เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 1271 รักเสียจนทำตัวไร้ค่าเกินไป

บทที่ 1271 รักเสียจนทำตัวไร้ค่าเกินไป

หลังจากที่เสี่ยวเหยียนกลับมาจากเที่ยว หลัวหุ้ยเหม่ยก็เอาแต่ดึงมือเธอถามอยู่ตลอด ครั้งนี้ไปเที่ยวที่ไหน เที่ยวเป็นยังไงบ้าง ถ่ายรูปมาด้วยหรือเปล่าอะไรจำพวกนั้น

ตอนแรกเสี่ยวเหยียนคิดว่าหลัวหุ้ยเหม่ยเพียงแค่เป็นห่วงชีวิตรักของเธอเพียงเท่านั้น ก็เลยตอบว่ามีไปอย่างไม่อะไร ถึงขนาดที่ยังเอาภาพในโทรศัพท์มาให้หลัวหุ้ยเหม่ยดูอีกด้วย

ทั้งสองคนถึงแม้ว่าจะเป็นแม่ลูกกัน แต่ก็เหมือนกับเพื่อนด้วยเหมือนกัน

ดังนั้นแล้วเสี่ยวเหยียนก็เลยยอมบอกเรื่องพวกนี้กับหลัวหุ้ยเหม่ยไป แชร์เรื่องความรักและความสุขของตนให้กับหลัวหุ้ยเหม่ยออกไป

ตอนแรกหลัวหุ้ยเหม่ยก็มีท่าทีมีความสุขออกมา เห็นท่าทางมีความสุขของลูกสาวของตนแล้ว คนเป็นแม่อย่าให้พูดเลยว่ามีความสุขมากแค่ไหน หลังจากนั้นในตอนที่เปิดมาถึงภาพคู่ของทั้งสองคนอยู่บนเตียงที่โรงแรม ทั้งสองคนนิ่งอึ้งไปพร้อมกัน

สามวิต่อมา เสี่ยวเหยียนก็ได้สติกลับมา อยากจะไปหยิบโทรศัพท์กลับมา

แต่หลัวหุ้ยเหม่ยกลับเข้ามาแย่งโทรศัพท์ไป

“แม่คะ! แม่รีบเอาโทรศัพท์คืนหนูมานะ!”

“ร้อนรนอะไรกัน? ไม่ใช่รูปแปลกอะไรสักหน่อย ทำไมถึงไม่ให้แม่ดู?” หลัวหุ้ยเหม่ยเก็บโทรศัพท์ไป ไม่ให้เธอ

เสี่ยวเหยียนยู่ปากด้วยอาการกระวนกระวายใจแต่ทำอะไรไม่ได้ ถ้าเป็นคนอื่น เธอจะต้องเข้าไปแย่งมาแน่นอน

แต่นี่มันไม่ไหว

ทั้งหมดล้วนแล้วแต่จะเป็นเพราะภาพที่ถ่ายด้วยกันกับวิวข้างนอกของเมื่อก่อนหน้านี้เยอะไปหน่อย ก็เลยทำให้เสี่ยวเหยียนลืมเรื่องรูปคู่บนเตียงในโรงแรมของทั้งสองคนไปเสียสนิท

ในตอนนั้นรูปพวกนี้เธอไม่กล้าส่งไปในกลุ่มเพื่อน ตอนแรกก็คิดว่ามันดูชวนเข้าใจผิดสุดๆ หลังจากที่ทั้งสองคนมีอะไรกันแล้ว เสี่ยวเหยียนก็เห็นว่ารูปนี้มันสามารถเห็นวิวโรงแรมที่อยู่ด้านหลัง จากนั้นก็มีภาพแวบเข้ามาในหัว แน่นอนว่าจะต้องเป็นเรื่องเมื่อคืนวันนั้นนั่นเอง

พอคิดอย่างนั้นแล้ว หน้าของเสี่ยวเหยียนก็เริ่มแดงขึ้นมาอีกครั้ง

อ๊ะ!

เธอจะน่าผิดหวังอย่างนี้ออกมาได้ยังไงกัน!

“หน้าแดงแล้ว!” นึกไม่ถึงว่าหลัวหุ้ยเหม่ยเองก็ไม่คิดจะปล่อยเธอไปเหมือนกัน จับหน้าเธอแล้วจ้องมองเธอเข้ามา หรี่ตาลง “พวกแกทั้งสองคนอย่างนั้นกันแล้วใช่มั้ย?”

เธอพูดออกมาตรงๆ และก็ไม่ได้เลี่ยงออกมาเหมือนกัน แต่เสี่ยวเหยียนกลับเขินอายหน้าแดงก่ำออกมาเพราะคำพูดนี้ กระทืบเท้าเขินอายเหมือนกับเด็กผู้หญิง “แม่!”

“ทำไม?” หลัวหุ้ยเหม่ยย้อนถามกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์ “แกยังรู้นะว่าฉันเป็นแม่แกน่ะ? ถามแกสักคำถามแกก็ทำเป็นลีลาอ้ำอึ้งอยู่อย่างนี้ ตกลงนี่ยังเห็นว่าฉันเป็นแม่แกอยู่อีกมั้ย?”

เสี่ยวเหยียน “…”

เธอพึมพำกับตัวเอง “ใครใช้ให้แม่ถามออกมาตรงๆอย่างนี้กันล่ะคะ”

“ทำไม ฉันเลี้ยงลูกสาวโตมาขนาดที่จะหนีไปกับคนอื่นอย่างนี้ ยังไม่ให้ฉันผู้เป็นแม่คนนี้ถามสักหน่อยเลยหรอ? ฉันว่านะเสี่ยวเหยียน แกอย่าเอาแต่ใจไปหน่อยเลย!”

“หนูเอาแต่ใจที่ไหนกัน…” เสี่ยวเหยียนพูดบ่นอู้อี้ออกมาอย่างจนใจ จากนั้นก็ก้มหน้าลงไปอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก “ค่ะๆ จะบอกแม่เลยก็คือหนูมีอะไรกับเขาแล้ว”

พูดจบ เธอก็พูดเสียงสูงออกมาทันที “แต่ นี่เป็นสิ่งที่หนูยอมเอง เขาไม่ได้บังคับหนู ตอนแรกเขาก็ไม่ยอม เป็นหนูที่เป็นฝ่ายบังคับให้เขาอยู่ด้วยเอง!”

เพียงคำพูดเดียวก็ได้ทำหานชิงบริสุทธิ์ผุดผ่องเลยทีเดียว เสี่ยวเหยียนได้คว้าเอาความรับผิดชอบทุกอย่างมาที่ตัวเอง

หลัวหุ้ยเหม่ยฟังจนกลอกตาออกมา “แกเห็นแม่แกเป็นเด็กสามขวบหรอห๊ะ? ยังไม่ทันจะแต่งเข้าไปแกก็ปกป้องเขาขนาดนี้แล้ว หลังจากนี้ถ้าแต่งเข้าไปแล้วจะไม่แย่เอาหรอ? อีกอย่าง ถ้าแกบังคับให้เขาอยู่ด้วยทั้งคืนจริงๆ แต่เขาไม่ยอม นั่นมันก็จบกันแล้ว”

“หมายความว่าอะไร?” เสี่ยวเหยียนมองไปทางแม่ผู้บังเกิดเกล้าของตัวเองอย่างนิ่งอึ้ง

“ยัยเด็กน่าตายพอมีความรักก็เหมือนอย่างกับคนโง่ไม่มีผิด” หลัวหุ้ยเหม่ยเอื้อมมือออกไปจิ้มหน้าผากเธออย่างแรงด้วยอาการหมดคำพูด จิ้มไปพลางพูดเรื่อยเปื่อยออกมาพลาง “ถ้าเขาไม่ยอมแตะต้องแกจริงๆ แล้วผู้ชายคนนี้จะใช้ได้อีกหรอ? ไม่แน่ว่าอาจจะมีโรคที่ไม่กล้าบอกใครหรือไม่ก็ไม่ได้ชอบแกเลยด้วยซ้ำ”

“แม่ก็เกินไปแล้วนะ เรื่องนี้มันมีหลายด้านนะ อย่างเช่นความรับผิดชอบที่เขามีต่อหนู หรือความคิดของเขาจะหัวโบราณไปหน่อย มันจะโอเวอร์อย่างที่แม่พูดมาที่ไหนกัน”

“พิสูจน์ความจริง แต่ผลก็มักจะเป็นทั้งสองอย่างนั้นที่แม่พร่ำพูดออกมานั่นแหละ ฉันมันคนอาบน้ำร้อนมาก่อน คิดว่าฉันจะไม่รู้หรือไง?”

เอาเถอะ เสี่ยวเหยียนกู่ร้องอยู่เงียบๆ เลือกที่จะไม่เถียงกับแม่ผู้ที่เคยผ่านประสบการณ์มาก่อนผู้นี้อีก

ถึงยังไงก็ไม่ใช่คนรุ่นเดียวกัน อีกอย่างพวกเธอวัยหนุ่มสาวในวัยเดียวกันก็ต่างมีความคิดของตัวเองกันทั้งนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนต่างวัยกัน อย่างนั้นแล้วความคิดก็จะยิ่งต่างกันราวฟ้ากับเหว

“ยัยเด็กน่าตาย แกจะมีความรัก จะคิดยังไงก็เป็นเรื่องของแก แม่คอยดูแลแกมากไปไม่ไหวหรอกนะ และก็ไม่อยากยุ่งกับแกให้มากไปเหมือนกัน แต่แกก็ต้องลองคิดเอาเองให้ดี ปกป้องตัวเองให้ดี อย่าโง่ให้อะไรๆก็ถูกกระทำอยู่เรื่อยแล้วกัน รู้หรือเปล่า?”

เดิมทีก่อนหน้านี้หลัวหุ้ยเหม่ยก็ไม่ได้เป็นห่วงอะไร แต่การไปเที่ยวครั้งนี้เห็นได้ชัดว่ากระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองคนให้ใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าเดิม ถ้าสามารถแต่งงานกันอย่างถูกต้องเป็นขั้นเป็นตอนได้ก็ดี แต่ถ้าไม่อาจแต่งงานกันได้ แล้วถ้าเสี่ยวเหยียนเกิดท้องขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ ถึงตอนนั้นคนที่เจ็บปวดก็จะเป็นลูกสาวของเธอเอง

พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เสี่ยวเหยียนก็ร้อนตัวขึ้นมาทันที

เพราะว่าคืนวันนั้นไม่ทันได้ทำการแก้ปัญหาเอาไว้ จนจบเรื่องไปแล้วตอนแยกกันจากที่เกาะมันก็ไม่ทันเสียแล้ว

เธอก็ไม่รู้ว่าเธอจะท้องหรือเปล่า

ตอนนี้พอถูกหลัวหุ้ยเหม่ยยกขึ้นมาพูดอย่างนี้ เสี่ยวเหยียนก็ร้อนตัวขึ้นมา แต่ก็ไม่มีหนทางอื่นแล้ว ทำได้แค่เพียงต้องระวังว่าหลังจากนี้ตนจะท้องหรือเปล่า

เธอยังคิดเลยว่าถึงตอนนั้นแล้วจะไปซื้อที่ตรวจจากร้านยามาไว้ที่บ้าน เพียงประจำเดือนเธอมาไม่ปกติขึ้นมา เธอก็จะไปลองตรวจดู!

เห็นลูกสาวไม่ตอบออกมา หลบเลี่ยงสายตาไป หลัวหุ้ยเหม่ยจะยังไม่รู้อะไรได้อีก เธอก็คว้าไปที่คอปกเสื้อของเสี่ยวเหยียนทันที “เป็นอะไรไป? พวกแกยังไม่ได้จัดการกัน?”

เสี่ยวเหยียนพูดติดอ่างออกมาเล็กน้อย “พวกพวกเรา…เหตุการณ์ในตอนนั้นมันค่อนข้างจะพิเศษ ก็เลย…”

“เชี้ย!” หลัวหุ้ยเหม่ยอดไม่ได้ที่จะสบถคำหยาบออกมาต่อหน้าลูกสาว กำมือจนมีเสียงดังออกมา “ผู้ชายมันไว้ใจไม่ได้เลยจริงๆ เขาอยากทำอะไรไม่มีการเตรียมล่วงหน้าเลยหรอ? ทำไมยัยหนูคนนี้ถึงได้ไร้เดียงสาเสียจริง แม้แต่วิธีการแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่ทำอะไรสักอย่าง ถึงตอนนั้นท้องขึ้นมาแกจะทำยังไง?”

เสี่ยวเหยียน “…”

เธอกัดลงไปบนริมฝีปากของตัวเอง คอตกเหมือนอย่างกับเด็กที่กำลังทำผิด

“คำถามนี้แกเคยคุยกับเขาแล้วหรือยัง?”

“เคยคุยกันแล้ว…” เสี่ยวเหยียนพยักหน้า

“งั้นเขาพูดว่ายังไง พูดอะไรหรือเปล่า?”

เสี่ยวเหยียนคิดแล้วคิดอีก จากนั้นก็ส่ายหน้าออกมา “แม่ แม่อย่าถามเรื่องพวกนี้อีกเลย บทสนทนาพวกนี้ล้วนแล้วแต่จะค่อนข้างที่จะพูดออกมาลำบากทั้งนั้น ถึงยังไงหนูก็มีการตัดสินใจของตัวเองเอาไว้แล้ว ถ้าท้องขึ้นมาจริงๆ หนูก็จะคลอดเขาออกมา!”

“แกพูดอะไร?” หลัวหุ้ยเหม่ยเบิกตากว้างอย่างไม่อยากที่จะเชื่อออกมา “คลอดออกมา? คนเขารับปากว่าจะขอแกแต่งงานแล้ว?”

อึก…

เสี่ยวเหยียนกะพริบตา “ก็คงยังไม่มีหรอกมั้ง ถึงยังไงหนูก็ไม่ได้สนอยู่แล้วว่าเขาจะขอหนูแต่งงานหรือเปล่า ถ้าท้องขึ้นมา หนูจะต้องคลอดเขาออกมา! เฮอะ!”

หลัวหุ้ยเหม่ย “…เด็กโง่บ้านไหนเนี่ย?”

“แม่ แม่ก็รู้ว่าหนูชอบเขานี่ ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะไม่ใช่ที่พึ่งพิงของหนู หนูเองก็ไม่อยากบังคับเขาเหมือนกัน”

ฟังมาจนถึงตรงนี้แล้ว หลัวหุ้ยเหม่ยก็อดไม่ได้ที่จะดึงลูกสาวของเธอเข้ามากอดเลยจริงๆ หลับตาลงไปด้วยความจนปัญญา

ลูกสาวของเธอ ช่วงที่กำลังมีความรักนี้ก็รักเสียจนทำตัวไร้ค่าเสียจริง

ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะดีเด่นสักแค่ไหน ก็ไม่ควรจะสูญเสียการควบคุมตัวเองอย่างนี้สิ…

เฮอะ แต่เสี่ยวเหยียนในตอนนี้ฟังคำพูดของคนอื่นเขาที่ไหนกัน? เธอคิดอยู่ตลอด ว่าเป็นความสุขเพียงหนึ่งเดียวที่มีอยู่ คนอื่นไม่มีทางเข้าใจได้

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset