เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 322 เขาลากเธอเข้าลิฟต์ ก่อนที่จะพาตัวเธอไป

กู้จิ้งอวี่ว่า “อะไรนะครับ อันที่จริงแล้วเขาทำไมนะ”  
 
 
แต่ผู้เป็นพี่คว้าเข้าที่ข้อมือของเขาเสียก่อนแล้ว  
 
 
เขาจ้องมองด้วยสายตาเคร่งเครียดราวกับว่าจะเปลี่ยนนาฬิกาข้อมือนั้นให้กลายเป็นน้ำแข็ง  
 
 
กู้จิ้งอวี่ดูจะรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติเกิดขึ้นกับกู้จิ้งเจ๋อ เขาจึงมองหน้าอีกฝ่ายและถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจว่า “มีอะไรหรือครับ”  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อจับแขนน้องชายแน่น และยกมืออีกฝ่ายขึ้นมาดูใกล้ๆ สายตาเย็นชาของเขาขยับจากข้อมือไปยังใบหน้าของกู้จิ้งอวี่และถามว่า “นี่มันอะไรกัน”  
 
 
กู้จิ้งอวี่ชะงัก “นี่หรือครับ” เขาแตะที่นาฬิกา รู้สึกเจ็บเล็กน้อยจากแรงบีบของพี่ชาย เขาบอกได้เลยว่ากู้จิ้งเจ๋ออาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองเผลอใช้แรงมากขนาดนี้ออกมา  
 
 
“นาฬิกานี่น่ะหรือครับ ก็ไม่ใช่ของแพงอะไรหรอก พี่เองน่าจะมีแบบนี้ตั้งหลายเรือนที่บ้าน” กู้จิ้งอวี่ว่า  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อมองหน้า “มีใครให้นายมารึเปล่า”  
 
 
กู้จิ้งอวี่ชะงักก่อนที่จะมองหน้าพี่ชาย “อ่า พี่พูดถูกแล้วละครับ ว่าแต่พี่รู้ได้ยังไงน่ะ”  
 
 
ทันใดนั้น กู้จิ้งเจ๋อก็ปล่อยมือน้องชายทันที  
 
 
หลินเช่อให้นาฬิกานี้กับกู้จิ้งอวี่งั้นรึ  
 
 
ไม่แปลกใจเลย ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงได้เห็นมันเพียงแวบเดียว แล้วก็ไม่ได้เห็นอีกหลังจากนั้น  
 
 
ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองตาฝาดไปซะอีก  
 
 
กลับกลายเป็นว่ามันคือของขวัญสำหรับกู้จิ้งอวี่ต่างหากล่ะ  
 
 
เป็นเขาเองต่างหากที่เข้าใจผิดและคิดว่ามันเป็น…มันเป็นของเขา  
 
 
ชายหนุ่มหลับตา นึกสงสัยว่าเขากลายเป็นผู้ชายแบบนี้ได้ยังไง เขาขาดสติไปเพราะความโกรธด้วยเรื่องเล็กน้อยเพียงแค่นี้  
 
 
แต่เมื่อหันไปมองกู้จิ้งอวี่ เขาก็ยังรู้สึกได้ถึงม่านหมอกที่แผ่ปกคลุมขมุกขมัวอยู่โดยรอบ  
 
 
เขาเดินอ้อมกู้จิ้งอวี่และเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีกเลย  
 
 
“เฮ้ พี่ยังไม่ได้บอกผมเลยนะว่าเกิดอะไรขึ้นน่ะ” กู้จิ้งอวี่อยากจะวิ่งตามไปเพื่อถาม  
 
 
แต่กู้จิ้งเจ๋อโบกมือ และทันใดนั้นคนของเขาก็ก้าวออกมาขวางทางกู้จิ้งอวี่เอาไว้  
 
 
“เฮ้ นี่พวกนาย…” กู้จิ้งอวี่เหลียวมองบรรดาชายฉกรรจ์เหล่านั้น เขารู้ดีว่าคนพวกนี้รับฟังคำสั่งจากกู้จิ้งเจ๋อเท่านั้น เพราะฉะนั้นไม่ว่าเขาจะพยายามพูดอะไรไปก็ล้วนเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงหยุดยืนอยู่ตรงนั้น  
 
 
กำหนดการของงานเลี้ยงยังคงดำเนินไป และสิ้นสุดลงในเวลาดึกมาก เพื่อสร้างความตื่นเต้นมากยิ่งขึ้น เหล่าดาราทั้งหลายจึงได้รับเชิญมาเปิดการแสดงในช่วงบ่าย มีแม้กระทั่งการเตรียมฉลากของรางวัลให้กับผู้โชคดี  
 
 
เมื่อทุกคนซุบซิบนินทากันเรื่องที่ว่างานไร้เจ้าบ่าวจนพอใจแล้ว พวกเขาก็เริ่มหันไปสนใจของขวัญชิ้นงามที่ทางตระกูลกู้เตรียมเอาไว้แทน เรื่องสำคัญก็คือ ไม่มีใครสนใจเรื่องเงินๆ ทองๆ พวกเขาแค่ต้องการมาร่วมงานนี้เผื่อว่าจะโชคดีกับเขาบ้างเท่านั้น  
 
 
แม้ว่าหัวข้อสนทนาภายในงานจะกลายเป็นเรื่องนินทามากกว่าจะพูดถึงงานแต่ง แต่ถึงอย่างนั้นภายในงานก็ยังเต็มไปด้วยความคึกคักตื่นเต้นเป็นอย่างมาก  
 
 
เมื่อเห็นว่ากู้จิ้งเจ๋อยังไม่กลับมาซะที หลินเช่อจึงบอกมู่หว่านฉิงว่าเธอจะออกไปตามเขา  
 
 
ลู่ชูเซี่ยที่บังเอิญยืนอยู่ข้างนอกพอดี เมื่อเห็นหลินเช่อเข้า หล่อนก็นึกถึงตอนที่กู้เซียนเต๋อพะเน้าพะนอหลินเช่อก่อนหน้านี้ และรู้สึกอิจฉาขึ้นมาลึกๆ ในทันที  
 
 
เมื่อเห็นอีกฝ่ายรีบร้อนเดินออกมา ลู่ชูเซี่ยก็พ่นลมพรืดก่อนจะร้องเรียกว่า “คุณหลินคะ”  
 
 
หลินเช่อไม่ทันสังเกตเห็นลู่ชูเซี่ยในตอนแรก จึงหันขวับมาทันทีที่ได้ยินเสียง  
 
 
เพียงแวบแรกที่ได้เห็นลู่ชูเซี่ยยืนมองเธออยู่ หลินเช่อก็ถามออกไป “คุณหนูลู่ มีอะไรรึเปล่าคะ”  
 
 
“คุณหลิน” ลู่ชูเซี่ยพูดต่อ “มีคนคอยจับตามองคุณอยู่นะคะ รีบเดินไม่เหลียวหลังแบบนี้เห็นทีจะไม่เหมาะละมัง เกิดอะไรขึ้นหรือคะ มีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้หรือเปล่า”  
 
 
หลินเช่อตอบ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ”  
 
 
“โอเค ฉันก็แค่เป็นห่วงเพราะเห็นว่าคุณหลินเพิ่งจะได้เข้ามาอยู่ในวงสังคมได้ไม่นาน อาจจะมีหลายอย่างที่คุณยังไม่รู้ มันคงไม่ง่ายเท่าไหร่สำหรับการเป็นคุณนายกู้หรอกนะคะ มีคนมากมายคอยจับจ้องคุณจากที่ที่คุณไม่เห็น วิธีที่คุณเดินอยู่ตอนนี้ก็ออกจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ ฉันหวังว่าคุณจะปรับเปลี่ยนมันให้ดีขึ้นในอนาคตนะคะ”  
 
 
หลินเช่อฉีกยิ้มและมองดูอีกฝ่ายอย่างไม่ลดละ “ฉันต้องขอบคุณมากจริงๆ นะคะที่อุตส่าห์ช่วยเตือน แต่ฉันก็เป็นแบบนี้มาโดยตลอด และถึงจะเป็นแบบนี้ กู้จิ้งเจ๋อเองก็ไม่เคยบอกว่าฉันทำอะไรที่ไม่เหมาะสมด้วย”  
 
 
“คุณไม่สังเกตหรอกหรือคะว่าคนอื่นๆ เขามองดูคุณยังไง ตอนที่คุณคุยกับท่านประมุขกู้เมื่อครู่น่ะ บางทีกู้จิ้งเจ๋ออาจจะคิดว่าเป็นเรื่องหยาบคายที่จะบอกคุณ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะมองไม่เห็นนี่คะ ในเมื่อคุณอยากจะเป็นคุณนายกู้ คุณก็จะต้องยอมคิดทุกอย่างแทนเขา อย่าบอกนะคะว่าเมื่อกี้คุณไม่ได้รู้สึกอายเลยซักนิดน่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะว่ามีคนอยู่กันเยอะแยะไปหมดละก็ ท่านประมุขกู้น่าจะไล่ตะเพิดคุณออกไปนานแล้วที่มาพูดจาไม่มีกาลเทศะแบบนี้ ฉันก็แค่อยากจะเตือนคุณเท่านั้นเองค่ะ บางทีคุณอาจจะยังไม่รู้ตัวว่าคนอื่นเขามองคุณยังไง แต่เมื่อกี้นี้ทุกคนรู้สึกขายหน้าแทนคุณนะคะ”  
 
 
หลินเช่อไม่เคยสนใจว่าใครจะมองเธอยังไง แต่เมื่อได้ยินคำพูดของลู่ชูเซี่ย หญิงสาวก็อดใจแป้วขึ้นมานิดๆ ไม่ได้  
 
 
เธอเริ่มรู้สึกอึดอัดอยู่ภายใน  
 
 
ในจังหวะนั้นเองที่สายตาของลู่ชูเซี่ยดูจะเป็นประกายวาววับขึ้นในทันที หล่อนเงยหน้าขึ้นและเรียกใครคนหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาทางด้านหลัง “พี่จิ้งเจ๋อ…”  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อเดินตรงมายังพวกเธอ ถึงแม้ว่าจังหวะย่างก้าวของเขาจะหนักแน่นตามปกติ แต่ชายหนุ่มก็กำลังเดินด้วยความเร็วสูงทีเดียว ขายาวๆ ของเขาก้าวตรงมาหา สายตาของเขาเคร่งเครียดอึมครึม เขาจ้องมองมายังหลินเช่อด้วยดวงตาที่เหมือนทาบทับด้วยเงาของเมฆดำทะมึน ใครก็ตามที่ได้เห็นเขาตอนนี้คงจะอดสั่นสะท้านขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวไม่ได้  
 
 
เกิดอะไรขึ้นน่ะ  
 
 
สายตาของกู้จิ้งเจ๋อมักจะทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันได้โดยง่าย โดยเฉพาะคนที่ถูกเขาจ้องมอง  
 
 
หลินเช่อรู้สึกได้ว่าเขากำลังจ้องมาที่เธอ หญิงสาวรู้สึกเย็นสันหลังวาบขึ้นมาในบัดดล  
 
 
“กู้จิ้งเจ๋อ”  
 
 
เขาไม่ได้รอจนเธอพูดจบ แต่เอื้อมมือออกมาคว้าแขนเธอไว้โดยเร็ว  
 
 
หลินเช่อตกตะลึง “กู้จิ้งเจ๋อ คุณจะทำอะไรน่ะ เกิดอะไรขึ้นคะ”  
 
 
แต่ชายหนุ่มไม่ยอมพูดอะไรทั้งสิ้น เขาเพียงแต่จับแขนเธอไว้แน่นและลากตัวเธอออกมาในขณะที่ยังคงก้าวเท้ายาวๆ ไม่หยุด  
 
 
“พี่จิ้งเจ๋อ…” ลู่ชูเซี่ยยังอยากจะพูดบางอย่าง แต่ชายหนุ่มกลับไม่แม้แต่จะปรายตามองหล่อน  
 
 
ด้วยความโมโห ลู่ชูเซี่ยจึงกระทืบเท้าปึงปังอยู่ตรงนั้น เธอมองดูร่างของชายหนุ่มที่คล้อยหลังออกไปอย่างชวนให้รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่กล้าเดินตามเขาไป  
 
 
เพราะเพียงแค่มองแผ่นหลังของเขา เธอก็สะท้านไปทั่วร่าง ไม่มีทางเลยที่เธอจะกล้าวิ่งตามชายหนุ่มไปแบบนั้น  
 
 
เธอเกลียดที่ตัวเองขี้ขลาด แต่ขาเธอกลับไม่ยอมขยับ เธอรู้ว่ากู้จิ้งเจ๋อเป็นคนดีเมื่อเขาต้องการจะเป็น แต่ข่าวลืออื่นๆ เกี่ยวกับเขาก็ไม่มีทางที่จะผิดพลาดไปได้เช่นกัน  
 
 
หลินเช่อบิดแขนเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม  
 
 
“กู้จิ้งเจ๋อ นี่คุณกำลังจะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะคะ คุณเป็นบ้าอะไรกันแน่ คุณ…คุณทำฉันเจ็บนะ”  
 
 
แต่คนตัวใหญ่กว่าไม่สะดุ้งสะเทือนแม้แต่น้อย เขายังคงลากเธอไป ก่อนที่จะผลักเธอเข้าไปในลิฟต์ที่เปิดประตูอยู่  
 
 
คนที่ยืนอยู่ในลิฟต์ตอนแรกพากันเอะอะ แต่เมื่อได้เห็นใบหน้าบึ้งตึงชวนให้ขนลุกของเขาแล้ว ทุกคนก็พากันเงียบและยืนนิ่งไม่กล้าขยับ  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อตวัดสายตาดุดันหันไปมอง แม้ว่าคนเหล่านั้นจะไม่ได้อยากออกจากลิฟต์ที่ชั้นนี้ แต่พวกเขาก็พากันลนลานออกมาชนิดที่เรียกว่าหางจุกตูดทีเดียว  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อผลักหลินเช่อเข้าไปในลิฟต์ที่ว่างเปล่าทันที…  
 
 
ก่อนที่ตัวเขาเองจะเดินตามเข้ามา เขายืนหันหลังให้หลินเช่อขณะที่เฝ้ามองประตูลิฟต์ค่อยๆ เคลื่อนปิดลงอย่างช้าๆ  
 
 
แล้วเขาก็ปล่อยแขนเธอ หลินเช่อเหยียดแขนออกไปเพื่อนวดคลึงข้อมือ และมองหน้าเขาอย่างกล่าวโทษ “คุณเป็นบ้าไปแล้วหรือคะ แล้วนี่จะพาฉันไปไหน!”  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อรู้สึกถึงได้เพียงความอลหม่านปั่นป่วนในหัวใจตัวเอง เขาไม่อาจระงับความโกรธที่กำลังพลุ่งพล่านอยู่ในอกได้  

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset