เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] – ตอนที่ 276 : การคาดเดาเกี่ยวกับเจ้าดำ

บทที่ 276 : การคาดเดาเกี่ยวกับเจ้าดำ

ฮ่า…

ตำราอาหารพื้นบ้านบ้านเกิดเราคงไม่คล้ายกับสูตรอาหารส่วนใหญ่ในอาซีร์หรอก มันน่าจะแปลกใหม่มากสำหรับคนจากโลกอื่น แต่ส่วนผสมส่วนใหญ่ก็ยังหาได้ และสิ่งอื่นที่เหลือก็นับว่ายังหาอย่างอื่นมาทดแทนได้อยู่…

ส่วนพวกนี้ต้องแก้นิดหน่อย…

เพราะเป็นหนังสือสีที่ทุกภาพเป็นภาพสี ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะกลายเป็นวัตถุดำและมีความดึงดูดใจมาก ก็ดีแล้ว

หลินเจี๋ยหยิบตำราอาหารมาพลิกดู เขาสังหรณ์ลาง ๆ ว่าบางทีหนังสือ 1,000 เมนูอาหารพื้นบ้านคลาสสิก ฉบับสี 365 วัน เล่มนี้อาจจะเป็นหนังสือขายดีที่สุดในหมู่หนังสือห้าเล่มนี้ก็เป็นได้

การตกลงทำสัญญาตัวแทนขายเป็นทางเลือกที่ดีจริง ๆ หาวิธีขายหนังสือที่ก่อนหน้านี้ขายไม่ออกได้ด้วย แถมยังไม่ต้องเป็นห่วงอะไรตัวเอง แล้วต่อจากนี้ในอนาคตก็ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเรื่องเงินแล้วด้วย

เขากองหนังสือทั้งห้าเล่มไว้ในที่เดียวกันแล้วตบเบา ๆ อย่างพึงพอใจ

ระลอกแรกนี้เขาใส่หนังสือเตรียมไว้ทุกประเภท และการตีพิมพ์แบรนด์ของร้านหนังสือ แม้ว่าร้านหนังสือนี้จะยังไม่มีชื่อก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้อย่างปลอดภัยสุด ๆ

ในขณะที่หลินเจี๋ยกำลังนึกภาพหนังสือเหล่านี้เรียงรายกันบนชั้นหนังสือเป็นร้อยเล่มนั้นเอง จู่ ๆ ความรู้สึกลังเลก็บังเกิดขึ้น

น่าจะฉวยโอกาสนี้เติมหนังสือที่เราเขียนเข้าไปด้วยดีไหมนะ ถึงมันจะเป็นในเชิงวิชาการและมีเกณฑ์การอ่านก็เถอะ แต่ตัวแทนจำหน่ายอย่างบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ก็น่าจะมีตลาดกว้างพอ และน่าจะมีนักวิชาการในอาซีร์สนใจมันบ้างแหละน่า…

ชายหนุ่มยังไม่ลืมว่าราคาที่เขาต้องจ่ายให้เจ้าดำในการย้ายโลกมานี้ก็คือการเผยแพร่หนังสือที่เขาเขียนขึ้นเอง

ดูเหมือนว่าการทำเช่นนี้จะเป็นประโยชน์กับมัน…ยิ่งไปกว่านั้น จากที่เห็นในตอนนี้ วัตถุโบราณเหล่านี้ที่คุณหนูจี้ขุดขึ้นมาจากเมืองเขตล่างก็น่าจะมีผลเช่นกัน

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าหลักการเป็นอย่างไร แต่นี่ก็เป็นภารกิจของเขาอยู่ดี

หลินเจี๋ยครุ่นคิดเล็กน้อย

จู่ ๆ ตัวเองก็คาดเดาบางอย่างเกี่ยวกับเจ้าดำขึ้นมาได้

ก่อนย้ายโลกมา เขาได้ตีพิมพ์งานวิจัยคติชนทั้งหมดห้าชุด เรียงตามลำดับแล้วก็คือ ‘ตราสัญลักษณ์และโทเท็ม’ ‘เรื่องเล่าและตำนาน’ ‘สถาปัตยกรรมและความงาม’ ‘ดนตรีและการระบำ’ และ ‘ความสัมพันธ์ทางสายเลือดและกลุ่มชาติพันธุ์’

นอกจากนั้น ‘พิธีกรรมและขนบธรรมเนียม’ ก็ปิดเล่มได้แล้ว แต่ไม่ได้ตีพิมพ์อย่างเป็นทางการ

ในหมู่พวกมัน ‘พิธีกรรมและขนบธรรมเนียม’ ถูกส่งให้ตาเฒ่าไวลด์ยืมไป แล้วหลังจากนั้นเจ้าดำก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งหลังจากหายไปกว่าสามปี แล้วจากนั้นก็ยังโผล่มาช่วยเขาสับเบรกเกอร์ไฟฟ้าให้ด้วย

สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างนั้นและมีอิทธิพลต่อเรื่องนี้ก็คงเป็น ‘เฒ่าไวลด์ศึกษาหนังสือพิธีกรรมและขนบธรรมเนียมเล่มนี้’

ดังนั้นจึงคาดเดาได้ว่า…

เมื่อมีผู้อื่นได้เห็นและศึกษาจากหนังสือที่หลินเจี๋ยเขียน เจ้าดำจะได้รับผลประโยชน์หนังสือ ‘ตราสัญลักษณ์และโทเท็ม’ ถูกขายให้โดริสไปสามสิบเล่ม แล้วเขาก็ขอให้เธอกลับไปสอนคนในตระกูลของเธอก่อน ให้พวกเขาได้อ่านผ่าน ๆ เพื่อไม่ให้กระทบประสิทธิภาพเมื่อถึงเวลาของพวกเขา

หลังจากนั้น ดูเหมือนว่าเจ้าดำจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงอะไร แต่เมื่อได้ไปเยี่ยมเฒ่าไวลด์ เจ้าดำก็แสดงความสามารถในการเคลื่อนย้ายคนทั้งคนออกมา

แต่ในการออกมาเมื่อครู่นี้ เจ้าดำก็แยกตัวออกจากรูปร่างตายตัวเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มันสามารถขยับตัวได้ตามใจชอบและยังส่งเสียงออกมาได้ด้วย ในตอนที่เจ้าดำปรากฏตัวขึ้นเมื่อสามเดือนก่อน มันยังทำได้แค่แสดงข้อความจากคราบน้ำบนเคาเตอร์เท่านั้นเอง

แล้วเจ้าดำในตอนนี้ก็ถือว่าใกล้เคียงเจ้าดำที่โผล่มาหาเขาเมื่อสามปีก่อนแล้ว

หรือก็คือ…เพราะย้ายเรามาที่โลกนี้ เจ้าดำคงจะเสียพลังงานไปมากในตอนนั้น

และเพราะฉะนั้นมันจึงหลับลึก ๆ ไปสามปี และคืนชีพขึ้นมาเพราะเราให้หนังสือเล่มนั้นกับตาเฒ่าไวลด์ไปนั่นเอง

หลินเจี๋ยกุมคางแล้วคิดในใจ แล้วจนตอนนี้ มันก็ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่

โดยพื้นฐานแล้วก็สรุปได้ว่าการคาดการณ์ข้างต้นเป็นความจริง

อืม…บางทีนะ ในเมื่อเจ้าดำฟื้นตัวแล้ว เขาก็อาจจะทำข้อแลกเปลี่ยนต่าง ๆ ได้อยู่?

พอคิดถึงตรงนี้ หลินเจี๋ยก็ดึง ‘เรื่องเล่าและตำนาน’ ออกมาจากชั้นหนังสือแล้ววางรวมกันกองหนังสือห้าเล่มเมื่อครู่ จากนั้นก็พึมพำ “เล่มอื่น ๆ เจาะจงเกินไป เหลือก็แค่เล่มนี้ เราได้รวมเรื่องเล่าพื้นบ้านประจำถิ่นและตำนานต่าง ๆ เอาไว้เยอะแยะเลย จะถือว่าเป็นหนังสือนิยายก็คงพอไหว ถึงแม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นการยกตัวอย่างและวิเคราะห์ และก็น่าจะมีคนสนใจมันอยู่ หวังว่าฐานลูกค้าคุณหนูจี้จะใหญ่พอนะ”

ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมเขาจึงไม่ไปเสนอให้สมาคมแห่งสัจธรรมที่มีแต่นักวิชาการล้วน ๆ น่ะเหรอ?

ก่อนหน้านี้ หลินเจี๋ยเคยถามฮู้ดถึงสถานการณ์ที่สมาคมแห่งสัจธรรม และเขาก็ได้คำตอบว่าถึงแม้จะว่ากันว่าสมาคมแห่งสัจธรรมจะเต็มไปด้วยนักวิชาการ แต่แต่ละสาขาของสมาคมก็มีแต่สายวิทยาศาสตร์เชิงปฏิบัติทั้งสิ้น เช่น แผนกช่างกล แผนกเภสัชกรรม…

และใช่…พวกเขาแบ่งพรรคพวกกับพวกนักศึกษาสายศิลป์

ในกรณีนี้ หลินเจี๋ยก็ย่อมไม่ทำให้ตัวเองขายหน้า

เขาผ่อนลมหายใจยาว แววตาของตัวเองเริ่มฉายแววมีความคาดหวัง “จากนี้ไปก็เป็นเรื่องของบริษัทโรลล์แล้ว”

หลินเจี๋ยมองหนังสือที่เขาเขียน วางมือลงบนหน้าปกแล้วลูบเบา ๆ เขาจำได้ว่าเฒ่าไวลด์ยังคงช่วยเขาเผยแพร่งานอย่างขยันขันแข็ง

ไม่รู้ว่าเฒ่าไวลด์กับคนอื่น ๆ เป็นยังไงบ้างแล้วนะ?

ปัง!

ประตูบานหนาหนักถูกถีบออก เหล่าคนรับใช้ในห้องโถงต่างตกใจกลัว บังเอิญว่าสตรีสูงศักดิ์คนหนึ่งที่ยืนอยู่ที่มุมบันไดสั่งคนใช้ของเธอให้เข้ามาตัดแต่งต้นบอนไซในตอนนี้พอดี กระถางจึงหลุดมือตกแตก

เศษซากกระถางปลิวไปทุกทิศทาง

ใบหน้างดงามของเธอถอดสี เมื่อมองกลุ่มอัศวินติดอาวุธที่กรูกันเข้ามาแล้ว เธอก็พลันกรีดเสียงออกมาอย่างไม่รู้ตัว “พวกคุณเป็นใคร?! ที่นี่คือคฤหาสน์ของอัศวินแห่งแสงออสวาลด์นะคะ ฉันเตือนพวกคุณ…”

เธอคิดว่าในเมื่อคนพวกนี้เป็นอัศวิน งั้นพวกเขาก็ต้องรู้จักและยำเกรงชื่อออสวาลด์แน่ ดังนั้นพวกเขาจะไม่กล้าทำอะไรไร้เหตุผล

แต่เธอลืมไปว่าในเมื่อพวกเขาต้องรู้อยู่แล้ว แล้วทำไมพวกเขาถึงยังมาเยือนอย่างไม่สุภาพแบบนี้ล่ะ?

มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น…

“ออสวาลด์เหรอ?”

หัวหน้าอัศวินมีผมสีบลอนด์และหน้าตาจิ้มลิ้ม เขาพูดอย่างเฉยเมย “นั่นแหละครับคนที่เราต้องการตัว”

จากนั้นเขาก็โบกมือสั่งคนของเขาให้ควบคุมตัวทุกคนในห้องโถงไว้ทันที ในขณะที่อีกส่วนออกตามหาออสวาลด์ที่พำนักอยู่ในคฤหาสน์

“ไม่ได้นะ! พวกคุณทำแบบนี้ไม่ได้!”

สตรีสูงศักดิ์คนนั้นคือภรรยาคนที่สามของออสวาลด์ โมนิก้า ซึ่งดูอายุน้อยกว่าออสวาลด์สี่สิบปีเต็ม

เธอถูกอัศวินตรึงแขนไว้กับพื้นแล้วกรีดร้องอย่างเจ็บปวด ในขณะเดียวกันใบหน้าของเธอก็งุนงงไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าทำไมอัศวินเหล่านี้ถึงได้ไม่สนใจชื่อของอัศวินแห่งแสงไปได้

โมนิก้าพยายามดิ้นรนเพื่อมองหัวหน้าอัศวิน แล้วเธอก็พลันตาสว่าง “ฉันรู้จักคุณ! คุณคือศิษย์ของโจเซฟ แฮร์รี่ คล็อด!”

เธอพูดเสียงดัง “คุณทำอะไรของคุณน่ะ?! เพราะเรื่องเด็ก ๆ อย่างปัญหาระหว่างท็อดด์กับเมลิสซ่า โจเซฟเลยจะล้างแค้นเป็นการส่วนตัวเหรอ?! นี่เป็นการละเมิดกฏของหอพิธีกรรมต้องห้ามชัด ๆ เลยนะ เป็นพฤติกรรมที่ผิดต่อจรรยาบรรณอัศวิน! ฉันจะร้องเรียนคุณกับสภาผู้อาวุโส!”

คล็อดผู้ยิ้ม ๆ “เด็กแจ้งความ ผู้ใหญ่ร้องเรียน ดูเหมือนลูกไม้นี้จะเป็นกรรมพันธุ์นะครับ แต่คุณก็รู้ดีว่าใครกันแน่ที่ละเมิดกฏ”

เขารักษาสีหน้านิ่งสงบแล้วดึงเอกสารออกมาจากอกเสื้อของเขาแล้วอ่านออกเสียง “จากการค้นพบของแผนกข่าวกรอง อัศวินแห่งแสงออสวาลด์ ไอเล็ตต์มีการจัดตั้งพรรคพวกเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ร่วมมือกับศัตรูและรับสินบน หลักฐานชี้ชัด จึงยื่นหมายจับเพื่อสอบปากคำ และคำตอบของสภาผู้อาวุโสก็คือ…”

“อนุมัติ!”

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]

IRNDGL, I’m Really Not the Evil God's Lackey, 我真不是邪神走狗
Score 9
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2020 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]Lin Jie เป็นเจ้าของร้านหนังสือในอีกโลกหนึ่ง เขาเป็นคนใจดีและอบอุ่น มักจะแนะนำหนังสือการรักษาให้กับลูกค้าที่กำลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในบางครั้งเขาแอบโปรโมตงานของเขาเองด้วย เมื่อเวลาผ่านไป ลูกค้าเหล่านี้เริ่มให้ความเคารพเขาอย่างมาก บางคนถึงกับนำอาหารพิเศษประจำท้องถิ่นมาตอบแทนบุญคุณของเขาบ่อยๆ พวกเขามักจะขอความเห็นจากมืออาชีพเมื่อต้องเลือกหนังสือ และแบ่งปันประสบการณ์กับเจ้าของร้านหนังสือธรรมดาๆ คนนี้ให้คนรอบข้างฟัง พวกเขาเรียกเขาด้วยความเคารพและสนิทสนมโดยใช้ชื่อต่างๆ เช่น “ลูกสมุนของเทพปีศาจ”, “ผู้เผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งเนื้อและเลือด”, “'ผู้แต่งพิธีกรรมและศุลกากรแห่งนิกายกินศพ” และ “ผู้เลี้ยงแกะแห่งดวงดาว”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset