เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 444 เอาล่ะ ผมรับปากจะสอนคุณ

เขาจ้องมองหลินเช่อ แล้วจึงบอก “คุณขึ้นมาก่อนค่อยคุย”  

 

 

หลินเช่อพยักหน้า ขึ้นรถกอล์ฟของเขาทันที  

 

 

หยางหลิงซินอยากขึ้นมาด้วย แต่กลับถูกขัดขวางเอาไว้  

 

 

หลินเช่อส่งสายตาบอกกับหยางหลิงซิน ว่าเธอไปเองก็พอ  

 

 

หลินเช่อมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ เขาสวมแว่นกันแดด ดังนั้นจึงมองไม่เห็นถึงสายตาของเขา เพียงรู้สึกได้ว่า เขากำลังมองตัวเอง  

 

 

เขาพูดขึ้นมา “คุณเคยเรียนสานต่า[1]เหรอ”  

 

 

“คะ” หลินเช่อชะงัก บอก “เปล่าค่ะ”  

 

 

“เหรอ ท่าเมื่อสักครู่ ก็ดูคล่องแคล่วดีนี่”  

 

 

“เอ่อ เรื่องนั้นเหรอคะ เพราะตอนเด็กๆ ฉันทะเลาะวิวาทบ่อยค่ะ ดังนั้นเลยพอรู้อยู่บ้างว่าต้องทำยังไงถึงจะดี เด็กผู้หญิงกำลังน้อย ยิ่งคุณหนูที่ไม่ทำงานทำการพวกนั้น ดังนั้นเลยสู้ฉันไม่ได้ ฉันเติบโตมากับข้างถนนเลยนะคะ เรื่องสกปรกอะไรก็เคยทำมาทั้งนั้น ไม่เหมือนพวกเธอ”  

 

 

เขายกมุมปากขึ้น มองหลินเช่อ ในที่สุดก็ถอดแว่นออกมา  

 

 

เมื่อสักครู่เขามองเห็นถึงความผิดปกติทางนี้   

 

 

ตอนที่ส่งคนมา เขาสังเกตเห็นผู้หญิงสองคนกำลังตบตีกันอยู่  

 

 

ดังนั้นจึงตั้งใจหยุดมองอยู่ไกลๆ ดูว่าพวกเธอจะทำอย่างไร  

 

 

ไม่คิดว่าผู้หญิงบอบบางคนนี้ กลับมีกำลังมากมาย ไม่เกรงกลัวสักนิด จนคู่ต่อสู้อีกฝ่ายล้มลงไปบนพื้น อีกทั้ง ท่วงท่านั้น สำเร็จในกระบวนท่าเดียว ดูแล้วน่าสนใจ  

 

 

เขาบอก “คุณมาหาผม เพราะงานเลี้ยงดับเบิ้ลยูดับเบิ้ลยูเหรอ”  

 

 

“เอ่อ…คุณรู้ได้ยังไงคะ” หลินเช่อเกรงใจที่จะบอก  

 

 

เขาบอก “มีคนบอกผมแล้ว งานเลี้ยงครั้งนี้มีฟันดาบ ผมคิดไว้แล้ว ว่าต้องมีคนมาหาผม เพียงแต่น่าเสียดาย คำเล่าลือพวกนั้น มันก็แค่คำเล่าลือจอมปลอม ผมไม่ได้เก่งกาจขนาดนั้นหรอก”  

 

 

“จะเป็นไปได้ยังไงกันคะ ไม่มีมูลข่าวไม่เกิดหรอกค่ะ และฉันก็หมดปัญญาแล้วด้วย ทำได้เพียงเห็นม้าตายแล้วรักษาดุจม้าเป็น[2]”  

 

 

ชายหนุ่มตกใจ หันกลับมามองเธอ “คุณบอกว่า คุณเป็นม้าตาย หรือว่าผมเป็นม้าตาย”  

 

 

หลินเช่อพลันรู้ตัวว่าตัวเองพูดผิดแล้ว จึงรีบบอก “ไม่ใช่นะคะ ไม่ใช่…ฉันเป็นม้าตาย ฉันเองค่ะ คุณไม่ใช่แน่นอนอยู่แล้ว คุณเป็นถึงแชมป์โลก ฉันน่ะ…ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฟันดาบต้องทำยังไง”  

 

 

ไม่ง่ายเลยที่เขาจะหัวเราะออกมา จ้องมองเธอ นานทีเดียว ค่อยเอ่ยออกมา “คุณต้องการที่หนึ่งไปทำไมกัน มันก็แค่งานเลี้ยงเอง”  

 

 

“แม้จะเพียงชื่อเสียงจอมปลอม แต่ฉันรับปากคนอื่นไปแล้ว พนันว่าใครจะชนะ ฉันไม่ลองแล้วปล่อยวางไปแบบนั้นไม่ได้หรอก ดังนั้น ฉันจึงลองแข่งสักหน่อย”  

 

 

เขาหัวเราะ “รับปากกับลู่ชูเซี่ยเหรอ”  

 

 

“เอ๋ คุณรู้ได้ยังไงคะ”  

 

 

วงการนี้มันก็ไม่ได้กว้างขวางอะไร อยากรู้ ก็รู้ ไม่ใช่บอกว่า คุณกับลู่ชูเซี่ยใครชนะได้กู้จิ้งเจ๋อไปเหรอ”  

 

 

“…” หลินเช่อบอก “ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย คนพวกนี้ถ่ายทอดข่าวกันยังไงเนี่ย”  

 

 

“ผมก็แปลกใจ คนถือดีอย่างกู้จิ้งเจ๋อ จะมาเป็นสิ่งเดิมพันได้ยังไง และก็คงไม่มีใครกล้าเอาเขามาเดิมพันหรอกใช่ไหม”  

 

 

“อ้อ คุณรู้จักกู้จิ้งเจ๋อด้วยเหรอคะ”  

 

 

“แน่นอนสิ บนโลกนี้ใครไม่รู้จักกู้จิ้งเจ๋อกันล่ะ”  

 

 

นั่งก็ใช่ กู้จิ้งเจ๋อ แม้จะอยู่เงียบๆ แต่ภายนอกก็ยังมีข่าวมากมายเกี่ยวกับเขา  

 

 

“แต่ว่า แม้จะไม่ใช่ แต่ฉันก็ได้พนันไปแล้ว ฉันไม่อยากแพ้ แต่ว่า ขี่ม้าคงจะเอาชนะเธอไม่ได้ คงต้องอาศัยการฟันดาบ ไม่งั้น แม้แต่คุณสมบัติจะไปสู้กับเธอฉันก็คงไม่มี”  

 

 

“เทียบกับลู่ชูเซี่ย คุณสู้เธอไม่ติดเลย”  

 

 

“…” เขามาโจมตีคนหรืออย่างไรนะ   

 

 

เขามองหลินเช่อ “แต่ว่า ถ้าคุณอยากลองดู อีกสามวันผมจะกลับเมืองบี เราค่อยเจอกันอีกครั้ง”  

 

 

“ห๊ะ นี่คุณยอมตกลงแล้วใช่ไหมคะ จริงใช่ไหมคะ ขอบคุณคุณมากๆ เลยค่ะ” เธอมองเขาด้วยความดีอกดีใจ ไม่คิดว่า เขาจะตอบตกลงด้วยท่าทางสบายๆ แบบนี้  

 

 

ซือถูฉยงบอก “ยังไงมันก็ไม่มีความหมายอะไร แค่รับศิษย์สักคน ทำไมจะไม่ได้”  

 

 

“…”  

 

 

เธอกลายเป็นเรื่องที่ทำฆ่าเวลาของเขาเหรอเนี่ย  

 

 

ช่างเถอะ ขอแค่เขายอมช่วยเธอก็พอแล้ว  

 

 

____  

 

 

หลินลี่ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกไล่ออกมาแบบนี้  

 

 

เธอรีบโทรไปเล่าเรื่องนี้ให้ลู่ชูเซี่ยฟัง  

 

 

ลู่ชูเซี่ยฟังแล้วก็ตกใจ ต่อว่าหลินลี่ผ่านทางโทรศัพท์ “เธอมันไร้ประโยชน์จริงๆ เธอตามหลังหลินเช่อตั้งแต่เริ่มต้น ฉันว่า ไม่ช้าก็เร็วเธอคงต้องโดนหลินเช่อเอาชนะได้แน่”  

 

 

หลินลี่เองก็อึดอัดใจ ทำได้เพียงตอบกลับไป “แต่ว่า ซือถูฉยงก็แปลกจริงๆ เขามองเห็นเรา แต่กลับให้หลินเช่ออยู่ แล้วไล่ฉันออกมา ฉันเอ่ยอ้างชื่อคุณไปก็ไม่มีประโยชน์”  

 

 

“เดิมหลินเช่อก็เป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อยู่แล้ว มารยามากมาย เธอก็ลองเรียนรู้วิธีหลอกล่อผู้ชายจากเธอดูสิ ยังจะมาบ่นกับฉันอีก เหอะ ช่างเถอะ ก็ไม่เคยคิดว่าเธอจะสามารถเป็นเครื่องมือสำคัญได้ เธอจัดการตัวเองให้เรียบร้อยเถอะ ถ้าโดนหลินเช่อขับออกตั้งแต่เริ่มต้น ก็โทษใครไม่ได้”  

 

 

ลู่ชูเซี่ยตัดสายด้วยความโกรธ หลินลี่เองก็กำลังข่มกลั้นเอาไว้  

 

 

เดิมโดนตบไปหนึ่งรอบ แถมยังถูกหลินเช่อแย่งความชอบจากคุณซือถูไปอีก เธอโกรธมาก  

 

 

ไม่คิดว่า ซือถูคนนี้จะแปลกพิกล  

 

 

ลู่ชูเซี่ยคิดแล้วก็แปลก เดิมซือถูฉยงไม่ยอมพบใคร ทำไมครั้งนี้ถึง…  

 

 

____  

 

 

หลินเช่อและหยางหลิงซินพากันกลับเมืองบี  

 

 

อ่านข้อมูลระหว่างทาง หยางหลิงซินถาม “คุณซือถูคนนั้นบอกว่ากลับไปแล้วจะสอนพี่จริงๆ เหรอคะ”  

 

 

“ใช่”  

 

 

“ฉันรู้สึกว่าเขาแปลกๆ พี่เช่อคะ พี่อยู่ให้ห่างจากเขาดีกว่านะคะ”  

 

 

“ก็โอเคนะ บางทีอาจจะเพราะคนพวกนี้ชอบวุ่นวายกับเขา เขาคงรำคาญ เลยไม่สนใจใครน่ะ”  

 

 

“โอเค แล้วพี่เข้าไป นอกจากพูดเรื่องนี้แล้ว ไม่ได้คุยอย่างอื่นเหรอคะ”  

 

 

“ไม่มีแล้ว”  

 

 

“แต่ฉันยังแปลกใจอยู่ ทำไมจู่ๆ เขาถึงช่วยพี่เช่อล่ะคะ”  

 

 

ไม่ใช่บอกว่าเขาจัดการยากไม่ใช่เหรอ แต่ว่า ดูเขาตอบรับที่จะช่วยหลินเช่อได้ง่ายๆ เลย  

 

 

“บางทีเขาอาจจะเบื่อจริงๆ ก็ได้” ตอนนี้หลินเช่อไม่ได้คิดอะไรมาก เพียงแค่อยากเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงครั้งนี้ให้ดีก็เท่านั้น  

 

 

ตอนนี้เรื่องฟันดาบจัดการเรียบร้อยแล้ว แต่ต่อไปยังมีเรื่องบัลเล่ต์ให้จัดการต่อ  

 

 

เธอไม่เป็นบัลเล่ต์ ยังต้องไปเรียนอีก  

 

 

เมื่อกลับถึงบ้าน กู้จิ้งเจ๋อเห็นว่าเธอกำลังตั้งใจดูอะไร จึงเดินเข้าไปถาม “เธอดูอะไรอยู่”  

 

 

“ฉันกำลังดูบัลเล่ต์ค่ะ คุณว่า ครูเหล่านี้ คนไหนดีคะ แม้ว่าฉันจะเต้นรำไม่ได้ แต่ว่า ฉันมีความสามารถในการแสดงนะ แค่เลียนแบบท่าทางฉันเองก็ทำได้”  

 

 

กู้จิ้งเจ๋อเห็นความทุ่มเทของเธอ ของกินข้างๆ วางอยู่ แต่ยังไม่ถูกกิน  

 

 

มองเธอเงียบๆ เขาหยิบไอแพดในมือเธอไปก่อน “เอาล่ะ วางก่อน ต้องกินข้าวก่อน”  

 

 

“อ่า ไม่เป็นไรหรอก ฉันขอดูก่อน เวลามีน้อย”  

 

 

“ไม่ได้” เขาดึงเธอเข้ามา คว้าเอวเธอเอาไว้ ให้เธอหันมาเผชิญหน้ากับเขา นั่งลงบนตักของเขา  

 

 

“โอ๊ย คุณทำอะไรเนี่ย…” เธอร้องออกมา รีบหันไปมองสาวใช้รอบข้าง  

 

 

กู้จิ้งเจ๋อกลับไม่กังวลสักนิด ยกมือขึ้นมา ออกคำสั่ง “เอาอาหารมาเปลี่ยนให้คุณผู้หญิงอีกชุด”  

 

 

สาวใช้รีบเข้ามายกอาหาร  

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] สานต่า  หรือ ซ่านโฉ่ว เป็นรูปแบบศิลปะป้องกันตัวและกีฬามวยใช้เท้าอย่างหนึ่งของจีน เป็นศิลปะป้องกันตัวที่พัฒนาโดยทหารซึ่งมีพื้นฐานการศึกษาและปฏิบัติจากกังฟูและเทคนิคการต่อสู้สมัยใหม่

 

 

[2] เห็นม้ายตายแล้วรักษาดุจม้าเป็น  คือ การทำอะไรบางอย่างที่เกินความสามารถตนเอง ดันทุรัง 

Related

Comment

Options

not work with dark mode
Reset