เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 1194 ไม่ใส่ใจภาพลักษณ์

บทที่1194 ไม่ใส่ใจภาพลักษณ์

เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของหลัวหุ้ยเหม่ย เซียวซู่ก็รุกรับอย่างมีชั้นเชิง ทั้งสองคนค่อยๆคุยกันไปสักพัก

หลัวหุ้ยเหม่ยก็รินชาให้เขาไปพลาง แล้วก็พูดไปพลางว่า “นี่นายเพิ่งกลับมาใช่ไหม ทำไมไม่กลับไปพักผ่อนเสียก่อนล่ะ”

เซียวซู่คิดอะไรขึ้นมาได้ ก็เลยเปิดปากอย่างจริงใจ “พักผ่อนมาแล้วครับ ก็เลยมาที่นี่เลย”

พักผ่อนมาแล้ว ? หลัวหุ้ยเหม่ยเลิกคิ้ว ดูสภาพเปื้อนฝุ่นของเขา จะไปพักผ่อนมาก่อนแล้วได้อย่างไร คำพูดแบบนี้ขนาดหลอกสาวน้อยก็ยังแทบเชื่อไม่ได้ ก็ยิ่งไม่ต้องพูดคนที่อยู่ในวัยกลางคนอย่างเธอเลย

แต่ว่าคำพูดคำนี้ของเซียวซู่ก็ถือว่าตรงจุดแล้ว หลัวหุ้ยเหม่ยก็เลยไม่พูดทำลายบรรยากาศต่อ พูดเพียงว่า “ได้พักผ่อนแล้วก็ดี นายยุ่งขนาดนี้ ยังหนุ่มยังแน่นก็ต้องรู้จักดูแลตัวเองบ้างนะ อย่าเหมือนเหยียนเหยียนของพวกเรานะ ช่วงนี้มีความรักเข้าหน่อยก็ปล่อยตัว กลางคืนดึกดื่นก็ไม่ยอมนอน กอดโทรศัพท์แล้วยิ้มอยู่อย่างนั้นไม่รู้มีความสุขอะไรนักหนา”

เซียวซู่กำลังหยิบแก้วชาขึ้นมา พอได้ยินแบบนั้นมือก็หยุดชะงัก จนเกือบจะทำน้ำชาหกออกจากแก้ว

การเคลื่อนไหวที่ละเอียดอ่อนนี้ก็ไม่ได้เล็ดลอดสายตาของหลัวหุ้ยเหม่ยไป

แต่ว่ายังไงวันนี้เธอก็ต้องพูดทุกอย่างให้ชัดเจน ถึงแม้จะสังเกตได้ว่าตอนนี้ในใจของเซียวซู่จะต้องไม่สบายใจเป็นแน่ แต่ว่าด่านนี้ยังไงก็ต้องผ่านมันไปอยู่ดี

“นายว่าไหมเดี๋ยวนี้พวกนายจะมีความรักกันต่างก็มีโทรศัพท์ อยากจะคุยอะไรกันก็สะดวก ไม่เหมือนพวกเราในสมัยก่อนหรอก พอดูตัวเสร็จกลับไปก็ต้องเขียนจดหมายหากัน ช่างไม่สะดวกเอาเสียเลย”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวซู่จางลงหลายระดับ ถึงแม้จะเดาผลลัพธ์ได้รางๆแล้ว แต่ก็คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วแบบนี้ เร็วจน……ทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก

เขารู้อยู่แล้วว่าตัวเองมาไม่ทัน แต่กลับไม่รู้ว่าจะสายไปขนาดนี้

เซียวซู่จิบชาคำหนึ่ง

รสขมไหลเข้าสู่ช่องปากและฟันทันที ผ่านเข้าสู่ลำคอ ไหลลงสู่จิตใจ

ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาถึงยิ้มบางๆออกมา

“นั่นสิครับ ตอนนี้เทคโนโลยีก้าวไกลมากแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรก็สะดวกไปหมด”

ปิดปากไม่เอ่ยถึงเรื่องของเสี่ยวเหยียน

หลัวหุ้ยเหม่ยรู้ว่าเขาฟังเข้าใจแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาจะคิดอย่างไรเท่านั้น เห็นแค่เขาเอาแต่ดื่มชาคำแล้วคำเล่า ดื่มติดต่อกันหลายแก้ว

ส่วนเสี่ยวเหยียนที่อยู่ข้างนอกก็ไม่รู้เลยว่าหลัวหุ้ยเหม่ยจะแอบมาไม้นี้ลับหลังเธอแล้ว เลยกำลังคิดอยู่ว่าจะพูดกับเซียวซู่ให้ชัดเจนอย่างไรดี ที่จริงก่อนหน้านี้เธอก็สื่อออกไปชัดเจนแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวซู่ยังไม่ยอมตัดใจ ไม่อย่างนั้นครั้งนี้เขาคงไม่มาที่นี่ทันทีหลังจากกลับมาแบบนี้เป็นแน่

พอคิดถึงตรงนี้ เสี่ยวเหยียนก็ลังเลมาก ขบกัดเล็บตัวเองอยู่อย่างนั้น

จะทำอย่างไรดี ?

พอคิดไปคิดมา เสี่ยวเหยียนก็ตัดใจลงดาบในครั้งเดียว พูดอย่างเปิดอกไปเลยดีกว่า หลังจากได้รู้ว่าเธอกับหานซิงคบกันแล้ว เซียวซู่ก็คงตัดใจได้เสียทีสินะ

ในตอนที่เธอเตรียมจะลุกขึ้นแล้วเข้าไปเรียกตัวเซียวซู่ที่อยู่ด้านในออกมานั้น หลัวหุ้ยเหม่ยกับเซียวซู่ก็เดินออกมาจากด้านในพอดี

“ขอบคุณสำหรับชานะครับคุณป้า งั้นวันนี้ผมขอตัวกลับก่อน ครั้งหน้าถ้ามีเวลาผมค่อยมาเยี่ยมใหม่”

หลัวหุ้ยเหม่ยโบกมือให้เขา “ได้ เซียวซู่กลับไปก็พักผ่อนให้เต็มที่นะ ช่วงนี้งานน่าจะเหนื่อยมาก กลับไปต้องพักเอาแรงหน่อยนะ”

“ขอบคุณคุณป้าที่เป็นห่วงครับ”

ตอนนั้นเองเซียวซู่ก็หันไปทางเสี่ยวเหยียน มุมปากเผยรอยยิ้มบาง เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่จ้องมองเธอ หลัวหุ้ยเหม่ยดันแขนเสี่ยวเหยียน “ไปส่งเซียวซู่สิ”

“อืม……” เสี่ยวเหยียนได้สติกลับมา รีบพยักหน้ารับ จากนั้นก็เดินออกไปส่งเซียวซู่

เซียวซู่ขับรถมา เสี่ยวเหยียนเห็นว่าเขามาคนเดียว ก็เลยรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา “นายขับรถมาคนเดียวเหรอ”

“อืม”

“แล้วขากลับนาย ไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”

ที่จริงเสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าตอนนี้เซียวซู่ดูท่าทางเหนื่อยล้ามาก เดี๋ยวขากลับยังต้องขับรถระยะไกล ในฐานะเพื่อนธรรมดาคนหนึ่ง เธอก็เลยรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาก็เท่านั้น

พอได้ยินคำพูดห่วงใยของเธอ เซียวซู่ก็แทบอยากจะถามออกไปว่าเป็นห่วงฉันหรือ แต่พอคิดถึงสิ่งที่หลัวหุ้ยเหม่ยพูดกับเขาแล้ว เซียวซู่ก็กลืนคำถามเหล่านั้นกลับเข้าไปอีกครั้ง

ช่างมันเถอะ เมื่อก่อนเขาพูดแบบนั้นกับเธอก็เพราะว่าเสี่ยวเหยียนยังอยู่ในสถานะโสด อีกอย่างเขาก็ไม่อยากให้เธอต้องลำบาก ถ้าอยู่กับเขา เขาจะต้องดีกับเธอมากๆ

แต่ตอนนี้เธอมีความรักแล้ว อยู่ในสถานะที่มีเจ้าของแล้ว คำพูดบางคำเขาก็ไม่สมควรจะพูดมันอีกแล้ว

พอคิดถึงตรงนี้ เขาก็เผยรอยยิ้มบางๆออกมา แล้วพูดเสียงเบาว่า “ไม่มีปัญหาหรอก เมื่อกี้ก็มาแบบนี้แหละ”

“งั้นก็ดี” เสี่ยวเหยียนพยักหน้ารับ

ถึงแม้ในใจจะรู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่ในเมื่อเขาพูดแบบนี้แล้ว เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่ออีก

บรรยากาศระหว่างทั้งสองคนเริ่มอึดอัดเล็กน้อย เสี่ยวเหยียนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับเขาดี แต่ก็รู้สึกเกรงใจไม่กล้าไล่เขากลับ ทำได้แค่ยืนอยู่ตรงนั้นกับเขาไป

ลมพัดมาเป็นระลอก เมื่อสัมผัสกับใบหน้า ผมที่อยู่บนหน้าผากของเซียวซู่ก็ถูกพัดขึ้นเบาๆ แล้วก็ร่วงหล่นกลับมาหลังลมผ่านไปแล้ว

ราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น

อาจจะเป็นเพราะนอกจากตัวเขาแล้ว ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าตอนนี้ในมือเซียวซู่มีของขวัญอยู่ แต่ก็ทิ้งตัวลงไปอย่างหมดแรงอีกครั้ง

เขาอยากจะมอบมันออกไป ถึงแม้จะไม่ได้รับการตอบรับก็ไม่เป็นไร แต่ว่าตอนนี้ถึงจะมอบมันไป และถึงแม้เสี่ยวเหยียนจะยอมรับมัน ก็จะยิ่งเป็นการเพิ่มภาระให้เธอเสียเปล่าๆ

ดังนั้นเซียวซู่ก็เลยล้มเลิกความคิดนั้น

ในเมื่อไม้กลายเป็นเรือไปแล้ว แล้วเขาจะไปเพิ่มเรื่องปวดหัวให้เธออีกทำไม

นิ่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่ จู่ๆเซียวซู่ก็พูดขึ้น “เข้าไปเถอะ ฉันก็เตรียมจะไปแล้ว”

เขาไม่ได้พูดอย่างอื่นอีก กลับทำให้เสี่ยวเหยียนรู้สึกไม่คุ้นชิน แล้วเธอก็พูดคำพูดเหนี่ยวรั้งไม่ออก เลยทำได้แค่โบกมือให้เขา จากนั้นก็บอกให้เขาระวังความปลอดภัย

หลังจากเซียวซู่ขึ้นรถแล้ว ก็ขับรถออกไประยะหนึ่งก่อนจะจอดลง หลังจากจอดเทียบข้างทางแล้ว เขาก็หยิบของขวัญออกมา

เขาเปิดกล่องออก ภายในกล่องมีกิ๊บหนีบผมอันเล็กใส่อยู่

เขาพบมันโดยบังเอิญตอนที่ผ่านบูธกระจกขณะจัดการงานในต่างประเทศ เห็นกิ๊บหนีบผมอันเล็กๆ แต่เป็นฝีมือของช่างที่มีชื่อเสียง ราคาก็เลยไม่ใช่ถูกๆ

เขาไม่ได้คาดหวังสิ่งอื่น เพียงแต่ตอนที่เห็นกิ๊บหนีบผมอันนี้ก็คิดถึงเสี่ยวเหยียนขึ้นมา จากนั้นก็รู้สึกว่ากิ๊บอันนี้จะต้องเหมาะกับเสี่ยวเหยียนมาก ตอนที่เขารู้ตัวอีกครั้ง เขาก็ซื้อกิ๊บอันนี้ไปเสียแล้ว

ครั้งแรกในชีวิตที่ซื้อของขวัญให้ผู้หญิง

ในใจเซียวซู่รู้สึกมีความสุขมากแค่ไหนในตอนนั้น ตอนนี้ก็รู้สึกขมขื่นเท่านั้น

เขาปิดฝากล่องลง แล้วเก็บมันไว้อีกครั้ง จากนั้นก็ขับรถต่อไป

ผ่านไปหลายสิบนาที รถก็ถูกจอดลงที่บาร์แห่งหนึ่ง

ที่นี่สามารถจอดรถได้ตามใจ เดิมทีเขาคิดจะตรงกลับบ้าน แต่ตอนที่เห็นบาร์เข้าก็รู้สึกว่าตอนนี้ไปดื่มสักหน่อยก็ไม่เลว

ใช้เหล้าบรรเทาทุกข์ หึ ถ้าเป็นเซียวซู่เมื่อก่อนคงไม่มีทางทำแบบนี้แน่ แต่ว่าวันนี้……จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าตัวเองน่าจะลองเสียหน่อย

ในขณะเดียวกัน ตรงหน้าประตูก็มีหญิงสาวสองคนกำลังฉุดดึงกันอยู่

“โอ๊ย ฉันยังมีต้นฉบับอีกตั้งเยอะที่ยังไม่ได้เขียน ถ้าฉันไม่ส่งภายในอาทิตย์นี้บรรณาธิการจะต้องฆ่าฉันแน่ๆ เธอปล่อยฉันเถอะนะ เธอเข้าไปคนเดียวเถอะนะ”

เจียงเสี่ยวไป๋สวมเสื้อยืนตัวใหญ่กับกางเกงตัวหลวม พยายามต่อต้านการฉุดดึงของเพื่อนรัก

เพื่อนรักของเธอ บอกว่าผู้ชายที่หล่อนชอบนั่งดื่มอยู่ที่บาร์แห่งนี้ แต่ไม่กล้ามาคนเดียว ก็เลยต้องลากเธอมาด้วย ส่วนเหตุผลก็คือเพราะเธอไม่ใส่ใจภาพลักษณ์ ทำให้ผู้ชายไม่สนใจ ดังนั้นก็เลยสบายใจที่พาเธอมาด้วย

ไม่ใส่ใจภาพลักษณ์อย่างนั้นหรือ!

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset