เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] – ตอนที่ 93

เบลล่าเก็บอุปกรณ์สื่อสารลงไปในกระเป๋าชุดเมดก่อนจัดแจงชุดให้เข้าที่

เธอลุกขึ้นยืน สายตามองไปยังแฟ้มจำนวนมากบนโต๊ะ ก่อนจะกลับหลังหันออกจากห้องไป

ตึก… ตึก… ตึก!

เสียงของรองเท้าบูตหนังส้นสูงทั่วโถงทางเดินนั้นแจ่มชัดและเป็นจังหวะ

เรือนผมสีเทาเข้มถูกรวบไว้โดยเครื่องประดับผมอย่างประณีต ไม่มีผมเส้นใดที่ดูไม่เรียบร้อยเลย ชุดสีดำซึ่งถูกรีดจนเรียบถูกบังไว้ด้วยผ้ากันเปื้อนครึ่งตัวซึ่งมีระบายอยู่บริเวณชายผ้า

รูปร่างอันตราตรึงและโหนกแก้มสูงบ่งบอกถึงสีหน้าเรียบนิ่ง ส่งผลให้เธอดูขยัน พึ่งพาได้ แต่ก็ดูจะเป็นหัวหน้าเมดซึ่งเข้าหายากไปสักนิด

ความจริงแล้ว สถานะของเธออยู่ห่างจากเมดทั่วไปอยู่หลายขุม ในฐานะผู้รับใช้ตระกูลแชปแมนมาแล้วสามสมัย เธอก็ได้กลายเป็น ‘ทรัพย์สิน’ ที่ขาดไม่ได้ของตระกูลไปเสียแล้ว

กลุ่มตระกูลซึ่งอยู่มายาวนานนี้เชื่อในธรรมชาติ และเป็นหนึ่งในตระกูลดรูอิดที่เก่าแก่ที่สุด อีกทั้งยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของหอการค้าแอชอีกด้วย

เชอร์รี่ แชปแมน มาสเตอร์คนปัจจุบันของเธอ เป็นผู้เบิกทางไปสู่ความสำเร็จของตระกูลในยุคนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเป็นหนึ่งในสามหัวหน้าสาขาของหอการค้าแอชอีกด้วย

ไม่มีใครรู้ว่าจากตัวเธอที่เป็นเพียงลูกครึ่งสุดกระโปกกลายมาเป็นผู้มีอำนาจมากและมีแฟนคลับจำนวนนับไม่ถ้วนในระยะสามปีได้อย่างไร?

บางคนกระจายข่าวลือว่าเพราะเธอมีพลังในการจับจ้องและควบคุมวิญญาณของคนอื่นด้วยวาจา และจึงเรียกเธอว่า ‘แม่มดแชปแมน’

ทว่าในฐานะผู้ช่วยและเมดที่เชอร์รี่เชื่อใจมากที่สุด และได้พาตัวเธอกลับมายังตระกูลแชปแมนด้วยตัวเองพร้อมกับเฝ้ามองการเติบโตของเธอไปด้วย เบลล่าย่อมรู้ความลับเบื้องหลังได้โดยไม่ยาก

ความจริงแล้ว เธอก็เพิ่งจะรับสาย ‘ความลับ’ ที่ว่าเมื่อกี้นี้เอง

ก๊อก ๆ

เบลล่าเคาะประตูห้องของมาสเตอร์ของเธอ และวางมือทั้งสองไว้ที่หน้าท้องพร้อมรอด้วยความเคารพ

น้ำเสียงเหนื่อยล้าทว่ายังดูวัยรุ่นดังออกมาจากด้านหลังประตู “เบลล่าเหรอ เข้ามาสิ… เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”

แอ๊ด…

เบลล่าเปิดประตูเบา ๆ และเดินผ่านบาเรียอีเธอร์อันบางเบาไร้รูปร่างเข้ามา

ผ้าม่านอันวิจิตรพาดบนกำแพงห้องกว้าง ยกเว้นจุดที่ตราสัญลักษณ์สีเงินของตระกูลแชปแมนแขวนเอาไว้ โต๊ะทั้งใหญ่และนุ่มนิ่มมีหมอนวางเกลื่อนอยู่เต็มไปหมด อีกทั้งยังมีโซฟาและโต๊ะกาแฟวางอยู่บนพรมขนแกะขนาดใหญ่

เด็กสาว… หรือเรียกให้ถูก เด็กหญิงกำลังนั่งอยู่บนเตียง…

เด็กน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มดูอายุเพียงสิบเอ็ดปี ซึ่งมาพร้อมกับเสน่ห์แบบเด็กน้อยไร้เดียงสา เธอมีดวงตาสีเงินซึ่งแฝงไปด้วยความลึกลับ เรือนผมสั้น ขนตา และคิ้วนั้นเป็นสีขาว ตรงข้ามกับผิวสีดำของเธอโดยสิ้นเชิง

เชอร์รี่ แชปแมน ลูกครึ่งมนุษย์-ดรูอิด แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเธอจะเป็นเพียงเด็กหญิง แต่ความจริงเธออายุมากกว่าร้อยปีแล้ว

เบลล่าเห็นได้ชัดว่าเธอยังไม่หลับ

แม่มดแชปแมนขยี้ตาหาวหวอด

เธอสวมชุดนอนสีขาวแบบบางซึ่งเผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าและรูปร่างผอมบางไม่แพ้กัน เมื่ออยู่ท่ามกลางกองหมอนแล้ว เธอก็ยิ่งดูตัวเล็กมากขึ้นไปอีก

เบลล่าสาวเท้าไปหา จีบกระโปรงขึ้นมาและย่อตัวถอนสายบัว “ต้องขออภัยที่รบกวนด้วยนะคะ นายหญิง”

เชอร์รี่ดึงแก้มป่อง ๆ ของตัวเอง “มีอะไรเหรอ ฉันอยากนอนแล้วน้า”

“เกรงว่านายหญิงคงไม่ได้นอนแล้วแหละค่ะ” เบลล่ายืดตัวตรงและยื่นอุปกรณ์สื่อสารให้ “ฉันมาเพื่อแจ้งว่าคุณหลินเพิ่งต่อสายมาเมื่อครู่ค่ะ”

“อะไรนะ…”

เชอร์รี่นิ่งค้างไปพักหนึ่งและสบเข้ากับสายตาจริงจังของหัวหน้าเมด แล้วจู่ ๆ ก็กระโดดลงจากเตียงและกรีดร้องออกมา “เขาติดต่อฉันก่อนแล้วสินะ!!!”

เด็กหญิงกระโดดกลับขึ้นเตียง พุ่งถลากลับไปยังกองหมอน เธอกอดหมอนใบหนึ่งเสียแน่นด้วยใบหน้าแดงซ่านและวี้ดว้ายอีกครั้ง ก่อนจะกัดหมอนพลางพึมพำ “คุณหลิน คุณหลินแหละ” พลางกลิ้งตัวไปมา

สีหน้าของเบลล่าไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด ยังคงความสง่างามพลางสังเกตท่าทีนายหญิงของเธอราวกับตกอยู่ในภวังค์

คุณดูเป็นเด็กหญิงที่ตกอยู่ในห้วงลุ่มหลงหลังจากรับสายจากคนที่แอบรักมากกว่าผู้ทรงอิทธิพลอีกนะคะ

แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้เป็นอะไรที่เธอในฐานะเมดผู้เชี่ยวชาญไม่สามารถเอ่ยออกไปได้

หลังจากกลิ้งหลุน ๆ ไปมาจนใจเย็นลงแล้ว เชอร์รี่ก็ลุกขึ้นมาพร้อมสีหน้าไร้อารมณ์ เธอเอื้อมมือไปหยิบอุปกรณ์สื่อสารและถามอย่างไม่ยี่หระ “เขาบอกว่าอะไรล่ะ”

น่าเสียดายที่ผมอันยุ่งเหยิงพันกันไปหมดเล่นเอาเสียหมดมาด

เบลล่าตอบทันที “คุณหลินเพิ่งรับอุปการะเด็กสาวมาและหวังว่าพวกเราจะสร้างตัวตนใหม่ให้เธอได้ค่ะ จากการตรวจสอบเบื้องต้นโดยข้อมูลที่คุณหลินให้มา เด็กคนนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการบุกรุกของสัตว์มายาในนอร์ซินและการโจมตีเครื่องลูปของสมาคมแห่งสัจธรรมก็ได้ค่ะ ข้อมูลเพิ่มเติมจะทำได้ก็ต่อเมื่อส่งคนไปสืบสวนค่ะ”

สีหน้าของเชอร์รี่เปลี่ยนไปทันควันพลางก้มมองอุปกรณ์สื่อสารในมือ “เด็กสาว…”

จุดโฟกัสของคุณดูจะผิดไปหน่อยนะคะ!?

เบลล่าเอ่ยต่อ “ได้โปรดยกโทษให้ด้วยค่ะนายหญิง ฉันเองก็ส่งคำขอให้คุณไปหาคุณหลินโดยที่คุณไม่ได้รับอนุญาตก่อนเสียแล้ว”

เชอร์รี่จ้องมองอีกฝ่าย และหน้ากากไร้อารมณ์นั่นก็แตกกระเจิง เด็กหญิงกรีดร้องขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกระชับอุปกรณ์สื่อสารในมือเสียแน่น “ทะ… ทะ… ทำแบบนั้น… ดะ… ได้ไงกัน? ธะ… ธะ… เธอน่ะก้าว… กะ… กะ… ก่ายเกินไปแล้วนะ… จะ… จำไว้เลยว่า… ฉะ… ฉันน่ะ…”

เสียงเชอร์รี่เงียบไปในที่สุด ด้วยแววตาลับ ๆ ล่อ ๆ นั่น ในที่สุดเธอก็กระซิบถาม “แล้ว… เขาตอบตกลงหรือเปล่า?”

เบลล่าคลี่ยิ้ม “ค่ะ และเขายังบอกอีกว่าจะตั้งตารอให้คุณไปหา”

“อ๊าาา!!!”

แม่มดแชปแมนกุมใจแน่นราวกับถูกกระสุนมนตร์พุ่งเข้าใส่ เธอลงไปนอนแผ่บนเตียง ใจเต้นไม่เป็นส่ำพลางจ้องมองเพดาน

“คำขอของคุณหลินน่ะต้องทำให้เรียบร้อยนะ รวบรวมข้อมูลของเหตุการณ์นอร์ซินในช่วงนี้มาให้ฉันที เมื่อการประมูลตอนนี้จบลงและเรื่องของหอการค้านี่ได้บทสรุปเมื่อไหร่ จัดตารางให้ฉันไปหาคุณหลินที”

ดวงตาของเชอร์รี่หรี่ลงเล็กน้อยพลางเอ่ยต่อ “อีกอย่าง คอนกรีฟดูจะสนิทสนมกับพวกนักเวทมนตร์ขาวเกินไปหน่อยนะช่วงนี้”

“รับทราบค่ะ ฉันจะส่งคนไปสืบดูเรื่องราวให้ ไม่จำเป็นต้องกังวลมากเกินไปหรอกนะคะนายหญิง เล่ห์เหลี่ยมกระจิริดของเขาไม่มีทางทำให้ตำแหน่งผู้สืบทอดของคุณสั่นไหวได้หรอกค่ะ”

“ควรจะปลอดภัยไว้ก่อนสิ นี่เป็นหลักคำสอนที่คุณหลินสอนฉันเชียวนะ”

เชอร์รี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วถอนหายใจ “ผ่านมาก็สามปีแล้วน้า…”

เบลล่ารับอุปกรณ์สื่อสารกลับมา ความคิดของเธอย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อสามปีก่อนที่เธอมารับตัวเชอร์รี่ที่ ‘หนีออกจากบ้าน’ กลับมาจากร้านหนังสือโทรม ๆ นั่น ในตอนนั้น ดวงตาของเด็กสาวดูจะเปล่งประกายยามมองไปยังเจ้าของร้านหนังสืออยู่

เบลล่าไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเชอร์รี่ถึงมีสีหน้าแบบนั้นในตอนนั้น

แต่สามปีหลังจากนั้น เธอก็ตะลึงขึ้นมาอย่างอดไม่ได้กับความแข็งแกร่งจนน่ากลัวของชายหนุ่มซึ่งสุดแสนจะธรรมดาคนนั้น

โคลินตัวสั่นระริกเมื่อมองไปยังกำแพงตรงหน้าเขา มันราวกับว่าเขาสามารถเห็นภาพของร้านหนังสือข้าง ๆ จากกำแพงนี้ได้เลย

เสียงหวี่แหลมสูงของเลื่อยไฟฟ้าจากกำแพงเบื้องหลังฟังดูใกล้นัก

โคลินนึกภาพประกายเย็นเยียบของคมมีดเหล่านั้นหมุนติ้วด้วยความเร็วสูง ฉีกกระชากเนื้อมนุษย์และประดับกำแพงด้วยโลหิตสาดกระเซ็น และมันหยดลงมาจนกลายเป็นแอ่งเลือด

เสียงของเลื่อยนั้นใกล้เข้ามาทุกทีราวกับว่ามันอยู่ตรงหน้าโคลินอย่างไรอย่างนั้น

“แง… หม่าม้า… ช่วยหนูที…”

โคลินไม่กล้าแม้แต่จะปิดโทรทัศน์ด้วยซ้ำ ราวกับว่าเสียงอะไรก็ไม่รู้จากข้างบ้านได้ดึงความกล้าสุดท้ายไปหมดแล้ว

น้ำมูกไหลย้อยลงมาในขณะที่เขาตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าจนต้องขดตัวเป็นลูกบอล ในตอนนั้นเอง เขาก็เห็นอุปกรณ์สื่อสารมือสองส่องแสงขึ้นมา และรีบคว้ามันด้วยมือทั้งสองข้าง

[จงสดับฟังเสียงจันทรา จันทราจะแสดงเมตตาจิตและความสงบสุข]

[เสียงภาวนาของคุณได้รับโดยโบสถ์แห่งจุดสูงสุดแล้ว พวกเราจะเร่งตรวจสอบให้ ได้โปรดจงอย่ากระทำการใดสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน]

[เมื่อพบเห็นความผิดปกติใด โปรดใช้สูตรต่อไปนี้เพื่อปรุงน้ำมนต์เสีย สะบัดน้ำมนต์เข้าที่ประตูและสี่มุมของบ้านทุกวันพร้อมภาวนาโดยท่องคำต่อไปนี้] (ข้อความนี้ถูกตั้งรหัสไว้ และจะถูกทำลายหลังอ่านเสร็จ)

[สูตร: อีฟนิ่งพริมโรส 5 กรัม บุปผาเงา 3 กรัม ทองคำเปลว 0.02 กรัม น้ำ 500 มล. ผสมให้มันเข้ากันดี]

[บทสวด]

[…วินเซนต์]

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]

IRNDGL, I’m Really Not the Evil God's Lackey, 我真不是邪神走狗
Score 9
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2020 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]Lin Jie เป็นเจ้าของร้านหนังสือในอีกโลกหนึ่ง เขาเป็นคนใจดีและอบอุ่น มักจะแนะนำหนังสือการรักษาให้กับลูกค้าที่กำลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในบางครั้งเขาแอบโปรโมตงานของเขาเองด้วย เมื่อเวลาผ่านไป ลูกค้าเหล่านี้เริ่มให้ความเคารพเขาอย่างมาก บางคนถึงกับนำอาหารพิเศษประจำท้องถิ่นมาตอบแทนบุญคุณของเขาบ่อยๆ พวกเขามักจะขอความเห็นจากมืออาชีพเมื่อต้องเลือกหนังสือ และแบ่งปันประสบการณ์กับเจ้าของร้านหนังสือธรรมดาๆ คนนี้ให้คนรอบข้างฟัง พวกเขาเรียกเขาด้วยความเคารพและสนิทสนมโดยใช้ชื่อต่างๆ เช่น “ลูกสมุนของเทพปีศาจ”, “ผู้เผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งเนื้อและเลือด”, “'ผู้แต่งพิธีกรรมและศุลกากรแห่งนิกายกินศพ” และ “ผู้เลี้ยงแกะแห่งดวงดาว”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset