เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] – ตอนที่ 240

บทที่ 240 : เรียกเขามาที่นี่หน่อยได้ไหมครับ

แอนดรูว์พรั่นพรึงในใจจากการคาดเดาล่าสุดของเขา

แต่ยิ่งเขาคิด เรื่องนี้ยิ่งสมเหตุสมผล เพราะหนอนเฟืองนาฬิกายังถือว่าเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติหายากกระทั่งจากมุมมองระดับเหนือนภา

ในฐานะของของขวัญ มันต้องทรงคุณค่าเพียงพออย่างแน่นอน หรืออย่างน้อยที่สุดมันก็ต้องมีค่าเทียบเท่าดาบปีศาจ ความไม่สมัครใจของเจ้าของร้านหนังสือต้องไม่ใช่เพราะเจ้าหนอนเฟืองนาฬิกานี้มีค่าไม่พอแน่ ๆ

นี่ต้องเป็นอำนาจแห่งกฏเกณฑ์ที่แท้จริง!

พลังที่หนอนเฟืองนาฬิกาตัวหนึ่งใช้ได้นั้นขึ้นตรงกับปริมาณอีเธอร์ของผู้ใช้ เนื่องจากข้อจำกัดมากมาย การอัดอีเธอร์เต็มกำลังของระดับภัยพิบัติอาจจะทำให้มันมีผลได้แค่ในบริเวณเล็ก ๆ เท่านั้น

โดยหลักแล้วมันจะใช้ได้เฉพาะในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเพื่อช่วยชีวิตตัวเองเท่านั้น แต่ถ้าผู้ใช้มันโดนฆ่าไปก่อนที่จะเรียกใช้งานมันได้ งั้นเจ้าตัวน้อยนี่ก็ไร้ค่า

การใช้งานของมันจำกัดมากจริง ๆ

แต่ถึงอย่างไร นี่ก็คือวัตถุที่แข็งแกร่งพอที่จะเปลี่ยนชะตาชีวิตของคน ๆ หนึ่งได้

ไม่อย่างนั้น ตระกูลของแอนดรูว์คงไม่ลงทุนสร้างเครื่องกลนี้ขึ้นมาแล้วขังเจ้าสิ่งเหนือธรรมชาตินี้ไว้เป็นมรดกตกทอดของตระกูลที่ถูกเก็บเป็นความลับไว้เฉพาะในหมู่เจ้าบ้านแต่ละรุ่นต่อ ๆ กันไปหรอก

แต่ว่า…แอนดรูว์รู้สึกว่าเขามองข้ามเรื่อง ๆ หนึ่งไป

และนั่นคือเจ้าของร้านหนังสือตรงหน้าเขา เขาถือครองพลังในขอบเขตอะไรกันแน่ และทำได้ขนาดไหน?

ในเมื่อหอพิธีกรรมต้องห้ามตั้งสถานะ ‘ปิดผนึก’ ให้กับทุกข้อมูลและข่าวเกี่ยวกับร้านหนังสือ ทุกสิ่งที่สมาคมแห่งสัจธรรมหามาได้ในตอนนี้จึงมีแค่เศษเสี้ยวเล็ก ๆ น้อย ๆ

พวกเขารู้แค่ว่าความสามารถของหลินเจี๋ยต้องอยู่ในระดับเหนือนภาหรือสูงกว่าอย่างแน่นอน แต่พวกเขาไม่รู้ข้อมูลเจาะจงใด ๆ เลย นอกจากคำอธิบายเชิงภาพรวมว่า ‘รอบรู้และสามารถรอบด้าน’

ทว่า…มีลัทธิไหนบ้างล่ะที่ไม่สรรเสริญเทพเจ้าของตัวเองว่ารอบรู้และสามารถรอบด้าน?

แอนดรูว์พยายามมองจากมุมมองที่เป็นเหตุเป็นผลและไม่ได้คิดว่าเจ้าของร้านหนังสือจะแข็งแกร่งอย่างที่กล่าวอ้าง มีความเป็นไปได้ว่าเรื่องนี้จะเป็นการพูดเกินไปที่ลูกค้าคนอื่น ๆ และหอพิธีกรรมต้องห้ามยกยอเขาเพราะอยากประจบ

แต่ตอนนี้เขาพลันประจักษ์แล้วว่าแม้เจ้าของร้านหนังสือจะไม่ได้ถึงกับสามารถรอบด้าน แต่เขาต้องควบคุมขอบเขตอำนาจที่สูงกว่าอยู่แน่ ๆ จากความพยายามประจบสอพลอของหอพิธีกรรมต้องห้าม

และบางทีแอนดรูว์อาจจะกระทำลงไปโดยไม่คิดมาก แล้วดันเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน…

แอนดรูว์สังเกตสีหน้าของชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาอย่างระมัดระวัง แต่เขาหาเบาะแสอะไรของอีกฝ่ายไม่ได้เลย

หลินเจี๋ยเหลือบมองรองประธานสมาคมแห่งความจริงที่พิลึกขึ้นทุกทีอย่างสงสัย แล้วก็เคาะโต๊ะ “นอกจากมาขอโทษกันแล้ว มีอย่างอื่นด้วยไหมครับ? คุณลืมอะไรไปหรือเปล่า?”

เขาสงสัยว่ารองประธานคนนี้ดูมีบางอย่างไม่ปกติ และจากการแสดงออกของเขาทำให้เขานึกถึงผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่เขาได้เห็นเมื่อนานมาแล้ว

พวกเขาจะมองหน้าคนอื่น ๆ อยู่เป็นครั้งคราวเพื่อดูว่าความทรงจำของพวกเขามีปัญหาหรือเปล่า และในขณะเดียวกันพวกเขาจะพยายามสุดชีวิตที่จะจำให้ได้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่

แอนดรูว์สั่นสะท้าน ความตึงเครียดที่เพิ่งผ่อนลงกลับมาอีกครั้ง

น…นี่มันคำเตือน!

ในเมื่อเจ้าของร้านหนังสือรู้สึกไม่พอใจในของขวัญที่เขาเพิ่งให้ แน่นอนว่าแอนดรูว์ก็ต้องเพิ่มบรรณาการ!

ราวกับนี่คือการบอกใบ้ให้แอนดรูว์รีบแสดงความจริงใจอย่างสุดซึ้งออกมาได้แล้ว!

“หนังสือไง! ผมอยากขอซื้อหนังสือหน่อยครับ!”

แอนดรูว์อุทานออกมา ก่อนที่จะเพิ่มเติมอย่างรีบร้อน “ผมได้ยินเกี่ยวกับคุณและร้านหนังสือของคุณมามาก และในฐานะนักวิชาการที่อุทิศชีวิตเพื่อการเรียนรู้และสมาชิกคนหนึ่งของสมาคมแห่งสัจธรรม ผมจึงเต็มไปด้วยความทึ่งและกระหายในความรู้ ดังนั้นผมเลยอยากซื้อหนังสือจากคุณโดยไม่เกี่ยงราคาครับ!”

เขาในตอนนี้ดูจริงใจสุด ๆ และพยายามสุดชีวิตที่จะพูดแต่สิ่งดี ๆ ด้วยหวังว่าจะได้เป็นลูกค้าร้านหนังสือ

เจ้าของร้านหนังสือจะไม่ปฏิเสธใครก็ตามที่มาขอความช่วยเหลือจากเขา แต่คน ๆ นั้นต้องซื้อหนังสือเขานะ

ในขณะเดียวกัน คนที่สามารถรับหนังสือจากที่นี่ได้เท่านั้นที่จะได้รับพลังที่พวกตนปรารถนา

หลินเจี๋ยทำตัวไม่ถูกไปเสี้ยววินาทีหนึ่ง ก่อนที่รอยยิ้มมืออาชีพอย่างเคยของเขาจะปรากฏขึ้น ทุกอากัปกิริยาที่แสดงถึงความไม่ชอบใจและความลังเลหายวับไปทันที สีหน้าของเขาเปลี่ยนไวเสียยิ่งกว่านักแสดงงิ้วเปลี่ยนหน้าเสฉวนที่เปลี่ยนหน้ากากไปมาเสียอีก

“อ้อ…คุณมาซื้อหนังสือ น่าจะบอกเร็วกว่านี้หน่อยนะครับ”

“ถ้าคุณมาซื้อหนังสือ ก็ซื้อเลยสิครับ ไม่เห็นจำเป็นต้องนำของขวัญมาให้กันเลยจริง ๆ นะ คุณสุภาพมากเกินไปแล้วครับ”

“นี่ครับ เชิญนั่ง”

หลินเจี๋ยผายมือไปที่เก้าอี้สตูลตัวสูงที่หน้าเคาเตอร์

“อ้อ อื้ม” แอนดรูว์ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วนั่งลงที่หน้าเคาเตอร์ ในที่สุดความเบิกบานใจและปีติยินดีก็เอ่อล้นในใจเขา

หลังจากผ่านการนั่งรถไฟเหาะตีลังกา กระเด้งกระดอนผ่านรางขรุขระขึ้น ๆ ลง ๆ นี้มาได้ ในที่สุดเขาก็ได้รับการยอมรับจากเจ้าของร้านหนังสือ และได้รับสิทธิ์ในการซื้อหนังสือแล้ว

ไม่ว่าความผิดเก่าก่อนของเขาจะได้รับการให้อภัยหรือไม่ ทั้งหมดขึ้นกับการแสดงออกของเขาในตอนนี้

หลินเจี๋ยเลื่อนกล่องใส่หนอนเฟืองนาฬิกาไปข้าง ๆ แล้วโบกมือให้พรีม่า “รินชาให้เราหน่อยครับ”

อาการบาดเจ็บของพรีม่าดีขึ้นมากแล้ว เธอสามารถเดินไปเดินมาอย่างอิสระ ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไปแล้ว

และเธอย่อมรีบรุดมาช่วยเมื่อได้ยินคำสั่งของเจ้าของร้านหลิน

แอนดรูว์สังเกตเห็นการมีอยู่ของสาวน้อยคนนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่านี่คือน้องสาวของมาร์กาเร็ต แต่เขาก็ไม่ได้คุ้นเคยอะไรกับเธอ…

ไม่สิ เดี๋ยวก่อน ทำไมน้องสาวของมาร์กาเร็ตถึงมาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ!?

เมื่อสติที่แตกกระเจิงของเขาสงบลงได้ ในที่สุดแอนดรูว์ก็มีเวลามาคิดเรื่องนี้

มาร์กาเร็ตยังไม่มีร่องรอย แต่น้องสาวของเธอก็มาโผล่ในร้านหนังสือได้อย่างแปลกประหลาด…

ในตอนนั้นเอง หลินเจี๋ยรับถ้วยชาร้อน ๆ จากพรีม่าแล้วเลื่อนมันไปหาแอนดรูว์ แล้วก็ถามออกมา “คุณรู้ไหมครับว่าลุงของพรีม่าเป็นใคร?”

ตอนนี้มีผู้บริหารระดับสูงของสมาคมแห่งสัจธรรมมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงสบโอกาสถามข้อมูลตรง ๆ

แอนดรูว์ตระหนก “เจโรม!”

อย่างนี้นี่เอง…แอนดรูว์เข้าใจแล้วว่าเจ้าของร้านหนังสือรู้คำตอบอยู่แล้ว เขามองใบหน้าซีดขาวของพรีม่าแล้วก็สังเกตเห็นว่าเธอบาดเจ็บอยู่

นี่ยังหมายความด้วยว่าเจโรมคือไส้ศึกจริง ๆ และเป็นหนึ่งในคนที่ลอบโจมตีมาร์กาเร็ต

เจโรมไม่เพียงลงมือกับมาร์กาเร็ต แต่ยังพยายามฆ่าพรีม่าด้วย

และบังเอิญว่าพรีม่าก็มาขอความช่วยเหลือที่ร้านหนังสือพอดี

นี่ก็หมายความว่าพวกเขาทั้งคู่มีศัตรูคนเดียวกัน!

หลินเจี๋ยว่า “ดูเหมือนคุณจะรู้จักเขานะครับ…”

แอนดรูว์ยิ้มเครียด “ไม่ต้องพูดต่อแล้วครับ ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นไส้ศึกมาตลอด นี่คือความบกพร่องในหน้าที่และความซื่อบื้อของผมเอง ผมตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของเขาแล้วก่อเรื่องผิดพลาดหลายอย่างในอดีต แต่ตอนนี้ผมสำนึกแล้ว และอยากจะออกมารับความผิดของตัวเองครับ”

จากที่เห็น หลินเจี๋ยรู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเพิ่มแล้ว รองประธานตรงหน้าเขารู้ถึงความผิดของเจโรมอยู่แล้ว

และเรื่องเลว ๆ ของเจโรมก็ไม่ได้หยุดที่แค่เรื่องเดียวด้วย

หลินเจี๋ยพยักหน้า “งั้นเหรอครับ ผมเองก็มีบางเรื่องที่ต้องคุยกับเขาเหมือนกันครับ รบกวนเรียกเขามาที่นี่หน่อยได้ไหมครับ?”

แอนดรูว์ชะงัก “ค…คุณต้องการอะไรจากเขาเหรอครับ?”

ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนลงมาก หลินเจี๋ยพยักเพยิดหน้าของเขาไปที่ประตูทางเข้า แอนดรูว์หันไปมองแล้วเห็นว่าที่ประตูมีรูที่ถูกปิดไว้อย่างเห็นได้ชัดเจน

“ผมอยากคุยกับเขาเรื่องการชดเชยสำหรับประตูบานนี้สักหน่อยน่ะครับ”

“ไม่มีปัญหาครับ!” แอนดรูว์พยักหน้าอย่างกระชุ่มกระชวยทันที เขารู้สึกดีใจมาก

เหมาะเหม็งอะไรอย่างนี้ เจโรมหางานเข้าตัวเองในเวลาเหมาะเจาะมาก ดังนั้นแอนดรูว์ในตอนนี้จึงมีโอกาสปลดแอกตัวเองออกมาจากบัญชีดำของร้านหนังสือแล้ว

หลินเจี๋ยที่พอใจแล้วพูดต่อ “ผมจะรอข่าวดีจากคุณนะครับ…อ้อใช่ คุณหาหนังสือแบบไหนอยู่เหรอครับ?”

“ผมแนะนำหนังสือสองสามเล่มให้คุณได้นะครับ เช่น ‘ขุมทรัพย์สุดปลายฝัน’ เล่มนี้ ส่วนตัวแล้วผมชอบเล่มนี้จริง ๆ ครับ…”

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]

IRNDGL, I’m Really Not the Evil God's Lackey, 我真不是邪神走狗
Score 9
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2020 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]Lin Jie เป็นเจ้าของร้านหนังสือในอีกโลกหนึ่ง เขาเป็นคนใจดีและอบอุ่น มักจะแนะนำหนังสือการรักษาให้กับลูกค้าที่กำลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในบางครั้งเขาแอบโปรโมตงานของเขาเองด้วย เมื่อเวลาผ่านไป ลูกค้าเหล่านี้เริ่มให้ความเคารพเขาอย่างมาก บางคนถึงกับนำอาหารพิเศษประจำท้องถิ่นมาตอบแทนบุญคุณของเขาบ่อยๆ พวกเขามักจะขอความเห็นจากมืออาชีพเมื่อต้องเลือกหนังสือ และแบ่งปันประสบการณ์กับเจ้าของร้านหนังสือธรรมดาๆ คนนี้ให้คนรอบข้างฟัง พวกเขาเรียกเขาด้วยความเคารพและสนิทสนมโดยใช้ชื่อต่างๆ เช่น “ลูกสมุนของเทพปีศาจ”, “ผู้เผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งเนื้อและเลือด”, “'ผู้แต่งพิธีกรรมและศุลกากรแห่งนิกายกินศพ” และ “ผู้เลี้ยงแกะแห่งดวงดาว”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset