เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 104 ฉันยังจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นวันนั้น

“คุณ…” หลินเช่อยกมือขึ้นฟาดไปที่ไหล่เขาโดยแรง “ยังจะกล้าพูดขึ้นมาอีกนะ”
 
 
“จะเป็นไรไปเล่า”
 
 
“ก็คืนนั้นคุณไม่ได้เห็นแค่ครั้งเดียวด้วยซ้ำ!” หลินเช่อจำได้ชัดเจน เขาเหมือนกับปีศาจที่บุกตะลุยเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ยอมหยุด
 
 
ดวงตาของชายหนุ่มเป็นประกายวาบขณะมองเธออย่างเจ้าเล่ห์ “เธอจำได้แม่นเลยนี่”
 
 
หญิงสาวเพิ่งรู้สึกตัวว่าพลาดไปเสียแล้ว นี่เธอเผลอพูดอะไรออกไปเนี่ย
 
 
กู้จิ้งเจ๋อยิ้มแล้วยื่นหน้าเข้ามาจนใกล้ “แล้วยังจำอะไรได้อีก ไหนบอกฉันหน่อยซิ”
 
 
“คะ คะ คุณ… ฉันจำอย่างอื่นไม่ได้แล้วละ” หลินเช่อหลบสายตาคมที่จ้องมาไปมองทางอื่น พร้อมเอนตัวหนีสุดชีวิต
 
 
แต่เขากลับคว้าข้อมือเธอไว้
 
 
ชายหนุ่มเคลื่อนเข้ามาจนใกล้ พินิจดูทุกความรู้สึกที่ระบายออกมาบนดวงหน้าเล็กๆ นั่น “บอกฉันมา ว่ายังจำอะไรได้อีก เธอจำได้รึเปล่าว่าฉันถอดเสื้อผ้าเธอ ว่าฉันกดเธอลงกับเตียง”
 
 
“ไม่…ฉันจำไม่ได้” หลินเช่อบอกอย่างกระอักกระอ่วน
 
 
“จำไม่ได้จริงๆ เหรอ”
 
 
เขายิ้ม “แต่ฉันยังจำได้นะ”
 
 
“คุณ…”
 
 
ชายหนุ่มหัวเราะแล้วบอกว่า “แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่ได้เห็นอะไรสักเท่าไหร่หรอกเพราะทุกอย่างมันเบลอไปหมด ต้องอาศัยใช้มือคอยคลำเอาน่ะ ก็เลยจำไม่ค่อยได้ว่ารูปร่างของเธอเป็นยังไงและตัวฉันเองทำอะไรลงไปบ้าง ทำไมเธอไม่ให้ฉันลองดูอีกสักทีล่ะ”
 
 
“ทะลึ่ง! คนอันธพาล! ฉันไม่เชื่อคุณหรอก” หลินเช่อรีบหลบฉากออกมา แต่เมื่อหันกลับไปมองข้างหลัง เธอก็ได้เห็นว่าคนยั่วโมโหกำลังหัวเราะลั่น ท่าทางมีความสุขเป็นที่สุด
 
 
หญิงสาวอดถามขึ้นไม่ได้ “นี่ลืมไปแล้วหรือไงคะว่าตัวเองป่วยอยู่น่ะ”
 
 
เมื่อได้ยินดังนั้นนั่นแหละ คนป่วยถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังมีไข้อยู่
 
 
เขายกมือขึ้นแตะหน้าผาก ปกติแล้วเขาจะรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวหลังจากรับประทานยา แต่ครั้งนี้น่าประหลาดที่เขากลับไม่เป็นเช่นนั้น บางทีอาจจะเป็นเพราะมัวแต่เพลิดเพลินกับการแกล้งหลินเช่ออยู่ก็ได้ เลยไม่ได้รู้สึกถึงอาการอึดอัดอะไร
 
 
เมื่อก้มลงดูก็พบว่าผื่นแดงทั้งหลายจางหายไปมากแล้ว เขาจึงตัดสินใจกลับบ้าน
 
 
เฉินอวี่เฉิงจัดยาให้คนป่วยและกำชับว่า “คุณยังต้องกินยานี่ทุกวันนะครับ ที่วันนี้อาการของคุณกำเริบหนักขนาดนี้น่าจะเป็นเพราะคุณลืมกินยา”
 
 
เขาสูดหายใจลึกแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
 
 
หลินเช่อแทรกขึ้นว่า “จริงๆ เลยนะ กู้จิ้งเจ๋อ ทำไมไม่กินยาให้สม่ำเสมอละคะ”
 
 
เขาตวัดสายตามองเธอ
 
 
นายแพทย์ยิ้มก่อนจะเสริมอีกว่า “ยานี่ยังมีประโยชน์อยู่ ถึงมันจะทำให้รู้สึกปั่นป่วนอยู่บ้างหลังกินเข้าไป แต่กู้จิ้งเจ๋อก็ชินแล้ว คงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับเขาหรอกครับ แต่การกลับมาเริ่มกินใหม่อีกครั้งก็คงจะมีอาการอยู่บ้างไม่มากก็น้อย”
 
 
หลินเช่อมองดูขวดยาแล้วก็รู้สึกได้ว่า กู้จิ้งเจ๋อเองก็คงจะต้องอดทนกับปัญหานี้ไม่น้อยเลยทีเดียว อาการป่วยด้วยโรคพิเศษเช่นนี้ก็คงจะต้องใช้ยาชนิดพิเศษเพื่อช่วยเยียวยาด้วยเช่นกัน เพราะหน้าตาของยาในขวดนั้นไม่เหมือนกับยาอื่นๆ ที่เธอเคยเห็นมาก่อนเลย
 
 
เฉินอวี่เฉิงยิ้มให้ “ครั้งล่าสุดที่คุณมาที่นี่คุณเอาแต่แปรงฟัน แต่ผมไม่คิดว่าน้ำลายของคุณหนูโม่จะเข้าไปในปากคุณหรอกนะครับ ผมเชื่อว่าริมฝีปากเธอแค่แตะโดนปากคุณเบาๆ เท่านั้น แต่คุณก็ยังออกอาการเสียใหญ่โตถึงขั้นตั้งหน้าตั้งตาแปรงฟันอยู่เป็นชั่วโมงๆ เลยทีเดียว ถ้าน้ำลายของเธอเข้าปากคุณไปละก็คงได้แปรงจนฟันหลุดออกมาแน่ๆ”
 
 
“…” ชายหนุ่มตวัดสายตาคมปลาบไปยังคนพูดทันที
 
 
แววตาสุดคุกคามนั้นทำเอาคนเป็นหมอถึงกับตัวแข็ง เขารีบหันไปมองหลินเช่อด้วยความตกใจ แต่ก็สายเกินไปเสียแล้วที่จะเอาคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา
 
 
หลินเช่อได้ยินเข้าเต็มๆ เธอยืนนิ่งงันไป คำพูดเหล่านั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัว อะไรสักอย่างเกี่ยวกับริมฝีปากแตะกัน อะไรสักอย่างเกี่ยวกับน้ำลายนี่แหละ แล้วก็อะไรสักอย่างเกี่ยวกับโม่ฮุ่ยหลิง…
 
 
หลินเช่อรู้ดีว่าพวกเขาคงกำลังพูดถึงโม่ฮุ่ยหลิงอยู่แน่ๆ
 
 
ก็ในเมื่อเธอกับเขา…ใกล้ชิดกันออกขนาดนั้น
 
 
หลินเช่อสะบัดหน้า ที่จริงก็เป็นเรื่องปกติออกจะตาย ถึงยังไงพวกเขาก็เป็นคู่รักกันนี่นา ถึงจะจูบกันก็ไม่แปลกอะไรสักหน่อย
 
 
การลืมนึกถึงอาการป่วยของตัวเองไปในช่วงเวลาแบบนั้นก็เป็นเรื่องปกตินี่นะ
 
 
เฉินอวี่เฉิงพยายามที่จะรีบกลบเกลื่อนสถานการณ์ด้วยการพูดว่า “แต่ว่าเรื่องนี้น่ะ คุณผู้หญิง คุณอย่าเพิ่งเข้าใจผิดไป คุณกู้ไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้น”
 
 
หลินเช่อโบกมือ “ไม่เป็นไรนี่คะ จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็เป็นเรื่องธรรมดาออก อ๊ะ ฉันจะออกไปดูหน่อยนะว่ารถจอดอยู่ตรงไหน แล้วจะเรียกคนขับรถให้มารับนะคะ”
 
 
ขณะมองหลินเช่อรีบผลุนผลันออกไป เฉินอวี่เฉิงก็อ้ำอึ้งพูดอะไรไม่ออก
 
 
กู้จิ้งเจ๋อหันมามองด้วยสีหน้าดุดัน
 
 
นายแพทย์รีบแก้ตัวเป็นพัลวัน “คุณกู้ครับ ผมไม่ได้พูดอะไรนะครับ”
 
 
“ฉันรู้”
 
 
“คุณกู้ครับ แล้วทำไมถึงทำหน้าตาน่ากลัวแบบนั้นล่ะครับ คุณกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ”
 
 
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ฉันแค่กำลังคิดอยู่ว่านายก็ทำงานให้ฉันมานานมากแล้วนะ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีความคืบหน้าเรื่องการรักษาอาการป่วยของฉันสักเท่าไหร่ บางทีอาจจะถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนหมอแล้วละมั้ง”
 
 
“…”
 
 

 
 
วันต่อมา
 
 
อวี๋หมินหมิ่นบอกหลินเช่อว่าทางบริษัทกำลังเตรียมฉลองให้กับการคว้ารางวัลของเธอ เพราะนี่นับเป็นวาระพิเศษที่มีการชนะรางวัลแพนด้าอวอร์ดของนักแสดงในสังกัด แม้ว่าจะเป็นเพียงรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ก็ตามแต่ก็สร้างความยินดีให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก
 
 
นอกจากนี้ บรรดาพาดหัวข่าวทั้งหลายก็ล้วนแต่เป็นข่าวเกี่ยวกับหลินเช่อทั้งสิ้น พวกเขาพูดถึงการเดินพรมแดงของเธอและกู้จิ้งอวี่ การเคลื่อนไหวต่างๆ ของเธอภายในงาน ช่วงเวลาที่เธอได้รับรางวัล รวมถึงการให้สัมภาษณ์นักข่าวหลังจากนั้น ภาพของหลินเช่อปรากฏอยู่เต็มไปหมดทั่วทุกสื่อจนทำให้บริษัทรู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง พวกเขาตัดสินใจจะจัดงานเลี้ยงฉลองให้กับเธอ
 
 
หลินเช่อร้องถามขึ้นว่า “พี่อวี๋คะ มันจะไม่ดูเป็นเรื่องใหญ่เกินไปหน่อยเหรอคะ”
 
 
ผู้จัดการสาวหัวเราะแล้วพูดว่า “เธอสมควรที่จะได้รับมันแล้วนี่จ๊ะ รีบกลับไปเตรียมตัวเถอะนะ แล้วกลับมาร่วมงานเลี้ยงฉลองคืนนี้กัน ฉันจะส่งรถไปรับเธอเอง แค่บอกเวลามาก็พอ”
 
 
“โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะพี่อวี๋”
 
 
อวี๋หมินหมิ่นเดินมาส่งหลินเช่อข้างนอกแล้วกลับไปยังห้องทำงานของตัวเอง แต่จู่ๆ โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
 
 
เมื่อเห็นหมายเลขโทรเข้า เธอก็สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะกดรับสาย “ว่าไงคะพ่อ”
 
 
[นี่แกบอกตระกูลลู่ว่าไม่ให้ฉันเข้าไปที่บ่อนอีกอย่างงั้นเหรอ] เสียงนายอวี๋หัวฟัดหัวเหวี่ยงดังมาตามสาย
 
 
อวี๋หมินหมิ่นถามกลับไปว่า “ก็ไหนพ่อบอกว่าจะเลิกแล้วไม่ใช่เหรอคะ แต่หนูเดาว่าคงจะเป็นเรื่องยากสินะคะที่จะเลิกนิสัยเดิมแบบปุบปับ ก็เลยไปขอร้องทางบ่อนพนันให้ช่วยในเรื่องนี้ ไม่ดีเหรอคะ”
 
 
บ่อนการพนันของตระกูลลู่นั้นจัดว่าใหญ่ที่สุดในตลาด B เรียกว่าผูกขาดธุรกิจบ่อนพนันทั้งหมดในย่านนี้เอาไว้เลยทีเดียว
 
 
หนำซ้ำที่นี่ยังเป็นบ่อนโปรดของนายอวี๋อีกต่างหาก
 
 
นายอวี๋ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งโมโห เขาตะเบ็งเสียงดังยิ่งขึ้นไปอีก [นี่แกทำแบบนี้ได้ยังไง แก! หมินหมิ่น ไปบอกพวกเขานะว่าให้เลิกกีดกันฉันได้แล้ว ฉันจะเข้าไปแต่พวกนั้นก็พากันไล่ตะเพิดฉันออกมา ทุกบ่อนเลยด้วย ถ้าแกทำแบบนี้แล้วฉันจะเอาคืนไอ้ที่เสียไปแล้วได้ยังไงกันล่ะ]
 
 
“ไอ้ที่พ่อเสียไปน่ะเหรอคะ พ่อคงหมายถึงเงินที่หนูหามาได้อย่างยากลำบากสินะ แล้วพ่อจะเอาคืนอะไรล่ะ หนูยังไม่เห็นสนใจอยากได้คืนเลย แล้วพ่อจะสนใจไปทำไมกันคะ” หญิงสาวท้าทาย
 
 
[แก…ฉันไม่สนหรอกนะว่าแกจะทำยังไง แต่แกต้องทำให้ฉันเข้าไปในนั้นให้ได้ ไม่อย่างนั้นฉันจะไปที่บริษัทแกแล้วก่อเรื่องให้แกอีก!]
 
 
“อยากมาก็มาสิคะ คราวนี้รปภ.ไม่มีทางยอมให้พ่อเข้ามาแน่”
 
 
[แก… นี่แกไม่กลัวตัวเองจะเสียชื่อบ้างเลยหรือไง ฉันไปแน่ แล้วจะไปทำให้งามหน้าเลยทีเดียว ฉันจะแฉให้ทุกคนรู้ว่าแกมันเป็นนังลูกอกตัญญู]
 
 
อวี๋หมินหมิ่นหัวเราะเสียงเย็น “เชิญเลยค่ะ ยังไงชื่อเสียงหนูมันก็ไม่มีอะไรเหลือดีอยู่แล้ว ถึงพ่อจะทำอะไร มันก็ไม่ได้ยิ่งลงไปยิ่งกว่านี้อีกแล้วละ เจอมาขนาดนี้แล้วจะกลัวอะไรอีกละคะ”
 
 
เมื่อพูดจบเธอก็วางสายทันที
 
 
ในขณะเดียวกัน
 
 
หลินเช่อกลับมาถึงบ้าน แต่ก่อนที่จะทันเดินเข้าประตูไป เธอก็หันไปเห็นโม่ฮุ่ยหลิงกำลังเดินตรงเข้ามาหาแต่ไกลเสียก่อน

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset