เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 1111 ไม่ต่อต้าน

บทที่ 1111 ไม่ต่อต้าน

“ถ้าผมเสียโฉมแล้วทำให้คุณเชื่อใจได้มาบ้าง ผมยอมเสียโฉมก็ได้”มือใหญ่ของเย่โม่เซินยื่นออกมาเพื่อโอบตัวเธอ จากนั้นก็รัดแน่น เสียงเข้มแหบพร่า “เพราะคุณเป็นคนสำคัญที่สุดสำหรับผม คนอื่นจะมองยังไงล้วนไม่เกี่ยวข้องกับผม”

เมื่อได้ยินดังนั้น หัวใจหานมู่จื่อก็สั่นไหว

ใช่แล้ว…สิ่งที่สำคัญที่สุดคือกันและกัน ส่วนคนอื่นจะคิดอย่างไร มันเกี่ยวอะไรกับเธอ?

เพราะถึงอย่างไรสิ่งที่เธอแคร์ที่สุดก็คือความคิดของเย่โม่เซิน และตอนนี้เขาก็แสดงออกมาเพื่อให้เธอได้มั่นใจขึ้นแล้วว่าเขาไม่เสียดายที่ต้องเสียโฉมและต้องการจะใช้ชีวิตอยู่กับเธอ เธอจะยังงี่เง่าทำไมอีก?

พอคิดได้ดังนั้น หานมู่จื่อก็จับมือเขาแน่น เย่โม่เซินรับรู้ได้ เขาหัวเราะเสียงต่ำพร้อมกับกระชับมือเธอ

“ตอนนี้ยังไงล่ะ? วันหลังยังจะต่อต้านผมอีกไหม?”

หานมู่จื่อส่ายหน้า “ไม่ต่อต้านแล้ว”

“ยังจะคิดว่าตัวเองไม่คู่ควรกับผมหรือเปล่า?”

หานมู่จื่อส่ายหน้าติดต่อกัน

ความรักจะเอ่ยถึงเรื่องคู่ควรหรือไม่คู่ควรได้อย่างไร มีแค่ว่าอีกฝ่ายรักกันอย่างลึกซึ้งและยอมรับกันหรือไม่

“ไม่แล้ว”

เย่โม่เซินพอใจมากกับคำตอบทั้งสองนี้ ดังนั้นเขาจึงถามขึ้นมาอีกประโยค

“งั้นเปิดไฟนะ?”

“เปิด…” หานมู่จื่อเผลอพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว พอรู้สึกได้ว่ามีอะไรแปลกๆ เธอจึงหยุดอย่างรวดเร็ว หนังศีรษะตึงพลางเปลี่ยนคำพูดอีกครั้ง “ไม่ อย่าเปิด!”

“หึ” เย่โม่เซินหัวเราะเสียงต่ำ จากนั้นก็โน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อจูบที่ท้ายทอยของเธอเบาๆราวกับขนนก เป็นจูบที่อ่อนหวานเหมือนกำลังปลอบใจเด็กน้อย “เด็กดี เปิดไฟเถอะ ไม่อย่างงั้นตอนคุณตื่นขึ้นมากลางดึกจะไม่สะดวกเอาได้นะ”

เธอมักจะแอบลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนอยู่บ่อยครั้งเพราะไม่อยากให้เย่โม่เซินรู้ แต่กลับไม่คิดว่าเขาจะรู้แล้ว อีกทั้งตอนนี้ยังพูดออกมาอย่างเปิดเผย

จริงๆเลย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ปิดเขาไม่มิด

พอคิดไปคิดมาตัวเองก็บอกว่าจะเปิดแล้ว งั้นยังจะทำตัวงี่เง่าอะไรอีก

“งั้น…เปิดเถอะ”

“อืม”

มีใครบางคนจูบที่ท้ายทอยของเธออีกครั้งด้วยความพึงพอใจ จากนั้นเขาก็ปล่อยมือและหันไปด้านข้างเพื่อเปิดโคมไฟตั้งโต๊ะข้างเตียง

แสงไฟสลัวปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง หลังจากเปิดไฟคนข้างหลังก็โน้มตัวเข้ามาจับมือเธอไว้แน่น จากนั้นก็รวบผมยาวของเธอขึ้นมาและประทับริมฝีปากลงที่หลังต้นคอ

“เด็กดี นอนได้แล้ว”

“อืม” หานมู่จื่อพยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นก็หลับตา

เดิมทีก็ขี้เซาอยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้เธอไม่ได้หลับได้นอนเพราะมีอะไรบางอย่างในใจ พอตอนนี้ได้พูดเปิดใจ หานมู่จื่อจึงไม่มีอะไรให้คิดอีกแล้ว เธอหลับตาได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็ตกสู่ห้วงแห่งความฝันอย่างรวดเร็ว

เย่โม่เซินเพิ่งนอนลงได้สักพักก็ได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนข้างๆ มีรอยยิ้มจางๆฉายผ่านดวงตาสีดำ

หลับเร็วขนาดนี้ดูเหมือนว่าจะสบายใจขึ้นแล้วจริงๆ

เรื่องนี้ต้องโทษเขาจริงๆที่กว่าจะเข้าใจก็สายเกินไปแล้ว ถ้าเข้าใจชัดเจนตั้งแต่ตอนแรกและคุยกับเธอให้กระจ่างก็คงไม่ต้องไปนอนห้องพักรับรองแขกในหลายวันมานี้

*

นับตั้งแต่วันนั้นที่ไปส่งอาหารให้หานชิง เสี่ยวเหยียนก็ต้องไปส่งอาหารที่บริษัทตระกูลหานทุกวัน ในช่วงแรกเมื่อแผนกต้อนรับเห็นเธอยังต้องโทรศัพท์ไปสอบถามเพื่อความรอบคอบ และทุกครั้งซูจิ่วจะเป็นคนรับโทรศัพท์

ต่อมามีครั้งหนึ่งที่ซูจิ่วตรงมารับที่แผนกต้อนรับ

“ประธานหานบอกไว้แล้วว่าต่อไปถ้าคุณจางมาแล้วก็ให้เธอขึ้นไปชั้นบนได้เลย”

แผนกต้อนรับตกใจไปชั่วขณะและมองจางเสี่ยวเหยียนอยู่นาน ไม่คิดเลยว่าคนส่งอาหารจะสามารถเข้าออกบริษัทตระกูลหานได้อิสระเช่นนี้ อีกอย่างยังเข้าห้องทำงานของประธานหานได้

ลองคิดดูว่ามีกี่คนในบริษัทของพวกเธอที่อยากเข้าใกล้ประธานหาน แล้วนี่เกิดอะไรขึ้น? ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้ดีไปว่าคนส่งอาหารคนหนึ่ง

แผนกต้อนรับถ่ายทอดคำพูดเหล่านี้ให้จางเสี่ยวเหยียนฟัง ตอนที่พูดยังแสดงท่าทางคับข้องใจ หลังจากที่เสี่ยวเหยียนเดินไปแล้วก็รีบจับกลุ่มซุบซิบนินทา

หลังจากรับรู้เรื่องนี้แล้วพวกผู้หญิงในกลุ่มต่างก็ไม่พอใจ

“น่าอนาถสุดๆ จริงๆแล้วคนส่งอาหารคนนี้ได้รับสิทธิพิเศษอะไรกัน? ถ้ารู้แบบนี้ตั้งแต่แรกฉันจะทำงานการเงินไปทำไม? ไปทำงานส่งอาหารเลยดีกว่า”

“นี่ ดูเธอพูดเข้าสิ ส่งอาหารจะสบายเท่างานการเงินได้ยังไงล่ะ?”

“พวกเธอนี่ก็ไม่รู้อะไรบ้างเลยว่าประธานหานเป็นคนยังไง ถ้าส่งอาหารแล้วได้ใกล้ชิดกับเขา ฉันจะทำงานการเงินไปทำไมกัน? ฉันขึ้นไปเป็นภรรยาของท่านประธานไม่ดีกว่าเหรอ?”

“เธอนี่ก็ใช้ได้แฮะ”

“ฉันฉันฉัน…ฉันก็อยากส่งอาหาร ฮึกฮึก สิทธิพิเศษดีอะไรปานนั้นนะ? อีกอย่างประธานหานของพวกเราก็มีข่าวลือว่าไม่เข้าใกล้ผู้หญิงด้วยไม่ใช่เหรอ? เขาก็อายุตั้งขนาดนี้แล้ว ยังได้ยินมาอีกว่าไม่เคยมีแฟนเลยสักคน ฉันยังอยากนินทาอีกเรื่องหนึ่ง”

กลุ่มสาวๆต่างก็รีบถามว่าเรื่องอะไร

“ก็ซูจิ่วน่ะสิ เมื่อก่อนได้ยินมาว่าเธอชอบประธานหานมาโดยตลอด แต่เป็นเพราะประธานหานไม่ชอบผู้หญิง เธอก็เลยไม่กล้าล้ำเส้นและเฝ้ารออย่างเงียบๆเพื่อหวังว่าวันหนึ่งเขาจะมีใจสินะ? แต่ใครจะรู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาเมื่อเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่เปรียบเสมือนดอกไม้ ประธานหานไม่เคยหวั่นไหวเลย”

หลายคนที่รู้เรื่องนี้ก็อกหักไปตามๆกันไม่น้อย

ที่จริงแล้วความเพอร์เฟคของซูจิ่วก็ปรากฏออกมาให้เห็นแล้ว ผู้หญิงคนนั้นมีความสามารถในการทำงาน รูปร่างหน้าตาก็อยู่ในอันดับต้นๆ ด้วยความที่เธอเป็นบทเรียนในอดีต ผู้หญิงกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ในบริษัทก็ล้วนตายใจไปหมดแล้ว

ต่อมาก็เป็นเช่นเดียวกับซูจิ่ว เมื่อถึงวัยที่ต้องมีความรักและต้องแต่งงาน ทุกคนต่างก็ไม่มีความหวังกับผู้ชายเย็นชาอย่างหานชิง

แต่ใครจะรู้ล่ะว่าคนส่งอาหารออกมาฆ่ากลางคัน???

นี่ถือว่าเป็นการหยามเกียรติ!

ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้!

“บอกพวกเรามานะว่าคนส่งอาหารคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง สวยไหม? ขายาวไหม?”

แผนกต้อนรับพยายามนึกถึงรูปร่างหน้าตาของเสี่ยวเหยียน เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก หน้าตาบอบบางน่ารัก มองแวบแรกไม่มีอะไรดึงดูด แต่พอมองไปนานๆ เธอกลับสวยอย่างน่าประหลาด มีความเฉิดฉาย มีชีวิตชีวา เต็มไปด้วยพลังและดูเยาว์วัยเป็นพิเศษ

ถึงคุณจะคิดว่าเธอเป็นประเภทนั้นและยังสวยไม่พอ แต่ตัวเองก็ยังอยากเป็นแบบเธอ

แผนกต้อนรับจินตนาการถึงความมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยพลังจนแทบล้นทะลักออกมาของอีกฝ่าย นั่นมันอะไรกันน่ะ? มันเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความเยาว์วัย

ให้ตายเถอะ ทำไมผู้ชายที่ประสบความสำเร็จอย่างประธานหานถึงได้มองเด็กผู้หญิงแบบนี้นะ??

เนื่องจากรู้สึกเจ็บใจ ดังนั้นแผนกต้อนรับจึงพูดออกมาหนึ่งประโยค

“ฉันจำไม่ได้แล้วว่าเธอหน้าตายังไง”

“บ้าจริงเชียว จบเห่แล้ว จำไม่ได้ว่าเธอหน้าตายังไง เธอหน้าตาธรรมดาทั่วไปขนาดไหนเลยเหรอ? นี่พวกเธอ ถ้าแพ้ให้ซูจิ่วฉันหรือแพ้ที่ท่านประธานไม่รัก ฉันก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าแพ้ให้คนหน้าตาธรรมดาทั่วไป อีกทั้งยังเป็นคนส่งอาหารแบบนี้ พวกเธอยอมได้เหรอ??”

“ยอมไม่ได้ ยังไงก็ยอมไม่ได้”

“พรุ่งนี้เธอมาอีกเมื่อไหร่? ให้พวกเราดูหน่อยสิว่าเธอหน้าตายังไง?”

หลังจากแผนกต้อนรับบอกเวลาที่เสี่ยวเหยียนจะต้องมาทุกวันกับทุกคนเสร็จสรรพก็นึกถึงเรื่องนึงขึ้นมาได้ เธอกำชับว่า“แม้ว่าเธอจะยังไม่ได้อัปเกรดอย่างเป็นทางการ แต่ประธานหานก็ออกปากสั่งการเองว่าให้เธอสามารถใช้ลิฟต์เข้าออกได้ตามสบาย พวกเธอจะคอยดูก็ได้นะ แต่อย่าคิดร้ายลากฉันซวยไปด้วยล่ะ”

เนื่องจากเธอเป็นคนแจ้งสถานที่และเวลา หากมีอะไรเกิดขึ้นจริง เธอซึ่งทำหน้าที่เป็นแผนกต้อนรับจะต้องคนแรกที่รับเคราะห์ไม่ใช่เหรอ?

เธอไม่ได้โง่ขนาดนั้น เพราะถึงอย่างไรก็ต้องยิงนกที่โผล่หัวออกมาเป็นอันดับแรก

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset