เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 334 นาฬิกานั้นอวี๋หมินหมิ่นเป็นคนเลือก ฉันไม่รู้เรื่องอะไรด้วย

กู้จิ้งเจ๋อก้มลงมองและคลายอ้อมกอดจากหลินเช่อ ความโกรธเกรี้ยวที่มีต่อเธอยังไม่หมดไป เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาละ ทีนี้เธอก็ไสหัวไปได้แล้ว”  
 
 
ว่าไงนะ นี่เขาบอกให้เธอไสหัวไปได้แล้วหลังจากที่จูบเธอเสร็จงั้นเหรอ  
 
 
หลินเช่อตวัดสายตามองอีกฝ่าย “กู้จิ้งเจ๋อ เลิกทำตัวไร้สาระซะที คุณได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่นะคะ ฉันมาที่นี่ก็เพื่อที่จะมาอยู่คอยดูแลคุณ”  
 
 
ชายหนุ่มพูดเสียงเย็น “ไม่จำเป็น ฉันมีคนรับใช้มากมายคอยดูแล ในเมื่อเธอเกลียดขี้หน้าฉันนัก ฉันก็ไม่ขอรั้งเธอไว้ให้ต้องเสียเวลา”  
 
 
หลินเช่อชักสงสัยว่าตกลงใครเกลียดใครกันแน่ “กู้จิ้งเจ๋อ ขอฉันพูดให้เข้าใจก่อนนะคะ คุณเป็นคนที่เริ่มทำรุนแรงกับฉันก่อนนะ แล้วทำไมถึงกลายเป็นว่าฉันเป็นฝ่ายเกลียดคุณไปได้ล่ะ!”  
 
 
ชายหนุ่มแสยะยิ้มหันมามอง “ฉันเนี่ยนะทำรุนแรงกับเธอ เธอต่างหากที่เป็นคนปฏิเสธฉันก่อน ใช่สิ ถ้าเป็นจิ้งอวี่เธอก็คงไม่ต่อต้านขนาดนี้หรอก ขอโทษด้วยนะ คนที่เธออยากจะวางยาแล้วก็แต่งงานด้วยคือกู้จิ้ิ้งอวี่นี่นะ ฉันผิดเองแหละที่ไม่ควรจะไปอยู่ในห้องนั้น”  
 
 
“เฮ้ กู้จิ้งเจ๋อ อยู่ๆ คุณมาพูดถึงกู้จิ้ิ้งอวี่แบบนี้ทำไมกัน เขาเป็นแค่รุ่นพี่ในวงการเท่านั้น ความสัมพันธ์ของเราไม่ได้เป็นเหมือนที่คุณคิดเลยนะคะ” หลินเช่อโกรธจนอยากจะกระทืบเท้าแล้วในตอนนี้  
 
 
ชายหนุ่มถาม “ฉันคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเธอเป็นแบบไหนเหรอ ใช่สิ ก็แค่ความสัมพันธ์ที่พวกเธอมอบของขวัญแทนใจให้กันสินะ ทำไมล่ะ เธอให้นาฬิกาข้อมือเขา แล้วเขาให้อะไรเธอตอบแทนมิทราบ สร้อยคอ หรือว่าแหวน แต่ฉันจะขอแนะนำอะไรซักอย่างนะ พวกเธอสองคนไม่มีทางไปกันรอดหรอก ความสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายของเขาต้องจบลงก็เพราะคุณแม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง แล้วเธอคิดว่าแม่ฉันจะยอมทนให้คนที่เคยเป็นเมียฉันมาก่อน ไปมีอะไรกับจิ้งอวี่แทนงั้นเหรอ”  
 
 
หลินเช่อชะงัก นี่เขารู้เรื่องนาฬิกาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน  
 
 
เธอมองหน้าเขาอย่างไม่อยากเชื่อ “นี่คุณพูดเรื่องบ้าบออะไรกัน กู้จิ้ิ้งอวี่ขอให้ฉันซื้อนาฬิกาให้ เขาบอกว่าฉันควรจะขอบคุณที่เขาช่วยดูแลฉัน แล้วฉันเองก็คิดว่าฉันน่าจะให้ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ กับเขาบ้าง ในเมื่อเขาก็คอยดูแลช่วยเหลือฉันจนพัฒนาการทักษะการแสดงของตัวเองให้ดีขึ้นได้ เพราะอย่างงั้น ฉันก็เลยขอให้อวี๋หมินหมิ่นช่วยหาซื้ออะไรมาให้เขาซักชิ้นก็เท่านั้น”  
 
 
รอยย่นตรงหว่างคิ้วของชายหนุ่มดูจะคลี่คลายลงเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงจ้องมองเธอด้วยท่าทีที่เคร่งเครียดอยู่  
 
 
อวี๋หมินหมิ่นเป็นคนซื้อนาฬิกาเรือนนั้นงั้นเหรอ  
 
 
มันเป็นแค่ของขวัญขอบคุณงั้นเหรอ  
 
 
หลินเช่อพูดต่อไป “คุณคิดว่าเราสองคนมีอะไรกันแค่เพราะว่าเราให้ของขวัญกันเนี่ยนะคะ ฉัน…ฉันไม่มีทางทำแบบนั้นอยู่แล้ว ฉันบอกกู้จิ้ิ้งอวี่ไปตั้งแต่ต้นว่าฉันแต่งงานแล้ว เขาเองก็รู้ เราสองคนเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น”  
 
 
สายตาของชายหนุ่มไหววูบ นี่มันก็เหมือนกับที่เขาเคยคิดนั่นแหละ เขารู้มานานแล้วการให้ของขวัญไม่ใช่สิ่งที่มีความหมายอะไร แต่ตอนนั้นเขาไม่อาจควบคุมความคิดของตัวเองได้  
 
 
เขาไม่อยากเห็นเธอมีความสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกับผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น  
 
 
ต่อให้เป็นน้องชายของเขาเองก็ตาม  
 
 
แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่าเรื่องนี้มันเป็นการล้ำเส้นข้อตกลงที่เธอและเขามีร่วมกันตั้งแต่แรกว่า เขาจะไม่เข้าไปก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของเธอ แล้วเขาเองก็รู้ดีอีกด้วยว่า เขาไม่ควรเข้าไปยุ่มย่ามกับงานและชีวิตทางสังคมของเธอ ต่อให้ทั้งเธอและเขาเป็นสามีภรรยากันจริงๆ ทั้งคู่ก็ควรที่จะมีอิสระและพื้นที่ส่วนตัวในการคบหามิตรสหาย  
 
 
แต่เขากลับเลือกที่จะละเมิดข้อตกลงทั้งหมดนี้ก็เพราะเธอ  
 
 
ตอนนี้ที่เขาได้ยินหลินเช่ออธิบายว่าของขวัญชิ้นนั้นถูกเลือกโดยอวี๋หมินหมิ่น เขาก็เริ่มรู้สึกผ่อนคลายสบายใจขึ้นได้ในทันทีอย่างเหลือเชื่อ เหมือนอากาศอันอบอุ่นภายหลังคืนวันอันหนาวเหน็บ ใบหน้าของชายหนุ่มอ่อนโยนลงเล็กน้อย  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อพูดขึ้นว่า “ต่อให้พวกเธอเป็นเพื่อนกัน…เธอไม่คิดว่าการให้นาฬิกาเขามันออกจะเป็นการเชิญชวนไปหน่อยหรือ”  
 
 
หลินเช่อถาม “ถ้างั้นฉันควรจะให้อะไรเขาล่ะคะ”  
 
 
“ช่างเถอะ ระดับสติปัญญาอย่างเธอ ก็คงคิดเรื่องนี้ไม่ออกอยู่ดี คราวหน้าถ้าเธอต้องการซื้อของขวัญ เธอบอกฉันก็ได้ ฉันจะให้คนไปช่วยเธอเลือกเอง แบบนั้นดีมั้ย”  
 
 
“ถ้าแบบนั้นก็เท่ากับว่าคุณเป็นคนให้ของขวัญน่ะสิคะ” หลินถามขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อ  
 
 
“เราเป็นสามีภรรยากัน จะเธอให้หรือฉันให้มันต่างกันตรงไหนล่ะ” ชายหนุ่มถาม  
 
 
“…”  
 
 
หลินเช่อยังอยากจะพูดต่อ แต่เมื่อสังเกตเห็นเลือดที่ไหลซึมผ้าพันแผลออกมาจากไหล่ของเขา   
 
 
หญิงสาวก็ตกใจ  
 
 
“พระเจ้า กู้จิ้งเจ๋อ ไหล่คุณเลือดไหลน่ะค่ะ”  
 
 
ชายหนุ่มชะงัก เขาเหลียวมองดูบาดแผลที่ด้านข้าง เลิกคิ้ว เมื่อหลินเช่อหน้าซีดเซียวด้วยความวิตก เขาก็ทนเห็นเธอเป็นแบบนั้นไม่ได้ จึงบอกด้วยท่าทีไม่เดือดร้อนอะไรว่า “ไม่เป็นไรหรอก แค่แผลถากๆ เท่านั้นเอง”  
 
 
“หมอ คุณหมอ เข้ามาดูหน่อยค่ะ เร็วเข้า!” เธอรีบร้องตะโกนลั่น ขณะที่จับแขนข้างหนึ่งของเขาไว้ “เจ็บหรือเปล่าคะ ท่าทางจะเจ็บมาก อย่าเพิ่งขยับตัวค่ะ คุณเจ็บหนักขนาดนี้แต่กลับไม่ยอมนอนนิ่งๆ แล้วตอนนี้ดูสิคะว่าเป็นยังไง เลือดออกใหญ่แล้ว”  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อรู้สึกเหมือนตัวเองจะเป็นบ้า ตลอดสองวันที่ผ่านมา เขาโกรธจัดเพราะเธอ แต่พอมาตอนนี้ที่เห็นเธอกลัดกลุ้มกังวล เขาก็พลอยเป็นไปด้วย   
 
 
เขาคิดว่าปล่อยให้เธอกังวลนิดๆ หน่อยๆ ก็คงไม่เป็นไรกระมัง อย่างน้อยเธอก็จะได้ไม่ผลักไสเขาแล้วก็พูดว่าเธอเกลียดเขาอีก  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อจึงเอ่ยขึ้นว่า “พอแล้ว เลิกตะโกนซะที ถ้าเธอตะโกนมากกว่านี้ หมอจะคิดว่าฉันกำลังใกล้ตาย ฉันไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ”  
 
 
หลินเช่อมองดูแผล เลือดที่ไหล่ยังคงไหลปรี่ออกมาราวกับสายน้ำ วงสีแดงขยายใหญ่ทิ่มแทงสายตา  
 
 
นี่เขาบาดเจ็บหนักขนาดไหนนะ แต่ถึงอย่างงั้นเขาก็ยังจูบเธออย่างหนักหน่วงแล้วก็พูดกับเธออยู่ได้เป็นนานก่อนหน้านี้นี่นา  
 
 
เขารู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองบาดเจ็บสาหัส รู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองเพิ่งรอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชมาได้  
 
 
หลินเช่อนึกตำหนิตัวเอง ทั้งที่รู้ว่าเขาป่วยหนัก แต่เธอก็ยังมายืนต่อล้อต่อเถียงเขาอยู่ตั้งนานสองนานขนาดนี้  
 
 
เมื่อคืนก่อนเขาต้องผ่านอะไรมาบ้างถึงได้บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้นะ  
 
 
หลินเช่อรู้สึกจริงๆว่า แม้ว่าคนเหล่านี้จะยืนอยู่บนยอดของพีระมิดที่ใครๆ ต่างพากันแหงนมองด้วยความยกย่อง แต่พวกเขาก็มีภาระมากมายที่ต้องแบกรับมากกว่าคนอื่นด้วยเช่นกัน  
 
 
หลินเช่อนึกเสียใจและเป็นกังวลอยู่ลึกๆ ในใจ จนกระทั่งนายแพทย์เข้ามาในห้อง เธอรีบหันไปถามเข่า “คุณหมอคะ รีบมาดูเถอะค่ะ ทำไมเขาถึงเลือดออกอีกล่ะคะ”  
 
 
เหล่าแพทย์เดินรีบปรี่เข้ามาทันที เมื่อพวกเขาเห็นแผลที่เริ่มปริก็รีบจัดการมันทั้งที่ยังอยู่ในชุดเสื้อกาวน์สีขาว  
 
 
กู้จิ้งเจ๋อนั่งนิ่ง เมื่อผ้าพันแผลถูกดึงออกไป หลินเช่อก็ต้องยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง บาดแผลนั้นเหวอะหวะน่าสยอง เธอยังคงนึกภาพไม่ออกว่าเขาต้องเจอกับอะไรเมื่อวานนี้  
 
 
เนื้อบางส่วนของเขาฉีกหายไปเพราะแรงระเบิด ทำให้เกิดแผลใหญ่เป็นวงกว้าง ผ้าพันแผลชุ่มเลือดถูกโยนทิ้งลงบนพื้น แต่ชายหนุ่มกลับหันศีรษะไปดูรอยแผลของตัวเองโดยไม่สะดุ้งสะเทือนแต่อย่างใด ราวกับว่าแขนข้างนั้นไม่ได้เป็นแขนของเขากระนั้น  
 
 
คณะแพทย์แต่งแผลและพันผ้าพันแผลให้เขาใหม่อย่างยากลำบาก หลินเช่อมองดูคนเจ็บที่นั่งนิ่งไม่ไหวติง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอผู้ชายที่น่าเกรงขามขนาดนี้ เขาแข็งแกร่งมากเสียจนดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรมาท้าทายขีดจำกัดของเขาได้  
 
 
ตลอดเวลาที่เติบโตมาเขาต้องเผชิญกับอะไรบ้างนะถึงได้กลายเป็นผู้ชายที่เข้มแข็งได้อย่างทุกวันนี้  
 
 
นอกจากความหรูหราเลิศเลอที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลกู้แล้ว มันยังมีความยากลำบากแสนสาหัสอีกมากมายที่คนภายนอกไม่เคยรู้เห็น หญิงสาวคิด  
 
 
แต่กู้จิ้งเจ๋อเป็นผู้ชาย แน่นอนว่าเขาจะต้องแบกรับภาระที่มากมายยิ่งกว่านั้นบนสองบ่า เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นอีกนอกจากการต้องกลายเป็นคนที่แข็งแกร่ง แข็งแกร่งยิ่งกว่าคนธรรมดาทั่วไป  
 
 
หลินเช่ออดไม่ได้ที่ถอนหายใจด้วยความหวั่นไหว เมื่อเธอหันหน้าไปมองบุรุษผู้ไม่ธรรมดาผู้นั้น เธอก็รู้สึกเต็มตื้นไปด้วยใบหน้าที่แน่วแน่ไม่สะทกสะท้านของเขา  

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset