เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] – ตอนที่ 281 : อัศวินจะผิดคำพูดไม่ได้

บทที่ 281 : อัศวินจะผิดคำพูดไม่ได้

ท่ามกลางซากปรักหักพังของคฤหาสน์ออสวาลด์

“บ้าชิบ!”

โจเซฟต่อยเสาที่เหลืออยู่ครึ่งต้นที่อยู่ใกล้ ๆ ด้วยความเดือดดาล

เสาเอียงถล่มลงกับพื้น ทำให้ฝุ่นตลบคลุ้งขึ้น

แม้ว่าการเผชิญหน้านี้จะดูเหมือนว่าโจเซฟถือไพ่เหนือกว่าอยู่ตลอดก็ตาม ประการแรกคือไวลด์ไม่ได้มาด้วยร่างจริงของเขา แต่ใช้แค่หุ่นเชิดเนื้อ

หลายต่อหลายหมัดที่โจเซฟชกออกไปเมื่อครู่ดูมีอำนาจร้ายแรง แต่ที่จริงแล้วมันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดใด ๆ ให้กับเป้าหมายเลย สิ่งเดียวที่จะมีผลเมื่อโจมตีหุ่นเชิดมีเพียงคำสาป ไม่อย่างนั้นการโจมตีใด ๆ จะไม่ส่งผลต่อผู้ร่ายเลย และทำได้เพียงระบายความขุ่นข้องหมองใจได้บ้างเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ต่อให้ใช้คำสาปกับหุ่นเชิดเนื้อของนักเวทมนตร์ดำระดับไวลด์ บางทีมันก็อาจไม่มีผลใหญ่โตอะไร หรืออาจจะถูกดีดกลับด้วยซ้ำไป

ประการถัดมา คำพูดช่วงท้ายของไวลด์มีผลกระทบต่ออารมณ์ของโจเซฟอย่างจริงจัง ทำให้เขามีความรู้สึกราวกับถูกจูงจมูก…

คำพูดเหล่านั้นของไวลด์สื่อว่าเขารู้เรื่องราววงในบางอย่างของหอพิธีกรรมต้องห้าม และบางทีก็อาจจะรู้มากกว่าที่เขารู้อีก!

ความตระหนักรู้นี้ทำให้โจเซฟรู้สึกหงุดหงิดใจสุด ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดของไวลด์ยังสื่อกลาย ๆ ด้วยว่าเรื่องนี้มีผู้อาวุโสในสภาเข้ามามีเอี่ยว

ถึงอย่างไร ออสวาลด์ก็เป็นถึงอัศวินแห่งแสง คนที่สามารถบังคับบงการเขาได้ก็มีแค่สภาผู้อาวุโสเท่านั้น

หากไม่ได้รับการตัดสินจากสภาผู้อาวุโส คนอื่นก็จะไม่มีทางคิดว่าอัศวินแห่งแสงจะเป็นไว้ศึก เพราะไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็คือบุคคลที่เป็นหน้าเป็นตาและสัญลักษณ์ของหอพิธีกรรมต้องห้าม

หากเขาแอบทำเรื่องแย่ ๆ ที่มากกว่าเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวจริง ๆ อย่างที่ไวลด์พูด เขาก็จะเป็นไส้ศึกจากวิถีแห่งดาบอัคคีที่แอบอยู่ และการที่เขายังดำรงตำแหน่งอัศวินแห่งแสงได้ตั้งนมนานโดยไม่ถูกเปิดโปง ก็แปลว่าผู้อาวุโสจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างดิ้นไม่หลุด

หรือก็คือในสภาผู้อาวุโส…เป็นไปได้มากว่าจะมีไส้ศึกจากวิถีแห่งดาบอัคคีซ่อนอยู่ด้วย!

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวมาก

เมื่อไส้ศึกขององค์กรกลับกลายเป็นบุคคลระดับสูงสุดที่มีอำนาจพอที่จะควบคุมทั้งองค์กรได้ นี่ย่อมหมายความว่าในไม่ช้าองค์กรก็จะจบสิ้น!

การล่มสลายของโบสถ์แห่งจุดสูงสุดเมื่อไม่นานมานี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด

สีหน้าของโจเซฟเปลี่ยนไปมาหลายครั้ง เขาสูดหายใจลึก ๆ เพื่อผ่อนสติแล้วชักหมัดกลับ

เรายังลบความเป็นไปได้ที่ไวลด์อาจแค่พูดเย้าเพื่อรบกวนจิตใจของเราออกไปไม่ได้ เรื่องนี้สำคัญ เราต้องตัดสินใจด้วยตนเองอย่างเชื่อถือได้

แม้ว่าเขาจะอ้างว่าตัวเองมาที่นี่ด้วยคำสั่งของเจ้าของร้านหลิน โจเซฟที่รู้จักชายคนนี้มาหลายต่อหลายปีก็รู้ดีว่าชายคนนี้เชื่อถือไม่ได้

แววตาของโจเซฟทอประกาย แล้วหันกลับไปมองที่ศพของออสวาลด์

ทว่า…ไวลด์นำวิญญาณของออสวาลด์ไปซ่อมการ์กอยล์ให้เจ้าของร้านหลินแล้ว และหลานชายของออสวาลด์ก็เคยแจ้งความเพื่อค้นร้านหนังสือเพื่อใส่ร้ายเมลิสซ่า

แล้วไวลด์ก็ออกมาจากร้านหนังสือในตอนนั้นพอดิบพอดี จากปากคำของคล็อด สิ่งที่เขาถืออยู่ในตอนนั้น…ก็คือการ์กอยล์ที่แตกร้าว!

ถ้าในตอนนั้น เจ้าของร้านหลินกำลังขอให้ไวลด์ซ่อมการ์กอยล์ล่ะก็ ไวลด์ก็ย่อมเข้าใจเป็นธรรมดาว่าพวกปลาซิวปลาสร้อยและท็อดด์นั้นไม่คู่ควรกับการเอ่ยขอเป็นการส่วนตัวของเจ้าของร้านหลิน

ยิ่งไปกว่านั้น วิญญาณเล็ก ๆ ที่อ่อนแอพวกนี้ก็ไม่พอจะใช้ซ่อมการ์กอยล์ด้วย

นี่หมายความว่า เจ้าของร้านหลินกำลังให้เขาไปรับวิญญาณของออสวาลด์มาชัด ๆ!

ถ้าทั้งหมดนี้คือเจตจำนงของเจ้าของร้านหลิน นี่คงเป็นคำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สุดแล้ว…

ทว่าในระหว่างนั้น ไวลด์ก็ลักลอบนำสิ่งแปลกปลอมเข้ามาในคฤหาสน์แล้วก่อความเสียหายหนักโดยใช้ออสวาลด์เพื่อโจมตีอัศวินของหอพิธีกรรมต้องห้ามที่มาตามล่าเขาด้วย

ราวกับว่านี่คือการกลับมาแก้แค้นอย่างเป็นทางการครั้งแรกของเขาหลังจากหายไปถึงสองปี

หลังจากนี้จะรังแต่รุนแรงขึ้นอีก…

ในขณะที่โจเซฟกำลังจมในภวังค์ครุ่นคิด สติของเขาก็ถูกดึงกลับมาจากแคโรไลน์ที่เดินกลับมา “ฉันพบร่องรอยที่ไวลด์ทิ้งไว้ได้แล้ว และสามารถหาจุดที่ร่างจริงอยู่ได้ในเวลาสั้น ๆ ด้วย ต้องการให้ฉันจัดเตรียมแล้วชี้ทางให้ไหมคะ?”

สาวงามทรงเสน่ห์ในชุดพนักงานบริษัทพูดขึ้นเช่นนั้น แต่ใบหน้าของเธอกลับดูราวกับจะมีคำว่า ‘โชคดีจัง’ เขียนอยู่

พูดตามตรงคือเธอกำลังโล่งอกที่สงครามใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง ๆ

ที่นี่คือเขตกลาง หากบุคคลระดับภัยพิบัติมาสู้กันที่นี่ล่ะก็ แผนกโลจิสติกส์จะต้องเผชิญแรงกดดันที่ไม่ใช่แค่หนักหนา แต่ถ้าเรื่องนี้ลามไปถึงเหล่าผู้ดีมีอำนาจที่กำลังหลับสบายหลายต่อหลายคนล่ะก็ สิ่งที่เกิดตามมาจะน่ากลัว และหอพิธีกรรมต้องห้ามก็จะต้องรับผิดชอบ

แต่ถ้าคิดจากในแง่มุมนี้ ไวลด์เองก็อาจจะกลัวเช่นกัน ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงใช้แค่หุ่นเชิดเนื้อ

โจเซฟส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ต่อให้ส่งมันให้ฉันตอนนี้ เขาก็ต้องวางกับดักซุ่มโจมตีเราไว้ หรือซ่อนตัวที่อื่นก่อนเราจะไปถึงแล้วล่ะ การหาที่อยู่ของมันได้ไร้ประโยชน์…ปฏิบัติการครั้งนี้ หน่วยข่าวกรองล้มเหลวโดยสมบูรณ์ และเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะส่งลูกน้อยตัวเองไปเผชิญความเสี่ยงที่ยิ่งกว่านี้อีก”

ด้วยความที่ศัตรูทั้งสองฝ่ายต่างเข้าใจกันดีทุกด้าน เขาจึงต้องรอบคอบเป็นพิเศษ

ทว่าเพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายออสวาลด์มีเวลาได้เตรียมการ ปฏิบัติการนี้จึงถูกนำมาใช้โดยหน่วยข่าวกรองเป็นส่วนใหญ่ และเพราะไม่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่างหน่วยรบเข้ามาช่วย ประสิทธิภาพของการต่อสู้ในภาพรวมแล้วจึงไม่พออย่างเห็นได้ชัด

และไวลด์ก็เป็นบุคคลอันตรายมาก เขาตัดกำลังส่วนใหญ่ของหน่วยข่าวกรองไปได้ทันที

โดยเฉพาะคล็อด…ศิษย์เอกคนเดียวของโจเซฟเกือบตายคามือออสวาลด์ ตอนนี้ในใจของโจเซฟมีความกลัวที่ลึกล้ำเพิ่มเข้าไปในหมู่ความโกรธและความแค้นทั้งเก่าและใหม่แล้ว

ในแง่ของอารมณ์และเหตุผล มันเป็นไปไม่ได้โดยแท้จริงที่จะลองเสี่ยงอีกรอบ

แคโรไลน์พยักหน้าแล้วพูดปลอบ “เขาจะลงมืออีกครั้งแน่ ๆ ค่ะ พอคุณกลับไปรับตำแหน่งอัศวินแห่งแสงแล้วเข้าร่วมกับหน่วยรบอีกครั้ง ก็จะเป็นเวลาตายของไวลด์แล้ว”

โจเซฟขมวดคิ้วแล้วนึกถึงคำพูดของไวลด์ขึ้นมาอีกครั้ง

ทำไมออสวาลด์ถึงรอดอยู่ในหอพิธีกรรมต้องห้ามมาได้ตั้งหลายปี?

ถ้าเขามีผู้อาวุโสในสภาหนุนหลังอยู่จริง ๆ แล้วหลังออสวาลด์ตาย เขาจะทำยังไงกับคนที่มาแทนตำแหน่งเขา?

‘การกลับมาของโจเซฟ’ นั้นดูสมเหตุสมผลในสายตาทุกคน แต่ถ้าทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของคนที่อยู่ในระดับสูงกว่าล่ะ?

“ไม่ล่ะ” โจเซฟพูดเสียงต่ำ “ฉันรับปากวินสตันไว้แล้ว ฉันจะไม่ไปยื้อแย่งตำแหน่งหัวหน้าหน่วยรบกับเขาอีก อัศวินจะผิดคำพูดไม่ได้”

แคโรไลน์ตะลึง “แล้วคุณคิดยังไงล่ะคะ?”

“ออสวาลด์คุมหน่วยบ่มเพาะบุคลากรใช่ไหมล่ะ? งั้นฉันแทนที่ตำแหน่งเขาเลยก็ได้”

โจเซฟว่า “ส่วนตำแหน่งหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง รอคล็อดฟื้นตัวแล้วก็ให้เขาทำไป เขาโตพอจะทำงานสำคัญอย่างมีความรับผิดชอบได้แล้ว”

“ฉันเชื่อว่าสภาผู้อาวุโสจะยอมรับความคิดของฉัน”

พูดจบ โจเซฟก็เปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว “ส่วนงานที่ถูกขัดเมื่อครู่นี้ของคุณเกี่ยวกับออสวาลด์ คุณทำต่อได้เลย…”

ควรจะทำต่อไหมนะ?

แววตาของโจเซฟล้ำลึก เขาแบมือออก แล้วคำว่า ‘ร้านหนังสือ’ สีทองก็ปรากฏขึ้นในมือเขา

แคโรไลน์ตกใจ จากนั้นก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า หันหน้าไปที่ศพของออสวาลด์แล้วสำรวจข้อมูลอย่างละเอียดต่ออีกครั้ง…

ธีโอดอร์ย้ายร้านเข้ามาในศูนย์การค้าที่บริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์ลงทุนสร้างขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว

เขามองไปรอบ ๆ ร้านที่ถูกปรับปรุงขึ้นใหม่ของเขาแล้วถอนหายใจยาว จากนั้นก็หยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากในกล่องที่มุมร้าน

หนังสือพิเศษเล่มนี้ทำให้เขากลายเป็นเป้าหมายหัวของคนมากมาย และรวมไปถึงกลุ่มผู้มีอิทธิพลบางกลุ่มด้วย!

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]

IRNDGL, I’m Really Not the Evil God's Lackey, 我真不是邪神走狗
Score 9
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2020 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]Lin Jie เป็นเจ้าของร้านหนังสือในอีกโลกหนึ่ง เขาเป็นคนใจดีและอบอุ่น มักจะแนะนำหนังสือการรักษาให้กับลูกค้าที่กำลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในบางครั้งเขาแอบโปรโมตงานของเขาเองด้วย เมื่อเวลาผ่านไป ลูกค้าเหล่านี้เริ่มให้ความเคารพเขาอย่างมาก บางคนถึงกับนำอาหารพิเศษประจำท้องถิ่นมาตอบแทนบุญคุณของเขาบ่อยๆ พวกเขามักจะขอความเห็นจากมืออาชีพเมื่อต้องเลือกหนังสือ และแบ่งปันประสบการณ์กับเจ้าของร้านหนังสือธรรมดาๆ คนนี้ให้คนรอบข้างฟัง พวกเขาเรียกเขาด้วยความเคารพและสนิทสนมโดยใช้ชื่อต่างๆ เช่น “ลูกสมุนของเทพปีศาจ”, “ผู้เผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งเนื้อและเลือด”, “'ผู้แต่งพิธีกรรมและศุลกากรแห่งนิกายกินศพ” และ “ผู้เลี้ยงแกะแห่งดวงดาว”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset