เคล็ดกายานวดารา (Lc by Novel Kingdom) – ตอนที่ 370 อักษรประหลาด

 

ดาบเงินของยินหวูซวง ยาวสามฉื่อหกชุ่น ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานขอบดาบทั่วไป แต่ดาบ ทลายมารของหลงเฉินยาวถึงเก้าฉื่อ การปะทะกันในครั้งนี้ หลงเฉินได้เปรียบในเรื่องความยาวของอาวุธอย่างชัดเจน

 

เมื่อเห็นว่าหลงเฉินไม่ยอมประดาบด้วย ยินหวูซวงก็ยิ้มเยาะเย้ย หยุดยั้งการจู่โจม แล้วใช้ดาบผลักการโจมตีของหลงเฉินออกไป

 

ดาบทลายมารในมือของหลงเฉิน เคลื่อนไหวอีกครั้ง ในตอนที่ดาบของยินหวูซวงกระทบกับทลายมารของหลงเฉินนั้น ครั้งนี้เขามองเห็นอักขระบนใบดาบสว่างวาบแล้วเลือนหายไปได้อย่างชัดเจน

 

และในขณะเดียวกันนั้น หลงเฉินก็สังเกตเห็นว่า พลังของตนเองถูกลดทอนลงถึงสามส่วน และพลังสามส่วนนั้นก็จะสะท้อนกลับมาหาตัวเขา

 

เมื่อต้องรับพลังของตนเองถึงสามส่วน บวกกับพลังของคู่ต่อสู้ ก็ทำให้ข้อมือของหลงเฉินต้องรับแรงกระแทกอีกครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้เขาเตรียมตัวรับมือไว้แล้ว ไม่ส่งพลังโจมตีทั้งหมดออกไป พลังที่สะท้อนกลับมาจึงไม่มากนัก

 

“เป็นเช่นนี้นี่เอง”

 

ดวงตาของหลงเฉินเป็นประกาย ในที่สุดก็หาความผิดปกติของดาบเงินเล่มนั้นได้แล้วส่วนหนึ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดการได้ง่ายขึ้นแล้ว

 

“ตูม”

 

ดาบของหลงเฉินถูกสกัดออกไป เขาก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว หมุนตัวใช้ทลายมารวาดวงกลมประหลาด แล้วเสือกดาบแทงตรงไปที่เอวของยินหวูซวงอย่างรวดเร็วดั่งสายฟ้าแลบ อานุภาพทำลายล้างรุนแรง

 

ยินหวูซวงที่พึ่งจะสกัดการจู่โจมของหลงเฉินได้ นางยังไม่ทันขยับตัว ก็ถูกหลงเฉินพุ่งเข้าประชิดตัว เมื่อนางหันกลับมา ก็พบว่า คมดาบของหลงเฉินอยู่ห่างจากเอวของนางไม่ถึงสามชุ่นแล้ว

 

ถ้าหากถูกดาบของหลงเฉินฟันเข้ากลางลำตัว ด้วยพลังที่น่ากลัวนั้น ร่างของนางคงขาดเป็นสองท่อน ใบหน้าของยินหวูซวงฉายแววตื่นตระหนก นางรีบพลิกดาบเข้าสกัดกั้นดาบของหลงเฉินทันที

 

แต่ทว่าที่น่าตกใจอย่างถึงที่สุดก็คือ ดาบของนางกำลังสกัดความว่างเปล่าในอากาศเท่านั้น ทิศทางของคมดาบที่มีพลังทำลายน่าเกรงขามของหลงเฉิน เป็นเพียงการหลอกล่อ

 

ชั่วขณะที่นางใช้ดาบเงินสกัดดาบใหญ่ของคู่ต่อสู้ไว้ ดาบนั้นก็เปลี่ยนทิศทางอย่างฉับพลัน จากฟันเข้ามาด้านข้าง เป็นการแทงตรงเข้าที่ท้องของนาง

 

เมื่อยินหวูซวงรู้ตัวอีกครั้ง ปลายดาบของหลงเฉินก็แทงเข้าที่ท้องน้อยของนางแล้ว ยินหวูซวงตกใจจนกรีดร้องเสียงแหลม รีบถอยออกไปด้านข้าง

 

“แคว๊ก”

 

เสียงผ้าแพรขาดดังขึ้น คนจำนวนมากที่เฝ้าดูอยู่ตกใจอย่างหนัก เมื่อพบว่า ดาบของหลงเฉินแทงโดนท้องของยินหวูซวง เสื้อผ้าแพรผืนยาวถูกคมดาบทำให้ฉีกขาด จนเห็นชุดเกราะสีขาวเงินที่อยู่ด้านใน

 

ทุกผู้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างตกตะลึง ทุกคนล้วนแต่คาดไม่ถึง ก่อนหน้านี้ ยังพบเห็นพลังการต่อสู้อันน่าหวาดกลัวแผ่ปกคลุมเต็มท้องฟ้า การต่อสู้ที่ยังดูไม่ออกว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้เพี้ยงพล้ำ ประดาบกันเพียงไม่กี่กระบวนท่า ชั่วพริบตากลับพบว่ามีฝ่ายหนึ่งเกือบถูกสังหารแล้ว

 

ยินหวูซวงตกใจจนใบหน้าซีดขาว กลยุทธ์การต่อสู้ของหลงเฉินช่างหลักแหลมยิ่งนัก ฉับไวจนทำให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถไหวตัวได้ทัน

 

หากไม่ใช่เพราะเกราะป้องกันร่างกายของนาง ดาบของหลงเฉินคงเสียบเข้าที่ท้องของนางไปแล้ว เพียงแค่คิดก็ทำให้นางเกิดความรู้สึกหนาวเหน็บที่ท้องน้อยขึ้นทันที ในขณะนี้ยินหวูซวงก็ทั้งตกใจทั้งโมโหมากเหลือประมาณ

 

“ของวิเศษเยอะจริงนะ เกราะผืนนี้ก็เป็นของวิเศษอีกชิ้น”

 

หลงเฉินทอสีหน้าเย็นชา ส่งเสียงฮึดฮัดในจมูก นี่เป็นครั้งแรกของหลงเฉินที่ใช้กลวิธีเช่นนี้ในการต่อสู้กับผู้อื่น วิธีการต่อสู้เฉกเช่นนี้ ในโลกปุถุชนที่ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าในโลกของผู้ฝึกยุทธ์จะพบเห็นน้อยมาก

 

เพราะการต่อสู้ชิงดีชิงเด่นกันในโลกปุถุชน เพราะทั้งสองฝ่ายมีเพียงกำลังทางร่างกาย และโดยส่วนมากกำลังนั้นก็ไม่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงต้องอาศัยทักษะและประสบการณ์เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้

 

แต่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลาย จะชอบใช้พลังยุทธ์ที่สมบูรณ์เด็ดขาดในการสยบคู่ต่อสู้ ผู้ที่มีพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่งกว่ามักได้เปรียบ หลังจากหลงเฉินก้าวเข้าสู่หมู่ตึกพลิกสวรรค์ เขามักจะใช้วิธีการต่อสู้เช่นนี้เป็นพื้นฐาน เนื่องจากเป็นวิธีที่ตรงที่สุด และได้ผลมากที่สุด

 

ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายนั้น หากพลังฝีมือของทั้งสองฝ่ายใกล้เคียงกัน โดยปกติแล้วน้อยนักที่จะต่อสู้กัน แต่ว่าในโลกปุถุชนนั้นแตกต่าง การใช้ทักษะและประสบการณ์ในการต่อสู้จะเกี่ยวพันไปถึงความเป็นความตายของตนเอง

 

ทักษะการต่อสู้ของหลงเฉิน ไม่มีผู้ใดสอน ทั้งหมดนี้เกิดจากประสบการณ์ที่กลั่นออกมาจากช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนับครั้งไม่ถ้วนของเขาเอง ที่ต้องใช้เลือดและชีวิตแลกมา

 

ส่วนยินหวูซวงนั้น เสมือนดอกไม้ที่เติบโตขึ้นมาในห้องที่อบอุ่น ถึงแม้จะมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่ทว่าทักษะและกลวิธีในการต่อสู้เทียบไม่ได้เลยกับหลงเฉิน เมื่อดาบแรกใช้ไม่ได้ผล หลงเฉินก็ลงดาบซ้ำอีกครั้ง

 

ดาบของเขา ไม่ได้แฝงด้วยพลังแรงกดดันแม้แต่น้อย เป็นเพียงการออกดาบธรรมดา ไม่มีสิ่งพิเศษพิสดาร ทว่ากลับเต็มไปด้วยความเด็ดขาดและแฝงซึ่งความหมาย ทำให้ผู้คนล้วนตกตะลึงในความกล้าหาญ

 

เมื่อเห็นดาบของหลงเฉินพุ่งเข้ามา ดาบเงินในมือของยินหวูซวง ก็ฟาดฟันไปในท้องฟ้าอีกครั้ง กลายเป็นเงาดาบกระจายปกคลุมทั่วท้องฟ้า บดบังร่างกายนางไว้อย่างแน่นหนา

 

“ปัง ปัง ปัง”

 

เสียงระเบิดดังถี่ติดต่อกัน นั่นเป็นการโจมตีหลายครั้งของหลงเฉิน แต่ก็ถูกยินหวูซวงสกัดไว้ได้ทั้งหมด ทันใดนั้นดาบของยินหวูซวงก็เพิ่มระดับความเร็วและแรงในการฟาดฟันมากขึ้น เป็นความถี่ที่ลมก็ไม่อาจลอดผ่านได้ จนทำให้หลงเฉินไม่สามารถโจมตีเข้าไปในวงล้อมเงาดาบที่ใช้คุ้มภัยของนางได้

 

อีกทั้งหลงเฉินก็ยังถูกพลังดาบของยินหวูซวงกระแทกจนข้อมือได้รับบาดเจ็บ จนอดไม่ได้ที่จะต้องครวญครางออกมาเบาๆ

 

ในครั้งนี้ พลังดาบของยินหวูซวงแข็งแกร่งมากขึ้น แม้ว่าหลงเฉินจะยังมีกำลังเหลือ แต่ไม่กล้าลงมืออีก ในตอนนี้ยินหวูซวงคล้ายเม่นตัวหนึ่ง หนามแหลมที่เม่นใช้ ทำให้คู่ต่อสู้หาวิธีลงมือได้ยากยิ่งนัก

 

“หลงเฉิน วันนี้ถ้าข้าไม่ได้ตัดเส้นเอ็นถลกหนังของเจ้า ข้าก็ไม่ใช่ยินหวูซวง” ในที่สุดเมื่อความตกใจจากเหตุการณ์เมื่อครู่เจือจางลง ยินหวูซวงก็เรียกสติกลับมาได้อีกครั้ง

 

เมื่อมองดูร่องรอยบนท้องน้อยแล้ว ก็ยิ่งทำให้นางเจ็บปวดใจ นั่นถือว่าเป็นการสบประมาทนางอย่างหนึ่ง แต่เมื่อเห็นว่าหลงเฉินไม่สามารถโจมตีผ่านแนวเขตป้องกันของนางเข้ามาได้ ความขลาดกลัวและตื่นตระหนกจึงค่อยๆจางหายไป และถูกแทนที่ด้วยความโกรธ

 

ดาบยาวที่อยู่ในมือ ฟาดฟันอย่างรวดเร็ว เคลื่อนไหวไปทั่วฟ้าคล้ายกับพายุฝนโหมกระหน่ำ และพุ่งตรงเข้าหาหลงเฉินเพื่อสังหาร นางไม่ต้องการต่อสู้แล้ว แค่ต้องการคุ้มกันตัวเองให้ได้ก็พอ

 

นางต้องการใช้การสะท้อนกลับของอักขระโบราณบนดาบที่อยู่ในมือ ฆ่าหลงเฉินให้ตายไปด้วยพลังของเขาเอง นี่เป็นวิธีการโจมตีแบบไม่มีทางเลือกแล้ว

 

ดาบเงินที่อยู่ในมือของยินหวูซวง คือสมบัติล้ำค่าที่สุดชิ้นหนึ่ง เป็นสมบัติของบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมา

 

อักขระโบราณที่จารึกไว้ สามารถสะท้อนกลับพลังส่วนหนึ่งของศัตรูได้ นับเป็นเรื่องแปลกประหลาดยิ่งนัก โดยเฉพาะอักขระโบราณประเภทนี้ยิ่งแปลกประหลาดที่สุด ไม่จำเป็นต้องทราบว่าเป็นตัวอักษรอะไร ก็สามารถนำมาจารึกบนอาวุธได้

 

ช่างประจำตระกูลของยินหวูซวง ทำการศึกษาเป็นเวลานานหลายปี ก็ไม่สามารถนำอักษรโบราณมาจารึกลงบนอาวุธได้เช่นเดียวกับอักขระที่ปรากฎบนดาบเงินของนางเล่มนี้ จนในที่สุดพวกเขาก็ได้บทสรุปว่า อักขระโบราณที่พิเศษ ก็ต้องใช้วิธีจารึกแบบพิเศษ มิเช่นนั้นจะไม่เกิดผลลัพธ์

 

ดังนั้นดาบเงินเล่มนี้ จึงนับเป็นสมบัติล้ำค่าของตระกูล หากไม่ใช่เป็นเพราะตำแหน่งภายในตระกูลที่พิเศษกว่าผู้อื่นของยินหวูซวง ก็คงไม่สามารถครอบครองดาบเล่มนี้ได้

 

จนในวันนี้ยินหวูซวงยังคงใช้ดาบเงินเล่มนี้ บีบหลงเฉินให้อับจนหนทาง ล่าถอยไปครั้งแล้วครั้งเล่า

 

“การต่อสู้ในครั้งนี้ เหตุใดจึงดูเหมือนกับว่ามีบางอย่างที่ดูแล้วไม่เข้าใจ” คนส่วนหนึ่งยังมีข้อกังขา

 

พวกเขาไม่เข้าใจการต่อสู้เฉกเช่นนี้เลย ในตอนเริ่มต้น ทั้งสองฝ่ายแสดงพลังสภาวะอันแข็งแกร่ง สะท้านฟ้าสะเทือนสวรรค์ พลังที่ฟาดฟันห้ำหั่นกันสร้างความสะพรึงกลัวให้แก่ผู้คน

 

แต่เมื่อฟาดฟันกันไปมา บรรยากาศแห่งพลังสภาวะนั้นก็ไม่หลงเหลืออีกต่อไปแล้ว เหตุใดจึงดูคล้ายบุคคลธรรมดาทั่วไปกำลังตีกัน ยังคิดหากลวิธีอะไรมาสู้กันอีก?

 

แม้ว่าดาบในมือยินหวูซวง ปล่อยแสงสว่างสีเงินออกมาตั้งแต่ต้น แต่อักขระโบราณนั้นถูกปกปิดเอาไว้ ทำให้ผู้คนที่อยู่ด้านนอก ดูไม่ออกถึงเส้นสนกลใน ดังนั้นจึงทำให้ทุกคนต่างก็ไม่เข้าใจ

 

ถึงแม้หลงเฉินจะใช้กลวิธีกับยินหวูซวง แต่ดูจากท่าทางแล้วกลับไม่ได้รุนแรงดุเดือดแม้แต่น้อย และบางคนที่มีสายตาแหลมคม ยังพอจะมองเห็นมือที่มีเลือดไหลไม่หยุดของเขา

 

ฉู่เหยาและลู่ฟางเอ๋อรู้สึกเสมือนแทบจะถูกควักหัวใจออกมา ทั้งคู่ต่างก็ไม่ทราบว่าควรจะทำอย่างไร ควรจะเข้าไปช่วยหลงเฉินหรือไม่

 

หลงเฉินถูกยินหวูซวงใช้วิธีการปิดกั้นช่องว่างไม่ให้เขาสามารถโจมตีได้ กวัดแกว่งดาบจนอ่อนล้า และเขายังไม่สามารถเข้าไปแตะถูกดาบเงินของนางได้ วิธีการต่อสู้เช่นนี้ ราวกับจงใจแกล้งกันอย่างชัดเจน

 

“กลัวแล้วงั้นหรือ? ความอาจหาญหายไปไหนหมดล่ะ? กลายเป็นเต่าหดหัวไปแล้วหรือ?” เมื่อยินหวูซวงเห็นว่ากลวิธีที่ตนเองนำมาใช้ได้ผล จึงอดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม และเอ่ยวาจาเยาะเย้ย

 

ด้านหนึ่งหลงเฉินก็กำลังต้านทานการโจมตีของยินหวูซวง อีกด้านก็กำลังคิดหาทางออก ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ดีแน่ ถูกกระทำมากเกินไปแล้ว ทั้งยังไม่สามารถใช้เคล็ดวิชาได้

 

“เจ้าห่วงสตรีผู้นั้นมากสินะ ดี ข้าจะฆ่านาง จะดูสิว่าเจ้าจะยังเป็นเต่าหดหัวอยู่ในกระดองต่อไปหรือไม่”

 

ทันใดนั้นยินหวูซวงก็เก็บดาบเงามายาที่ปกคลุมท้องฟ้าไป และร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้าหลงเฉินก็หายไปในทันที ไม่ทราบว่านางใช้เคล็ดวิชาใด ร่างกายกลายเป็นเงาร่างคล้ายภาพมายา พุ่งตรงเข้าหาฉู่เหยาและลู่ฟางเอ๋อที่กำลังทอสีหน้ากังวลใจ อย่างรวดเร็ว

 

“ระวัง!”

 

หลงเฉินตกใจอย่างหนัก กระตุ้นพลังขึ้นทั่วร่างกาย พุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างรีบเร่ง

 

เสี่ยวเสว่ยกับหลงเฉินมีจิตที่สื่อถึงกันได้ ในวินาทีแรกที่มันรับรู้ ก็รีบอ้าปากอันกว้างใหญ่ ปล่อยคมมีดวายุ บินออกไป ตรงไปยังยินหวูซวง

 

ยินหวูซวงส่งเสียงฮึดอัด ใช้ดาบเงินในมือ ฟันคมมีดวายุของเสี่ยวเสว่ยแตกกระจาย ภายใต้สภาวะที่มีพลังทางสายเลือด และท่วงท่าที่แสดงออกของนางดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

 

ฉู่เหยาพึ่งจะรู้สึกตัว รีบใช้มือหยกเชื่อมโยงตราประทับ ในทันใดนั้นแท่งไม้จำนวนนับไม่ถ้วน ก็ผุดขึ้นมาจากผืนดิน กักขังยินหวูซวงเอาไว้

 

“วิชาเงาแหวกอากาศ”

 

ในขณะที่ยินหวูซวงกำลังจะถูกเสาไม้ขังไว้ นางก็ส่งเสียงตะโกนออกมา และไม่อาจทราบได้ว่านางใช้วิธีการใด ทำให้ร่างกายคล้ายกับเป็นเงาลอดผ่านท่อนไม้ เพียงชั่วพริบตาก็เข้าใกล้ฉู่เหยา ดาบสีเงินลอยขึ้น ฟาดฟันตัดความว่างเปล่าในอากาศให้ฉีกออก แล้วหอบพลังความกดดันอันมากมายมหาศาล ฟาดลงไปที่สตรีทั้งสอง

 

ดาบที่ซัดออกมานั้น ทำให้ทั้งผืนนภาและพื้นพิภพเปลี่ยนสี พลังสภาวะจากดาบของยินหวูซวงปรากฏชัดเจน นางต้องการสังหารฉู่เหยาและสตรีอีกคนให้ตายในดาบเดียว เพื่อให้หลงเฉินเกิดความเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด

 

หลงเฉินทยานเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ช้าเกินไป นัยตาทั้งคู่แดงก่ำ คล้ายจะพ่นไฟออกมาได้เลยทีเดียว

 

“วิชาพลังมวลไม้”

 

ฉู่เหยาตะโกนเสียงต่ำ ท่อนไม้จำนวนมากได้ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน กองทับถมกันอยู่ตรงหน้าฉู่เหยา ในทันใดนั้นก็ได้กลายเป็นเกราะกำบังในแนวตรงความสูงกว่าร้อยจั้ง

 

“ซูม”

ดาบเงินตัดผ่ากลางกำแพงไม้นั้น เศษไม้ปลิวกระจายไปทั่ว ยินหวูซวงออกแรงลงดาบเต็มกำลัง จนทำให้เกราะไม้ขนาดใหญ่ของฉู่เหยาแตกกระจุยกระจาย และส่งผลให้ฉู่เหยา ลู่ฟางเอ๋อ และเสียวเสว่ย ที่อยู่หลังเกราะไม้ ถูกแรงสั่นสะเทือนจากพลังอันมหาศาลที่น่าหวาดกลัวลอยไปกระแทกกับหน้าผา

 

เสี่ยวเสว่ยตั้งรับได้ทัน จึงใช้ร่างกายขวางที่หน้าผาไว้ เพื่อรองรับร่างของลู่ฟางเอ๋อและฉู่เหยา ไม่ให้กระแทกเข้ากับหน้าผา

 

แต่กระนั้น ในเวลานี้ร่างกายของพวกนางก็อ่อนแอมาก เนื่องจากถูกแรงจากพลังนั้นกระแทกใส่อย่างรุนแรง จนต้องกระอักโลหิตออกมา อวัยวะภายในได้รับบาดเจ็บอยู่ไม่น้อย

 

หากไม่ใช่เพราะในวินาทีแห่งความเป็นความตาย เสี่ยวเสว่ยใช้ร่างกายเข้ารองรับพวกนางไว้ หากพวกนางกระแทกเข้ากับหน้าผาหินที่แข็งแกร่งโดยตรง ก็อาจทำให้ถึงตายได้

 

“เอ๊ะ ยังไม่ตายอีก ตายยากจริงนะ”

 

สำหรับฉู่เหยาที่สามารถต้านทานการโจมตีของนางได้ ยินหวูซวงรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก หากทราบว่าผลการต่อสู้จะเป็นเช่นเมื่อครู่ นางที่ภายในใจมีความโกรธแค้นอยู่แล้ว จะปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่โดยไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย

 

นางโกรธแค้นหลงเฉินอย่างมาก ตั้งแต่หลงเฉินปรากฏตัวในครั้งนี้ ยินหวูซวงใช้สัญชาตญาณของสตรีเพศ ก็ทราบแล้วว่าความสัมพันธ์ของหลงเฉินกับสตรีผู้นี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

 

ในตอนนี้หลงเฉินทำให้นางต้องอับอาย และยังไม่ยอมประมือกับนาง นางจึงอดทนต่อไปไม่ไหว จึงคิดจะสังหารฉู่เหยาและลู่ฟางเอ๋อ เพื่อกระตุ้นหลงให้หลงเฉินเกิดความโกรธแค้น แล้วยอมซัดพลังปะทะกับนาง และแรงสะท้อนจากพลังของเขาเอง ก็จะทำให้เขาต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

 

“ในเมื่อยังไม่ตาย งั้นก็ลิ้มรสดาบของข้าอีกครั้งก็แล้วกัน”

 

ยินหวูซวงยิ้มอย่างเย็นชา ใบหน้าก็แสดงความชื่นมื่นเมื่อได้แก้แค้น ดาบสีเงินส่องแสงวาววับขึ้นอีกครั้ง

 

ทว่าในวินาทีที่นางกำลังจะลงมือ ทันใดรู้สึกว่าร่างกายแข็งค้างไปทั่วทั้งตัว เสมือนกำลังถูกสัตว์ร้ายจากโบราณกาลจับจ้องเขม็งอยู่

 

ในขณะเดียวกันนั้น ก็มีเสียงที่เย็นยะเยือกดั่งน้ำแข็งหมื่นปีดังขึ้นมา

“ตาย”

.

.

ช่องทางการจัดจำหน่าย : https://novelrealm.com/detail.php?novel=22 <<< (ถึงตอนที่ 1235 แล้วครับ)

ฝากกดติดตามหรือกดLikeเพจเคล็ดกายานวดาราด้วยครับ >>> 9 ดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา

เคล็ดกายานวดารา
Status: Ongoing
เป็นจักพรรดิโอสถกลับเกิดใหม่งั้นหรือ ? เป็นการผสานจิตวิญญาณกันหรือ ? หลงเฉิน เด็กหนุ่มที่ถูกช่วงชิงรากปราณ โลหิตปราณ กระดูกปราณทั้งสามสิ่งไป ได้หยิบยืมวิชาการหลอมโอสถระดับเทวะภายใต้ความทรงจำ ฝึกปรือวิชาเคล็ดกายานวดาราอันลี้ลับ แหวกม่านหมอกที่หนาทึบออก ปลดปล่อยโชคชะตาครอบครองพลังวงแหวนเทวะแห่งฟ้าดิน เหยียบย่างชั้นดาราตะวันจันทรา พบพานสาวงามต่างๆ กำราบมารร้ายเทพแห่งความชั่วจนกลายเป็นที่เลื่องลือก้องแดนเจียงหนาน หลงเฉินมาถึง สวรรค์คำรนพสุธาคำราม หลงเฉินไปจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพร่ำไรจนเป็นที่ตำนานแห่งยุทธ์ภพ หลงเฉินปรากฎ ฟ้าดินสั่นสะเทือน หลงเฉินเดินจาก ภูตผีหลั่งน้ำตาเทพยดาร้ำไห้ ระดับพลัง 1.ขอบเขตก่อรวม 2.ขอบเขตก่อโลหิต 3.ขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็น 4.ขอบเขตปรือกระดูก 5.ขอบเขตเชื่อมชีพจร 6.ขอบเขตแห่งการก่อฟ้า ระดับโอสถ 1.โอสถสามัญ 2.โอสถปัญญา 3.เชี่ยวชาญโอสถ 4.ราชาโอสถ 5.ราชันโอสถ 6.จ้าวโอสถ 7.เซียนโอสถ 8.ปราชญ์โอสถ 9.จักรพรรดิ์โอสถ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset