เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 314 มาร่วมงานแต่งงานน้องสาวด้วยกัน

หลินเช่อเดินเข้าหาอวี๋หมินหมิ่นและหยางหลิงซิน ดูเหมือนทุกคนจะมองดูหลินเช่อด้วยสายตาที่ยกย่องขึ้นกว่าเดิมมาก
 
 
หญิงสาวถามขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ทำท่ากันอย่างกับหนูกลัวแมวอย่างงั้นแหละ นี่ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ”
 
 
อวี๋หมินหมิ่นตอบ “ฉินเสี่ยวหยวนน่ะถูกตัดออกจากเรื่องก็เพราะเธอ เป็นธรรมดาที่คนจะคิดว่าเธอมีอำนาจมากกว่าฉินเสี่ยวหยวน เพราะแบบนี้พวกเขาถึงกลัวเธอไงล่ะ”
 
 
“บ้าบอที่สุด พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นก็กลัวฉันแล้วอย่างงั้นหรือคะ”
 
 
หยางหลิงซินพูดขึ้นจากข้างหลังว่า “ก็ใช่น่ะสิคะ พี่เช่อน่ะมีความสามารถมากกว่าฉินเสี่ยวหยวนอีก ฉินเสี่ยวหยวนน่ะไม่มีอะไรเลย จะมาเทียบกับพี่เช่อที่มีกู้จิ้งเจ๋อได้ยังไง แล้วยิ่งพอคุณกู้ออกโรงเองแบบนี้ ก็ไม่มีอะไรที่จะแก้ไขไม่ได้อีกแล้วละค่ะ”
 
 
หลินเช่อนิ่งเงียบ นั่นก็เป็นเรื่องจริงนะ เธอเจอปัญหาตั้งมากมาย แต่กู้จิ้งเจ๋อก็สามารถปัดเป่าทุกเรื่องให้หมดไปได้เพื่อเธอ แต่ถึงกระนั้นหลินเช่อก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เลย
 
 
เธอรู้สึกซาบซึ้งใจที่กู้จิ้งเจ๋อช่วยเหลือเธอ แต่นั่นก็ทำให้เธอรู้สึกผิดแล้วก็โทษตัวเองด้วยเช่นกัน
 
 
และครั้งนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น หลังจากที่กู้จิ้งเจ๋อมาปรากฏตัว ทั้งภาพถ่ายและข่าวลือก็ยุติลงอย่างสิ้นเชิง มีคนเพียงส่วนน้อยมากเท่านั้นที่ยังคงถกเถียงกันอยู่ว่าหลินเช่อเดินจูงมือใครกันแน่ อวี๋หมินหมิ่นส่งจดหมายชี้แจงออกไปว่า นั่นเป็นเพียงฉากหนึ่งของการถ่ายทำในวันนั้นเท่านั้น เธอพูดรวมๆ ว่าวันนั้นหลินเช่ออยู่ในระหว่างการถ่ายทำรายการเรียลลิตี้ ซึ่งหลายคนก็บอกว่ามันน่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะฉะนั้นผู้หญิงในภาพก็ไม่น่าจะใช่หลินเช่อ และสุดท้ายเรื่องราวทั้งหมดก็จางหายไป
 
 
อวี๋หมินหมิ่นบอกว่า “เอาละ เรารู้แล้วว่าเธอยกย่องกู้จิ้งเจ๋อ เอาละมาถ่ายหนังกันต่อเถอะ อย่างน้อยซ่งซูไห่ก็ใจดีกว่าฉินเสี่ยวหยวน เขาคงไม่มาวุ่นวายอะไรกับเธอโดยไม่มีเหตุผลหรอก”
 
 
การถ่ายทำหลังจากนั้นก็เป็นไปด้วยความราบรื่นอย่างมาก หลินเช่อได้กลับถึงบ้านแต่หัววัน และกู้จิ้งเจ๋อก็อยู่ที่บ้าน เขาหันมามองเธอและพูดขึ้นว่า “เอาละ มาเลือกสิว่าจะใส่ชุดอะไร อีกสองสามวันก็จะถึงงานแต่งงานแล้วนะ”
 
 
หลินเช่อเดินเข้ามาแต่โดยดี ทันทีที่เธอคิดถึงงานแต่งงานของกู้จิ้งเหยียน หญิงสาวก็รีบเข้ามาเลือกชุด
 
 
เนื่องจากเป็นงานเลี้ยงที่เป็นทางการ ทำให้ไม่ต้องใช้เวลาในการเลือกสรรชุดที่จะใส่มากนัก เพราะถึงอย่างไรเธอก็ไม่ใช่ดาวเด่นของงานในวันนั้น หลินเช่อจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกชุดที่สวยเด่นสะดุดตาแต่อย่างใด วันนั้นเธอเป็นเพียงไม้ประดับภายในงานเท่านั้น
 
 
เธอคิดว่ากู้จิ้งเหยียนเป็นคนสวยทีเดียว อาจจะสวยยิ่งกว่าเจ้าสาวทุกคนบนโลกในวันนั้นด้วยซ้ำ
 
 
เธอหันไปมองกู้จิ้งเจ๋อและเสื้อผ้ากองมหึมาที่วางอยู่ ก่อนจะหยิบขึ้นมาชุดหนึ่งและถามเขาว่า
 
 
“ชุดนี้เป็นไงคะ”
 
 
กู้จิ้งเจ๋อมองชุดสีแดงนั้นและบอกเธอว่า “อื้อ ก็ดีนี่ เธอต้องอยู่ที่นั่นในฐานะพี่สะใภ้ สีแดงก็ดูสดใสมากพอสำหรับงานมงคล แล้วก็ไม่ได้เด่นมากจนแย่งความสนใจไปหมด”
 
 
หลินเช่อเห็นด้วยแต่ก็ยังไม่แน่ใจนัก เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเลือกหยิบชุดสีแดง
 
 
กู้จิ้งเจ๋อชอบมากเวลาที่เธอสวมชุดแดง มันเป็นสีสันสดใสที่เมื่ออยู่บนตัวของหลินเช่อแล้วไม่ได้ดูกระด้างรุนแรง แต่กลับดูแช่มชื่นมีชีวิตชีวา
 
 
เขาส่งสัญญาณบอกสาวใช้ให้นำชุดออกไปรีด
 
 
หลินเช่อเงยหน้ามองและบอกว่า “ขอบคุณค่ะ”
 
 
เขาใจเย็นมาก คอยช่วยเหลือเธอแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้
 
 
แม้แต่เรื่องของฉินเสี่ยวหยวนก็จบลงได้อย่างรวดเร็วเพราะเขา
 
 
ชายหนุ่มตอบว่า “เรื่องเล็กน่า เธอไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก”
 
 
หลินเช่อแย้ง “สำหรับเรื่องอื่นๆ ด้วยค่ะ”
 
 
ชายหนุ่มว่า “ไม่เป็นไรหรอก ฉันรู้ว่าเธอเป็นพวกเอาแต่โวยวาย ถ้าฉันไม่คิดแทน เธอก็อาจจะคิดเองไม่ได้ ทั้งหมดนี่เป็นเพราะว่าฉันเป็นคนความจำดี แล้วก็สามารถจัดการภาระต่างๆ ที่สมองบ้องตื้นของเธอทำไม่ได้นั่นแหละ”
 
 
“ไม่ใช่ซักหน่อย ฉันก็แค่คิดช้าเท่านั้นเอง ฉันรู้หรอกค่ะว่าต้องเตรียมหาชุดน่ะ ฉัน…”
 
 
“พอที เธอไม่ต้องอธิบายตัวเองหรอก ว่าแต่…” เขาเอื้อมมือออกมาขยี้หัวเธอ “ในครอบครัวหนึ่งน่ะต้องมีคนฉลาดแค่คนเดียวก็พอแล้ว เธอจะทำตัวซื่อบื้อต่อไปก็ไม่เป็นไรหรอก”
 
 
ครอบครัวเหรอ…
 
 
นี่เขาและเธอเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวร่วมกันงั้นเหรอ
 
 
ถึงแม้ในใจเธอจะเคยคิดอยู่บ้าง แต่การได้ยินเขาพูดออกมาแบบนี้ ก็ทำให้หัวใจหลินเช่ออุ่นวาบขึ้นมาทันที
 
 
ต่อให้เป็นได้แค่ครอบครัวชั่วคราวก็เถอะ พวกเธอก็ยังเป็นครอบครัวกันอยู่ดีนั่นเอง
 
 
หลินเช่อหัวเราะและเลิกเถียงเขา เธอเลือกรองเท้าที่วางอยู่บนพื้นขึ้นมาคู่หนึ่งและบอกว่า
 
 
“ฮิๆ ถ้างั้นฉันก็จะไปร่วมพิธีแบบเป็นทางการเต็มตัวเลยนะคะ เป็นครอบครัวเดียวกันแล้วก็ไม่ต้องเกรงใจละนะ คุณว่าใส่คู่ไหนดีล่ะคะ”
 
 
กู้จิ้งเจ๋อหัวเราะแล้วชี้ไปที่รองเท้าคู่สีดำ ชุดราตรีสีแดงเข้มดูเข้ากันดีกับรองเท้าสีนี้
 
 
งานแต่งงานของตระกูลกู้ย่อมเท่ากับเป็นการเฉลิมฉลองของคนทั้งเมืองเป็นธรรมดา และเป็นทองแผ่นเดียวกันระหว่างสองตระกูลที่มั่งคั่งขนาดนี้ ก็ย่อมเป็นที่ริษยาของผู้คนไม่น้อย
 
 
กู้จิ้งเหยียนและลู่เป่ยเฉินนั้นสมกันราวกิ่งทองใบหยก เหมาะเจาะกันไปหมดทุกอย่าง
 
 
นักข่าวมากมายต่างพากันตั้งป้อมเตรียมรายงานข่าวอยู่ด้านนอกบ้านตระกูลกู้ มีเพียงสื่อจากสามบริษัทเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปด้านใน ทุกเจ้าล้วนเป็นสื่อรายใหญ่ ส่วนบริษัทอื่นๆ รวมถึงช่างภาพปาปารัซชี่ต้องรออยู่ข้างนอก
 
 
ในช่วงที่งานดำเนินไป โรงแรมกัสตีลโยเนซึ่งมีกู้ อินดัสทรี่เป็นเจ้าของ ก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยรถยนต์คันหรูและผู้สื่อข่าวจำนวนมากโดยรอบ
 
 
พิธีเริ่มต้นขึ้นที่บ้านตระกูลกู้ในช่วงเช้า หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อออกจากบ้านของตัวเองเพื่อไปยังบ้านหลังเก่าของตระกูล
 
 
ที่บ้านหลังเก่า ทุกอย่างถูกจัดเตรียมเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
 
 
กู้จิ้งเหยียนไม่อยากให้มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมากหน้าหลายตามาร่วมงาน เพราะเธอต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบง่าย เธอเดินมาตามพรมแดงพร้อมกับลู่เป่ยเฉิน และแต่งงานกับเขาต่อหน้าสักขีพยานทุกคน แม้ว่าตระกูลกู้จะคิดว่าพิธีการเช่นนี้ออกจะธรรมดาเกินไปหน่อย แต่ก็ยอมทำตามความปรารถนาของบุตรสาวเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้า ทั้งสองครอบครัวต่างก็ออกจากบ้านของตัวเองและตรงไปยังโรงแรมที่จัดงาน
 
 
ที่บ้านตระกูลลู่ ลู่ชูเซี่ยตระเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากต้องรับหน้าที่น้องสามี หญิงสาวจึงจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว
 
 
แม่ของเธอพูดกับเธอว่า “แล้วนี่พี่ชายแกไปไหน ทำไมยังไม่ลงมาอีก”
 
 
ลู่ชูเซี่ยตอบ “ใครจะรู้ล่ะคะ หนูไม่ได้สนใจพี่เขาซักหน่อย เดี๋ยวเขาก็ลงมาเองแหละน่า แม่คะ ชุดนี้สวยมั้ยคะ”
 
 
คุณนายลู่หันมามอง “สวยสิจ๊ะ ลูกสาวแม่จะไม่สวยได้ยังไงล่ะ”
 
 
“หนูเพิ่งได้ชุดนี้มาจากปารีสน่ะค่ะ นี่หนูยังคิดอยู่ว่าหนูน่าจะใส่ชุดนี้จากแคร์รี่ในปารีส หรือว่าเป็นชุดของมารูลิซีจากอิตาลีดี”
 
 
ผู้เป็นมารดาเริ่มงง “นี่เป็นงานแต่งของพี่ชายแกนะ แล้วแกจะต้องเสียเงินซื้อชุดแพงขนาดนั้นไปทำไม ยังไงวันนี้ทุกคนก็ต้องมองแต่เจ้าสาวอยู่แล้ว ไม่มีใครเขาสนใจมองแกหรอก”
 
 
“แม่รู้ได้ยังไงคะว่าจะไม่มีใครมองหนูน่ะ วันนี้ หนูจะต้องทำให้กู้จิ้งเจ๋อเห็นให้ได้ว่ากุลสตรีสาวสวยแถมรวยอีกต่างหากอย่างหนูน่ะไม่เหมือนนังห่านป่าหลินเช่อนั่น หนูต่างหากที่คู่ควรกับเขา”
 
 
มารดาของเธอส่ายหน้าและพูดว่า “ระวังตัวไว้บ้างล่ะ เขามีภรรยาแล้วนะ”
 
 
“ทางบ้านตระกูลกู้น่ะเป็นฝ่ายบังคับให้เขาต้องแต่งงาน แบบนั้นมันต่างจากการไม่มีภรรยาตรงไหนคะ”
 
 
“ต้องต่างสิ เขามีภรรยาแล้วก็แปลว่ามีภรรยาแล้ว ถ้าแกทำแบบนั้นแกก็จะต้องถูกเขานินทา แล้วกู้จิ้งเจ๋อก็อาจจะไม่ชอบแกด้วย”
 
 
“แม่คะ แม่เพิ่งบอกอยู่เมื่อกี้ว่าลูกสาวแม่สวยที่สุด แล้วหนูมีอะไรไม่ดีตรงไหนเขาถึงจะไม่สนใจหนูล่ะคะ” ลู่ชูเซี่ยถามอย่างหัวเสีย
 

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset