงเฉิน

 

“ตูมตูมตูมตูม……”

 

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในบรรยากาศสั่นไหวอย่างรุนแรง จนทำให้ทั่วทั้งสุสานเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นมาไม่หยุด เพดานด้านบนเกิดรอยร้าวแตกลึกลงมาถึงผนังส่วนบนของสุสาน จนมีเศษดินทรายร่วงหล่นลงมาได้จำนวนมาก

 

ทุกผู้คนที่อยู่ในสุสานมีสีหน้าเปลี่ยนไป เมื่อพวกเขามองไปยังส่วนบนของห้องเก็บโลงศพเหล่านั้นในแววตาก็แสดงออกถึงความกังวลอย่างชัดเจน หากว่าสุสานเกิดยุบตัวลงขึ้นมา เกรงว่าทุกผู้คนคงต้องถูกทับจนตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้อย่างแนนอน

 

เงาร่างของยอดฝีมือทั้งสี่ ปะทะเข้าหากันอย่างบ้าคลั่ง คล้ายดั่งลมพายุคลั่งฝนฟ้าคะนอง คนอื่นๆทุกคน นอกเสียจากเหล่าคนที่กำลังเปิดโลงศพอยู่นั้น ต่างก็ได้ทอสีหน้าหวาดผวามองดูการต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้า !

.

.

ช่องทางการจัดจำหน่าย : https://novelrealm.com/detail.php?novel=22 <<< (ถึงตอนที่ 1059 แล้วครับ)

ฝากแฟนๆกดติดตามหรือกดLikeเพจเคล็ดกายานวดาราด้วยครับ >>> 9 ดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา
Status: Ongoing
เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset