เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 203 เฉินโยวหรานช่างน่าเหลือเชื่อที่สุด

สีหน้าของกู้จิ้งเจ๋อบึ้งตึงลงเมื่อเฝ้ามองอีกฝ่ายหัวเราะเสียงดังสนั่น “นี่นายเลิกเป็นหมอแล้วหันมาเอาดีด้านเล่นตลกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”  
 
 
“…” เฉินอวี่เฉิงรีบทิ่มเข็มฉีดยาลงใต้ผิวอย่างจะรีบแสดงให้เห็นถึงความเป็นหมอมืออาชีพ “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ เล่นตลกน่ะเป็นแค่ความสนใจส่วนตัว แต่ผมยังมีคุณสมบัติของความเป็นหมอมืออาชีพอยู่นะ!”  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างดุดัน  
 
 
แล้วจังหวะนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงหนึ่งดังมาจากข้างนอก  
 
 
“เฉินอวี่เฉิง เจ๊ใหญ่มาแล้วจ้า นี่คุณยังอยากจะได้เอกสารอยู่หรือเปล่าน่ะ ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว คราวหน้าฉันไม่ทำให้แล้วนะเนี่ย คุณหาคนอื่นไปทำแทนไม่ได้หรือไงฮึ ฉันทนบริการคุณต่อไปไม่ไหวแล้วนะ ฉันอยากได้เงินเดือนเยอะๆ ทำงานนั่งโต๊ะตำแหน่งสูงๆ ในกู้ อินดัสรี่ ไม่ใช่มาทำงาใช้แรงงานให้คุณแบบนี้นะยะ”  
 
 
เสียงนั้นคุ้นหูทีเดียว เมื่อกู้จิ้งเจ๋อหันไปมองเขาก็ได้เห็นเฉินโยวหรานกำลังแบกแฟ้มเอกสารสารพัดขนาดเข้ามา หญิงสาวอยู่ในสภาพเหงื่อท่วมตัวและเสื้อผ้าก็ยับเยินยุ่งเหยิง แทบไม่เหลือสภาพเดิมให้เห็น  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อตวัดสายตาสงสัยไปทางเฉินอวี่เฉิงทันที  
 
 
นายแพทย์มองออกไปด้านนอกก่อนจะยิ้มให้กู้จิ้งเจ๋อและอธิบายว่า “เธอไม่ค่อยแข็งแรงน่ะ ผมกำลังช่วยฟิตร่างกายเธอให้คุณผู้หญิงอยู่น่ะครับ”  
 
 
ปกติแล้วกู้จิ้งเจ๋อไม่ใช่คนที่จะไปยุ่งวุ่นวายเรื่องของคนอื่น แต่ในเมื่อเฉินโยวหรานเป็นเพื่อนสนิทของหลินเช่อ  
 
 
“ก็อย่าให้มันเกินไปก็แล้วกันนะ หมอเฉิน”  
 
 
เฉินอวี่เฉิงตอบ “รับรองได้ครับ ดูเธอสิ ตอนแรกๆ น่ะเธอแบกได้แค่ไม่กี่แฟ้มเท่านั้น แต่ตอนนี้ยกได้ทีละกองใหญ่ๆ เห็นได้ชัดว่าสุขภาพเธอค่อยๆ ดีขึ้นเป็นลำดับ”  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อหันไปมองเฉินอวี่เฉิงที่กำลังยิ้มกว้างและเดินไปเปิดประตู  
 
 
เมื่อเฉินโยวหรานเดินเข้ามาและได้เห็นกู้จิ้งเจ๋อ เธอก็กลืนคำดุด่าว่ากล่าวทั้งหลายที่ตั้งท่าจะพ่นออกมาเต็มที่ลงคอ และเปลี่ยนเป็นการถามอย่างขัดเขินว่า “เฮ้ ท่านประธานกู้ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ ฉันไม่รู้เลยว่าคุณอยู่ที่นี่”  
 
 
ตายแล้ว ตายจริงๆ แล้ว เฉินโยวหรานคิดว่าภาพลักษณ์อันดีทั้งหลายของเธอคงหายวับไปกับตาในนาทีนั้นเอง  
 
 
นี่กู้จิ้งเจ๋อจะคิดว่านิสัยหยาบคายของเธออาจจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียงของหลินเช่อหรือเปล่านะ  
 
 
เขาจะมองเธอว่ายังไงน่ะไม่สำคัญหรอก แต่ถ้าไปกระทบกับหลินเช่อเข้าคงจะไม่ใช่เรื่องดีแน่  
 
 
แต่กู้จิ้งเจ๋อมองเองเรื่องนี้อย่างเป็นธรรม  
 
 
เพราะถึงอย่างไร เวลาอยู่บ้านหลินเช่อเองก็ทำตัวไม่ได้ต่างจากนี้ ในตอนแรกๆ ที่เขาเห็นเธอทำกิริยาท่าทางเอะอะมะเทิ่งแบบนี้ เขาก็รู้สึกอึดอัดและไม่ชอบใจ  
 
 
แต่ตอนนี้เขากลับชินกับมันเสียแล้ว  
 
 
อุปนิสัยเป็นสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ …  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อตอบเธอไปว่า “ไม่เป็นไรหรอก จะทำอะไรก็ทำเถอะ ฉันเองก็มีธุรจะต้องไปจัดการเหมือนกัน จะให้ฉันบอกหลินเช่อรึเปล่าว่าเธออยู่ที่นี่น่ะ”  
 
 
“หือ ไม่ค่ะ ไม่ต้อง ไม่เป็นไรเลย ฉันทำงานอยู่น่ะค่ะ ส่วนหลินเช่อก็ยุ่งมากช่วงสองสามวันมานี่ อย่าไปกวนเธอเลยจะดีกว่า อีกอย่าง ถึงฉันจะเอะอะมะเทิ่งแบบนี้ และหลินเช่อเองก็ไม่ใช่ผู้หญิงสงบเสงี่ยมซักเท่าไหร่ แต่เธอก็เป็นลูกผู้ดีมีตระกูลอยู่พอตัว เพราะฉะนั้นอย่าเข้าใจผิดว่าเธอจะเป็นเหมือนฉันนะคะ หลินเช่อไม่ขี้โวยวายมากเท่าฉันหรอกค่ะ ฮิๆ”  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อหัวเราะหึเมื่อมองดูอีกฝ่าย “ไม่ต้องห่วงหรอก เวลาอยู่บ้าน หลินเช่อก็เป็นเหมือนเธอเปี๊ยบนี่แหละ ฉันชินแล้วละ”  
 
 
“…” เฉินโยวหรานคิด หลินเช่อนี่นะ ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไงกัน ทำไมถึงไม่พยายามทำตัวให้เป็นกุลสตรีเวลาอยู่ต่อหน้ากู้จิ้งเจ๋อเขาบ้างล่ะเนี่ย  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อหัวเราะและเดินออกไป  
 
 
เฉินโยวหรานมองดูอีกฝ่ายเดินออกไปก่อนจะหันมาพูดเฉินอวี่เฉิงว่า “อา กู้จิ้งเจ๋อนี่ไม่เลวเลยนะ หลินเช่อน่ะม้าดีดกะโหลกออกจะตายแต่เขากลับทนเธอได้”  
 
 
นายแพทย์หนุ่มตอบว่า “ก็เพราะนั่นคือหลินเช่อน่ะสิ”  
 
 
“หือ”  
 
 
“กู้จิ้งเจ๋อไม่ได้ใจดีมีมารยาทกับคนอื่นทั่วไปหรอกนะ”  
 
 
“หมายความว่ายังไงคะ”  
 
 
“ช่างเถอะ ต่อให้ฉันอธิบายให้เธอฟัง ด้วยระดับไอคิวของเธอก็คงไม่เข้าใจอยู่ดีนั่นแหละ ขนเอกสารของเธอต่อไปเถอะไป๊”  
 
 
“เฮ้ เฉินอวี่เฉิง นี่คุณทำอะไรน่ะ ฉันก็ขนมาให้ที่นี่แล้วไงล่ะ นี่คุณเรียกฉันมาที่นี่โดยเปล่าประโยชน์อย่างงั้นเหรอ ฉันยังมีงานต้องทำนะ”  
 
 
“ผู้จัดการของเธอสั่งไว้ไม่ใช่เหรอ ว่าหน้าที่แรกของเธอก็คือบริการฉันน่ะ”  
 
 
“…” หญิงสาวมองอีกฝ่ายอย่างโกรธจัด แค่คิดถึงเรื่องนี้ก็หงุดหงิดแล้ว  
 
 
ในตอนแรก งานก็สบายดีอยู่หรอก แต่ใครจะคิดว่าเฉินอวี่เฉิงจะโผล่เข้ามาในอีกสองสามวันให้หลัง  
 
 
ใครจะไปคิดว่าผู้จัดการทั่วไปของบริษัท จะยกย่องอีตาหมอนี่เอาไว้ในระดับสูงส่งขนาดนี้เล่า  
 
 
บางทีอาจเป็นเพราะเขารู้ว่าเฉินอวี่เฉิงสนิทสนมใกล้ชิดกับกู้จิ้งเจ๋อกระมัง เพราะแม้ว่าจะทำงานในบริษัทมานานหลายปีและดูแลพนักงานมากมาย แต่เขาก็ไม่เคยมีโอกาสได้เจอหน้ากู้จิ้งเจ๋อจริงๆ แม้แต่ครั้งเดียว ในขณะที่เฉินอวี่เฉิงนั้นคอยอยู่ข้างตัวกู้จิ้งเจ๋ออยู่เสมอ และมีหน้าที่คอยรับผิดชอบดูแลชีวิตของกู้จิ้งเจ๋ออีกด้วย ดังนั้นเมื่อเฉินโยวหรานเข้ามาทำงานที่กู้ อินดัสทรี เธอจึงได้รู้ว่า แม้แต่ผู้ช่วยอย่างฉินเฮ่าที่มีหน้าที่คอยรับใช้จิปาถะสารพัดอย่างนั้น ก็ได้รับการยกย่องจากคนในบริษัทว่ามีสถานะสูงส่งสำคัญมากทีเดียว  
 
 
เพราะตอนที่ฉินเฮ่าเป็นคนพาเธอมาที่บริษัทวันนั้น ทุกคนต่างพากันสงสัย และถามไถ่กันไม่ขาดปากว่าเธอเป็นญาติของเขาหรืออย่างไรกัน  
 
 
ราวกับว่าญาติของฉินเฮ่าจะต้องเป็นใครบางคนที่มีความสำคัญอย่างมาก  
 
 
เฉินโยวหรานคิดว่า บางทีอาจเป็นเพราะเธอได้พบกับกู้จิ้งเจ๋อมาแล้วสองสามครั้งผ่านทางหลินเช่อ ทำให้เธอคิดว่ากู้จิ้งเจ๋อออกจะเป็นคนใจดีน่าคบ  
 
 
แต่เมื่อรู้ว่าเฉินอวี่เฉิงต้องการใช้งานเธอ อีตาหัวหน้าแก่ของเธอก็รีบเอาใจเขาด้วยการส่งตัวเธอมาที่นี่ทันที  
 
 
หลังจากจัดเอกสารเข้าที่เรียบร้อยแล้ว เฉินอวี่เฉิงก็ถามขึ้นว่า “เอาละ ฉันจะไปกินข้าวก่อนละ เธอกินหรือยังล่ะ”  
 
 
“ยัง ยังค่ะ คุณจะเลี้ยงฉันเหรอคะ” เฉินโยวหรานรีบลุกพรวดพราดขึ้นทันที  
 
 
“เปล่า ฉันก็แค่ถามเธอเท่านั้น”  
 
 
“…” อีตานี่ไม่ได้ใจดีเลยซักนิด  
 
 
แต่เมื่อเห็นหญิงสาวกระโดดผึงขึ้นมาแบบนั้น นายแพทย์หนุ่มก็เลิกคิ้วสูงแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ วันนี้ฉันไม่มีคนกินข้าวด้วย แล้วฉันก็เดาว่าเธอเองก็คงกินไม่เยอะสินะ งั้นก็ไปด้วยกันก็ด้”  
 
 
เมื่อเฉินโยวหรานได้ยินดังนั้นก็รีบปราดเข้าไปยืนข้างๆ เขาทันที ฉีกยิ้มแฉ่งและบอกว่า “โอเค โอเค ฉันรู้จักร้านนึงอร่อยมากเลยละค่ะ เหมาะกับคุณด้วยนะคะคุณหมอเฉิน ลองไปดูกันดีกว่าค่ะ”  
 
 
เฉินอวี่เฉิงมองอีกฝ่ายอย่างพูดอะไรไม่ออก พร้อมส่ายหน้า  
 
 
ผู้หญิงคนนี้รู้จักสงวนท่าทีอะไรเป็นบ้างมั้ยนะ  
 
 
ตกค่ำ เฉินโยวหรานก็กลับบ้านพร้อมด้วยกระเพาะที่เต็มแปล้ เมื่อก้าวเข้ามาในบ้าน ก็มีเสียงทักทายเซ็งแซ่จากหลายคนดังขึ้น  
 
 
มีสองสามคนที่นั่งอยู่บนโซฟา กำลังจ้องมองมาที่เฉินโยวหรานผู้ซึ่งกลับเข้ามาในบ้าน  
 
 
มารดาของเธอรีบเดินฉับๆ เข้ามาหา “โยวหราน นี่คือคุณลุงเฉินจากที่ทำงานแผนกเดียวกับพ่อแก ส่วนนี่ลูกชายเขา เกาไคเช็ง เขาเพิ่งกลับมาจากไปเรียนมหาวิทยาลัยในต่างประเทศแน่ะ”  
 
 
เฉินโยวหรานหันขวับไปมองทันที เธอมองดูผู้ชายที่กำลังพิจารณาดูเธอด้วยความสนใจ แล้วก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือการดูตัว  
 
 
ชายหนุ่มคนนั้นเขม้นมองเธออยู่นานทีเดียว แต่เฉินโยวหรานไม่อาจบอกได้ว่าเขาพอใจเธอหรือไม่ หญิงสาวได้ยินเสียงมารดาพูดแจ้วๆ อยู่ข้างๆ ว่า “โยวหรานของเราน่ะเก่งมากทีเดียวละค่ะ เธอไปเรียนต่างประเทศแล้วก็กลับมาเข้าทำงานที่กู้ อินดัสทรี เป็นบริษัทใหญ่ที่ไม่ใช่ว่าใครจะเข้าไปทำงานได้ง่ายๆ นะคะ หัวหน้าของเธอก็ดีกับเธอมาก บางครั้งเขาก็ขับรถมาส่งเธอกลับบ้านด้วยเพราะว่าเขาเห็นคุณค่าในตัวเธอ รับรองว่าอีกไม่นานจะต้องได้เลื่อนตำแหน่งแน่ๆ ค่ะ”  
 
 
เฉินโยวหรานคิดว่ามารดาของเธอก็ช่างพูดไปเรื่อย ทั้งที่ไม่รู้ความจริงเลยซักนิด  
 
 
เฉินอวี่เฉิงมาส่งเธอที่บ้านก็จริง แต่เป็นเพราะว่าเธอหน้าด้านหน้าทนขอให้เขาช่วยมาส่ง ด้วยอยากจะประหยัดค่ารถเมล์ต่างหากล่ะ ไม่เกี่ยวอะไรกับที่ว่าเธอมีค่าแค่ไหนซักหน่อย  

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset