เคล็ดกายานวดารา (Lc by Novel Kingdom) – ตอนที่ 368 ดาบเงามายา

 

หลงเฉินใช้ทลายมารในมือ ชี้หน้ายินหวูซวง แล้วกล่าวอย่างไร้เยื่อใย

 

“เจ้าวางแผนทำร้ายข้า แน่นอนว่าข้าย่อมโกรธ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลเพียงพอที่จะทำให้ข้าฆ่าคนได้ แต่เจ้าจะทำร้ายฉู่เหยา ก็เหมือนเจ้าเตะต่อมโทสะของข้า ผู้ใดกล้าแตะต้องนาง ข้าจะไม่ไว้หน้าทั้งนั้น”

 

เสียงของหลงเฉินก้องกังวานในหุบเขา เขากล่าวคำปฏิญาณต่อฟ้าดิน รังสีสังหารที่รุนแรงและน่าหวาดกลัว ถูกแผ่กระจายออกมา เขย่าขวัญไปทั่วทั้งสามภพ ทั้งมนุษย์ เทพ และวิญญาณ ล้วนต้องหวาดหวั่น

 

ฉู่เหยามองไปยังแผ่นหลังของหลงเฉิน ดวงตาคู่งามชุ่มไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง นางรู้สึกราวกับว่าได้กลับไปในเวลาที่ยังอยู่ที่เมืองหลวงของจักรวรรดิอีกครั้ง เขาปกป้องนางโดยไม่คำนึงถึงอันตรายใดๆ และบัดนี้ภาพนั้นก็ยังคงปรากฎอยู่เบื้องหน้า

 

ขณะนี้หลงเฉินแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทว่าเขาก็ยังปกป้องฉู่เหยาด้วยใจอย่างมั่นคงมาตลอด และเมื่อเวลายิ่งเปลี่ยนแปลงไป สิ่งนี้ก็ยิ่งมากขึ้นตามกาลเวลา

 

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

 

บนใบหน้าของยินหวูซวงปรากฏรอยยิ้มเย็นยะเยือก นางแสดงสีหน้าดูถูกเหยียดยาม ดวงตาฉายแววเย้ยหยั่น กล่าวขึ้นอย่างไร้เยื่อใย

 

“เจ้าโกรธงั้นหรือ? ข้าอยากหัวเราะให้ฟันร่วง เลิกเอ่ยวาจาน่าขันเสียที ตัวเจ้าน่ะ นับเป็นอะไรได้?

 

ข้ายินหวูซวงเกิดในตระกูลเก่าแก่ สายเลือดโบราณอันสูงส่งไหลเวียนอยู่ในตัวข้า นอกจากพี่เทียนหวู่แล้ว ก็ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือข้าได้!

 

เจ้าก็เป็นแค่ลูกเจี๊ยบในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นตอนต้น ยังกล้ากล่าววาจาสามานย์ต่อหน้าข้า เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถเป็นผู้ยิ่งใหญ่ ที่สูงส่งทัดเทียมกับข้าได้เช่นนั้นหรือ”

 

“หากเจ้าคิดเช่นนั้น ข้าก็คงได้แต่บอกว่าเจ้านั้นโง่เขลายิ่งนัก ครั้งที่แล้วข้าปล่อยเจ้าไป เป็นเพราะหากฆ่าเจ้าแล้ว มือข้าก็ต้องแปดเปื้อน ในเมื่อเจ้าอยากตายมากถึงเพียงนี้ ข้ายินหวูซวงจะสนองให้เจ้าเอง”

 

“ชิ้ง”

 

ทันใดนั้นดาบเงินยาวในมือของยินหวูซวง ก็เกิดเสียงขึ้นมาราวกับมีชีวิต เสียงนั้นสั่นสะเทือนทั่วทั้งหุบเขา ใบดาบนั้นแผ่กระจายพลังที่แข็งแกร่งออกไปทั่วทุกสารทิศ

 

“ยอดฝีมือดาบ!”

 

หลงเฉินรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก ที่พบว่ายินหวูซวงเป็นสุดยอดมือดาบที่แข็งแกร่ง ดูได้จากพลังการฝึกปรือที่แข็งแกร่งและความแน่วแน่อันน่าหวาดหวั่นที่แผ่ออกมา

 

เขาไม่เข้าใจแม้แต่น้อย ผู้ฝึกดาบไม่สมควรที่จะมองโลกอย่างหยิ่งยะโส กดผู้อื่นให้ต่ำเพื่อยกตนเองให้สูง ความเย่อหยิ่ง ทะนงตนต่อเพื่อนมนุษย์ หากคงอยู่ก็จะทำให้สภาพจิตใจเต็มไปด้วยความดุร้าย การฝึกยุทธ์จะไม่ก้าวหน้า สตรีเลวร้ายเช่นนี้ยังสามารถเป็นสุดยอดฝีมือดาบได้ ก็นับว่าสวรรค์ช่างตาบอดยิ่งนัก

 

ยินหวูซวงกวัดแกว่งดาบอย่างรวดเร็ว ปรากฎเป็นรัศมีพลังที่น่าเกรงขามกระจายออกไปไกลหลายลี้ ดูราวกับมีดาบเงินนับไม่ถ้วน กำลังฟาดฟันอากาศไม่หยุด กดดันผู้คนที่พบเห็นให้ตื่นตระหนกและหวาดกลัว

 

ในตอนนี้ผู้คนที่เฝ้าดูการต่อสู้ ต่างก็ถอยหนี หลบหลีกออกไปไกลมากยิ่งขึ้น รัศมีพลังของดาบเงินนั้นเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้ หากนางลงมือ ก็อาจเป็นพวกเขาที่ถูกทำร้ายไปด้วย

 

ฉู่เหยาและลู่ฟางเอ๋อ ที่เฝ้าดูอยู่ก็อดที่จะหวาดระแวงไม่ได้ ยินหวูซวงนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่พวกนางคาดคิดเอาไว้มากนัก

 

“สตรีผู้นั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก หรือที่นางกล่าวจะเป็นความจริงว่า นอกเหนือจากหานเทียนหวู่ก็ไม่มีผู้ใดหยุดยั้งนางได้” ลู่ฟางเอ๋อหน้าซีดลงเล็กน้อย แววตาฉายความกังวลออกมา

 

ตามที่หลงเฉินเล่ามาก่อนหน้านี้ ยินหวูซวงนั้นมีเจตนาที่จะหาเรื่องหลงเฉิน นางวางหลุมพรางที่น่ารังเกียจ เดิมทีลู่ฟางเอ๋อยังคิดว่ายินหวูซวงอาจเป็นแค่พวกลอบกัด ที่ทำได้เพียงใช้เล่ห์กลทำร้ายผู้อื่นเท่านั้น ไม่มีพลังฝีมือและศักยภาพทางร่างกายที่เข้มแข็ง

 

เพราะเหล่าสุดยอดผู้ฝึกยุทธ์ ต่างก็ไม่ชอบวางกลอุบายซับซ้อนเช่นนี้ พวกเขาล้วนชมชอบการใช้พลังฝีมือที่แข็งแกร่งของตัวเองในการตัดสินปัญหา

 

ทว่าในเวลานี้ลู่ฟางเอ๋อได้ประจักษ์แล้ว พลังของยินหวูซวงที่เกิดขึ้นฉับพลันนี้ ข่มขวัญทุกผู้คน เพียงแค่จะยืนอยู่ต่อหน้านางในเวลานี้ได้ ก็จำเป็นต้องมีความกล้าหาญเป็นอย่างมากแล้ว อย่าได้พูดถึงการรับมือต่อสู้เลย

 

“ที่เจ้าพูดมาจริงหรือไม่ ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ไม่ว่าหานเทียนหวู่จะหยุดยั้งนางได้หรือไม่ได้ สิ่งที่ข้าแน่ใจก็คือนอกเหนือจากหลงเฉิน ก็คงไม่มีผู้ใดมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะกล่าววาจาบ้าๆต่อหน้านางได้แล้ว”

 

ลู่ฟางเอ๋อรู้จักหลงเฉินมานาน และยิ่งรู้จักกันนานเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกถึงความน่ากลัวของเขามากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เขาก็เหมือนกับบ่อน้ำ ที่ภายนอกดูธรรมดายิ่งนัก

 

แต่เมื่อเข้าไปใกล้ จึงจะรู้ได้ถึงความลึกสุดประมาณของบ่อน้ำนี้ ความลึกของบ่อน้ำที่ดูจะไม่มีที่สิ้นสุดนี่เอง คือสิ่งที่น่าหวาดกลัวมากที่สุด

 

เฉพาะในเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับสุดยอดฝีมือที่แข็งแกร่งเท่านั้น จึงจะได้เห็นถึงพลังความสามารถที่แท้จริงของหลงเฉิน และเมื่อใดที่หลงเฉินแสดงพลังฝีมือที่แท้จริงออกมา ก็มักจะมีผู้ที่ต้องรู้สึกเลือดเดือดพล่านเสมอ

 

“ตึง”

 

หลงเฉินใช้ทลายมารในมือ ต้านทานพลังที่แข็งแกร่งของยินหวูซวง ใบหน้านิ่งสงบ ไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆแม้แต่น้อย สำหรับการรับมือกับยินหวูซวง เขาพร้อมนานแล้ว นั้นเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นแม้ว่ายังไม่ได้เห็นพลังฝีมือของนาง อย่างไรก็ตามในตอนนี้หลงเฉินทราบแล้วว่ายินหวูซวงนั้นอยู่ในระดับใด

 

“ลงมือเถอะ ชักช้าเป็นหญิงชราไปได้” หลงเฉินส่ายศีรษะแล้วกล่าว

 

ยินหวูซวงโกรธมากยิ่งขึ้น ดาบเงินในมือเคลื่อนไหวรวดเร็ว เงาดาบกวัดแกว่งปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ซ้อนทับกันไปมาจนแทบมองไม่เห็นช่องว่าง เงาของผู้ควบคุมดาบนั้นหายไปแล้ว เห็นเพียงแต่พลังดาบที่ยังคงแผ่กระจายเต็มท้องฟ้า พุ่งตรงเข้าสังหารหลงเฉิน

 

การโจมตีของยินหวูซวง ราวเร็วดั่งสายฟ้า ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศทั้งสองที่ยืนอยู่ข้างๆยินหวูซวงถึงกับตัวสั่น เพราะถ้าเป็นพวกเขาคงจะไม่สามารถรับมือได้แม้แต่ดาบเดียว

 

แม้จะถูกเรียกว่าผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศเหมือนกัน แต่ทว่าพวกเขาก็ทราบดี ว่าตนยังอยู่คนละระดับกับยินหวูซวง

 

ที่เรียกกันว่าผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศก็คือผู้อยู่เหนือขอบเขตที่แข็งแกร่งอย่างผิดปกติ ไม่เพียงแต่ถูกเรียกว่าสุดยอดฝีมือ แต่พวกเขายังนับได้ว่าไร้ผู้ทัดเทียม ในเหล่าศิษย์ในระดับเดียวกัน

 

ทางหมู่ตึกปลูกฝังความเชื่อมั่นและความแน่วแน่อันแกร่งกล้า ความศรัทธาในพลังการฝึกปรือแห่งตน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความแน่วแน่เช่นนี้ของยินหวูซวง ก็ทำให้ศัตรูถูกสยบความเคลื่อนไหวไปจนหมดสิ้น แรงกดดันมหาศาลยากที่จะต้านทานได้

 

แต่ว่าสุดยอดฝีมือทุกคนไม่ได้เกิดบนสวรรค์หรือถูกเลี้ยงดูบนสวรรค์ ทางหมู่ตึกจึงต้องคอยระมัดระวัง ทุ่มเทสิ้นปลืองทรัพยากรมหาศาล

 

เพื่อทำให้พวกเขายังคงสภาวะดังเดิมไว้ คุ้มกันพวกเขาออกจากเส้นทางแห่งความมืด รวมทั้งพยายามป้องกันไม่ให้เหล่าผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศต่อสู้ ห้ำหันกันเอง เพราะถ้าพวกเขาพ่ายแพ้ มันจะส่งผลร้ายแรงต่อเจตจำนงของผู้ไร้เทียมทาน

 

ดังนั้นทางหมู่ตึกจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะให้คนเหล่านี้ เลือกคู่ต่อสู้ที่ด้อยกว่าเล็กน้อย ท้าทายฝ่ายตรงข้าม และผ่านชัยชนะอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาเจตจำนงไร้ผู้ทัดเทียมของพวกเขา

 

ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศทั้งสองก็ถูกปลูกฝังมาเช่นกัน และพวกเขาเองก็ทราบดี ว่าเมื่อเทียบกับผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศอย่างยินหวูซวงแล้ว แท้ที่จริงก็ยังคงมีระยะห่างอยู่มาก

 

แม้พวกเขาจะยังไม่เคยต่อสู้กับผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศที่แข็งแกร่งอย่างยินหวูซวง แต่ทว่าเมื่อได้ประจักษ์ในพลังฝีมือของยินหวูซวงที่เพิ่งจะลงมือไป ด้วยตาของตนเอง ก็ได้แต่คิดว่า ต่อหน้ายอดฝีมือระดับสูงเช่นนี้ สิบกระบวนท่าก็ไม่สามารถต้านได้ และเสี่ยงต่อการถูกปลิดชีพอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อเห็นเงาดาบของยินหวูซวงพุ่งขึ้นสูงในอากาศ ใบหน้านิ่งสนิท และรอยยิ้มอารมณ์ดีน้อยๆบนใบหน้าของหลงเฉินหายไป เขากล่าวออกมาอย่างประหลาดใจ “ใช้ดาบได้ดี ในคนมีดาบในดาบมีคน เจ้าก็คู่ควรที่จะเป็นคนโสมม”

 

“ซูม”

 

ทันทีที่เอ่ยจบ หลงเฉินก็ใช้ทลายมารในมือฟาดฟันออกไป ส่งเงาดาบสายหนึ่งมุ่งเข้าหาเงาดาบที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าของยินหวูซวง แรงปะทะทำให้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นสนั่น สะท้านสะเทือนไปทั่วหุบเขา

 

เงาดาบที่ปกคลุมทั่วท้องฟ้าหายไปจนหมด ยินหวูซวงเองก็ต้องก้าวถอยหลังไปหลายก้าว สีหน้าดูตกตะลึง

 

ในฐานะผู้ใช้ดาบแล้ว ยินหวูซวงมั่นใจอย่างยิ่งในพลังดาบของตนเอง ทักษะดาบที่นางเรียกใช้เมื่อครู่เรียกว่า ‘ดาบเงามายา’ ที่สามารถทำให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถแยกแยะเงาดาบและดาบจริงได้

 

ในศิษย์ระดับเดียวกันแล้ว จนถึงตอนนี้นอกจากหานเทียนหวู่แล้ว ก็ไม่มีผู้ใดสามารถมองหาตำแหน่งที่แท้จริงของดาบจริง ท่ามกลางเงาดาบที่กระจายอยู่ทั่วฟ้าของนางได้

 

ขอเพียงคู่ต่อสู้ไม่สามารถค้นหาดาบที่แท้จริงพบ ชั่วพริบตาเงาดาบเหล่านั้นก็จะพุ่งเข้าเสียบอยู่บนตัวคนผู้นั้นทันที โหดเหี้ยมมาก แต่ก็มีประสิทธิภาพมากเช่นกัน

 

การเผชิญหน้ากับสุดยอดฝีมือเช่นยินหวูซวงนั้น การใช้เงาและแสงคือพลังของนาง แต่เพียงแค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้คนหวาดกลัว

 

ในตอนที่ยินหวูซวงออกกระบวนท่าจะปรากฎเงามายานับล้าน และดาบจริงของนางจะซ่อนอยู่ท่ามกลางเงามายาเหล่านั้น จะเอาชนะให้ได้ ก็จำเป็นต้องค้นหาดาบจริงให้พบ แต่หากเลือกผิดและพ่ายแพ้ ก็จะต้องแลกด้วยชีวิต

 

ทว่าหลงเฉินยังสามารถค้นหาดาบจริงได้อย่างรวดเร็ว แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ยินหวูซวงตกใจมากนัก นางคิดว่าคงจะเป็นเรื่องบังเอิญเสียมากกว่า เมื่อคิดดังนั้น ดาบในมือของยินหวูซวงก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

 

“ซูม”

 

หลงเฉินเองก็ฟาดฟันดาบเข้าใส่ยินหวูซวงอีกครั้งเช่นกัน และครั้งนี้ยังแม่นยำและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม จนทำให้ยินหวูซวงต้องเกิดความตื่นตระหนกขึ้นมา

 

“บัดซบ! เจ้าทำสำเร็จได้อย่างไร?” ยินหวูซวงสบถออกมาอย่างหยาบคาย นางเสียจริตเพราะความตื่นตระหนก ในใจขณะนี้ไม่สามาารถสะกดกลั้นความกลัวและความตกใจเอาไว้ได้แล้ว

 

จัดการกับคนชั่วช้า ไม่จำเป็นต้องใช้วิถีแห่งความเป็นธรรม ทันใดนั้นหลงเฉินก็ค่อยๆยกทลายมารในมือขึ้น สีหน้านั้นไม่อาจคาดเดาได้

 

แท้จริงแล้วกระบวนท่าดาบของยินหวูซวงนั้นนับว่าแปลกประหลาดยิ่งนัก ศิษย์ที่อยู่ในรุ่นเดียวกัน มีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถค้นหาตำแหน่งของดาบจริงได้

 

แม้แต่หลงเฉินเองก็หาไม่พบ ทว่าหลงเฉินไม่จำเป็นต้องค้นหา สิ่งต้องห้ามที่สุดในการต่อสู้นั้นคือการใช้ตาดู เพราะดวงตาถูกหลอกได้ง่ายที่สุด

 

เพียงแค่ใช้พลังแห่งจิตวิญญาณ ยึดตรึงดาบของยินหวูซวง ดาบนั้นก็ไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้แล้ว แต่ทว่าหลงเฉินกลับไม่ได้ทำเช่นนั้น เขาไม่จำเป็นต้องทำสิ่งที่ซับซ้อนถึงเพียงนั้น

 

เขาไม่ต้องใช้ทั้งตาดู และพลังแห่งจิตวิญญาณเข้าตรึงยึดดาบไว้ เพียงแค่สัมผัสถึงทิศทางและตำแหน่งของปฎิกิริยาคุกคาม ก็จะค้นพบตำแหน่งของดาบจริงได้

 

นี่เป็นสิ่งที่นักรบฝึกฝนกันเป็นเวลานาน นักรบทุกคนจะต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ไวต่ออันตราย สามารถรับรู้ถึงสิ่งคุกคามได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสู้เป็นกลุ่ม การโจมตีจากด้านหลัง และด้านข้าง ไม่สามารถใช้ตามองได้ และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้พลังแห่งจิตวิญญาณเข้าตรวจจับปฏิกิริยาตอบโต้ทั้งหมดเอาไว้ได้

 

นี่คือวิธีปฏิบัติที่แสนธรรมดาของผู้คนทั่วไปที่ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ แต่ทว่าผู้คนมากมายในโลกของการฝึกยุทธ์กลับไม่รู้จักวิธีนี้ เนื่องจากในโลกฝึกยุทธ์มีการต่อสู้แบบกลุ่มน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัว

 

ดังนั้นคนจำนวนมากเก่งกาจก้าวหน้าในวรยุทธ แต่น่าเสียดายที่ว่า ประสบการณ์การสู้รบที่แท้จริงนั้นน้อยจนน่าสงสาร

 

“ตาย!”

 

เมื่อเห็นหลงเฉินไม่ตอบกลับ ยินหวูซวงก็แผดเสียงด้วยความโกรธ ในมือถือดาบเงิน เงาดาบปรากฎเต็มทั่วท้องฟ้าอีกครั้ง นางไม่เชื่อว่าพลังของหลงเฉินจะสามารถเทียบกับหานเทียนหวู่ได้ นางคิดว่านั่นต้องเป็นเรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน

 

“ตูม ตูม ตูม”

 

ยินวูซวงโจมตีติดต่อกันสามกระบวนท่า และในทุกครั้งที่นางโจมตี หลงเฉินก็จะออกดาบต้านทานดาบของนางได้ จนทำให้นางต้องถูกพัดถอยออกไป

 

ผู้คนที่ชมดูอยู่ห่างๆ มองดูหลงเฉินด้วยความหวาดผวา

 

“หลงเฉินผู้นี้ชั่วร้ายเกินไปแล้ว”

 

“ไม่น่าเชื่อว่าในฝ่ายธรรมะ จะมีศิษย์ที่ชั่วร้ายถึงเพียงนี้ปรากฎตัวขึ้นมาได้” เพียงครู่เดียวก็มีคนตกตะลึงขึ้นมา

 

ยินหวูซวงนั้นมีชื่อเสียงอย่างมากในหมู่ตึกทั้งหมดและก็มีเพียงหานเทียนหวู่และฮวาปี้ลั่ว เท่านั้นที่สามารถเทียบเท่าได้

 

แม้ว่าจะเป็นผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศก็ยังไม่สามารถสู้ได้ ศิษย์เช่นนี้แข็งแกร่งยิ่งนัก กระบวนท่าการต่อสู้แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง หรือแท้จริงแล้วหลงเฉินนั้น ที่ล่ำลือถึงการต่อสู้กับสุดยอดฝีมือฝ่ายอธรรมนั้นจะเป็นความจริง

 

“ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าใช้วิธีไหน ทว่าเจ้าก็อย่าได้ลำพองใจ นี้เป็นเพียงแค่การอุ่นเครื่องเท่านั้น ข้าสาบานทั้งใจและวาจาจะฆ่าเจ้าให้ตาย”

 

“ในฐานะที่เป็นผู้ที่โสสมที่สุด ข้าเชื่อว่าเจ้ายังมีการโจมตีที่โสสมอีกมาก เข้ามา” หลงเฉินกล่าวอย่างเฉยเมย

 

ตาทั้งสองข้างของยินหวูซวงเป็นสีแดงก่ำขึ้นมาและความโกรธบ้าคลั่งปะทุขึ้นทันที อักขระสีเลือดปรากฎบนหน้าผากของนาง สภาวะพลังที่น่ากลัวพุ่งกระจายออกไป

.

.

ช่องทางการจัดจำหน่าย : https://novelrealm.com/detail.php?novel=22 <<< (ถึงตอนที่ 1204 แล้วครับ)

ฝากกดติดตามหรือกดLikeเพจเคล็ดกายานวดาราด้วยครับ >>> 9 ดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา
Status: Ongoing
เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset