เคล็ดกายานวดารา (Lc by Novel Kingdom) – ตอนที่ 348 ได้ผลึกปราณวายุมาอยู่ในมือ

 

“บึ้ม”

มือหานเทียนเฟิงทันใดนั้นก็ได้เปลี่ยนแปรรูปแบบไป พร้อมทั้งตะโกนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำ !

 

ยันต์ผนึกแผ่นนั้นลอยเข้าไปภายในปากของสัตว์ร้ายแห่งวายุ ทันใดนั้นก็ได้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งห้วงอากาศ

 

“ช่างเป็นพลังอันมหาศาลที่อันน่าหวาดกลัวยิ่งนัก”

 

หลงเฉินลอบแตกตื่นขึ้นมา เพียงแค่กระดาษใบเล็กๆเพียงใบเดียวเท่านั้น ยังสมารถกักเก็บพลังอันมหาศาลที่น่าหวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้ แทบจะทำลายล้างหุบเขาได้ทั้งแถบเลยทีเดียว

 

หลังจากที่เสียงระเบิดนั้นดังขึ้นมา สัตว์ร้ายแห่งวายุตนนั้นก็ได้ส่งเสียงคำรามดังกึงก้อง เป็นเสียงของสัตว์ที่กำลังบาดเจ็บ เสียงนั้นน่าหวาดกลัวยิ่งนัก และถึงกับทำให้ท้องนภาเกิดการสั่นไหวขึ้นมาได้

 

“มันได้รับบาดเจ็บแล้ว”

 

และหลงเฉินก็ได้พบว่า ปากของสัตว์ร้ายแห่งวายุตนนั้น มีโลหิตไหลรินออกมา ทว่าอาการบาดเจ็บนั้น ดูไปแล้วกลับไม่ได้ส่งผลถึงชีวิต

 

“ซูม”

 

การระเบิดของยันต์ผนึกนั้นทำให้พลังการโจมตีของสัตว์ร้ายแห่งวายุนั้นถูกลดทอนลง หานเทียนเฟิงที่พึ่งจะยั้งเท้าลงพื้นได้ ทันใดนั้นก็ได้วิ่งตะบึงออกห่างไปในทันที

 

ยันต์ผนึกหนึ่งใบ เทียบเท่ากับหินปราณหลายพันชิ้น ต่อให้เป็นหานเทียนเฟิงทีร่ำรวยมั่งคั่ง ก็ยังอดที่จะเกิดความเจ็บปวดใจขึ้นมาไม่ได้

 

ทว่าเมื่อพบว่ายันต์ผนึกที่แข็งแกร่งใบหนึ่ง เมื่อระเบิดอยู่ภายในปากของสัตว์ร้ายแห่งวายุ กลับยังไม่สามารถทำให้มันบาดเจ็บสาหัสได้ หานเทียนเฟิงจึงได้ตัดสินใจปล่อยวางผลึกปราณวายุทั้งหมด ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งตะบึงหลบหนีไปให้เร็วที่สุด

 

“ตู้ม”

 

ทันใดนั้นพื้นที่ขนาดใหญ่ก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง สัตว์ร้ายแห่งวายุตนใช้เท้าทั้งหกของมันยันพื้นและถีบตัวลอยสูงขึ้น คล้ายกับอสรพิษหกเท้าขนาดใหญ่ตนหนึ่งก็มิปาน พุ่งเข้าหาหานเทียนเฟิงอย่างรวดเร็ว

 

ร่างของสัตว์ร้ายแห่งวายุที่มีขนาดเท่ากับภูเขา แต่กลับมีความเร็วดุจสายฟ้าแลบ พุ่งเข้าไปด้านหน้าด้วยความรวดเร็ว ในเวลาเดียวกันนั้น มันก็ปล่อยกระสุนลมขนาดยักษ์ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึงหนึ่งจั้งออกมาจากปาก ลอยเข้าใส่กลางหลังของหานเทียนเฟิง

 

หานเทียนเฟิงรีบเบี่ยงตัวไปด้านข้าง เพื่อหลบเลี่ยงกระสุนลมสายนั้น ทำให้กระสุนลมนั้นลอยผ่านร่างของเขาไป

 

“ตู้ม”

 

ภูเขาที่อยู่ด้านหน้า ถูกกระสุนลมพุ่งชนจนทะลุไปในทันที ทั้งยังเกิดเสียงระเบิดจากที่ห่างไกลดังตามมาไม่หยุด พร้อมกันนั้นก็เห็นเป็นหมอกควันหนาแน่นลอยโขม่ง เสียงและควันนั้นเกิดจากกระสุนลมที่พุ่งชนหุบเขาหรือหน้าผาข้างหน้าที่อยู่ไกลออกไป ซึ่งก็ยังไม่ทราบว่าการโจมตีสายนี้ จะไปสิ้นสุด ณ ที่ใด

 

แต่ว่าเมื่อฟังจากเสียงระเบิดนั้น ด้วยพลังการโจมตีที่น่าหวาดกลัวเช่นนั้น คงจะสามารถทะลุทะลวงผ่านหุบเขาไปได้ไกลกว่าหลายร้อยลี้เลยทีเดียว ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าตื่นตกใจได้อย่างแท้จริงแล้ว ถ้าหากถูกการโจมตีเข้าไปเต็มๆ ก็คงจะกลายเป็นแค่ละอองโลหิตไปในพริบตาแล้ว แม้แต่กระดูกก็คงจะป่นปี้ไม่หลงเหลือแม้แต่เศษซากเลยก็ว่าได้

 

หานเทียนเฟิงที่วิ่งหนีเอาชีวิตรอดไปข้างหน้า ที่ด้านหลังก็มีสัตว์ร้ายแห่งวายุที่เกรี้ยวกราดคอยไล่ตามอย่างไม่ลดละ หนึ่งมนุษย์หนึ่งสัตว์มายา พริบตาเดียวก็หลุดออกจากช่องเขาไป หายลับจนไม่อาจมองเห็นได้ แต่กลับยังคงมีเสียงระเบิดดังขึ้นมาไม่หยุด ซึ่งนั่นก็คือการโจมตีของสัตว์ร้ายแห่งวายุที่เกรี้ยวกราดนั้นเอง ทั้งยังได้ยินเสียงของภูเขาทลายดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในเวลาเดียวกัน

 

“เฟิงน้อยของเรายอดไปเลย”

 

หลงเฉินก็อดไม่ได้ที่จะต้องลอบขมเชยขึ้นมา เขาไม่กล้าที่จะรั้งรออีกต่อไป รีบวิ่งตะบึงไปยังภูเขาลูกเล็กที่เกิดกองจากหินปราณวายุนั้นทันที

 

เมื่อวิ่งเข้าไปจนถึงด้านหน้า หลงเฉินจึงได้พบว่า กองหินนี้แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง หินทั่วทั้งกองคล้ายกับงอกขึ้นมาจากพื้นดิน ทำให้ภูเขานั้นมีลักษณะคล้ายกับหน่อไม้ก็มิปาน

 

ด้านบนของภูเขานั้น เกิดการ ‘งอกเงย’ ของหินปราณวายุออกมาจนถี่ยิบ จนสามารถใช้มือเปล่าในการแงะพวกมันออกมาได้อย่างง่ายดาย และหลุมหลายสิบหลุมที่ปรากฎให้เห็นนี้ ก็เกิดจากการที่จ้าวหมิงซานและพวกแกะเอาหินออกไปนั่นเอง

 

หลงเฉินที่วิ่งเข้ามา ไม่ได้ใส่ใจหินปราณวายุที่งอกเงยขึ้นมาจนดกนั่นแม้แต่น้อย เขาวิ่งตะบึงขึ้นไปยังยอดภูเขาลูกเล็กนั้นในทันที จนกระทั่งมาถึงยอดเขา ที่มีผลึกปราณวายุขนาดใหญ่อยู่

 

ในตอนนี้หลงเฉินเองก็ถูกพลังวายุที่แผ่ออกมาจากผลึกปราณวายุนั้น พัดจนอาภรณ์ปลิ้วไสวไม่หยุด จนเขาต้องใช้พลังทั้งหมดเข้าต้านทาน

 

ผลึกปราณวายุยักษ์นี้ มีความสูงที่สูงมากถึงเก้าฉื่อ คล้ายกับเป็นก้อนผลึกน้ำแข็งขนาดยักษ์ก้อนหนึ่ง ตั้งตะหงาดเสียบคาอยู่ด้านบนของภูเขาน้อยนั้น

 

“อึ้บ”

 

หลงเฉินโอบผลึกปราณวายุเอาไว้เต็มอ้อมแขน แล้วก็ได้ขยับไหล่ทั้งสองข้าง ไหลเวียนพลังทั้งหมดไปที่กล้ามเนื้อ เพื่อดึงเอาผลึกปราณวายุก้อนยักษ์นั้นออกมา

 

“ตู้มตู้มตู้ม”

 

แล้วหลงเฉินก็ได้พบว่า หินปราณวายุก้อนนี้คล้ายกับเป็นภูเขาขนาดเล็กก็มิปาน หลงเฉินได้แต่เสริมพลังขึ้นมาไม่หยุด แต่ก็ยังไม่อาจที่จะขยับเขยื้อนภูเขาน้อยลูกนี้ได้ จนทำให้หินปราณวายุร่วงหล่นลงจากภูเขาไปนับไม่ถ้วน แล้วถูกสายลมบ้าคลั่งพัดพาไป

 

“แย่แล้ว”

 

หลงเฉินมีสีหน้าเปลี่ยนไป เนื่องจากการเคลื่อนไหวของหลงเฉิน ทำให้หินปราณวายุที่อยู่บนภูเขาน้อยทั้งหมด ที่มีอยู่นับหมื่นก้อนร่วงหล่นลงไป พลิ้วลอยออกไปภายนอก

 

พื้นที่หุบเขาที่อยู่ด้านนอกช่องเขานั้น คล้ายดั่งเป็นเขาวงกต ทั้งยังทำให้หลงทางได้ง่าย หานเทียนเฟิงและสัตว์ร้ายแห่งวายุนั้นในขณะนี้ คงจะยังไปได้ไม่ไกลนัก ดังนั้นหากว่ามีหินปราณวายุลอยอยู่เต็มผืนฟ้าเช่นนี้ ย่อมต้องเป็นที่สังเกตเห็นของพวกเขาเข้าอย่างแน่นอน

 

สัตว์มายาโบราณที่เป็นถึงสัตว์มายาระดับที่ห้า แทบจะมีปัญญาเทียบเท่ากับมนุษย์ได้เลย มันจะต้องเข้าใจได้ว่า เกิดสิ่งใดขึ้นกับสถานที่แห่งนี้ได้แน่

 

“วงแหวนแห่งเทพ——ปรากฏ”

 

“กายาศึกกักวายุ——เบิก”

 

หลงเฉินจึงไม่รอช้า รีบตะโกนออกมาเสียงดัง วงแหวนแห่งเทพก็ได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง ภายในดวงตาทั้งคู่ก็ปรากฎเป็นดวงดารามากมายเคลื่อนไหวไปมา ระเบิดพลังทั่วทั้งร่างกายขึ้นมา

 

“กร๊อบ”

 

ผลึกปราณวายุขนาดยักษ์นั้น ในที่สุดก็ไม่อาจทานพลังอันมหาศาลที่ระเบิดออกมาอย่างบ้าคลั่งของหลงเฉินต่อไปได้ จึงได้หลุดออกจากภูเขาน้อยลูกนั้น

 

“สำเร็จแล้ว”

 

หลงเฉินดีใจยกใหญ่ หมายจะทำการเก็บผลึกปราณวายุก้อนนี้เข้าไปภายในแหวนมิติ แต่ว่าในขณะที่เขากระตุ้นพลังแห่งจิตวิญญาณขึ้นนั้น ผลึกปราณวายุกลับไม่สามารถเข้าไปภายในแหวนมิติได้ กลับกันยังแตกออกเป็นเสี่ยงๆไปอีก

 

“ไม่นะ เก็บใส่ในแหวนมิติไม่ได้อย่างนั้นหรือ ? ”

 

หลงเฉินตกใจยิ่งนัก โชคดีที่แหวนมิติวงที่เก็บอุปกรณ์ยุทธ์เอาไว้มากมาย ถูกหลงเฉินยัดสิ่งของเข้าไปจนเต็มไปตั้งแต่แรกแล้ว ไม่เช่นนั้น หากเก็บผลึกปราณนี้เข้าไปในแหวนวงนั้นก็คงจะเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่ขึ้นแล้ว

 

ทว่าเมื่อไม่อาจที่จะใส่เข้าไปภายในแหวนมิติได้ เช่นนั้นก็คงจะต้องจบสิ้นกันแล้ว เขาจะอย่างไรก็คงจะไม่อาจที่จะโอบอุ้มผลึกปราณวายุที่มีขนาดใหญ่ถึงเพียงนี้ไว้ แล้วตะลอนไปมาได้อยู่แล้ว

 

ถ้าหากเขาทำเช่นนั้นจริง ก็คงจะไม่ต่างอะไรไปจากแสงเดือนที่ส่องสว่างยามค่ำคืนแล้ว จะต้องถูกสัตว์ร้ายแห่งวายุไล่ล่า และต่อให้หลบหนีออกไปได้ เขาก็จะต้องตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนมากมายด้วย

 

“โบร๋วโบร๋ว”

 

ทันใดนั้นเสี่ยวเสว่ยที่อยู่ภายในช่องว่างแห่งจิตวิญญาณ ก็ได้ส่งเสียงขึ้นมา

 

หลงเฉินก็อดไม่ได้ที่จะยินดีขึ้นมายกใหญ่ จึงได้รีบทำการปล่อยเสี่ยวเสว่ยออกมาโดยเร็ว เสี่ยวเสว่ยตรงเข้างับหินปราณวายุก้อนนั้นเข้าไปในปากไปในทันที

 

“ทำได้ดีมาก เสี่ยวเสว่ย”

 

หลงเฉินไหลเวียนพลังแห่งจิตวิญญาณขึ้นมา จากนั้นก็จัดการเก็บเสี่ยวเสว่ยและผลึกปราณวายุก้อนนั้นเข้าไปภายในช่องว่างแห่งจิตวิญญาณพร้อมกัน

 

ผลึกปราณวายุก้อนนั้นหลังจากที่ได้ถูกเสี่ยวเสว่ยพาเข้าไปภายในช่องว่างแห่งจิตวิญญาณแล้ว เสี่ยวเสว่ยก็รีบทำการคายผลึกปราณวายุก้อนนั้นออกมาทันที ทว่าสิ่งที่เสี่ยวเสว่ยคายออกมานั้น กลับเปี่ยมไปด้วยเลือดและเศษเนื้อติดออกมาด้วย

 

ผลึกปราณวายุเดิมทีแล้วก็แฝงเอาไว้ด้วยพลังอันมหาศาลที่น่าหวาดกลัวเอาไว้ในตัวของมันเองอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าเสี่ยวเสว่ยจะไม่ได้จู่โจมเข้าใส่มันโดยตรง แต่ทว่าหากคิดที่จะพามันเข้ามาภายในช่องว่างแห่งจิตวิญญาณ ก็มีแต่จำเป็นที่จะต้องคาบไว้ในปากให้มิดชิดที่สุด และนี่ถือว่าเป็นวิธีที่อันตรายเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว

 

ถึงแม้จะทำสำเร็จแล้ว แต่ว่าสิ่งที่ถูกผนึกเอาไว้อยู่ภายในช่องว่างของผลึกปราณวายุ ที่คล้ายดั่งคมวายุ ก็ทำให้เสี่ยวเสว่ยได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

เมื่อหลงเฉินพบว่าเสี่ยวเสว่ยทำเพื่อเขา โดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ก็ยิ่งทำให้หลงเฉินเกิดความรู้สึกลำบากใจขึ้นมา ตัวเขาเองนั้นถือว่าได้ติดค้างเสี่ยวเสว่ยมากมายเป็นอย่างยิ่งแล้ว

 

ผลึกปราณวายุหลังจากที่ได้เข้าไปยังภายในช่องว่างแห่งจิตวิญญาณของหลงเฉิน ก็ยังคงปลดปล่อยอานุภาพการทำลายที่น่าหวาดกลัวออกมาไม่หยุด ทว่าภายในช่องว่างแห่งจิตวิญญาณนั้นไม่เหมือนช่องว่างภายในแหวนมิติ ภายในนั้นไม่ได้อยู่ในสภาพที่ทุกสรรพสิ่งหยุดนิ่งลง ถึงแม้ว่าภายในช่องว่างแห่งจิตวิญญาณจะมีเสียงลมกรรโชกดังสนั่น ทว่าก็ไม่ได้มีส่งผลคุกคามที่เป็นอันตรายแต่อย่างใด

 

หลงเฉินทำการป้อนยารักษาให้แก่เสี่ยวเสว่ย ถึงแม้บาดแผลของมันจะน่าตกใจ แต่แท้จริงแล้วกลับไม่ได้สาหัสมากนัก เพียงแต่ไม่อาจที่จะรีดเร่งพลังสร้างสภาวะสำหรับป้องกันตัวขึ้นมาได้ชั่วขณะเท่านั้น พักผ่อนเพียงแค่ชั่วครู่ก็สามารถหายเป็นปกติได้แล้ว

 

“อ๊าก”

 

ทันใดนั้นก็มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นมาจากจุดที่ห่างออกไป หลงเฉินแตกตื่นตกใจขึ้น เด็กน้อยผู้นั้น ตอนนี้รู้ตัวแล้ว และกำลังย้อนกลับมาอย่างเร่งรีบ

 

เพราะผลึกปราณวายุชิ้นนั้น หลังจากที่ได้ถูกกักเก็บเอาไว้อยู่ภายในช่องว่างแห่งจิตวิญญาณไปแล้ว โลกภายนอกที่สูญสิ้นพลังจากผลึกปราณวายุไปแล้ว ก็ทำให้ทั่วทั้งหุบเขาแทบจะตกอยู่ในความสงบเงียบไปเลยก็มิปาน

 

เดิมทีในเวลานี้เป็นเวลาอันสมควรที่หลงเฉินจะต้องจะหลบหนีไปแล้ว เพื่อให้ทันก่อนที่สัตว์ร้ายแห่งวายุจะย้อนกลับมา

 

แต่ทว่าในที่สุดหลงเฉินก็ไม่สามารถเอาชนะความโลภของตนเองได้ เขายกทลายมารในมือขึ้นสูง ฟาดฟันเข้าไปยังทางด้านของภูเขาขนาดเล็กอย่างรุนแรง

 

“โครม”

 

ภายใต้การสนับสนุนพลังจากวงแหวนแห่งเทพและกายาศึกกักวายุ ก็ทำให้พอที่จะสามารถทำลายล้างภูเขาขนาดเล็กนั้นได้ภายในดาบเดียว ทั้งทลายมารยังจมลึกลงสู่พื้นดินไปอีกสิบกว่าจั้ง

 

หลังจากนั้นเขาก็ยื่นมือเข้าไปกวาดเอาภูเขาขนาดเล็กที่แตกเป็นเสี่ยงๆเข้าไว้ภายในแหวนมิติ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้นับดูอย่างละเอียด แต่หลงเฉินก็คาดเดาว่า ทั้งหมดนี้จะต้องเป็นหินปราณวายุอย่างแน่นอน และอย่างน้อยก็มีไม่ต่ำกว่าร้อยหมื่นก้อนแน่นอน

 

“ซูม”

 

หลังจากทำการเก็บหินปราณวายุเหล่านั้นไปแล้ว หลงเฉินก็ได้ทำการกระตุ้นพลังขึ้นที่ใต้ฝ่าเท้า ทะยานมุ่งหน้าออกไปยังที่ห่างไกล

 

“ฮูม”

 

เพียงแค่พริบตาเดียวที่หลงเฉินได้หายลับไปจากหุบเขาลูกนี้ไป ก็มีร่างสูงใหญ่ขนาดเท่าภูเขาขนาดเล็กลูกหนึ่งปรากฏขึ้นมา เมื่อมันเห็นว่าผลึกปราณวายุหายวับไป สัตว์ร้ายแห่งวายุตนนั้นก็คล้ายดั่งบ้าคลั่งขึ้นมาก็มิปาน ปลดปล่อยเสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดขึ้นมาดังสนั่นหวั่นไหว

 

“ให้ตายเถอะ ถูกพบเข้าจนได้ ไม่สมควรที่จะละโมบมากเกินไปจริงๆ”

 

หลงเฉินที่กำลังจะไปถึงยังปากทางเข้าหุบเขา อีกเพียงแค่ระยะทางหนึ่งเท่านั้น ก็จะสามารถรอดพ้นจากสายตาของสัตว์ร้ายแห่งวายุตนนั้นไปได้แล้ว

 

ทว่ากลับยังถูกสัตว์ร้ายแห่งวายุตนนั้นพบเข้าจนได้ สัตว์ร้ายแห่งวายุนั้นคำรามขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราดอีกครั้ง แล้วก็ออกไล่ล่าหลงเฉินทันที

 

หลงเฉินรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาในทันที พร้อมกันนั้นก็ขยับเท้าขึ้นวูบ กระตุ้นท่าร่างภูตมืดสงัดขึ้น แล้วก็คล้ายดั่งกลายเป็นเพียงเงามายาสายหนึ่งขึ้นมาก็มิปาน ทำการพุ่งทะยานออกไป ดุจดั่งสายฟ้าแลบ

 

“ตู้ม”

 

การโจมตีสายหนึ่ง ก็ได้ไล่ต้อนตามติดมาจากทางด้านหลังของหลงเฉินมาติดๆ ทั้งยังถึงกับทะลุทะลวงหุบเขาที่อยู่ทางด้านหลังของเขาไปด้วย ด้วยพลังทำลายล้างมหาศาลอันน่าหวาดกลัว ก็ได้ทำให้หลงเฉินรู้สึกแตกตื่นตกใจจนหัวใจเต้นระรัว

 

สัตว์ร้ายแห่งวายุนั้นถือได้ว่ามีความเร็วที่สูงเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าหลงเฉินจะใช้ท่าร่างภูตมืดสงัดที่กระตุ้นขึ้นมาจนถึงระดับสูงสุด ก็ยังคงไม่อาจที่จะสลัดมันหลุดไปได้

 

แต่ที่ทำให้หลงเฉินแทบคลั่งใจตายก็คือ หุบเขานี้มีสภาพที่คล้ายดั่งเขาวงกต มีอยู่หลายพื้นที่ และแต่ละเส้นทางต่างก็เป็นเส้นทางตรง เมื่อถูกสัตว์ร้ายแห่งวายุตัวนั้นโจมตีเข้าใส่ ก็แทบจะหลบไม่พ้น มีอยู่หลายครั้งที่หลงเฉินเกือบจะถูกพลังโจมตีของสัตว์ร้ายแห่งวายุตนนั้น

 

“ให้ตายเถอะ สภาพแวดล้อมรอบข้างต่างก็ได้ถูกเด็กน้อยนี่เปลี่ยนสภาพไปหมดแล้ว จุดที่ทำเครื่องหมายเอาไว้แต่แรกก็หาไม่เจอแล้ว”

 

หลงเฉินพบว่า เมื่อสภาพเดิมของหุบเขาแห่งนี้ถูกสัตว์ร้ายแห่งวายุทำลายไป ก็อยู่ในสภาพที่เปลี่ยนแปลงไปมาก จนหลงเฉินไม่อาจเสาะหาจุดที่ทำเครื่องหมายเอาไว้ได้อีกแล้ว

 

ถึงอย่างนั้นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ หลงเฉินจึงทำได้แต่สะบัดหน้าวิ่งหน้าตั้งกันต่อไป ในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็ได้กระตุ้นพลังแห่งจิตวิญญาณออกมา แพ่งสมาธิ เพื่อเสาะหาร่องรอยที่ตนได้เคยทำเอาไว้

 

“เอ๊ะ เด็กน้อยหานเทียนเฟิงนั่น ยังไม่ได้หลบหนีไปไหน แต่ซ่อนตัวอยู่ตรงนี้นี่เอง”

 

พลังแห่งจิตวิญญาณของหลงเฉินแม้จะไม่ได้ค้นพบโอสถชักนำวิญญาณที่ตนเองฝังเอาไว้ ในทางกลับกันกลับพบหานเทียนเฟิงเสียแทน หานเทียนเฟิงในเวลานี้กำลังซ่อนตัวอยู่ในที่ลับตาภายในหุบเขาลูกหนึ่ง

 

เมื่อได้ลองนึกดูอย่างละเอียด หลงเฉินก็เข้าใจขึ้นมา หานเทียนเฟิงผู้นี้เจ้าเล่ห์เป็นอย่างยิ่ง จะต้องพบเจออะไรเข้าอย่างแน่นอน จึงได้เตรียมการทำการลอบขโมยผลึกปราณวายุกลับไปอีกครั้ง

 

ถึงแม้ผลึกปราณวายุก้อนนั้นจะตกอยู่ในมือของหลงเฉินไปแล้ว แต่ว่ายังมีอยู่อีกหลายพื้นที่ที่มีหินปราณวายุอยู่ แม้ว่าการโจมตีครั้งหลังสุดของหลงเฉิน จะทำลายภูเขาหินปราณวายุไปแล้ว แต่แน่นอนว่ายังต้องมีหินปราณวายุอยู่อีกมาก และที่หลงเฉินมีอยู่ติดตัวย่อมมีไม่ถึงหนึ่งในสิบอย่างแน่นอน

 

หานเทียนเฟิงผู้นี้เองก็หาใช่ว่าเป็นคนดีอะไร ก่อนหน้านี้ยังหาญกล้าคิดที่จะทำร้ายถังหว่านเอ๋อและเยี่ยจื่อชิว เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ขึ้น หลงเฉินก็คล้ายดั่งมีเพลิงโทสะถาโถมเข้ามา สตรีของข้าหลงเฉิน ไม่ใช่สตรีที่เจ้าสามารถหมายปองได้!

 

ถ้าหากเขาชักนำสัตว์ร้ายแห่งวายุตนนี้จากไป จนปล่อยให้หานเทียนเฟิงสามารถเก็บหินปราณวายุทั้งหมดไปได้ หลงเฉินคงจะต้องกระอักเลือดออกมาอย่างแน่นอน ไม่ได้ ยังไงก็ไม่อาจปล่อยให้เขากอบโกยผลประโยชน์นี้ไปได้

 

หานเทียนเฟิงในเวลานี้เองก็ได้ทอสีหน้าตื่นตระหนกขึ้น เมื่อได้คิดพิจารณาในช่วงระหว่างที่เขากำลังอำพรางตัวอยู่นี้ เขาก็รู้สึกได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นหาใช่เรื่องที่ปกติแล้ว

 

มีความเป็นไปได้อย่างยิ่ง ว่าจะต้องมีผู้ที่เป็นเฉกเช่นเดียวกับเขา เข้ามายังในหุบเขาเมฆหมอกแห่งนี้ เมื่อได้ลองนึกถึงร่องรอยที่พบเห็นจากก่อนหน้านี้ เขาก็พบว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเดือดดาลอย่างไร้ที่เปรียบ——เขาต้องมาตกอยู่ในสภาพที่คล้ายกับติดกับดักเข้า เช่นนี้ไปเสียได้

 

เขาอยากจะกลับไปดูว่าที่แท้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ทว่าเขาก็สามารถสัมผัสได้ว่าสัตว์ร้ายแห่งวายุนั้น กำลังอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างอะไรไปจากช้างตกมันเลยทีเดียว จนทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่จะปรากฏตัวออกไปเลยด้วยซ้ำ

 

ทว่าอย่างไรเสียเขาก็ถือเป็นบุคคลที่มีความหาญกล้าที่สูงล้ำ เพียงแต่ทำการหลบซ่อนอำพรางเพื่อเตรียมการ ดูว่าท้ายที่สุดแล้วจะเก็บเกี่ยวอันใดไปได้อีกหรือไม่

 

ต่อให้มิได้รับประโยชน์อันใดไป เขาก็ต้องการที่จะทราบให้ได้ว่า เป็นผู้ใดที่กำลังวางแผนร้ายต่อเขาอยู่ ไม่เช่นนั้นแล้วเขาก็คงจะรู้สึกไม่ต่างอะไรไปจากต้องตายทั้งเป็น

 

น่าเสียดายที่หานเทียนเฟิงกลับไม่อาจทราบว่า แม้แต่สถานที่ที่เขาใช้ไว้หลบซ่อนอำพรางตนเอง ก็ถูกหลงเฉินค้นพบแล้ว และหลงฉินก็ได้เริ่มเตรียมการไล่ต้อนเขาขึ้นมาอีกระลอกแล้ว

 

หลงเฉินที่วิ่งตะบึงมุ่งหน้ามาตลอดทาง ก็ทำการวัดมุมองศา แล้วทำการคำนวณโอกาสและทิศทางการโจมตีของสัตว์ร้ายแห่งวายุไปพร้อมกัน ทันใดนั้นก็ได้มีการโจมตีอันน่าหวาดกลัวสายหนึ่งพุ่งเข้ามาจากทางด้านหลัง

 

“เหอะเหอะ ในที่สุดก็มาถึงแล้ว”

 

หลงเฉินขยับร่างกายวูบ หลบการโจมตีสายนั้น พลังโจมตีนั้นพุ่งผ่านไปด้านข้างของหลงเฉินไป มุ่งตรงไปเบื้องหน้า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีลักษณะเป็นหุบเขาขนาดใหญ่ และภายในอีกด้านของหุบเขานั้น ประจวบเป็นจุดที่หานเทียนเฟิงซ่อนตัวอยู่นั่นเอง

 

 

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา
Status: Ongoing
เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset