เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 139 ส่องประกายด้วยความภาคภูมิ

หลินเช่อมองดูอีกฝ่ายอย่างนึกขัน เธอถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่อโดนดูถูกจากผู้หญิงที่ชิงชังเธอขนาดนี้
 
 
“กู้จิ้งเจ๋อรู้ดีว่าฉันโพสต์รูปลงเวยป๋อค่ะ และฉันเชื่อว่าถ้าเขามีปัญหาอะไรละก็ เขาคงจะเตือนฉันด้วยตัวเองไปแล้ว ตามที่คุณพูดมามันก็ถูกอยู่หรอกค่ะ ฉันไม่รู้ว่าพวกชนชั้นสูงเขาอยู่กันยังไง แต่ฉันก็ไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นเรื่องดีที่จะต้องใช้ชีวิตแบบนั้น ฉันชินกับการใช้ชีวิตแบบเดิมของตัวเอง และฉันก็จะไม่ยอมเปลี่ยนตัวเองเพื่อกู้จิ้งเจ๋อ ฉันเชื่อว่าตราบใดที่ฉันจริงใจแล้วก็ซื่อสัตย์ ฉันก็จะได้รับการเคารพนับถืออยู่ดีไม่ว่าจะอยู่ในสังคมแบบไหนก็ตาม!”
 
 
“แก…”
 
 
โม่ฮุ่ยหลิงไม่คิดเลยว่าจะโดนหลินเช่อย้อนกลับเอาแบบนี้
 
 
หล่อนยังถากถางต่อไปอีก “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุลนั่นแหละ!”
 
 
หลินเช่อหัวเราะเสียงเย็น ก่อนที่จะได้ยินเสียงใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลัง
 
 
กู้จิ้งเจ๋อเดินเข้ามาและเห็นโม่ฮุ่ยหลิงพอดี
 
 
“ฮุ่ยหลิงเหรอ”
 
 
ชายหนุ่มรีบเดินมายืนเคียงข้างหลินเช่ออย่างรวดเร็ว เขาดึงเธอไปหลบไว้แล้วเอาตัวขึ้นมาบังด้านหน้าราวกับพยายามปกป้องเธอให้ปลอดภัย
 
 
ทันทีที่โม่ฮุ่ยหลิงเห็นหน้ากู้จิ้งเจ๋อ สีหน้าเธอก็เปลี่ยนในฉับพลัน
 
 
“จิ้งเจ๋อ คุณก็มาร่วมงานกาล่าด้วยเหรอคะ”
 
 
ชายหนุ่มหันไปมองหลินเช่อเพื่อสำรวจดูว่าเธอปลอดภัยดี
 
 
แต่หลินเช่อไม่ได้มีวี่แววว่าได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด มีเพียงท่าทีไม่เป็นสุขเท่าไหร่นักแค่นั้น
 
 
เขาหันกลับมาหาโม่ฮุ่ยหลิง “ใช่ ฉันก็มาปีละครั้งเท่านั้น”
 
 
โม่ฮุ่ยหลิงพูดต่อ “ฉันก็ด้วยค่ะ พ่อกับแม่ของฉันก็มาด้วยนะคะ พวกท่านอยู่ข้างนอกโน่นแน่ะ”
 
 
“อ้อ งั้นเธอก็น่าจะรีบไปสมทบกับพวกท่านนะ ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ”
 
 
หญิงสาวรีบฉีกยิ้ม ใจจริงเธออยากจะแล่นเข้าไปให้ถึงตัวเขา แต่ก็หักห้ามบังคับใจตัวเองให้ยืนอยู่ที่เดิม
 
 
พ่อของเธอพูดถูก เป็นผู้หญิงต้องรู้จักบังคับตัวเอง เธอต้องรักษาระยะห่าง ไม่อาละวาดสร้างเรื่องใดๆ ให้กับเขาอีก
 
 
โม่ฮุ่ยหลิงตอบ “ฉันมาเข้าห้องน้ำน่ะค่ะ แล้วก็บังเอิญเจอหลินเช่อพอดี เลยหยุดคุยกับเธออยู่ครู่หนึ่ง”
 
 
กู้จิ้งเจ๋อบอก “อ้อ ใช่ คราวนี้ฉันต้องพาคู่ควงมาด้วยน่ะ”
 
 
โม่ฮุ่ยหลิงกัดริมฝีปาก ใช่สิ ก็หล่อนเป็นภรรยาของเขานี่…
 
 
นั่นควรจะเป็นตำแหน่งของเธอต่างหากล่ะ
 
 
โม่ฮุ่ยหลิงฝืนยิ้มอย่างอบอุ่นให้ “จริงเหรอคะนี่ มิน่าล่ะวันนี้หลินเช่อถึงได้ดูสวยนัก อ้อ จริงสิหลินเช่อ เธอเป็นดารานี่นะ พ่อฉันกำลังอยากหาใครสักคนมาเล่นในโฆษณาตัวใหม่อยู่พอดี ภาพลักษณ์ของเธอก็ดีอยู่ไม่น้อย เธอจะช่วยพิจารณารับงานโฆษณาสักหน่อยมั้ยถ้าเป็นไปได้ละก็ แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าของครอบครัวเราน่ะเป็นสินค้าขายดีระดับประเทศ เมื่อถึงเวลา โฆษณาที่ถ่ายทำไว้จะถูกนำไปออกอากาศไปทั่วทุกที่เลย ฉันรู้ว่าคนอย่างเธอคงไม่ได้สนใจเรื่องค่าตัวเท่าไหร่ แต่นั่นก็เป็นโอกาสที่จะให้ใครๆ ได้รู้จักเธอมากขึ้นกว่าเดิมนะ โฆษณาของบริษัทเราน่ะทรงอิทธิพลมากทีเดียว”
 
 
หลินเช่อไม่ได้ใส่ใจฟัง เธอขอเก็บแรงเอาไว้ทำอย่างอื่นจะดีกว่า
 
 
นอกจากนี้เธอยังอดคิดไม่ได้ว่าโม่ฮุ่ยหลิงนั่นแหละที่ควรจะรับเล่นโฆษณาเสียเอง เพราะถึงยังไงฝีมือทางการแสดงของหล่อนก็หาตัวจับยากออกขนาดนี้แล้ว
 
 
ยังจะต้องการเธอไปอีกทำไมกัน
 
 
แต่ถึงอย่างไร หลินเช่อก็ยังฉีกยิ้มออกมาและพูดว่า “นั่นคงต้องแล้วแต่ทางบริษัทจะจัดการน่ะค่ะ ฉันตัดสินใจเองไม่ได้”
 
 
โม่ฮุ่ยหลิงหันไปหากู้จิ้งเจ๋อ “จิ้งเจ๋อคะ ฉันไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝงเลยนะคะ ฉันแค่อยากจะย้ำว่าฉันตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองจริงๆ ไม่ว่าก่อนหน้านี้เราจะเคยมีเรื่องผิดใจอะไรกันมาก่อน แต่ฉันก็หวังว่าคุณจะให้โอกาสฉันอีกสักครั้งนะคะ ถือซะว่างานนี้เป็นการชดเชยจากฉันก็แล้วกัน”
 
 
กู้จิ้งเจ๋อมองลึกเข้าไปในดวงตาโม่ฮุ่ยหลิง “ฮุ่ยหลิง เธอคิดแบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ ไม่เป็นไรหรอก ตราบใดที่เธอไม่ทำตัวดื้อรั้นแล้วก็รู้จักทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่ นั่นก็ดีมากแล้ว”
 
 
โม่ฮุ่ยหลิงรีบพูดต่อไป “งั้นแสดงว่าคุณจะยอมให้หลินเช่อมาเล่นโฆษณาให้ฉันใช่มั้ยคะ ฉันถือว่านั่นเป็นการยอมยกโทษให้กับการทำตัวเป็นเด็กๆ ของฉันนะคะ”
 
 
หลินเช่อมองกู้จิ้งเจ๋อด้วยสายตาที่บอกชัดว่าไม่ยินยอมพร้อมใจ
 
 
ไม่มีทางที่เธอจะยอมถ่ายโฆษณาของหล่อน
 
 
ถ้าต้องทำงานที่ฝืนใจแล้วละก็ หลินเช่อยอมตายเสียดีกว่า
 
 
เห็นได้ชัดว่างานนี้ไม่มีทางทำให้เธอเป็นสุขได้ มีแต่จะทำให้เธอยิ่งหงุดหงิดหนักขึ้นไปอีกด้วยซ้ำ อีกอย่าง ใครจะรู้ว่าโม่ฮุ่ยหลิงจะถ่ายโฆษณาออกมาแบบไหน เธอไม่มีวันหลวมตัวก้าวเข้าไปติดกับหรอก
 
 
กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าหลินเช่อก่อนจะหันไปหาโม่ฮุ่ยหลิงและพูดว่า “ฉันไม่อยากบังคับหลินเช่อให้รับงานอะไรที่ไม่อยากทำ ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับเขานั่นแหละ”
 
 
โม่ฮุ่ยหลิงแสร้งทำเป็นหัวเราะ “งั้นเหรอคะ ถ้าอย่างงั้น หลินเช่อ เธอก็ลองเก็บไปคิดดูแล้วกันนะจ๊ะ”
 
 
หลินเช่อระบายลมหายใจด้วยความโล่งอกและตอบไปว่า “ฉันจะลองคิดดูค่ะ”
 
 
แม้โม่ฮุ่ยหลิงจะยังอยากพูดคุยกับกู้จิ้งเจ๋อต่อ แต่เธอก็ทำได้เพียงมองดูเขาแล้วบอกไปว่า “คุณกลับไปที่งานประมูลเถอะค่ะ ฉันเองก็จะกลับไปที่โต๊ะเหมือนกัน”
 
 
“อืม โอเค”
 
 
เมื่อเห็นโม่ฮุ่ยหลิงยอมเดินจากไปแต่โดยดี กู้จิ้งเจ๋อก็หันกลับมาหาหลินเช่อ
 
 
หญิงสาวบอกว่า “ถามจริงๆ เลยนะคะ เขาเป็นอะไรไปหรือเปล่าน่ะ”
 
 
การที่โม่ฮุ่ยหลิงยอมเดินหนีไปง่ายๆ แบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่หลินเช่อคุ้นเคยเลยสักนิด
 
 
กู้จิ้งเจ๋ออธิบายว่า “บางทีเขาอาจจะได้คิดทบทวนอะไรตอนที่กลับไปอยู่บ้านน่ะ ฉันเตือนเขาเรื่องทำตัวดื้อรั้นทั้งที่อายุก็พ้นวัยที่จะทำตัวแบบนั้นแล้ว เขาควรจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้ บางทีอาจเป็นเพราะที่ผ่านมาฉันยอมเขามากเกินไปจนไม่ได้สนใจจะตักเตือนก็ได้”
 
 
“โอ้” หลินเช่อร้อง
 
 
ชายหนุ่มยังพูดต่อไป “อันที่จริงโม่ฮุ่ยหลิงไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรหรอกนะ เขาแค่ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราว ถ้าคราวนี้เขายินดีที่จะปรับปรุงตัวเองละก็ ฉันก็ยินดีที่จะให้โอกาสเขากลับตัว”
 
 
หลินเช่อหัวเราะแห้งๆ “คุณพูดถูกค่ะ สิ่งที่เธอทำก็มีสาเหตุมาจากคุณทั้งนั้น”
 
 
หญิงสาวอดคิดอยู่ในใจเงียบๆ ไม่ได้ว่า ถึงยังไงโม่ฮุ่ยหลิงก็ยังเป็นผู้หญิงที่เขาชอบ ต่อให้กำลังโกรธกันอยู่อย่างนี้ก็เถอะ ทุกอย่างจะต้องลงเอยด้วยดีเมื่อเขายอมกลับไปพะเน้าพะนอเอาใจเธอ
 
 
หลินเช่อบอกตัวเองว่าเธอจะต้องไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องระหว่างพวกเขาทั้งสองคน เธอไม่อยากจะหาเรื่องอะไรใส่ตัวทั้งสิ้น
 
 
กู้จิ้งเจ๋อมองเธอ “ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม การทำตัวน่ารำคาญแบบนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำ ต่อให้ต้องตกอยู่ในสถานะเดียวกันกับเธอ คนอื่นๆ อีกมากมายก็เลือกที่จะรับมือกับมันด้วยวิธีที่แตกต่างออกไป ไม่เหมือนที่ฮุ่ยหลิงทำ ฉันรู้สึกว่าบางทีเขาก็ทำเกินเรื่องไปมาก”
 
 
หลินเช่อตอบ “คุณเป็นคนจริงจังเหลือเกินนะคะ ว่าแต่ว่า…” เธอมองหน้าเขา “โพสต์ในเวยป๋อที่ฉันโพสต์ขึ้นไปวันนี้จะมีผลอะไรกับคุณหรือเปล่าคะ”
 
 
เธอรู้แหละว่าโม่ฮุ่ยหลิงตั้งใจพูดให้เธอจิตตก
 
 
แต่เมื่อลองคิดดูแล้ว สิ่งที่โม่ฮุ่ยหลิงว่ามาก็ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจอยู่เหมือนกัน
 
 
เพราะใช่ว่าสิ่งที่หล่อนพูดจะผิดเสียทีเดียว
 
 
เธอและกู้จิ้งเจ๋อต่างก็มาจากโลกที่แตกต่างกัน เธอไม่รู้หรอกว่าเธอควรหรือไม่ควรทำอะไรในโลกของเขา
 
 
ชายหนุ่มมองหน้าเธอ “เวยป๋อ…รูปที่เธอเพิ่งโพสต์วันนี้น่ะเหรอ”
 
 
“ใช่ค่ะ ถ้าฉันทำอะไรผิดไป คุณก็อย่าปล่อยให้มันเลยตามเลยนะคะ คุณบอกฉันมาได้เลยตรงๆ” หลินเช่อพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
 
 
กู้จิ้งเจ๋อตอบ “ก็ไม่เป็นไรนี่ เธอโพสต์ไปแล้วก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นสักหน่อย มีอะไรเหรอ”
 
 
หลินเช่อตอบ “เอ้อ ฉันคิดว่าฉันไม่ควรโพสต์น่ะค่ะ คุณหนูโม่บอกฉันว่าคุณชอบความเป็นส่วนตัว ฉันก็เลยกังวลว่าตัวเองจะทำอะไรที่ไปกระทบกับคุณเข้า”
 
 
โม่ฮุ่ยหลิงพูดแบบนั้นงั้นเหรอ
 
 
กู้จิ้งเจ๋อขมวดคิ้วอีกครั้ง
 
 
เขาคิดว่าการโพสต์ในเวยป๋อก็ไม่ใช่เรื่องต้องห้ามอะไร ตัวเขามักจะรักษาความเป็นส่วนตัวของตัวเองก็จริง แต่ก็ไม่ได้เข้มงวดจริงจังอะไรขนาดนั้น
 
 
ปกติแล้วเขาไม่ได้ชอบที่จะมาออกงานและกลายเป็นจุดสนใจแบบนี้เท่าไหร่ แต่น่าแปลกที่เขากลับเพลิดเพลินที่ได้กลายเป็นจุดสนใจร่วมกันกับหลินเช่อ และได้เห็นเธอส่องประกายด้วยความภาคภูมิแบบนี้

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก

หลินเช่อ สาวน้อยนักแสดงปลายแถวตัดสินใจวางยาลักหลับดาราชายชื่อดังอย่าง กู้จิ้งอวี่ เพื่อหาทางไต่เต้าขึ้นไปในวงการบันเทิง แต่สุดท้ายทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้เมื่อเหยื่อผู้โชคร้ายของเธอดันกลายมาเป็น กู้จิ้งเจ๋อ พี่ชายของเขาแทน! ทว่าหลังผ่านค่ำคืนอันเร่าร้อนไป การแยกทางกันแต่โดยดีกลับไม่ใช่บทสรุปของคนทั้งคู่ เพราะกู้จิ้งเจ๋อมีโรคประจำตัวสุดประหลาดอย่างหนึ่ง นั่นคือเขาไม่สามารถแตะต้องผู้หญิงคนไหนได้ หากสัมผัสตัวเพศตรงข้ามเมื่อไหร่ เขาจะคลื่นไส้และมีผื่นขึ้นทันที ดังนั้นเมื่อพบว่าเขาและหลินเช่อสามารถนอนร่วมเตียงกันได้โดยไม่มีอาการใดๆ ทั้งสิ้น ครอบครัวของกู้จิ้งเจ๋อจึงใช้อำนาจบีบบังคับให้ทั้งคู่แต่งงานกัน! เมื่อระฆังวิวาห์ลั่นแบบสายฟ้าฟาด หลินเช่อและกู้จิ้งเจ๋อจึงต้องสวมบทบาทคู่สามีภรรยาและเก็บข้าวของย้ายมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันในที่สุด

Options

not work with dark mode
Reset