เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 155 ป่วยแบบนี้ก็ต้องกินอะไรหน่อยนะ

หลินเช่อรีบกลับมาที่บ้านด้วยความเร่งร้อน เธอพบว่าจำนวนบอดี้การ์ดที่คอยดูแลความเรียบร้อยอยู่บริเวณรอบนอกของบ้านมีเยอะกว่าปกติ และการตรวจตราสอดส่องก็ดูจะเข้มงวดกว่าที่เคยหลายเท่า 
 
 
หญิงสาวมองออกไปด้านนอกด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล 
 
 
ขณะที่เฉินอวี่เฉิงขับรถมาส่ง เขาก็อธิบายว่า “เพราะท่านประธานกู้ป่วยหนัก เขาก็เลยกลัวว่าจะมีคนฉวยโอกาสก่อเรื่อง เพราะอย่างนี้การรักษาความปลอดภัยด้านนอกก็เลยต้องเข้มงวดขึ้นกว่าปกติ” 
 
 
“อ้อ” หลินเช่อรีบหันขวับมาหานายแพทย์ “นี่กู้จิ้งเจ๋อป่วยหนักเลยเหรอคะ” 
 
 
“ก็ไม่เชิงหรอก” เฉินอวี่เฉิงว่า “สำหรับคนอื่นแล้วนี่อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่สำหรับกู้จิ้งเจ๋อ เขาอยู่ในตำแหน่งสำคัญแล้วก็มีอำนาจมหาศาล สำหรับคนแบบเขาแล้ว หากเกิดปัญหาหรือว่าเป็นอะไรขึ้นมา มันจะไม่ได้ส่งผลกระทบกับคนแค่เพียงคนหรือสองคนเท่านั้น” 
 
 
นั่นสินะ 
 
 
ไม่ช้าหลินเช่อก็มาถึงบ้าน เธอรีบเดินเข้าไปในห้อง เปลี่ยนรองเท้าและวิ่งกลับออกมา 
 
 
“คุณผู้หญิง กลับมาแล้วเหรอคะ” เมื่อได้เห็นหลินเช่อกลับมา สาวใช้ที่เพิ่งถูกไล่ตะเพิดออกมาจากห้องก็ยิ้มกว้างแล้วเดินมาต้อนรับเธอ 
 
 
หลินเช่อมองดูถาดอาหารที่ไม่ได้รับการแตะต้องเลยแม้แต่น้อย เลยถามว่า “เขาไม่ยอมกินเหรอจ๊ะ” 
 
 
“ค่ะ นายท่านไม่ยอมกินอะไรเลย” 
 
 
หลินเช่อรับถาดจากอีกฝ่ายแล้วค่อยๆ ผลักประตูห้องนอนเข้าไปอย่างเบามือ 
 
 
ภายในห้องนั้นเงียบกริบราวกับไม่มีคนอยู่ 
 
 
หญิงสาวเดินเข้าไปแล้วก็ได้เห็นกู้จิ้งเจ๋อที่กำลังนอนอยู่บนเตียง ร่างใหญ่นั้นถูกคลุมด้วยผ้าห่มผืนหนาหนัก ใบหน้าคมเข้มแทบไร้สีเลือด เนื้อตัวดูซีดเซียว ท่าทางน่าจะป่วยหนักไม่น้อย 
 
 
หัวใจหลินเช่อกระตุก เธอรีบเดินเข้าไปหาเขา 
 
 
กู้จิ้งเจ๋อดูเหมือนจะป่วยหนัก 
 
 
เมื่อได้ยินเสียง ชายหนุ่มแม้ไม่ยอมลืมตา แต่ก็ส่งเสียงแหบพร่าร้องออกมาว่า “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ให้ใครเข้ามาน่ะ” 
 
 
แต่แล้วเมื่อเขาผงกศีรษะขึ้น ชายหนุ่มก็ได้เห็นว่าคนที่หาญกล้าเปิดประตูเข้ามาคือหลินเช่อนั่นเอง เธอยืนถือถาดอาหารด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมเจียมตัวราวกับสาวใช้อยู่ที่หน้าประตู 
 
 
ดวงตาของกู้จิ้งเจ๋อเป็นประกายวาบขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง แต่มันก็จางหายไปอย่างรวดเร็วก่อนจะแปรเปลี่ยนกลับมาเป็นเย็นชาไร้ความรู้สึกอีกครั้ง 
 
 
คิ้วของเขาเลิกสูงเมื่อเขาตวัดสายตามองหญิงสาว ชายหนุ่มออกปากไล่เสียงดังว่า 
 
 
“ออกไปซะ!” 
 
 
หลินเช่อหน้าเสีย เธอมองอีกฝ่ายก่อนจะบอกตัวเองว่าอย่าใส่ใจและอย่าได้เสียเวลาโต้เถียงกับคนป่วยอย่างนี้ 
 
 
อีกอย่าง เธอจะปล่อยเขาทิ้งเอาไว้ได้อย่างไร ในเมื่อเขาป่วยจนมีสภาพย่ำแย่ออกขนาดนี้น่ะ 
 
 
หลินเช่อรีบเดินยกถาดอาหารมาวางลงที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะหันไปตำหนิคนตัวใหญ่ว่า “กู้จิ้งเจ๋อ คุณกำลังป่วยอยู่นะคะ อย่าทำตัววุ่นวายไปหน่อยเลย รีบลุกขึ้นมากินอะไรหน่อยเร็วเข้าเถอะ สาวใช้บอกว่าคุณไม่ยอมกินอะไรมาทั้งวันแล้ว ถ้าขืนทำแบบนี้ต่อไปอาการจะยิ่งแย่ลงไปอีกนะ” 
 
 
ว่าแล้วเธอก็พยายามดึงไหล่ของเขาเพื่อให้ลุกขึ้นนั่ง 
 
 
กู้จิ้งเจ๋อผลักมือเธอทิ้งด้วยสีหน้ารังเกียจ “ฉันบอกให้ออกไปไงล่ะ ไม่ได้ยินหรือไง!” 
 
 
เมื่อถูกผลักจนเซออกมา หญิงสาวก็กัดฟันแน่น แต่ก็ยังคงพูดกับเขาอย่างอดทนว่า “พอทีเถอะค่ะ กู้จิ้งเจ๋อ” 
 
 
เธอขยับเข้าไปยืนข้างตัวเขาอีกครั้งและพูดว่า “ฉันรู้ว่าคุณกำลังป่วย แล้วก็อาจจะกินอะไรไม่ค่อยลง แต่ถึงยังไงคุณก็ต้องมีอะไรตกถึงท้องบ้าง ฟังนะ ฉันจะป้อนคุณเอง” 
 
 
หลินเช่อพูดพลางคว้าแขนชายหนุ่มขึ้นมาอีกครั้ง 
 
 
แต่กู้จิ้งเจ๋อก็ยังคงผลักมือเธอออกอยู่นั่นเอง “ฉันบอกให้เธอออกไป นี่ไม่มียางอายบ้างหรือไง โดนเขาไล่แล้วยังไม่ยอมไปอีก” 
 
 
ยังดีที่อย่างน้อยคราวนี้เขาก็ออกแรงผลักไม่มากนัก หลินเช่อจึงเพียงแค่เซถอยหลังไปเพียงก้าวเดียวและทรงตัวยืนได้อีกครั้ง 
 
 
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกและมองหน้ากู้จิ้งเจ๋อ “อะไรกันคะ คนอย่างฉันน่ะไม่มียางอายอยู่แล้วล่ะ ทำไมฉันจะต้องอายด้วย ก็ฉันไม่ใช่สาวน้อยจากตระกูลมั่งคั่งหรือทายาทธุรกิจที่ร่ำรวยอย่างพวกคุณนี่ ที่จะต้องคอยห่วงชื่อเสียงหน้าตาแล้วก็ต้องมาคอยเป็นทุกข์อยู่เรื่อย ฉันมันหน้าด้านแล้วไงล่ะ คุณจะทำอะไรได้” 
 
 
“นี่เธอ…” กู้จิ้งเจ๋อตวัดสายตามองหน้าหลินเช่อ 
 
 
หลินเช่อยืนมาดมั่นมองตอบอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ ฉวยโอกาสจากสภาพย่ำแย่ของชายหนุ่มที่กำลังนอนซมด้วยการทำท่าขึงขังใส่เขา 
 
 
ความหงุดหงิดไม่พอใจผุดวาบขึ้นมาในสายตาของชายหนุ่ม 
 
 
ก็ในเมื่อผู้หญิงคนนี้พูดออกมาเองปาวๆ ว่าไม่มียางอาย แล้วใครจะไปทำอะไรหล่อนได้ล่ะ 
 
 
“เร็วเข้าสิคะ ลุกขึ้นมากินอะไรเสียหน่อย” หลินเช่อยังคงเซ้าซี้ไม่เลิก 
 
 
“ฉันไม่กิน” 
 
 
“ทำไมคุณถึงดื้ออย่างนี้นะ” หลินเช่อแทบหมดปัญญา 
 
 
“ออกไป” 
 
 
“ฉันไม่ไปค่ะ” หลินเช่อขยับเข้ามาใกล้และกดแขนเขาเอาไว้ เธอหันไปหยิบช้อน พ่อครัวของที่บ้านได้จัดเตรียมอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเอาไว้ให้โดยปรุงให้ไม่เลี่ยนน้ำมันแต่ยังคงมีรสชาติอร่อย ซุปนั้นมีหน้าตาชวนรับประทานยิ่ง แต่กู้จิ้งเจ๋อก็ยังมองไม่เห็นความตั้งใจอันดีของอีกฝ่าย 
 
 
เมื่อเห็นหลินเช่อย่างสามขุมเข้ามาด้วยท่าทางเอาจริง ชายหนุ่มก็นิ่วหน้าและเริ่มส่งเสียงร้อง “ปล่อยฉันนะ!” 
 
 
“ไม่ปล่อย” 
 
 
“หลินเช่อ นี่เธอไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่มั้ย!” กู้จิ้งเจ๋อทำตาเขียวใส่อย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ทั้งคุกคาม ข่มขู่ ราวกับว่าจะฆ่าเธอทิ้งซะถ้าเธอกล้าแตะต้องเขาแม้ปลายก้อย 
 
 
แต่หลินเช่อก็ยังไม่ขยับหนี และค่อยๆ ยกช้อนที่ตักซุปขึ้นจรดปากเขา 
 
 
กู้จิ้งเจ๋อกัดฟันและปัดช้อนในมือเธอโดยแรงจนอาหารตกกระจายลงบนพื้น 
 
 
“กู้จิ้งเจ๋อ!” หลินเช่อโกรธจริงๆ แล้วนะ เธอมองหน้าคนหัวดื้อ ขนาดป่วยออกอย่างนี้ยังดื้อด้านเป็นบ้า คิดว่าตัวเองเป็นเด็กตัวเล็กๆ หรือไงนะ 
 
 
“ได้ ก็ได้ ไม่กินใช่มั้ย งั้นวันนี้ฉันจะทำให้คุณยอมกินเอง!” 
 
 
ขณะที่พูด เธอก็ก้าวเข้ามาใกล้เตียงมากขึ้นอีก 
 
 
กู้จิ้งเจ๋อมองตามเมื่อหญิงสาวก้าวขึ้นมากางขาคร่อมร่างของเขาเอาไว้ 
 
 
ชายหนุ่มเบิกตาโพลง 
 
 
เมื่อเธอนั่งลงบนตัวเขาได้ หญิงสาวก็ก้มลงมองและบอกด้วยน้ำเสียงอันแน่วแน่ว่า “วันนี้ฉันจะต้องทำให้คุณยอมกินให้ได้!” 
 
 
“หลินเช่อ นี่เธอทำบ้าอะไรน่ะ!” 
 
 
“ก็ป้อนซุปคุณน่ะสิ!” 
 
 
“เธอ…” 
 
 
กู้จิ้งเจ๋อมองดูหลินเช่อคว้าชามซุปแล้วยกขึ้นดื่มดึกใหญ่จนเต็มกระพุ้งแก้มทั้งสองข้างก่อนจะโถมตัวลงมาหาเขา 
 
 
ก่อนที่เขาจะทันได้ขยับตัว ริมฝีปากของเธอก็จรดแนบลงมา 
 
 
ทันทีที่ได้สัมผัสกับริมฝีปากนุ่มของหลินเช่อ กู้จิ้งเจ๋อก็เผยอปากตัวเองโดยไม่รู้ตัว ปลายลิ้นของเธอแทรกดันปากเขาให้เปิดออก แล้วซุปอันโอชะก็ไหลเข้าไปอย่างง่ายดาย 
 
 
ชายหนุ่มรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเลยสักนิด นี่เขาถูกหลินเช่อใช้กำลังบังคับขืนใจอย่างงั้นรึ 
 
 
แม้จะอยากขัดขืน แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงลิ้นของหลินเช่อที่ยังคงค้นควานอยู่ในปากของตัวเอง ซึ่งหยุดการเคลื่อนไหวทั้งมวลของชายหนุ่มไปอย่างสนิทใจ ก่อนที่จะค่อยๆ กลืนซุปอุ่นๆ ที่ไหลลงสู่ลำคอแต่โดยดี 
 
 
กู้จิ้งเจ๋อขมวดคิ้ว ลำคอของเขาขยับเมื่อกลืนอาการพลางมองดูหลินเช่อ 
 
 
หญิงสาวยืดอกอย่างภาคภูมิ ทั้งที่ยังคงกางขาคร่อมร่างเขาเอาไว้ ทำให้ท่าทางของเธอดูพิลึกพิลั่น 
 
 
หญิงสาวยกมือเช็ดปากและก้มลงมองหน้าอย่างมีชัย 
 
 
ดวงตาของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนเป็นสว่างไสวเจือด้วยความแดงระเรื่อ แม้แต่ปลายหูของเขาก็เริ่มร้อนแดงขึ้นตามมาด้วย 
 
 
หลินเช่อพูดเยาะว่า “ไม่ยอมกินใช่มั้ย ฉันจะทำให้คุณกินเอง” 
 
 
เมื่อพูดจบ เจ้าตัวก็ทำท่าจะเริ่มต้นกระบวนการเดิมใหม่อีกครั้ง 
 
 
แต่กู้จิ้งเจ๋อรีบห้ามเอาไว้เสียก่อน “พอ พอเลย หยุดเถอะ” 
 
 
หลินเช่อชะงัก มองหน้าเขา 
 
 
ใบหน้าของกู้จิ้งเจ๋อบัดนี้แดงก่ำทีเดียว เขานิ่งงัน พูดอะไรไม่ออก สีหน้าเคียดแค้นราวกับอยากจะฆ่าหญิงสาวให้ตายคามือ ถ้าหากว่าการฆาตกรรมคนไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายละก็ 
 
 
แต่ในที่สุดเขาก็เบือนสายตาจากหน้าเธอและพูดขึ้นว่า “ฉันกินก็ได้ แต่ถ้าเธอกล้าดีป้อนฉันด้วยวิธีนี้อีกละก็นะ…” 
 
 
ถ้าเป็นเขาป้อนเธอด้วยวิธีนี้มันก็ไม่เท่าไหร่หรอก แต่เขาจะยอมให้หลินเช่อมาทำแบบนี้กับเขาไม่ได้เป็นอันขาด 
 
 
ชายหนุ่มไม่อาจยอมรับความจริงที่ว่า เขาเป็นฝ่ายถูกผู้หญิงเป็นฝ่ายใช้กำลังบังคับ มิหนำซ้ำยังเป็นผู้หญิงของเขาเองอีกต่างหากด้วยนี่สิ… 
 
 
เมื่อเห็นกู้จิ้งเจ๋อยอมจำนนแต่โดยดี หลินเช่อก็ร้องด้วยความดีใจว่า “เยี่ยมเลย คราวนี้ยอมเชื่อฟังดีๆ แล้วสินะคะ” 
 
 
กู้จิ้งเจ๋อมองคนที่ยังนั่งกางขาทับอยู่บนตัวเขาหน้าตาเฉย และพูดขึ้นว่า “เธอช่วยลงไปจากตัวฉันก่อนได้มั้ย” 
 
 
“…” 

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset