เคล็ดกายานวดารา (Lc by Novel Kingdom) – ตอนที่ 354 จับกุมเจ้าได้แล้ว

 

นามของพงไพรแห่งความมืด ที่ปรากฏอยู่บนแผนที่แดนลับเป็นสถานที่ที่มีสัญลักษณ์สีแดงขีดไว้อยู่ หมายความว่านั่นคือพื้นที่ที่มีระดับความอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด

 

ทั่วบริเวณโดยรอบพงไพรมีอาณาบริเวณปกคลุมอยู่หลายร้อยหมื่นลี้ ภายในมีทั้งพฤกษชาติลี้ลับ ต้นไม้เก่าแก่สูงเสียดฟ้า ซึ่งถือได้ว่ามีความสูงเกือบร้อยลี้เลยทีเดียว จนบดบังแสงตะวันที่ฉายแสงอยู่บนท้องฟ้า ถึงแม้จะอยู่ใจกลางขอบเขตแดนลับนพเก้า แต่ก็หาได้มีดวงตะวันอยู่ไม่

 

ทว่าใจกลางพงไพรแห่งความมืดที่ถือได้ว่ามืดมิดเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเพิ่มเติมด้วยพฤกษชาติลี้ลับ ทั้งยังเป็นสถานที่ที่ซ่อนเร้นเอาไว้ด้วยสัตว์มายาหลายชนิดที่ไม่ทราบถึงที่มา และยังพร้อมจะคร่าชีวิตผู้คนได้ทุกเวลา

 

ท่ามกลางขอบเขตแดนลับนพเก้าเป็นหนึ่งในสถานที่ ที่ขึ้นชื่อว่าอันตรายเป็นอย่างยิ่ง ชื่อเสียงของมันโหดร้ายยิ่งกว่าหุบเขาเมฆหมอกเสียอีก

 

เพราะหุบเขาเมฆหมอกนั้น ขอแค่เพียงไม่เข้าไปยังส่วนที่เป็นเขาวงกตหมอก ก็จะไม่ถือว่าเป็นสถานที่ที่มีอันตรายแต่อย่างไร

 

แต่พงไพรแห่งความมืดกลับแตกต่างกัน จากที่มองแม้จะเป็นเหมือนกับพงไพรธรรมดาแห่งหนึ่ง หาได้มีอันตรายอะไรไม่

ท่ามกลางพงไพรที่ได้ซ่อนเร้นสัตว์ร้ายและแมลงพิษอยู่มากมายนับไม่ถ้วน เพียงยุงแค่ตัวเดียวก็สามารถที่จะสังหารยอดฝีมือระดับขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นได้แล้ว

 

สิ่งมีชีวิตเล็กๆที่มีอันตรายถึงชีวิตเหล่านี้ ต่างก็ซ่อนเร้นอยู่ในสถานที่ไม่อาจพบเห็นได้ และพร้อมที่จะพุ่งออกไปจู่โจมทุกเวลา โดยยังสามารถสังหารได้ภายในกระบวนท่าเดียวอีกด้วย

 

เมื่อเห็นว่ามีอันตรายอยู่ แม้แต่มนุษย์เองก็ยังต้องป้องกันเอาไว้ อันตรายเหล่านี้ยังไม่ถือว่าอันตราย แต่อันตรายที่ไม่อาจมองเห็นจึงถือว่าอันตรายที่สุด เพราะในยามที่รู้สึกตัวก็คงจะตายไปแล้ว

 

ทว่าพงไพรแห่งความมืดมีอาณาบริเวณที่กว้างใหญ่เป็นอย่างยิ่ง กล่าวกันว่าภายในนั้นได้มีสมบติโบราณอยู่นับไม่ถ้วน และโอสถยาล้ำค่าอีก รวมไปจนถึงตำนานที่มีการกล่าวไว้ว่าเคยมีผู้คนได้ครอบครองยาไม่แก่ไม่เฒ่ามาก่อน

 

หลังจากที่ได้กินยาไปแล้ว ถึงแม้จะไม่สามารถเติบโตได้ แต่ก็สามารถที่จะคงสภาพให้ไม่แก่ลงได้ ซึ่งจะเป็นอยู่เช่นนี้ไม่เปลี่ยนแปลง ถือได้ว่าเป็นดั่งสมบัติล้ำค่าที่อิสตรีนับไม่ถ้วนต่างก็ต้องการครอบครองกัน

 

เล่ากันว่ามีคนเคยได้สมบัติเทียบฟ้าที่สามารถพัฒนาเส้นรากปราณของมนุษย์ได้ ทั้งยังมีคนพบเห็นยาปราณงอกเงยอยู่ภายในพงไพรเต็มไปหมด ยังกล่าวกันอีกว่ามีคนได้พบกับหญ้าเซียน ที่เมื่อสูดดมเข้าไปแล้วจะสามารถผลัดกล้ามเนื้อเปลี่ยนกระดูกได้

 

คำเล่าขานแต่ละเรื่องก็มักจะกล่าวถึงสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆนาๆ แต่ไม่ว่าข่าวลือเหล่านั้นจะจริงหรือไม่ ความลี้ลับของมันก็ยังทำให้ผู้คนบางส่วนบ้าคลั่งขึ้นมาได้

 

สำนักใหญ่แต่ละแห่งต่างก็คิดที่จะใช้สถานที่แห่งนี้ ราวกับเป็นหนึ่งในแหล่งค้นหาสมบัติ ดังนั้นนอกเสียจากชื่อเสียงอันน่าสะพรึงกลัวของพงไพรแห่งความมืด ก็ยังคงมียอดฝีมือมากมายนับไม่ถ้วน ที่ยอมแลกชีวิตเพื่อเข้ามายังสถานที่แห่งนี้

 

หลงเฉินเพิ่งเข้ามาใกล้เส้นทางของพงไพรแห่งความมืด ก็ได้พบเจอกับคนสามคนเข้า หนึ่งในนั้น กำลังขวางเส้นทางของคนสองคนอยู่ พร้อมทั้งทอสีหน้าเย็นชา

 

“ข้าจะขอเตือนอีกรอบ ส่งมอบแหวนมิติของพวกเจ้ามา จากนั้นก็ไสหัวไปซะ”

 

เมื่อหลงเฉินได้เห็นคนผู้นั้น ดวงตาทั้งสองข้างก็ได้เขียวคล้ำขึ้นมา เพราะเขาจดจำขึ้นมาได้แล้วว่า คนผู้นี้แท้จริงแล้วก็คือเจียงอี้ฝ่านนั้นเอง

 

ครั้งที่แล้วหลงเฉินถูกหยินหลอไล่ล่า จนได้รับบาดเจ็บหนัก ตัวบัดซบผู้นี้กลับคิดที่จะถือโอกาสผสมโรงเข้ามา จนเกือบที่จะทำให้ตนเองแทบจะเอาชีวิตไม่รอด ถ้าหากมิใช่สตรีลึกลับผู้นั้นลงมือ เกรงว่าคงจะต้องตายไปภายใต้เงื้อมมือของเขาแล้ว

 

ผู้ที่กำลังเผชิญหน้ากับเจียงอี้ฝ่านในเวลานี้ เป็นเพียงแค่ศิษย์สายตรงธรรมดาสองคน ส่วนเครื่องหมายบนอาภรณ์หลงเฉินหาได้เคยพบเห็นไม่ คาดว่าคงจะเป็นเหล่าพรรคเล็กสำนักน้อยที่ไม่ได้อยู่ในสายตา

 

ทั้งสองคนนั้นได้ถูกพลังสภาวะอันแข็งแกร่งของเจียงอี้ฝ่านกดดันไว้จนแตกตื่นและเดือดดาน

 

“เป็นฝ่ายธรรมะเช่นเดียวกัน อีกทั้งเจ้ายังเป็นถึงสุดยอดฝีมือที่แข็งแกร่งผู้หนึ่ง เหตุใดถึงต้องมาทำให้ศิษย์อย่างพวกเราลำบากใจไปด้วย เจ้าไม่เกรงกลัวที่จะได้รับโทษทัณฑ์หรืออย่างไรกัน ? ”

 

“เจ้ากล่าวเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นการเตือนสติข้าเลยทีเดียว เช่นนั้นก็ช่างเพื่อชื่อเสียงของข้าคงได้แต่ให้พวกเจ้าเสียสละกันแล้ว”

 

ทันใดนั้นเจียงอี้ฝ่านก็ส่งเสียงขึ้นมาอย่างเย็นชา พร้อมทั้งปลดปล่อยพลังอันแข็งแกร่งออกมา ฟาดฝ่ามือเข้าไปยังด้านของทั้งสองคน

 

ทั้งสองคนนั้นเป็นเพียงแค่ศิษย์สายตรงธรรมดา เมื่อต้องมาอยู่เบื้องหน้าของเจียงอี้ฝ่านที่เพิ่งจะลงมือด้วยพลังฝ่ามือ ก็ปิดเส้นทางทุกทิศเอาไว้ได้ ทันทีที่พวกเขารู้สึกตัวก็ไม่อาจที่จะขยับเคลื่อนไหวได้อีกแล้ว ทำได้แต่เพียงมองดูฝ่ามือของเจียงอี้ฝ่านเข้ามาบดขยี้พวกเขาจนกลายเป็นก้อนเนื้อแหลกเหลว

 

“ตัวบัดซบ เจ้าจะต้องไม่ได้ตายดีอย่างแน่นอน”

การที่ทั้งสองคนต้องมาเผชิญหน้ากับพลังอันมหาศาล ย่อมต้องเกิดความผิดหวังขึ้นมาอย่างแน่นอน หนึ่งในนั้นได้กระตุ้นพลังทั่วทั้งร่างกายขึ้นมาจนหมด เพื่อเปล่งเสียงคร่ำครวญออกมา

 

บนใบหน้าเจียงอี้ฝ่านก็ได้ปรากฏความเย้ยหยันในความเย็นชา จากนั้นก็ได้ฟาดฝ่ามือลงพื้นไปอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย กับศิษย์สำนักเช่นนี้ต่อให้ฆ่าไปก็หาได้กังวลไม่

 

ตลอดเส้นทางมานี้เขาได้สังหารศิษย์เช่นนี้ไปแล้วหลายสิบคน เขาพบว่าแม้ว่าจะเป็นเพียงศิษย์สายตรงธรรมดา แต่ก็ถือได้ว่ามีสมบัติล้ำค่ากันอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว สิ่งที่อยู่ภายในแหวนมิติ ทำให้เขาตกใจระคนดีใจอยู่ไม่น้อย ดังนั้นวิธีการเช่นนี้จึงทำให้เขาติดใจไม่น้อย

 

“ความหวังของพวกเจ้าถือว่าบรรลุผลแล้ว”

 

“เพียะ”

 

อิฐก้อนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ในสายตาก็ได้ลอยผ่านกลางอากาศเข้ามา ทั้งยังลอยมาด้วยความเร็วสูงฟาดเข้าไปที่ใบหน้าของเจียงอี้ฝ่านอย่างแรง

 

“พรวด”

 

เจียงอี้ฝ่านคิดไม่ถึงว่าในเวลานี้จะมีคนลอบทำร้ายเขา อีกทั้งอิฐก้อนนั้นยังเข้ากระแทกในจุดตายของเขา ลอยเข้ามาอย่างไม่ให้สุ่มให้เสียงจนไม่อาจจะระวังและป้องกันได้เลลย

 

อิฐก้อนนั้นฟาดเข้าไปประทับรอยอยู่บนใบหน้าของเขา จนกระอักโลหิตออกมาคำโตพร้อมกับฟันที่กระจายออกมาเต็มไปหมด

 

ศิษย์ทั้งสองคนนั้นทีเกือบจะตายไปแล้ว ทันใดนั้นก็ได้เห็นเงาคนลอยพุ่งเข้ามาดุจสายฟ้าแลบ คว้าไปจับก้อนอิฐที่ลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ จากนั้นก็พุ่งเข้าไปยังใบหน้าของเจียงอี้ฝานแล้วฟาดไปอีกหนึ่งที

 

“พรวด”

 

เดิมทีเจียงอี้ฝ่านถือได้ว่าเป็นคนที่มีปฏิกิริยาที่รวดเร็ว ทว่าทันทีที่หันกายกลับไปมอง กลับเห็นคล้ายว่าเป็นแมลงปอที่กำลังลอยคว้างอยู่กลางอากาศ รู้สึกตัวอีกทีก็ได้กระอักโลหิตออกมาอีกคำหนึ่งแล้ว

 

เขาหันกายไปด้วยความเร็วสูง คล้ายกับดอกไม้ไฟแดงฉานที่ถูกปล่อยออก แฝงเอาไว้ด้วยความงดงามน่าพิศวง

 

“หลงเฉิน……”

 

ถึงกับสามารถพลิกตัวกลางอากาศได้ เจียงอี้ฝ่านถือได้ว่าเป็นสุดยอดฝีมือที่แท้จริงคนหนึ่งเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าในหมู่ของสุดยอดฝีมือจะเป็นจำพวกอันดับรั้งท้าย แต่ก็ยังคงแข็งแกร่งกว่าผู้อยู่เหนือขอบเขตปกติธรรมดาอยู่อย่างมากมาย เขาก็จำหลงเฉินขึ้นมาได้

 

“นามข้าหลงเฉินเจ้ายังเรียกไม่ถูกเลยหรือไง ? ”

 

“ผัวะผัวะผัวะผัวะผัวะ”

 

หลงเฉินร่ายรำกระบวนท่าโดยใช้อิฐกระแทกเข้าไปอย่างดุดัน เพื่อมิให้เจ้าหนูผู้นี้ตอบโต้ได้ และหลงเฉินก็ทำให้แขนของเด็กน้อยผู้นี้แหลกเละจนไม่เหลือชิ้นดี

 

กล่าวได้ว่าก้อนอิฐเหล่านี้ถือว่าใช้ได้ดีเลยทีเดียว แทบจะมีชีวิตดุจมือเท้าได้เลย เหมาะที่จะเข้าต่อสู้ระยะประชิดเป็นอย่างยิ่ง ทัง้ยังทำให้ผู้คนไม่อาจที่จะต้านทานได้สำเร็จ

 

“กร๊อบกร๊อบ……”

 

เสียงของกระดูกหักดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ในยามที่หลงเฉินอยู่ในขั้นขอบเขตก่อโลหิต ก็สามารถที่จะล้มเจียงอี้ฝ่ายได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว

 

ครั้งนี้เมื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นแล้ว การจะฆ่าเขาจึงถือเป็นเรื่องที่แทบจะไม่ต้องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงเลยก็ว่าได้ ทว่าหากสังหารเขาเช่นนี้คงจะทำให้เขาสบายเกินไปแล้ว ยังไงก็ต้องขอเด็ดแขนหักขาก่อน แล้วค่อยๆพิจารณาว่าจะจัดการกับคนเช่นนี่อย่างไร

 

ภายใต้การโจมตีของหลงเฉิน เจียงอี้ฝ่านที่อยู่ในสภาพจนตรอก และทั้งสองคนที่เพิ่งจะรอดพ้นจากความตายมา ก็แตกตื่นตกใจจนไม่กล้าแม้แต่จะขยับเขยื้อนเลยด้วยซ้ำ

 

นับตั้งแต่หลงเฉินเริ่มโจมตี ร่างกายของเจียงอี้ฝ่านก็ลอยคว้างอยู่ท่ามกลางอากาศมาโดยตลอด

 

คงจะมีการเปลี่ยนแปลงเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือปฏิกิริยาในการหันตัวกลับมาของเจียงอี้ฝ่านนั้นเอง หลงเฉินฟาดก้อนอิฐเข้าไปครั้งแล้วครั้งเล่า จนทั้งสองคนรู้สึกงุนงงกันขึ้นมา

 

“เหว่ยเหว่ย พวกเจ้ายังไม่รีบไปกันอีกงั้นหรือ ? อีกเดี๋ยวจะเป็นภาพบาดตาแล้วนะ คงไม่เหมาะที่จะให้พวกเจ้ามองหรอก” เมื่อเสียงของหลงเฉินดังขึ้นมา ทั้งสองคนนั้นจึงค่อยได้มีสติกลับคืนมา

 

ทั้งสองคนสูดลมหายใจเข้าครั้งหนึ่ง แล้วจึงหันไปคารวะทางด้านหลงเฉิน “บุญคุณที่นายท่านได้ช่วยชีวิต พวกเราสองคนจะขอจดจำไม่รู้ลืม”

 

“บุญคุณไม่บุญคุณอะไรกัน พวกเจ้ารีบไปกันเถอะ” หลงเฉินก็ได้กล่าวย้ำอีกครั้ง

 

ทั้งสองคนก็ได้สบตามองกัน แล้วก็หันไปคารวะต่อหลงเฉินอีกครั้ง จากนั้นจึงค่อยได้วิ่งตะบึงลอยออกไป ทว่าภายในแววตาทั้งคู่ของทั้งสองคน กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื้นตัน ทั้งยังจดจำชื่อของหลงเฉิน ตราตรึงเอาไว้ภายในจิตใจ

 

“อาอา……”

 

เจียงอี้ฝ่านที่ถูกหลงเฉินตบจนเลือดกลบปากสะบักสะบอมกรีดร้องออกมาไม่หยุด ภายในจิตใจของเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว

 

หลงเฉินที่เพิ่งจะขยับก็ได้ทำการหักกระดูกเส้นเอ็นของเขาไปแล้ว ไม่ทราบว่าหลงเฉินใช้พลังฝีมือเยี่ยงไร ถึงได้ทำการหักกระดูกเส้นเอ็นของเขาไปจนหมดสิ้น จนทำให้แม้แต่ความรู้สึกเจ็บปวด เขาก็ยังไม่อาจรู้สึกได้เลยด้วยซ้ำ

 

“อา ให้ตายเถอะ อา มารดาเจ้าเถอะ เจ้าร้ายกาจนักหรือไง ถึงกล้าฉวยโอกาสตอนข้าได้รับบาดเจ็บเกือบที่จะทำให้ข้าทิ้งชีวิตไปเลยด้วยซ้ำ ครั้งนี้ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ว่า อันใดที่เรียกกันว่าท่านปู่หลงเฉิน มีดวงตาสามดวง”

 

เมื่อหลงเฉินนึกถึงช่วงที่ตนเองเกือบจะต้องตายภายใต้เงื้อมมือของเจ้าตัวโง่งมผู้นี้ ก็อดไม่ได้ที่จะเกิดเพลิงโทสะขึ้นมา หากว่าต้องตายอยู่ภายใต้เงื้อมมือยอดฝีมือก็ยังแล้วไป แต่กลับต้องมาตายอยู่ภายใต้เงื้อมมือของตัวโง่งมผู้หนึ่ง ช่างถือเป็นเรื่องหยามเกียรติกันมากเกินไปแล้ว

 

อิฐในมือของหลงเฉินได้สะบัดซ้ายทีขวาที ทำการกวาดวาดระบำไปมาไม่หยุด ร่างกายของเจียงอี้ฝ่าน คล้ายกับลอยคว้างไปมาดุจลูกข่างท่ามกลางอากาศ

 

คล้ายกับนักกายกรรมมืออาชีพ ที่ลอยล่องโบกสะบัดท่ามกลางอากาศ หากไม่มีคราบเลือดลอยอยู่ทั่วท้องฟ้า หรือเสียงกรีดร้องดุจผีสางคร่ำครวญ ก็คงจะเป็นที่น่าดูยิ่งกว่านี้อยู่บ้างแล้ว

 

ถึงแม้หลงเฉินแทบจะอยากจะใช้ก้อนอิฐในมือทุบเขาให้แหลกเละจนกลายเป็นเพียงก้อนโลหิต แต่เขาก็คิดว่าหากว่าทำเช่นนี้ก็คงทำให้เขาสบายมากจนเกินไปแล้ว

 

ดูไปแล้วหลงเฉินจะมีพลังที่มากมายมหาศาลเป็นอย่างยิ่ง ด้วยพลังอันมหาศาลของอิฐทุกก้อน รวมเข้ากับวิชาที่ละเอียดอ่อนของเพลงฝ่ามือ ก็ได้ทุบฟาดเข้าไปที่เจียงอี้ฝ่านอย่างบ้าคลั่งจนแทบสิ้นสติ แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่คิดว่าจะมีชีวิตรอดไปได้เลยด้วยซ้ำ

 

ในขณะที่ลอยคว้างอยู่ ก็ยังมีเสียงโอดครวญดังขึ้นมาจากภายในลำคออย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเมื่อผ่านไปได้หนึ่งชั่วยามก็ได้เลือนรางหายไป ทั่วทั้งผืนฟ้าผืนดินก็ได้กลับคืนสู่สภาวะสงบ

 

นี่หาใช่เป็นเพราะหลงเฉินเกิดความเหน็ดเหนื่อย หรือเป็นเพราะเจียงอี้ฝ่านร่ำร้อง หรือสลบไสลไป ทั่วร่างของเจียงอี้ฝ่านในขณะนี้เต็มไปด้วยคราบโลหิต หาได้อยู่ในสภาพของมนุษย์เฉกเช่นเดิมไม่

 

ร่างกายที่เผยออกมาให้เห็นถึงภายในกระดูก ไม่ทราบว่าถูกแยกหักจนกลายเป็นกี่ชิ้นต่อกี่ชิ้นแล้ว หลงเฉินที่เป็นถึงผู้กระจ่างแจ้งวิถีโอสถ ทุกส่วนในร่างกายของมนุษย์ ย่อมต้องมีความเข้าใจยิ่งกว่าเข้าใจแล้ว

 

เมื่อทราบว่าตัวบัดซบผู้นี้สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดได้อย่างแท้จริง พร้อมกับร่างกายของเขาที่ไม่อาจที่จะทนรับเอาไว้ได้อีกต่อไป จึงได้สลบไปถือได้ว่าเป็นดั่งกลไกการป้องกันตัวชนิดหนึ่ง เพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นในระหว่างที่เขายังมีชีวิตอยู่นั้นเอง

 

“เจ้าโง่ ช่างกระดูกแข็งจังเลยนะ คนอย่างเจ้าแม้แต่เข็มหนอนกระดูกสามเล่มก็ยังทนทานรับไว้ได้”

 

หลงเฉินส่งเสียงขึ้นมาอย่างเย็นชา เจียงอี้ฝ่านที่หมุนคว้างราวกับลูกข่างมาโดยตลอด ก็ได้อดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ ถือได้ว่าเป็นความสามารถที่แม้แต่ศิษย์โดยทั่วไปก็ไม่อาจที่จะกระทำกัน จะมีก็แต่เพียงแค่พวกสวะเท่านั้น

 

จากนั้นจึงได้ล้วงเอาถังน้ำออกมาจากภายในแหวนมิติ ทำการบีบยาโอสถใส่ผสมลงไปภายในน้ำ น้ำนั้นก็ได้กลายเป็นสีดำไปในทันที ทั้งยังเป็นสีที่ดำทมิฬดุจหมึก แล้วก็ทำการสาดเทราดน้ำที่อยู่ภายในถังของเจียงอี้ฝ่าน

 

“อา……”

 

เสียงกรีดร้องอันเจ็บปวดก็ได้ดังขึ้นมาอย่างไพเราะ จากนั้นก็เกิดเดือดพล่านขึ้นมาเมื่อกระทบเข้ากับอากาศ ทำให้ผู้คนต่างก็ต้องเกิดอาการขนลุกขนพองขึ้น

 

“ผัวะ”

 

ก้อนอิฐก้อนหนึ่งได้ฟาดเข้าไปบนใบหน้าเจียงอี้ฝ่าน ด้วยพลังลมปราณของหลงเฉิน ก็ได้ทำการกุมเข้าไปที่ลำคอของเจียงอี้ฝ่าน จนถึงขั้นที่แม้จะเปล่งเสียงก็ยังทำได้ยากแม้กระทั่งหลงเฉินเองก็ยังทนทานรับไม่ได้

 

วินาทีนั้นเจียงอี้ฝ่านก็กลายเป็นใบ้ขึ้นมา แสดงความเจ็บปวดผ่านทางดวงตาเข้าเสียแทน แม้จะอ้าปากขึ้น ก็ยังหาได้สามารถที่จะเปล่งเสียงออกมาได้ไม่

 

“วางใจเถอะ ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าตายไปเช่นนี้แน่ ยารักษาอาการบาดเจ็บเหล่านั้น คงจะทำให้เจ็บเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นแหล่ะ”

 

หลงเฉินหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา จากนั้นก็แบกเจียงอี้ฝ่านวิ่งตะบึงออกไปทางด้านหน้า ดูว่าพอจะสามารถเสาะหาสถานที่ที่เหมาะกับการจัดการเขาได้หรือไม่

 

ทันใดนั้นเองหลงเฉินก็พบว่าในที่ห่างไกลได้มีหลุมอยู่แห่งหนึ่งบนพื้นดิน ที่มีความลึกที่เป็นเส้นตรง เรียกได้ว่าลึกกว่าร้อยจั้งเลยก็ว่าได้ กล่าวกันตามตรงก็แทบจะไม่ต่างอะไรไปจากบ่อน้ำแห่งหนึ่ง ถูกสร้างขึ้นมาจากหินศิลาทั้งสิ้น ถือได้ว่ามีความหนาเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว

 

หลงเฉินไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้ถอดแหวนมิติของเจียงอี้ฝ่านออกมา เดิมทียังคิดที่จะเอาแม้กระทั่งอาภรณ์ที่เขาสวมใส่อยู่ ทว่าเมื่อดูไปแล้วบนร่างของเขาส่วนมากก็หาได้สวมใส่เอาไว้ด้วยอาภรณ์มากมายนัก จึงได้แต่ปล่อยไปเช่นนี้ ทิ้งเอาไว้แต่เพียงรองเท้าคู่หนึ่ง แล้วก็ให้เขากลืนยาโอสถเข้าไปเม็ดหนึ่ง จากนั้นก็โยนลงไปในบ่อ

 

“เจ้าหนูลงไปอยู่ในบ่อก่อนนะ รอข้าด้วยละถ้าหากยังอยากที่จะมีชีวิตอยู่ ก็จงอย่าได้อ้าปากเชียว ไม่เช่นนั้นหากเกิดผลกระทบต่อเส้นประสาทจากการเปล่งเสียงออกมา ก็คงจะต้องกลายเป็นซากศพไป”

 

หลงเฉินกล่าวจบ ก็ได้พบเห็นหินศิลาขนาดมหึมาที่มีความสูงถึงสิบกว่าจั้งก้อนหนึ่งในที่ห่างไกลออกไป เมื่อลองพิจารณาดูก็ได้ร้องว่าเด็กน้อยช่างหนักเหลือเกิน

 

หลงเฉินโอบเข้าไปที่หินศิลาก้อนมหึมาก้อนนั้น จากนั้นก็นำไปปิดที่ปากบ่อน้ำ หลังจากที่กระทำทั้งหมดจนเสร็จสิ้น ก็ได้ทำการตรวจทานดูอีกรอบหนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีรอยรั่วจึงค่อยวางใจลง คงจะต้องปล่อยเขาไปก่อน หลังจากนี้หากยังพอมีเวลาค่อยกลับมาสะสางเขาอีกรอบ ถ้าหากไม่มีเวลา ก็คงต้องปล่อยให้เขาตายอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้แล้ว

 

เมื่อหลงเฉินทำการจัดแจงตนเองอยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่หมายจะจากไปทันใดนั้นหลงเฉินก็รู้สึกได้ว่ากำลังถูกคนจับตาดูอยู่ จึงหันกลับไปดู ก็อดไม่ได้ที่จะตะลึงขึ้นมา นี้มันก็ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเกินไปแล้วกระมัง ?

 

 

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา
Status: Ongoing
เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset