เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] – ตอนที่ 376 : หากมันเป็นรัตติกาล ฉันจะเป็นรุ่งอรุณ

บทที่ 376 : หากมันเป็นรัตติกาล ฉันจะเป็นรุ่งอรุณ

กระแสที่สร้างจากสสารแห่งจุดจบถูกพลังงานมหาศาลที่พุ่งออกมาจากรอยแตกแดนนิมิตสลายไป และแดนนิมิตจำลองที่เป็นทั้งความฝันและความจริงก็แตกโพล๊ะเหมือนฟองสบู่ด้วยการระเบิดตัวของอานาเอล

ท่ามกลางเสียงระเบิดดังลั่น ทั้งนอร์ซินก็เอียงไปด้านข้างหลายองศา…

ร่างที่เหมือนภูเขาของไวลด์เองก็ได้รับผลกระทบ เขาถูกผลักกระเด็นไปด้านหลังหลายพันเมตร และหนวดของเขาก็ถูกทำให้แตกออก

เขาตาถลนมองฉากพ่อลูกกอดกันกลมของโจเซฟ

แค่เพราะการระเบิดพลังที่เพิ่มมากครั้งเดียว จุดจบก็ถูกเขียนใหม่ทันที!

อันที่จริง นี่ไม่ใช่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อที่สุดสำหรับเขา เรื่องที่น่ากลัวที่สุดคือ เขาสัมผัสพลังแห่งกฎเกณฑ์ที่เล็ดลอดออกมาได้ ซึ่งสมบูรณ์และแข็งแกร่งมาก ๆ แค่การเล็ดลอดพลังเสี้ยวเล็ก ๆ ในยามตายออกมาก็ทำให้เขาบาดเจ็บได้แล้ว นั่นหมายความว่าเจ้าของพลังที่ตายไปนั้นเป็นระดับเหนือนภาที่แข็งแกร่งกว่าเขา

‘เด็กใหม่’ ไวลด์ที่เพิ่งบรรลุกฎเกณฑ์แห่ง ‘จุดจบ’ ได้เผชิญหน้ากับการตายของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับเหนือนภาอีกหนึ่งชีวิต และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจจี๊ด…

ระดับเหนือนภาผู้ครอบครองกฎแห่งเวลาต้องเป็นเพชรยอดมงกุฎในหมู่ระดับเหนือนภา แต่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่แข็งแกร่งระดับนั้นกลับถูกเวลาฆ่าในพริบตาได้

ใครจะทำเรื่องขนาดนี้ได้?

ไวลด์ไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย…

“เมลิสซ่า…ดีจัง”

สองมือที่ไม่สามารถไขว่ขว้าสิ่งใด ในตอนนี้โอบกอดเข้าหากันแน่นแล้ว

ในตอนนี้ โจเซฟผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับเหนือนภาที่ได้เข้าใจกฎเกณฑ์แนวคิดของเขาเองเป็นเพียงพ่อที่ได้พบลูกที่หายไปในโซนตามหาผู้ปกครอง กอดลูกสาวของเขาไว้อย่างตื่นเต้น

เขาพึมพำไม่ได้ศัพท์ “เมลิสซ่า…เมลิสซ่าของพ่อ”

“พ่อ…ฮิ ๆ ดีใจเหรอคะ? พ่อเคยแต่ช่วยคนอื่น แต่ตอนนี้เป็นตาหนูที่จะช่วยพ่อแล้วนะ…”

เมลิสซ่าถูกพ่อของเธอกอดรัดไว้แน่น น้ำตาของผู้เป็นบิดาชุ่มทั่วไหล่ของเธอ เธอตบหลังกว้างที่สั่นเทาของพ่อของเธอ และเป็นครั้งแรกที่เธอได้สัมผัสความรักจากพ่อของเธออย่างชัดแจ้ง

ในอดีต โจเซฟจะไม่แสดงอารมณ์ของเขาออกมา เขาเป็นเหมือนภูเขาที่เงียบงันที่จะทำเพียงมองเธอแล้วแสดงความคาดหวังของเขาออกมาอย่างเข้มงวด

ครั้งหนึ่ง เมลิสซ่าเคยไม่พอใจกับการละเลยของพ่อตัวเอง แล้วประท้วงในแบบของเธอ

แต่จนตอนนี้ เมื่อเธอสัมผัสได้ถึงร่างที่สั่นอย่างคุมไม่ได้และแรงกอดของโจเซฟ เธอก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าโจเซฟรักและทะนุถนอมเธอแค่ไหน

“ดีใจสิ พ่อดีใจอยู่แล้ว…” โจเซฟคลายอ้อมกอดเมลิสซ่าเล็กน้อย ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา เขายกมือขึ้นลูบหน้าลูกสาวของเขาด้วยแววตาอ่อนโยน “ในที่สุด ลูกพ่อก็โตจนพึ่งพาตัวเองได้แล้วนะ”

เขากระซิบ “ขอโทษนะเมลิสซ่า วันนี้ไม่มีนมให้กินแล้ว”

เมลิสซ่าตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วรู้สึกเจ็บที่ท้ายทอย ดวงตาของเธอดับวูบอย่างอ่อนแรง

“ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีนะลูก”

โจเซฟมองลูกสาวที่ถูกเขาตีให้สลบด้วยแววตาอ่อนโยนหาใดเปรียบ จากนั้นก็ลุกขึ้นพร้อมเด็กสาวในอ้อมแขนช้า ๆ ความอ่อนโยนบนใบหน้าของเขาค่อย ๆ หายไป กลับสู่ความแข็งกร้าวเย็นชาอีกครั้ง

เมลิสซ่าเอื้อมมือไปคว้าเสื้อของเขาอย่างไม่รู้ตัว เธอยังพยายามพึมพำบางอย่างไม่ได้ศัพท์

“ลูกสาวพ่อ ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไรแล้วนะ ทุกอย่างจะดีขึ้น…”

โจเซฟตบหลังเมลิสซ่าเบา ๆ เหมือนกล่อมเด็กทารก

เมลิสซ่าผ่อนคลายตัวแล้วหลับไปในอ้อมแขนผู้เป็นบิดา

มือของโจเซฟแบกร่างของลูกสาวไว้ด้านหลัง หลังของเขาสัมผัสลมหายใจที่แผ่วเบาแต่สม่ำเสมอ รวมถึงเสียงหัวใจที่เนิบช้าแต่ทรงพลังของเธอได้ อุณหภูมิชีวิตของเมลิสซ่าเกือบให้ความรู้สึกร้อน

โจเซฟรู้สึกใจสงบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

เผาไหม้…อะไรที่เผาไหม้ได้มากกว่าชีวิต?

โจเซฟสูดหายใจลึก ๆ แล้วควบรวมอีเธอร์ ใช้งานเครื่องหมายของหอพิธีกรรมต้องห้ามที่อยู่กับเมลิสซ่า แล้วเพ่งไปที่การใช้คาถาเคลื่อนย้าย

แสงสว่างวาบขึ้น แล้วเมลิสซ่าก็ถูกส่งกลับไปยังจุดปลอดภัยที่หอพิธีกรรมต้องห้ามกำหนดไว้

โจเซฟหยิบดาบยาวของเขาขึ้นอีกครั้ง ดวงตาคมกริบของเขาจ้องตรงที่ไวลด์ผู้กางเขตแดนของเขาออกอีกครั้งจากไกล ๆ และสายตาของพวกเขาก็ประสานกันกลางอากาศ

กฎเกณฑ์ที่มีแนวคิดจากการเผาไหม้ปรากฏขึ้นบนตัวโจเซฟอย่างหยุดยั้งไม่ได้อีกครั้ง…

ครั้งนี้ ไพ่ตายของทั้งสองฝ่ายต่างถูกพลิกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในการต่อสู้ต่อจากนี้ ไม่มีสิ่งอื่นที่ต้องทำมากไปกว่าการทุ่มสุดตัว!

ไวลด์รวบรวมกฎแห่งจุดจบอย่างเย็นชา เขารู้ว่าความได้เปรียบสุดโต่งของเขาถูกการเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ลบทิ้งไปแล้ว ไม่เพียงเมลิสซ่าไม่ตาย แต่โจเซฟยังใจเย็นลงด้วย แผนนั้นใช้ไม่ได้เช่นกัน

บ้าจริง…!

ไวลด์รู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว หากสถานการณ์เป็นไปตามเดิม บางทีเขาอาจจะหนีทันที เพราะถึงอย่างไรเขาก็บรรลุอำนาจระดับเหนือนภาและมีชีวิตเกือบจะเป็นอมตะแล้ว จะล้างแค้นเมื่อไรก็ไม่สายไป

ส่วนศักดิ์ศรีอะไรนั่น มันกินได้หรือเปล่า?

แต่ในตอนนี้เอง ในใจของเขาก็มีความไม่ยินยอมพร้อมใจอย่างลึกซึ้ง…

ทำไมล่ะ? ทำไม?!

ทำไมโจเซฟถึงได้รับพร? ทำไมเขาถึงมีโอกาสแก้ตัวใหม่อีกรอบล่ะ?

ฉันไม่เชื่อหรอก!!!

ต่อให้ฉันต้องเริ่มใหม่อีกครั้ง ฉันก็จะชนะอีกครั้งอยู่ดี!

“โจเซฟ นายเอาชนะจุดจบของฉันไม่ได้หรอก!”

ไวลด์คำราม ร่างของเขาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และเส้นหนวดที่ไหวไปมาพลันพยุงร่างใหญ่โตของเขาให้เลื้อยมาข้างหน้า ปากนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาใกล้ ๆ กัน แล้วส่งเสียงร่ายคาถาระดับสูงทับซ้อนกันเหมือนมีคนเป็นล้านพูดขึ้นพร้อม ๆ กันอย่างรวดเร็ว ฟังแล้วเหมือนเสียงระฆังผุ ๆ ใบยักษ์

ด้วยการหนุนเสริมของเขตแดนแห่งจุดจบ พลังของคาถาเหล่านี้จึงถูกเสริมพลังขึ้นไม่รู้กี่เท่า และพวกมันก็ถูกปล่อยไปทางโจเซฟ

เปิดศึกก่อน!

ในเมื่อทั้งคู่ต่างรู้ไพ่ตายของกันและกัน ดังนั้นก็แลกชีวิตปิดฉากครั้งเดียวไปเลย!

โจเซฟมองเส้นหนวดใหญ่เทอะทะเหมือนภูเขา ทะเลสสารในเขตแดนแห่งจุดจบของไวลด์และสารพัดบทมนตร์ในสนามรบที่เริ่มประดังใกล้เข้ามา จากนั้นก็รวบรวมกำลังทั้งหมดของเขาเอาชนะโจเซฟ

โจเซฟมองขึ้นไป ดวงตาของเขาเจิดจรัสดั่งเพลิงโหม เปล่งประกายสีขาวบริสุทธิ์

เมื่อเส้นหนวดของไวลด์มาถึง โจเซฟก็เงื้อดาบ…

เป็นการเผาไหม้เช่นเดิม แต่ไม้ฟืนต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

อย่างที่เมลิสซ่าได้เรียนด้วยความเร็วสูงจาก ‘กุญแจสู่ประตู’ ชื่อ ‘โจเซฟ’ สื่อถึงอัศวินคนหนึ่งที่แผดเผาตัวเอง และใช้การเสียสละและการปกป้องเป็นแหล่งที่มาของพลังของเขา

การปกป้องและการเสียสละ

มันไม่ใช่แนวคิดนามธรรม แต่เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง ๆ และเป็นจุดกำเนิดของเจตนารมณ์และพลังอันลุกโชนของโจเซฟด้วย

เพื่อปกป้องเมลิสซ่า…เพื่อปกป้องนอร์ซิน

ทุกอย่างที่โจเซฟต้องการปกป้องอยู่เบื้องหลังเขา แล้วเขาจะไม่พยายามสุดตัวได้อย่างไร?

โจเซฟแย้มยิ้มพลางมองเส้นหนวดที่สะบัดส่าย ดาบยาวที่อาบด้วยเปลวเพลิงในมือของเขาฟาดฟัน

ราวกับตัดก้อนเต้าหู้ ปราการที่สร้างจากสสารแห่งจุดจบและเวทมนตร์ของไวลด์ถูกผ่าออกในพริบตา!

วินสตันเหม่อลอย พื้นที่สั่นไหวใต้เท้าของเขาทำให้เขารู้สึกราวกับถูกใครสักคนที่อยู่บนรถไฟความเร็วสูงกระชากตัวกลับมา

เขามองไปรอบ ๆ พลางลูบหัวตัวเองอย่างเหม่อลอย รู้สึกเหมือนบางอย่างผิดปกติ…

ยังคงมีเสียงคำรามแห่งการสู้รบดังลั่นอย่างดุร้ายอยู่ในสนามรบ เครื่องจำลองนิมิตและข่ายมนตร์ตรงหน้าพวกเขาถูกฉีกกระชากไปพร้อม ๆ กัน และเหล่าอัศวินที่แนวหลังต่างร้องตะโกนเสียงดังให้ช่วยเหลือคนฉุกเฉิน

ใช่แล้ว ข่ายมนตร์ถูกทำลาย แล้วจากนั้นเกิดอะไรขึ้นนะ?

วินสตันชะงักค้างคาที่…

บางอย่างผิดปกติ เขารู้สึกอย่างชัดเจนว่าภาพตรงหน้าเมื่อสองสามวินาทีก่อนไม่ได้มีอะไรผิดพลาด แต่ก็รู้สึกราวกับตัวเองลืมอะไรไปสักอย่าง…?

เขาต้องหันไปมองหัวหน้าหน่วยโลจิสติกส์ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญมากกว่าเขา

แต่ต่อมาวินสตันก็พบว่าแคโรไลน์ทรุดตัวลงนั่งแหมะกับพื้นแล้วตัวสั่นงันงก เลือดของเธอไหลผ่านร่องนิ้วที่ปิดหน้าของเธออยู่เป็นจำนวนมาก

วินสตันเดินไปพยุงเธอแล้วถาม “เกิดอะไรขึ้น?”

แคโรไลน์สูดหายใจลึก ๆ แล้วเงยหน้าที่ยังมีเลือดไหลออกจากตาไม่หยุดขึ้นมาด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด “เมื่อกี้ เอ่อ…มีใครสักคนขยับเวลาเมื่อกี้นี้ ทำให้เวลาไหลย้อนกลับ…”

ผู้แต่งตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าหน่วยรบทำหน้าเอ๋อ “อะไรนะ?”

แคโรไลน์สะกดกลั้นความเจ็บปวดสาหัสแล้วชี้ตาของเธอ “นั่นคือข้อมูลที่ฉันเห็นด้วยตาของฉัน”

“มีตัวตนระดับเหนือนภาอีกหนึ่งตนที่จู่ ๆ ก็โผล่มาแล้วเกี่ยวข้องกับการไหลย้อนกลับของเวลา จากนั้นก็ถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ และจากการแทรกแซงด้วยการไหลย้อนของเวลานี้…ศึกระหว่างไวลด์กับโจเซฟเลยถูกเขียนขึ้นใหม่”

เสียงของเธอดูตกใจมาก มันสั่นออกมาจากความรู้สึกจริง ๆ

เชื่อว่าไม่ว่าใครที่เห็นเรื่องนี้ด้วยตาของตัวเองก็คงรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังฝันทั้งนั้น

แต่เดิม การย้อนเวลาในระดับนี้ นอกจากผู้ที่ได้เห็นผีเสื้อตัวนั้นกระพือปีก และผู้ที่ได้เห็นการเคลื่อนไหวของเวลามาด้วยตัวเองแล้ว คงไม่มีใครสังเกตเห็นมันเลย

พวกเขาจะเสียความทรงจำเหมือนวินสตัน

แต่ดวงตาของแคโรไลน์ทำให้เธอสามารถจับข้อมูลที่ไหลหลุดออกมาจากมิติและเวลารอบ ๆ ตัวเธอได้ ทำให้เธอสามารถได้รับความทรงจำที่หายไปของเธอคืนมาจากมัน แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้ตาทั้งสองข้างของเธอแทบบอดสนิท

ระดับเหนือนภาอีกตน? วินสตันรู้สึกหนังหัวชายิบ

หากถือว่ามันเป็นแค่การย้อนเวลา การไหลของโชคชะตาจะไม่เปลี่ยนแปลงไปเพราะเรื่องนี้ และไม่มีทางเลยที่จะมาพูดถึงการแก้ไขสถานการณ์รบ

ดังนั้น นอกจากจะย้อนเวลายังมีการสังหารระดับเหนือนภาด้วยอีกหนึ่งตนเหรอ? ด้วยการช่วยเหลือจากความตายของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติระดับเหนือนภาตนนั้น จึงส่งผลกระทบต่อทั้งสนามรบ?

ดูเหมือนว่าคนเดียวเท่านั้นที่ทำเรื่องทั้งหมดนี้ได้จะเป็นมือหมากรุกที่ดูสถานการณ์อยู่นอกสนามรบมาตลอด

นี่คือสุดยอดฝีมือที่แท้จริง…

วินสตันจินตนาการไม่ได้เลย เขาได้แต่มองสนามรบอย่างเหม่อลอย

ดาบคมถูกดึงจากฝัก โอบล้อมด้วยอากาศร้อนระอุ โจเซฟใช้ดาบของเขาเปิดโลก ผ่าเส้นหนวดเรียบลื่นที่ส่องประกายด้วยสสารสีดำกับคาถาต้องห้ามให้แตกสลายเป็นเสี่ยงเล็ก ๆ เหมือนกระจกสีม่วงเข้ม แล้วแรงลมจากการโจมตีอย่างรวดเร็วของโจเซฟก็โบกพัด…

โจเซฟหรี่ตาลงน้อย ๆ แล้วเห็นสีหน้าโกรธเคืองของไวลด์

“ไวลด์ วันนี้จบสิ้นกันทีเถอะ!” โจเซฟเผชิญหน้าไวลด์ที่ดูไม่เหลือเค้าเดิม และสสารแห่งจุดจบนับไม่ถ้วนก็รัดพันร่างของไวลด์เหมือนวิญญาณชั่วร้าย

ร่างกายของเขาค่อย ๆ ขยายตัว แล้วเส้นหนวดนับไม่ถ้วนก็แทรกเข้าไปในพื้นผุพังเหมือนเป็นท่อน้ำ ดึงพลังจากขุมนรกไร้ก้นบึ้งที่สร้างจากวิญญาณผู้ตาย

ไวลด์ตอบกลับด้วยเสียงคำรามผิดมนุษย์

โจเซฟปรับท่าทางของตัวเอง แล้วเปลวเพลิงที่ลุกไหม้บนร่างก็พุ่งไปทั่วสนามรบ แยกมันด้วยเขตแดนที่แข็งแกร่งของเขาในทันที

ท้องฟ้าที่มืดทะมึน พายุหิมะที่หวีดหวิว ต่างดูเหมือนถูกดาบคมผ่าแยก

เมฆหมอกดำหนาทึบค่อย ๆ สลายไป เครื่องจำลองนิมิตที่พังไม่เป็นท่าทำให้ศึกนี้เกิดขึ้นในโลกจริงแล้ว และกาลเวลากับความเป็นจริงก็ทับซ้อนกัน…

ดวงตะวันสีแดงลอยขึ้นในค่ำคืนฤดูหนาวนี้ แสงของมันสาดเข้าสู่นอร์ซินราวดาบคม และหิมะบนฟ้าก็เริ่มละลายไปเงียบ ๆ ราวกับแจ้งความตายของสรรพสิ่ง

อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนอากาศเริ่มบิดเบี้ยว แล้วเปลวเพลิงบนร่างของโจเซฟก็เผาไหม้ร้อนแรงเสียทนสร้างความผันผวนของอากาศ คลื่นความร้อนระเบิดออกมาจากไวลด์

โจเซฟยืนถือดาบในมือ ร่างของเขาไม่ใช่เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไร้เทียมทานอีกต่อไป แต่เป็นเพลิงสีชาด

เขากระซิบ “ไวลด์ ที่นี่มืดนานเกินไปแล้ว…ดวงอาทิตย์ควรขึ้นได้แล้วนะ”

การเผาไหม้ในตอนนี้ไม่ใช่การเผาโดยไร้ฟืนอีกต่อไป แต่เป็นการเผาไหม้ในนามการปกป้อง!

โจเซฟค่อย ๆ ลอยขึ้นไปบนฟ้า และลำแสงนับไม่ถ้วนก็เปล่งออกมาจากร่างของเขา ราวกับจะฉีกกระชากร่างมนุษย์นี้เพื่อต้อนรับการเป็นเทพอย่างเต็มตัว

ดวงเพลิงอันเจิดจ้านับไม่ถ้วนล้อมร่างของเขา โจเซฟกลายเป็นเปลวเพลิงที่มีชีวิตอย่างสมบูรณ์ ร่างใหญ่โตของเขาเปลี่ยนรูปร่างอย่างต่อเนื่อง สว่างจ้าเสียคนผู้คนมองตรง ๆ ไม่ได้ และอธิบายได้เพียงดวงอาทิตย์บนพื้นดิน

โจเซฟลอยขึ้นฟ้า แล้วมองลงมาที่ไวลด์บนพื้น

“ไวลด์…”

“การโจมตีนี้จะตัดอดีตทั้งหมดของเรา!”

ไวลด์เงยหน้าขึ้นมองเขา ในค่ำคืนนี้ไม่มีแสงสว่าง แต่โจเซฟเป็นแสงสว่าง!

“โจเซฟ!! คนที่กำลังจะตายคือนายต่างหาก!!” ไวลด์เดือดดาล ปล่อยให้หัวของเขากลืนกินร่างเทพปีศาจใหญ่ยักษ์นี้ เส้นหนวดนับไม่ถ้วนม้วนเป็นก้อนในพริบตา จากนั้นก็มีดวงตาสีซีดดวงหนึ่งเปิดขึ้นบนก้อนเนื้อสีเทาดำซึ่งมีเส้นหนวดส่ายไปมาราวกับเป็นขน

ทันทีที่เขาลืมตา ร่างที่สว่างไสวของโจเซฟก็สะท้อนในม่านตาสีซีดของเขา

“ตายซะ! ไวลด์!”

เสียงอันยิ่งใหญ่ของโจเซฟสะท้อนก้องสนามรบ ทันใดนั้น ก้อนแสงที่ชื่อโจเซฟก็พุ่งเข้าใส่ไวลด์ราวกับดาวตก ลากเส้นตรงยาวที่สว่างจ้าเสียยิ่งกว่าตะวันแรกเกิด

ไวลด์เองก็ไม่ยอมน้อยหน้า วงแหวนเวทมนตร์ขนาดยักษ์ที่บิดเบี้ยวหมุนติ้วอยู่ในม่านตาของเขา อัดแน่นไปด้วยสสารแห่งจุดจบทั่วเขตแดน แล้วจู่ ๆ ก็พ่นมันออกมา

แสงสีดำและสีทองปะทะกัน คลื่นกระแทกเกิดถี่ราวคลื่นสมุทร กระทั่งหมู่เมฆบนฟ้ายังถูกกวนม้วน แสงจากทั้งสองปะทะกันบนพื้น เกิดเป็นเสาแสงที่ทะลวงท้องฟ้า

วินสตันและคนอื่น ๆ มองการต่อสู้นี้จากไกล ๆ

เสียงที่ปะปนกับคลื่นกระแทกพัดเข้าใส่เขาทันที เขาปักดาบกับพื้นแล้วจับให้มัน เพื่อที่เขาจะไม่ถูกซัดกลิ้งไปกับพื้น

“ไว…ล…ด์…!!!”

“โจ…เซ…ฟ…!!!”

เสียงคำรามของทั้งสองสะท้านไปทั่ว และร่างกายของแต่ละคนต่างบิดเบี้ยวจากอำนาจมหาศาลของอีกฝ่าย!

ส่วนของแค่ละคนที่เข้าใกล้กันสลายหายไปไวจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ทันทีที่ร่างของไวลด์เปลี่ยนเป็นเทพปีศาจแล้วแตะต้องตัวโจเซฟ มันก็เริ่มระเหิดกาย ส่วนโจเซฟก็ถูกเร่งเวลาจนแก่เฒ่าอย่างรวดเร็วด้วยฝีมือของสสารแห่งจุดจบ

สุดท้ายแล้ว ระลอกคลื่นอีเธอร์ขนาดยักษ์ที่จะปล่อยออกมากเมื่อมีระดับเหนือนภาตายลงก็ปะทะแล้วหลอมรวมกัน ค่อย ๆ สร้างลูกบอลแสงขึ้นมาลูกหนึ่ง แล้วระเบิดแสงสว่างจ้าออกมาเหมือนการระเบิดของปรมาณู

ดูราวแสงอรุณที่ส่องผ่านค่ำคืนอันยาวนาน…

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]

IRNDGL, I’m Really Not the Evil God's Lackey, 我真不是邪神走狗
Score 9
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2020 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]Lin Jie เป็นเจ้าของร้านหนังสือในอีกโลกหนึ่ง เขาเป็นคนใจดีและอบอุ่น มักจะแนะนำหนังสือการรักษาให้กับลูกค้าที่กำลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในบางครั้งเขาแอบโปรโมตงานของเขาเองด้วย เมื่อเวลาผ่านไป ลูกค้าเหล่านี้เริ่มให้ความเคารพเขาอย่างมาก บางคนถึงกับนำอาหารพิเศษประจำท้องถิ่นมาตอบแทนบุญคุณของเขาบ่อยๆ พวกเขามักจะขอความเห็นจากมืออาชีพเมื่อต้องเลือกหนังสือ และแบ่งปันประสบการณ์กับเจ้าของร้านหนังสือธรรมดาๆ คนนี้ให้คนรอบข้างฟัง พวกเขาเรียกเขาด้วยความเคารพและสนิทสนมโดยใช้ชื่อต่างๆ เช่น “ลูกสมุนของเทพปีศาจ”, “ผู้เผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งเนื้อและเลือด”, “'ผู้แต่งพิธีกรรมและศุลกากรแห่งนิกายกินศพ” และ “ผู้เลี้ยงแกะแห่งดวงดาว”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset