เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา – ตอนที่ 1 รับเคราะห์แทนผู้อื่น เกิดใหม่

กลางคืน ดำมืดราวกับหุบเหวลึกไร้จุดสิ้นสุด
มู่อวิ๋นซีที่กำลังย่างก้าวท่ามกลางความมืด รู้สึกราวกับตนเป็นซากศพเหม็นเน่าร่างหนึ่งในหุบเหวนั่น อีกทั้งยังแผ่กระจายกลิ่นเหม็นเน่าที่แม้แต่ตนยังรังเกียจ
“คุณหนูสามมาแล้ว!”ผู้หนึ่งยกม่านขึ้น
ในห้อง มู่เซิ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องลับ ยามเห็นมู่อวิ๋นซีเข้ามา เขาจึงหันหน้าเข้าห้อง
มู่อวิ๋นซีตามเข้าไปอย่างกะเผลก ข้ามผ่านทางลับ ทันใดนั้นแสงสว่างวาบขึ้น สว่างจ้าเสียดแทงลูกตา
เงินหยวนเป่าจำนวนมากวางอยู่บนชั้นอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ส่องประกายทองอร่ามตา ข้างชั้นวางเป็นกล่องไม้แดงเปิดอ้าไว้ เพชรนิลจินดาประกายแสงนานาชนิดแทบจะล้นออกมา
“ท่านป้าเจ้ามีเมตตา” มู่เซิ่งชี้ไปยังเหล่าเพชรนิลจินดาในห้องพลางว่า “รู้ว่าเจ้ากำลังจะตบแต่งให้กับขอทาน จึงตั้งใจเปิดคลังสมบัติตระกูลมู่ ให้เจ้าเลือกสักชิ้นไว้เป็นสินทรัพย์ ยังมิรีบไปขอบน้ำใจท่านป้าเจ้าอีก”
“เจ้าค่ะ ท่านพ่อ!” มู่อวิ๋นซีรับคำเสียงขืน หากในใจกลับทุกข์ล้นเหลือ
หล่อนเป็นคุณหนูสามของครอบครัวลูกคนที่สองแห่งตระกูลมู่ ถือกำเนิดไม่กี่วันพลันโดนไฟไหม้เป็นบาดแผลไปทั้งตัว และถูกทิ้งไว้ที่บ้านนอกในสภาพคนมิใช่ผีมิเชิง ภายหลังได้พบอาจารย์ อาจารย์ได้ทำการรักษาอาการบาดเจ็บให้กับหล่อน
สำหรับตระกูลมู่ สองปีก่อนไม่ทราบว่าด้วยเหตุใดพลันนึกถึงนางขึ้นมา อีกทั้งยังส่งคนมารับนางกลับมา คืนที่กลับมานางจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าร่วมหลับนอนกับท่านชายของครอบครัวลูกคนโต จากนั้นนางจึงโดนหักขาและจับขังคุก
จวบจนท่านชายครอบครัวลูกคนโตล้มป่วยถึงแก่ความตาย นางจึงได้รับการปล่อยตัว บิดาได้จัดหาสาวใช้ทำการโยนบอลผ้าหาคู่แทนนาง จนสุดท้ายลูกบอลผ้าตกลงในมือขอทานคนหนึ่ง
บิดาหล่อนจึงทำการประกาศยกนางให้ตบแต่งกับขอทาน
เดิมที่ได้ขับไล่นางกับขอทานออกจากจวนแล้ว ไม่คิดว่าฮูหยินใหญ่ของครอบครัวลูกคนโต ซึ่งเป็นองค์หญิงใหญ่ในรัชกาลปัจจุบันเรียกพบเป็นการด่วน นางจึงโดนเรียกตัวกลับ
มู่อวิ๋นซีรับถ้วยชาจากมือมู่เซิ่ง เดินกะเผลกไปทางองค์หญิงใหญ่ที่นั่งหลับตาพักผ่อนอยู่อีกด้าน “ขอบน้ำใจท่านป้าเจ้าค่ะ”
องค์หญิงใหญ่ถอนหายใจเล็กน้อยพลางรับถ้วยชามา สายตาคมปลาบปะทะเข้ากับมู่อวิ๋นซี และพลันตะลึง “เจ้า…เจ้าคือ?”
“องค์หญิงได้โปรดเถิด!” มู่อวิ๋นซีอึ้งคุกเข่าให้กับเธอ “ครั้งนั้นข้ามิได้ยั่วยวนท่านชาย แต่เป็นเพราะมีผู้ใส่ร้าย…”

“นังลูกไม่รักดี!”
มู่เซิ่งตะคอกดังแทรกกลางคำพูดของมู่อวิ๋นซี คว้ากระชากผมนางและสะบัดมือตบหน้านางไปหนึ่งฉาดลงไปกองกับพื้น “อย่าคิดได้คืบจะเอาศอก!”
พูดจบ เขาหันไปมององค์หญิงใหญ่ พลางยิ้มประจบว่า “พี่สะใภ้ พรุ่งนี้นางก็จะกลายเป็นเมียขอทาน และจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าท่านอีก ท่านอย่าได้ถือสานาง โปรดดื่มชาระงับความโกรธเถิด”
องค์หญิงใหญ่มองมู่อวิ๋นซีที่นอนหน้าบวมปูดบนพื้นอย่างสงสัย ท่าทางคล้ายจะเอ่ยคำ
“หากพี่สะใภ้ไม่ยอมให้อภัยนาง…งั้นข้าตีเจ้าลูกทรพีนี้ให้ตายนะขอรับ!” มู่เซิ่งยกเท้าขึ้นเตะมู่อวิ๋นซี
“เอาล่ะ” องค์หญิงใหญ่ดื่มชาในมือจนหมด “พยุงนางขึ้นมา ให้ข้าดูชัดๆหน่อย”
หล่อนมองพิจารณามู่อวิ๋นซีที่ยืนต่อหน้าตน จากนั้นพูดขึ้นว่า “ขอข้าดูไหล่ซ้ายเจ้าหน่อย”
“ให้เจ้าถอดก็ถอด พิรี้พิไรเหนียมอายอันใดกัน?”
มู่เซิ่งเห็นมู่อวิ๋นซีตะลึงอึ้ง ปากด่ากราด พลางยกมือขึ้นกระชากชุดของนางจนเผยให้เห็นไหล่ผอมบางอีกทั้งปานรูปดอกไม้บนไหล่
“เจ้า…”
ดวงตาองค์หญิงใหญ่เบิกกว้าง เดินเข้าหามู่อวิ๋นซีด้วยร่างสั่นเทา “ทำไมเจ้าถึงมีรอยปานนี้ได้?”
“เพราะหล่อนเป็นหลานสาวแท้ๆของท่านไง!” คนตอบมิใช่มู่อวิ๋นซี แต่เป็นมู่เซิ่ง
มู่อวิ๋นซีหันมองมู่เซิ่งอย่างตะลึง “ท่านพ่อ?”
“ท่านพ่อ? ท่านพ่อเจ้าตายไปตั้งแต่เมื่อสิบแปดปีก่อนแล้ว ตายตกกลางทะเล ไม่เหลือแม้แต่ซาก!” มู่เซิ่งพูดกับมู่อวิ๋นซีด้วยใบหน้ายิ้มหยัน “เจ้าควรจะเรียกข้าว่าท่านปู่น้อย อย่าลำดับญาติผิด”
“เจ้า…” องค์หญิงใหญ่หันมาถลึงตาใส่มู่เซิ่ง หากยังมิทันได้เอ่ยคำ กลับกระอักเลือดสีดำออกมา “เจ้าวางยาพิษข้า เจ้า…”
“พี่สะใภ้ ปรักปรำข้าเสียแล้วนี่” มู่เซิ่งร้องโอดครวญชวนเวทนา หากใบหน้ากลับยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี “น้ำชานี่ หลานสาวท่านยื่นให้เองกับมือ เป็นนางต่างหากที่วางยาท่าน น่าสงสารที่สองย่าหลานพึ่งจะได้รู้ความจริง ยังไม่ทันนับญาติ นางก็วางยาพิษท่านเสียแล้ว”

เขายื่นมือไปทดสอบลมหายใจที่จมูกฮูหยินใหญ่ ก่อนลุกขึ้นมายืนมองมู่อวิ๋นซีที่ยืนนิ่งตัวแข็งทื่ออยู่
“มู่อวิ๋นซีเอ๋ยมู่อวิ๋นซี เจ้านี่มันนางงูพิษจริงๆ กล้าวางยาท่านย่าแท้ๆของตนเอง…ยั่วยวนพี่ชายแท้ๆ จนเขาทนความอัปยศไม่ไหวต้องตายล้างอาย”
มู่อวิ๋นซีประหนึ่งโดนฟ้าผ่าเข้าร่าง หากคำที่มู่เซิ่งพูดเป็นความจริง หากนางเป็นคุณหนูครอบครัวลูกคนโตจริงๆ เช่นนั้นท่านชายที่ร่วมหลับนอนกับนางมิกลายเป็นพี่ชายนางงั้นรึ?”
ไม่ เป็นไปไม่ได้!
“ท่านพ่อ ท่านอย่าล้อเล่นสิ”
“ล้อเล่น? เหอะ!” มู่เซิ่งยิ้มหยัน ยกมือขึ้นบีบคางมู่อวิ๋นซี
“เจ้ามีสิ่งใดคู่ควรให้ข้าล้อเล่นงั้นรึ? สิบแปดปีก่อน วันที่เจ้าถือกำเนิด ข้าลงมือฆ่ามารดาเจ้า และยังยัดลูกข้าที่พึ่งถือกำเนิดได้สามวันใส่อ้อมแขนนาง อีกทั้งวางเพลิง ข้ามีหรือจะแยกไม่ออกว่าผู้ใดกันเป็นบุตรสาวข้า?”
มิน่าบิดาไม่รักมารดาไม่รักนาง ที่แท้พวกเขามิใช่บิดามารดาที่แท้จริงของนาง เป็นศัตรูต่างหาก
เขาสะบัดมือผลักมู่อวิ๋นซีล้มลงกับพื้น จ้องมองใบหน้าละม้ายคล้ายมารดาของนางนั่น “จะโทษ ต้องโทษตัวเจ้าเอง ไฟไหม้ครานั้นทำลายรูปโฉมเจ้า รอยปานของเข้า หากเจ้ายอมอัปลักษณ์ไปทั้งชาติ มีหรือจะมีวันนี้?”
ความน้อยเนื้อต่ำใจค่อยๆรวมตัวกลายเป็นความแค้นคุกรุ่นในจิตใจมู่อวิ๋นซี
“แต่เจ้ากลับรักษาใบหน้าจนหายดี และรอดพ้นการตามฆ่าของนักฆ่าที่ข้าส่งไป ข้าจะทำยังไงได้?” มู่เซิ่งผายมือทั้งสองข้าง ราวกับน้อยเนื้อต่ำใจระคนเสียดสี “ข้าทำได้เพียงจัดการให้พวกเจ้าสองพี่น้องร่วมเรียงเคียงหมอน ความรู้สึกเยี่ยงนั้น…พรืด!”
ความแค้นที่คุกรุ่นราวไฟแผดเผามู่อวิ๋นซี หล่อนทนกล้ำกลืนอดทนเพียงเพื่อต้องการพิสูจน์ว่าหล่อนมิใช่หญิงแพศยา ทว่าทั้งหมดกลับเป็นแผนการร้ายของมู่เซิ่ง หล่อนจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนได้เยี่ยงไร?
“เพราะเหตุใดกัน?”

เหตุใดนางพึ่งถือกำเนิด ต้องลงมือทำร้ายนางถึงเพียงนั้น? ทำไมหล่อนตกทุกข์ได้ยากถึงเพียงนั้น เขากลับไม่ยอมปล่อยมือ ยังเข้ามาเหยียบย่ำซ้ำเติม? ทำไมการเรียกพบขององค์หญิงใหญ่ถึงกลายเป็นการเอาชีวิตพวกนางสองคน?
“เพราะท่านย่าเจ้าคือองค์หญิงใหญ่” มู่เซิ่งหยิบจับเพชรนิลจินดาขึ้นมา พลางประกาศว่า “เพราะเงินทองสามารถบันดาลทุกสิ่ง! ขอเพียงพวกเจ้าตายสิ้น ทุกสิ่งจึงจะตกเป็นของข้าอย่างชอบธรรม ส่วนเจ้า…”
เขามองมู่อวิ๋นซี หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “มิอยากตบแต่งกับขอทาน ทำร้ายองค์หญิงใหญ่ สมควรได้รับโทษแยกร่าง!”
คิดให้ตนเป็นแพะรับบาป!
“ข้าจะฆ่าเจ้า!” มู่อวิ๋นซีกระโดดลุกขึ้นจากพื้น ดึงปิ่นปักผมหวังแทงใส่มู่เซิ่ง มู่เซิ่งเบี่ยงตัวออก หลบการพุ่งเข้ามาของมู่อวิ๋นซี พล้าคว้าผมหล่อน จับหัวหล่อนกระแทกเข้ากับกล่องไม้แดงที่มีเพชรนิลจินดามากมายอยู่ด้านใน
ปึก!ปึก!
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใดแล้ว มู่อวิ๋นซีจึงค่อยๆลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่โผล่เข้าสู่สายตาคือดวงดาวเต็มท้องฟ้า ระยิบระยับไปทั่วทุกมุมของท้องฟ้า
ไม่ตาย? มู่อวิ๋นซีลุกขึ้นนั่งอย่างสงสัย ภาพเบื้องหน้าคือไหล่เขาที่มีหิมะโปรยปราย
เป็นฤดูร้อนแท้ๆ เหตุใดจึงมีหิมะ?
มู่อวิ๋นซีขยับตัว พลันมีเสียงกริ๊งออกมาจากในชายเสื้อ
นางลูบจับชายเสื้ออย่างสงสัย ขวดกระเบื้องอันคุ้นเคยโผล่สู่สายตา ยาสร้างเนื้อ ยาถอนพิษ ยาต่อชีวิต……
นี่เป็นขวดยามากมายที่อาจารย์และศิษย์พี่มอบให้ยามหล่อนออกจากหุบสิ้นทุกข์เมื่อสองปีก่อน ของพวกนี้มิใช่โดนมู่เซิ่งเอาไปหมดแล้วหรือไร เหตุใดมาอยู่บนตัวนางได้ล่ะ?
ความคิดในใจนางหมุนวนไปมา ภาพเบื้องหน้าผสานรวมกับความทรงจำส่วนลึกในสมอง นี่มัน…นี่คือไหล่เขาที่นางตกลงไปในตอนนั้น
ตอนนั้นพวกเขาใกล้จะเข้าเมืองหลวงแล้ว กลับโดนลอบทำร้ายระหว่างทาง ท่ามกลางความวุ่นวาย คนที่มารับนางผลักนางตกไหล่เขา รอนางฟื้นขึ้นมาทุกอย่างก็หายไปหมดแล้ว
รวมทั้งคนที่มารับนางและนักฆ่า ไม่พบรอยเลือด ไม่พบซากศพ
นี่คือสองปีก่อน? ทุกอย่างยังไม่เกิดขึ้น
มู่อวิ๋นซีตัวสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น
ผ่านไปนานโข จิตใจนางถึงค่อยสงบลง หากนี่เป็นเมื่อสองปีก่อนจริง หล่อนคงจะต้องพบเจอกับคนผู้นั้นอีกครั้งเป็นแน่ พอคิดได้เยี่ยงนี้ มู่อวิ๋นซียกชายชุด ปืนไหล่เขาพลางวิ่งไปตามถนนสายหลักทางทิศตะวันออก

เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา

เงารัตติกาลใต้แสงจันทรา

Status: Ongoing

Comment

Options

not work with dark mode
Reset