เคล็ดกายานวดารา (Lc by Novel Kingdom) – ตอนที่ 369 สายเลือดโบราณ

 

หลังจากอักขระโบราณสว่างขึ้น สภาวะพลังและกลิ่นอายจากต้นตระกูลสมัยโบราณก็ลอยออกมาจากร่างของยินหวูซวง ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงเป็นระยะ

 

มันแตกต่างจากสภาวะพลังทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นี่เป็นสภาวะพลังทางสายเลือด เหล่าศิษย์ที่ระดับฝีมือไม่สูงรู้สึกราวกับว่า โลหิตของพวกเขาจะระเบิดออกจากร่าง ทำให้พวกเขาต่างก็รีบหนีอย่างตื่นตระหนก

 

แม้แต่ผู้อยู่เหนือขอบเขตทั้งหลาย ก็ยังรู้สึกได้ว่าร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนสีจนต้องรีบถอยออกไปไกล เพื่อให้หลุดออกจากอาณาเขตที่ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศอันน่าหวาดกลัวนี้

 

“เจ้ามันเป็นพวกมดที่ต่ำต้อย วันนี้ข้าจะให้เจ้าได้เปิดหูเปิดตาและได้เห็นพลังแห่งสายเลือดโบราณ เจ้าจะได้ตายอย่างสงบ!” หลังจากอักขระสีเลือดได้สว่างขึ้นบริเวณระหว่างคิ้วของยินหวูซวง พลังจิตวิญญาณของนางก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

 

อักขระสีเลือดที่ปรากฏทั่วร่างกายจนเป็นลำแสงสว่างไสว ดั่งแสงจากดวงตะวันสาดส่อง ยิ่งทำให้ลักษณะของนางดูสง่าและสูงส่ง คล้ายกับเทพเจ้าแห่งสวรรค์

 

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ พลังที่มาจากพลังทางสายเลือดที่นางปลดปล่อยออกมา ทำให้ผู้คนรู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังจะระเบิดจนถึงแก่ความตาย ด้วยพลังเช่นนี้แล้วใครจะสามารถรับมือกับนางได้

 

กลิ่นอายที่แปลกประหลาดตรงหน้า จนแม้แต่ผู้มีพรสวรรค์ชั้นเลิศทั้งสองคนที่เก่งกาจเป็นอย่างยิ่ง ถึงจะยืนอยู่ในระยะไกลก็ยังมีสีหน้าซีดราวกับกระดาษ เป็นความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นภายในจิตใจพวกเขานั่นเอง

 

“นั่นมันสายเลือดโบราณ!”

 

บางคนไม่เพียงรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน ตามตำนานในโลกของผู้ฝึกยุทธ์จะมีพลังบางอย่างที่บรรพบุรุษของพวกเขาสืบทอดต่อกันมาทางสายเลือดตั้งแต่สมัยโบราณ

 

บรรดาบรรพบุรุษของพวกเขาคงจะมียอดฝีมือที่มีพลังที่น่ากลัวไร้ผู้ต้าน พลังทางสายเลือดของพวกเขาสืบทอดยาวนานมานับหมื่นปี เมื่อพลังทางสายเลือดถูกปลุกขึ้น มันจะเกิดแรงกดดันทางสายเลือดที่น่ากลัวสำหรับมนุษย์ผู้อื่น

 

แรงกดดันเช่นนี้ไม่มีใครต้านทานได้ นอกจากบุคคลที่มีพลังทางสายเลือดแบบเดียวกัน หรือไม่ก็ต้องมีเคล็ดวิธีหรือมีของวิเศษที่สามารถต้านทานแรงกดดันทางสายเลือดนี้ได้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีทางที่จะรับมือกับคนประเภทนี้ได้

 

ที่หลายคนเคยได้ยินมาว่ายินหวูซวงมีที่มาไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่มีใครคาดถึงว่านางจะมีสายเลือดโบราณอยู่ในร่างกาย เช่นนั้นนางจะต้องมาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณหรือมาจากหนึ่งในตระกลูลึกลับอย่างแน่นอน

 

ฉู่เหยาและลู่ฟางเอ๋อเองก็ได้รับผลจากแรงกดดันมหาศาลนี้เช่นกัน แม้ว่าพลังที่พวกนางได้รับเป็นเพียงผลกระทบเท่านั้น เพราะเป้าหมายโดยตรงก็คือหลงเฉิน แต่โลหิตในกายของทั้งสองก็รู้สึกได้ว่ากำลังถูกบีบอัดและกดดันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะลู่ฟางเอ๋อที่ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ จนฉู่เหยาต้องรีบยื่นมือออกมาหนึ่งข้าง แล้วกดลงไปที่หลังของลู่ฟางเอ๋อเบาๆ เพื่อเป็นการถ่ายทอดพลังปราณเข้าสู่ร่างกายลู่ฟางเอ๋อ

 

เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากฉู่เหยา ลู่ฟางเอ๋อก็รู้สึกดีขึ้นนางกอดและยิ้มขอบคุณฉู่เหยา ในขณะเดียวกัน ก็ตกตะลึงและคาดไม่ถึงในพลังอันแข็งแกร่งของฉู่เหยา ถึงขั้นสามารถต้านพลังจากแรงกดดันของยินหวูซวงได้ และยังมีพลังหลงเหลือพอที่จะช่วยเหลือนางได้อีกด้วย

 

“ตอนนี้ เจ้ารู้แล้วใช่หรือไม่ว่าระหว่างเราสองคนแตกต่างกันแค่ไหน” ยินหวูซวงมองหลงเฉินอย่างเหยียดหยาม คล้ายดั่งเทพเจ้ากำลังมองคนธรรมดาสามัญทั่วไป

 

“ระดับความแตกต่างงั้นหรือ”

 

หลงเฉินค่อยๆเผยรอยยิ้ม ขณะที่ยินหวูซวงปล่อยแรงกดดันทางสายเลือดของตนอยู่นั้น โลหิตภายในกายของหลงเฉินก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา

 

แท้จริงแล้วโลหิตในกายของหลงเฉินคล้ายถูกกระตุ้นจากบางสิ่ง เช่นเดียวกับภูเขาไฟที่กำลังจะระเบิดออกมา มันราวว่าพลังทางสายเลือดของเขาก็ต้องการจะถูกปลดปล่อยออกมาบ้าง

 

หลงเฉินยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ จึงไม่รู้มาก่อนว่าตนเองมีพลังทางสายเลือดอยู่ในตัว และยิ่งไม่รู้ว่าจะนำพลังนี้ออกมาใช้ได้อย่างไร

 

แต่เป็นเพราะเขาได้รับผลกระทบมาจากจากยินหวูซวง พลังสายเลือดโบราณของหลงเฉิน จึงถูกกระตุ้นขึ้นด้วยตัวของมันเอง คล้ายดั่งองค์จักรพรรดิที่ถูกขอทานหัวเราะเย้ยหยัน จึงปลดปล่อยความสง่าน่าเกรงขามของตนออกมา

 

แต่นี่เป็นครั้งแรกที่หลงเฉินมีประสบการณ์เช่นนี้ เขาไม่แม้แต่จะเข้าใจว่าพลังทางสายเลือดมันคืออะไร และเขาไม่รู้ว่าจะปลดปล่อยมันออกมาได้อย่างไร

 

ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชาติกำเนิดของตัวเอง แต่แรงกดดันทางสายเลือดบนตัวของยินหวูซวง ก็ทำให้เขามั่นใจอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นก็คือตัวเขาเองก็มาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่เช่นเดียวกัน และต้องเป็นตระกูลที่แกร่งยิ่งกว่ายินหวูซวงอย่างแน่นอน

 

เพราะพลังทางสายเลือดของยินหวูซวงนั้นสามารถบีบอัดกดดันผู้อื่นได้ แต่กลับทำอะไรหลงเฉินไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเมื่อยินหวูซวงพูดถึงความแตกต่าง จึงทำให้หลงเฉินยิ้มออกมา หลงเฉินเองก็มองออกในความแตกต่างระหว่างเขากับยินหวูซวงว่าช่างต่างกันราวฟ้ากับดินจริงๆ

 

เมื่อเห็นรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้าของหลงเฉิน โทสะในใจของยินหวูซวงก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ก่อนหน้านี้นางเพียงแค่คิดจะใช้ดาบเงิบสังหารหลงเฉินเท่านั้น เพราะนางไม่อยากแสดงพลังที่แท้จริง

 

แต่ว่าการใช้ดาบของนางกลับไม่สามารถทำอะไรหลงเฉินได้ จึงต้องยืมพลังทางสายเลือดจากต้นตระกูลออกมาใช้ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่าเป็นการยกระดับฐานะให้กับหลงเฉิน ดั่งเป็นการยอมรับคุณสมบัติของหลงเฉินว่าเท่าเทียมกับนาง

 

แต่ยินหวูซวงกลับเห็นว่าเป็นการสบประมาทนาง และเมื่อหลงเฉินแสดงสีหน้าเช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้นางโกรธยิ่งขึ้น ดาบเงินในมือก็เริ่มกวัดแกว่ง เสียงฉีกขาดดังขึ้นกลางอากาศ คล้ายกับว่าผืนแผ่นอากาศถูกดาบของนางตัดจนฉีกขาดไปแล้ว

 

“ตายซะ”

 

หลังจากยืมพลังทางสายเลือดจากต้นตระกูลออกมาใช้ พลังของยินหวูซวงก็พุ่งขึ้นถึงจุดสูงสุด เมื่อกวัดแกว่งดาบสีเงินนั้นฟ้าดินก็เกิดสั่นสะเทือน โดยมีเป้าหมายอันน่ากลัวนั้นก็คือการสังหารหลงเฉิน

 

ใบหน้าของหลงเฉินยิ้มเย้ยหยัน ใต้ฝ่าเท้าที่มีดารากักวายุโคจรอยู่ พลังปราณในร่างกาย ก็คล้ายกับหม้อต้มน้ำที่เดือดพล่านในชั่วพริบตา หลังจากเปลี่ยนระดับเข้าสู่ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นแล้ว พลังปราณก็ฮึกเหิมดั่งท้องทะเล ก็พวยพุ่งไปมาในร่างกาย ทำให้ร่างกายของหลงเฉินเต็มเปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่ง

 

เมื่อมองเห็นดาบของยินหวูซวงที่ฟันเข้ามา อาวุธที่อยู่ในมือก็ฟาดลงไปที่ยินหวูซวงดั่งอสนีบาต

 

“ตูม”

 

ดาบยาวสีเงินของยินหวูซวงกับทลายมารสีทองของหลงเฉินเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง จนเกิดเสียงระเบิดดังขึ้น คลื่นสภาวะอากาศอันน่าหวาดกลัวได้กวาดทุกอย่างกระจายหายออกไปรอบทิศทาง

 

ฉู่เหยาที่เตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ไม่รอให้คลื่นสภาวะอากาศซัดมาถึง นางใช้มือหยกเตรียมการป้องกัน ด้านหน้าจึงเกิดเสาไม้จำนวนนับไม่ถ้วนลอยมาตามอากาศ เบื้องหน้าของทั้งสองมีเกราะไม้ขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นมาสูงถึงสามร้อยจั้ง ในเวลาเดียวกันนั้นก็ป้องกันเสี่ยวเสว่ยที่อยู่ข้างๆและต้นพฤกษาเจ็ดดวงใจที่อยู่ทางด้านหลังเอาไว้ด้วย

 

คลื่นอากาศม้วนตัวไปทั่วแปดทิศ ผืนปฐพีที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของทั้งสองถล่มลงไป ทั้งคู่ต่างก็ถูกพลังของอีกฝ่ายจนต้องถอยออกไปเป็นระยะไกลหลายร้อยจั้ง

 

เมื่อเท้าหลงเฉินแตะลงถึงพื้น เขาก้าวออกมาหนึ่งก้าว มือทั้งสองข้างจับดาบแน่น แล้วส่งพลังไปที่ไหล่ทั้งสองข้าง แกว่งทลายมารเป็นวงกลมแล้วฟาดไปยังยินหวูซวงทันที

 

“ตูม”

 

ยินหวูซวงคาดไม่ถึงว่า หลงเฉินจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วมาก กว่านางจะรู้สึกตัวอีกทีทลายมารเล่มยาวก็ได้โค่นลงมาตรงหน้าแล้ว จึงรีบใช้ดาบในมือต้านกลับไปอย่างรวดเร็ว

 

ฝ่ายหนึ่งจู่โจมเต็มกำลัง ส่วนอีกฝ่ายก็รับมืออย่างรวดเร็ว สุดท้ายยินหวูซวงที่รับมือจากทลายมารของหลงเฉิน ก็ต้องล่าถอยลอยออกไปไกล

 

แม้ว่าการโจมตีนี้จะทำให้ยินหวูซวงถอยไปไกล ทว่าหลงเฉินก็ต้องตกตะลึงเพราะการโจมตีนี้เขาไม่ได้ยั้งมือเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าจะทำให้ยินหวูซวงต้องถอยจนแทบหมดหนทางสู้ แต่นางก็ไม่ได้รับบาดเจ็บเลย

 

หลังจากที่หลงเฉินได้เข้าถึงขั้นขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นแล้ว พลังทั่วร่างก็เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน นอกจากพวกไม่ปกติไม่กี่คนนั้น ก็แทบจะไม่มีใครรับมือกับการจู่โจมเต็มกำลังของเขาได้เลย

 

แต่ยินหวูซวงก็ตะลึงยิ่งกว่า แม้ว่านางจะไม่ชำนาญในการใช้พลังนัก แต่ภายใต้การยืมพลังทางสายเลือดจากต้นตระกูลออกมาใช้นั้น ทำให้นางสามารถสังหารผู้ที่มีพลังระดับเดียวกันได้ภายในชั่วพริบตา

 

แต่นี่เพียงแค่ดาบเดียวของหลงเฉินนางยังต้านไว้ไม่อยู่ ถึงแม้จะไม่ทำให้แขนชาเพราะแรงสั่นสะเทือน แต่ก็โดนกระแทกจนร่างปลิวลอยออกไปไกล

 

ดาบยาวบินว่อนดั่งมังกรเต็มท้องฟ้า ทุกการลงดาบของหลงเฉินล้วนมาพร้อมกับพลังอันน่ากลัว เมื่ออาวุธของทั้งคู่ปะทะกัน เสียงระเบิดจึงหวั่นไหวสะเทือนหู ทั่วทั้งท้องฟ้าและพื้นดินถึงกับเปลี่ยนสี

 

“ตูม”

 

มีเสียงระเบิดขึ้นอีกครั้ง ภายใต้การโจมตีดั่งพายุฝนโหมกระหน่ำของหลงเฉิน ยินหวูซวงที่ถูกบีบให้ล่าถอยไปหลายพันจั้ง ในที่สุดก็สบโอกาสทำให้หลงเฉินต้องถอยไปด้วยพลังสั่นสะเทือนของดาบสีเงิน

 

“นี่ เจ้านี่หลายใจเสียจริง ในเวลาเช่นนี้ ยังจะปกป้องสตรีสองคนนั่นอีก” ยินหวูซวงวางดาบลง กล่าวด้วยสีหน้าหม่นหมอง

 

นางคาดไม่ถึงว่าหลงเฉินไม่เพียงมีพลังที่น่าหวาดกลัว แม้แต่วิธีทำให้ผู้อื่นหลงเสน่ห์ก็ยังไม่ธรรมดา เมื่อครู่ในตอนที่นางเผลอตั้งตัวไม่ติด ก็ถูกหลงเฉินบีบจนมือไม้อ่อนไปหมด เมื่อได้สติกลับมาจึงพบว่าหลงเฉินตั้งใจสร้างระยะห่าง พร้อมกล่าวเย้ยหยัน

 

“เอะ ถึงเจ้าจะไม่ถ่วงเวลาไว้ ข้าก็ต้องทำอยู่ดี ข้าก็กลัวของมีค่าจะเสียหายเหมือนกัน เป็นเรื่องดีมากที่เจ้าทำเช่นนี้ งั้นข้าจะฆ่าโจรราคะอย่างเจ้าก่อน แล้วค่อยไปจัดการกับหญิงชั่วสองคนนั่น“ ยินหวูซวงทำหน้าเย้ยหยัน

 

นางไม่รอให้หลงเฉินตอบกลับ บนดาบสีเงินที่อยู่ในมือปรากฏลายจำนวนนับไม่ถ้วนสว่างเปล่งแสงขึ้นมา ด้วยกลิ่นอายแห่งความน่าหวาดกลัว ทำให้สภาวะอากาศบิดม้วนตัวไม่หยุด แล้วฟาดดาบไปที่หลงเฉิน

 

ในวินาทีที่สัญลักษณ์โบราณบนดาบสีเงินสว่างวาบขึ้น หลงเฉินรู้สึกได้ถึงพลังคุกคามที่รุนแรงขึ้นมาในจิตใจของเขาทันที

 

“ตูม”

 

ทลายมารในมือของหลงเฉินกระทบกับดาบสีเงินของยินหวูซวงอีกครั้ง ประกายไฟกระเด็นไปรอบทิศทาง หลงเฉินรู้สึกถึงความเจ็บปวดสุดขีด จนอดไม่ได้ที่จะถอยหลังออกไปหลายก้าว แล้วมองไปยังฝ่ามือที่ถูกฟันจนฉีกขาด โลหิตสีแดงสดค่อยๆไหลออกมา

 

หลงเฉินเย็นเยือกไปถึงจิตใจ พบว่ายินหวูซวงช่างแข็งแกร่งเสียจริง นางถึงได้กล้าป่าวประกาศว่าสามารถสังหารตนได้ การลงดาบของยินหวูซวงในครั้งนี้ มีพลังแปลกประหลาดบางอย่างแฝงอยู่ ทำให้ฝ่ามือของหลงเฉินถึงกับต้านทานไว้ไม่ไหวจนได้รับบาดเจ็บ

 

“ดาบของสตรีผู้นี้มีบางอย่างผิดปกติ”

 

หลงเฉินสัมผัสได้ว่า ถึงแม้ยินหวูซวงจะเก่งสักเพียงใด แต่อย่างไรนางก็เป็นสตรี หากดูที่พละกำลังแล้วก็ไม่มีทางเอาชนะเขาได้แน่นอน

 

โดยเฉพาะตอนที่หลงเฉินได้สัมผัสกับดาบสีเงินเล่มนั้น หลงเฉินรู้สึกได้ว่าพลังส่วนหนึ่งของตนถูกดีดกลับมา

 

“ในครั้งนี้ข้าจะให้เจ้าได้รู้สึกถึงความแตกต่างระหว่างเจ้ากับข้า แต่เจ้าไม่มีโอกาสได้เสียใจแล้ว เพราะความตายคือทางเลือกเดียวของเจ้า จงว่านอนสอนง่ายแล้วไปตายซะ”

 

ยินหวูซวงใช้ดาบกดดันให้หลงเฉินล่าถอย ดวงตาทั้งคู่บ่งบอกถึงความเย้ยหยัน ดาบเงินในมือฟาดฟันเข้ามาที่หลงเฉินอีกครั้ง ทุกคนถึงกับตกตะลึงไปตามกันพวกเขาไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใดหลงเฉินก่อนหน้านี้มีความแข็งแกรงกว่า แต่กลับได้รับบาดเจ็บได้

 

เนื่องจากอยู่ในระยะไกล พวกเขาจึงมองเห็นลวดลายบนดาบสีเงินไม่ชัดเจนนัก ทำให้รู้สึกงุนงงกับสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้มาก

 

ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ดาบเล่มนั้นมีบางสิ่งผิดปกติ มันสามารถตีกลับการโจมตีของเขากลับมาได้บางส่วน ยิ่งเขาส่งพลังไปมากเขาก็ยิ่งเสียเปรียบ

 

หลงเฉินอยากเรียกใช้วงแหวนแห่งเทพเพื่อเพิ่มพลังแห่งฟ้าดิน แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าดาบเงินนั่นจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกลับมา

 

หากดาบเงินนั่นรับพลังไว้ได้ จนมีพลังมากกว่าตนเอง เขาก็มีโอกาสที่จะถูกพลังของตนเองย้อนกลับมาทำร้ายตนเอง นั่นมันเป็นเรื่องที่โง่จนเกินไป

 

ในที่สุดหลงเฉินก็เข้าใจ ว่าสิ่งสำคัญที่อยู่เบื้องหลังพลังที่แข็งแกร่ง ไม่ว่าจะเป็นหานเทียนเฟิง หรือยินหวูซวงที่อยู่ตรงหน้า ก็ล้วนแต่มีของวิเศษที่นำขึ้นมาใช้อย่างไม่ขาดสาย หากเทียบกับพวกเขา หลงเฉินก็เปรียบดั่งขอทานที่ไม่มีอะไรเลย

 

หลงเฉินยังพบว่าการต่อสู้เมื่อครู่ ทำให้ทลายมารของเขาถูกกระทบจนเกิดรอยบิ่นขนาดเท่าเมล็ดถั่ว นั่นแสดงให้เห็นว่าคุณภาพของวัสดุที่เอามาตีเป็นดาบทลายมารของเขาสู้ของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ ถ้าไม่เป็นเพราะมีความหนาและหนัก ก็อาจจะถูกดาบเงินนั่นตัดจนหักไปแล้ว

 

เมื่อมองเห็นดาบของยินหวูซวงฟาดเข้ามาอีกครั้ง หลงเฉินจึงสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง ไม่ปะทะกับดาบของนางโดยตรง แต่ทลายมารในมือกลับพุ่งตรงเข้าสู่หัวใจของยินหวูซวงแทน

 

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา
Status: Ongoing
เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset