เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 1469คุณไม่โทษฉันเหรอคะ

บทที่1469คุณไม่โทษฉันเหรอคะ

ตอนที่สวี่เย็นหวั่นไปเยี่ยมเสี่ยวเหยียน ได้เอาที่อยู่ที่หลินสวี่เจิ้งให้เธอและหามาถึงที่

แต่ตอนที่หานชิงเห็นคนที่มาคือเธอ ได้ปฏิเสธเธอโดยตรง“เหยียนเหยียนจะดูแลครรภ์ คุณสวี่กลับไปเถอะครับ”

ได้ยินคำสรรพนามนี้ สวี่เย็นหวั่นอึ้ง ก็ถือว่าเข้าใจแล้วว่าหานชิงไม่มีความรักใดๆเหลือให้เธอแล้ว ความรักในนี้ไม่ได้หมายถึงความรักเชิงชู้สาว แต่เป็นมิตรไมตรีอันน้อยนิดระหว่างตระกูลสวี่กับตระกูลหานได้สูญเสียไปหมดแล้ว

คิดถึงตรงนี้ ในใจของสวี่เย็นหวั่นก็รู้สึกเสียใจมาก

ถ้าตอนนั้นเธอไม่ทำอะไรเลย หรือว่าเธอไม่กลับมา งั้นเธออยู่ในใจของหานชิงก็จะไม่แย่เหมือนตอนนี้แล้วมั้ง

เสียดายตอนนี้พูดอะไรก็สายไปแล้ว เวลาไม่มีทางย้อนกลับไปได้ ก็เหมือนที่เธอสูญเสียพ่อแม่ พวกท่านล้วนไม่มีทางกลับมาอีกแล้ว

เห็นหานชิงจะไป สวี่เย็นหวั่นนึกถึงคำพูดที่หลินสวี่เจิ้งพูดกับเธอก่อนหน้านี้ จึงได้ยื่นมือขวางประตูไว้

“เดี๋ยวก่อนค่ะ”

หานชิงหยุดฝีเท้า มองเธอด้วยแววตาเย็นชา“ยังมีธุระอีก?”

“ฉัน…….”สวี่เย็นหวั่นสะอึกสะอื้น ค่อนข้างพูดไม่ออก ครึ่งค่อนวันถึงหาเสียงตัวเองกลับมาได้:“ฉันมาขอโทษเสี่ยวเหยียนค่ะ ฉันรู้ว่าตอนนี้คุณไม่อยากเจอหน้าฉัน แต่ฉันมาหาเธอจากใจจริง ให้โอกาสฉันไถ่โทษสักครั้งได้มั้ยคะ?”

พูดถึงสุดท้าย น้ำเสียงของสวี่เย็นหวั่นแฝงด้วยการอ้อนวอน แววตาที่มองหานชิงก็แฝงด้วยความคาดหวังเช่นกัน

แต่ความอ่อนโยนของหานชิงได้ให้เสี่ยวเหยียนหมด แบ่งแยกไปให้คนอื่นไม่ได้สักนิดแล้ว ดังนั้นเขาได้ปฏิเสธข้อเสนอของสวี่เย็นอย่างไว

“ขอโทษน่ะไม่ต้องแล้ว ขอแค่ต่อไปคุณดูบริษัทของตัวเองดีๆ ต่างคนต่างอยู่ไม่ต้องมายุ่งกับพวกเรา ก็ซาบซึ้งจนหาที่สุดมิได้แล้ว”

ฟังถึงตรงนี้ สวี่เย็นหวั่นค่อนข้างสิ้นหวัง

ดูท่าหานชิงไม่ให้เธอเจอเสี่ยวเหยียนจริงๆแล้ว

ในขณะที่สวี่เย็นหวั่นหลุบตาลง และอยากจากไปอย่างเศร้าสลด ด้านหลังของหานชิงกลับมีเสียงอ่อนโยนก้องมา

“หานชิง คุณให้เธอเข้ามาเถอะค่ะ”

สวี่เย็นหวั่นได้ยินแล้วเงยหน้าขึ้นมาทันที มองผ่านข้างกายของหานชิง เห็นเสี่ยวเหยียนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ช่วงนี้เธอดูแลครรภ์ได้พอสมควรแล้ว สีหน้าไม่ได้ซีดเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แก้มดูมีเลือดฝาดขึ้นเยอะ บนตัวคลุมผ้าคลุมไหล่หนาๆไว้ ที่เท้าใส่รองเท้ากันหนาว หน้าตาเหมือนถูกดูแลได้ดีมาก

หานชิงเห็นเธอ แววตาเฉียบคมเล็กน้อย แต่พริบตาเดียวก็ได้อ่อนโยนลงมา แล้วเดินไปที่เธออย่างไว

“ลงมาชั้นล่างได้ยังไง? บอกให้คุณอยู่ชั้นบนดีๆไม่ใช่เหรอ?”

ตอนที่เสี่ยวเหยียนถูกหานชิงพยุงไว้ยังค่อนข้างจนปัญญา ช่วงนี้สามารถบอกได้ว่าหานชิงดูแลเธอไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียวเลย ทุกวันนอกจากอาหารประจำวันก็คือแต่งตัว ยังมีการออกนอกบ้านของเธอก็ได้ถูกจำกัด ยังไม่ให้เธอออกไปชั่วคราว ถ้าจำเป็นต้องออกจากบ้านเขาก็จะไปเป็นเพื่อนด้วย

สรุปก็คือหลังจากเกิดเรื่องที่งานแต่ง ตอนนี้หานชิงคือมีปมในใจ กลัวถ้าตัวเองไปจากเธอครึ่งก้าว เธอก็จะเกิดเรื่อง

ทุกครั้งเสี่ยวเหยียนเห็นเขาติดเธองอมแงม ก็นึกถึงช่วงที่เขายังไม่รักตัวเอง ตอนนั้นหานชิงเย็นชามาก และขี้เกียจพูดกับเธอ

แต่ตอนนี้ล่ะ?

วันพระไม่ได้มีหนเดียวจริงๆ พระเจ้าเคยให้อภัยใครบ้าง?

“ฉันไม่เป็นไรค่ะ อยู่แต่ชั้นบนทุกวันฉันอุดอู้จนจะป่วยอยู่แล้ว ได้ยินชั้นล่างมีเสียง ฉันก็เลยลงมาดูค่ะ”

หานชิงนึกถึงคำพูดที่เธอพูดก่อนหน้านี้ พูดด้วยสีหน้าไม่รื่นรมย์:“ผมส่งคุณขึ้นชั้นบน”

เสี่ยวเหยียนกลับกดมือของเขาไว้และส่ายหัว“ฉันไม่อยากขึ้นไปค่ะ”

หานชิงฟังแล้วเม้มริมฝีปากบางไว้ และพูดอย่างไม่สบอารมณ์:“ผมไม่อยากให้คุณเจอเธอ”

ถึงแม้สวี่เย็นหวั่นไม่ได้เข้าร่วมในเรื่องนั้น แต่ตอนนี้หานชิงไม่สามารถแน่ใจว่าสวี่เย็นหวั่นไม่มีเจตนาร้ายกับเสี่ยวเหยียน ถ้าเกิดเธออยากทำอะไรเสี่ยวเหยียน ถึงเวลาเขาจะเป็นบ้าได้

“แค่เจอหน้าเอง ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”เสี่ยวเหยียนกัดริมฝีปากล่างตัวเองทีนึง แล้วกระซิบที่ข้างหูหานชิงเบาๆ:“ก่อนหน้านั้นเธอเคยช่วยชีวิตฉัน เธอไม่ใช่คนร้าย ไม่ทำอะไรฉันหรอกค่ะ”

หานชิงกลับไม่คิดอย่างนั้น“คนมันเปลี่ยนกันได้ เดิมทีคุณกับเธอก็ไม่ใช่เพื่อนกันอยู่แล้ว”

“ฉันรู้ค่ะ แต่ยังไงซะเธอก็เป็นลูกสาวที่ตระกูลสวี่อบรมสั่งสอนมา ฉันดูออก ถ้าเธอมีใจอยากทำร้ายฉัน คราวก่อนก็ไม่ช่วยฉันแล้วค่ะ”

นี่ก็เป็นสาเหตุที่ก่อนหน้านั้นเสี่ยวเหยียนไม่ได้บอกเรื่องนี้กับหานชิง

ตอนนั้นเธอเกือบถูกทำร้ายรู้สึกหนาวสันหลังจริงๆ แต่ตอนนั้นคนที่ไปช่วยเธอคือสวี่เย็นหวั่น ถึงแม้ตอนนั้นเสี่ยวเหยียนไม่รู้ว่าเห้อเหลียนจิ่งเป็นคนทำเรื่องนี้ แต่เธอรู้สึกสวี่เย็นหวั่นยอมปล่อยเธอออกมาในยามคับขัน งั้นแสดงว่าความคิดของเธอไม่ได้ชั่ว

ในเรื่องนี้ ที่จริงเป็นคนดีง่าย เป็นคนเลวยากกว่า

เนื้อแท้เป็นคนดี จู่ๆให้คุณไปทำเรื่องชั่วช้าสามัญ จิตใจและวิญญาณต้องทนรับการทำลายล้างที่ใหญ่ขนาดไหน?

เพราะฉะนั้นเสี่ยวเหยียนเชื่อสายตาตัวเอง

“เธอมาก็มาแล้ว และขอร้องคุณแล้ว ให้เธอเข้ามาเถอะค่ะ”

หานชิงจ้องมองเสี่ยวเหยียนไว้ ดูเหมือนกำลังแน่ใจอะไรอยู่ เสี่ยวเหยียนเห็นเขาไม่วางใจ จึงได้พูดอีก:“ฉันจะปกป้องตัวเองให้ดีแน่นอนค่ะ ไม่เกิดเรื่องหรอก”

“จะต้องเจอให้ได้เลย?”หานชิงถาม

เสี่ยวเหยียนพยักหน้า

สุดท้าย หานชิงก็ได้ตามใจเธอ

ในที่สุดสวี่เย็นหวั่นก็ถูกเชิญเข้ามาในบ้าน ทั้งสองนั่งลงที่โซฟา เดิมทีหานชิงจะนั่งฟังอยู่ที่ข้างๆ แต่ถูกเสี่ยวเหยียนเรียกให้ไป จากนั้นได้เรียกคนรับใช้สองคนจ้องจับตาดูอยู่ข้างๆ ถ้าเกิดอุบัติเหตุอะไรจะต้องปกป้องเสี่ยวเหยียนก่อน

หลังจากหานชิงไป สวี่เย็นหวั่นยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูด:“เขาปกป้องคุณดีจังเลยค่ะ”

เสี่ยวเหยียนฟังแล้วอึ้งเล็กน้อย จากนั้นได้พูดว่า:“เมื่อก่อนไม่ใช่อย่างนี้นะคะ ตอนนี้ที่เขาแคร์ฉันมากขนาดนี้ ฉันควรจะต้องขอบคุณเพื่อนของคุณค่ะ”

เพื่อนของเธอ?

สวี่เย็นหวั่นอ้าปากเล็กน้อย“คุณหมายถึงเห้อเหลียนจิ่งเหรอคะ?”

“อืม”เสี่ยวเหยียนพยักหน้า จากนั้นได้พูดต่อ:“ช่วงนี้ฉันอยู่บ้านได้ดูข่าวในโซเชียลไม่น้อย ย่อมรู้ว่าใครคือผู้ร้ายตัวจริงอยู่แล้ว จากนั้นได้สืบถามไปครู่นึงก็รู้ว่าเขาเคยจีบคุณ”

สวี่เย็นหวั่นไม่พูด

“คราวก่อนอยู่ร้านกาแฟ ก็เขาเป็นคนลงมือใช่มั้ยคะ?”

สวี่เย็นหวั่นหลุบตาลง ขนตาสั่นเทา“ใช่ค่ะ ตอนนั้นเขาเป็นคนลงมือ หลังจากคุณไปเข้าห้องน้ำเขาบอกกับฉันว่าจะลงมือกับคุณ ฉันตกใจ ก็เลย………”

“คุณก็เลยวิ่งมาช่วยฉันอย่างไม่ลังเล”

“อืม”

“ขอบคุณค่ะ”

จู่ๆได้ยินคำว่าขอบคุณ สวี่เย็นหวั่นเงยหน้าขึ้นมามองเธออย่างตะลึงงัน

“ขอบคุณที่ตอนนั้นคุณขัดขวางเขา ถ้าไม่ใช่คุณ วันนั้นฉันยังไม่รู้ควรจะทำยังไงดีเลยค่ะ”

เผชิญกับแววตาที่จริงใจของเธอ จู่ๆสวี่เย็นหวั่นรู้สึกคัดจมูก สักพักถึงหาเสียงตัวเองกลับมาได้

“คุณ คุณไม่โทษฉัน?”

“ฉันจะโทษคุณทำไมคะ?”

“ไฟไหม้ เรื่องไฟไหม้ที่โรงแรมก็เขาเป็นคนทำ หรือคุณไม่เคยคิดเลยเหรอ ที่จริงฉันเป็นคนบอกให้เขาทำแบบนี้ จากนั้นหลังจากเขาเข้าไปฉันก็ปัดความรับผิดชอบ?”

“คุณไม่ใช่คนแบบนั้น ถึงแม้ฉันรู้จักกับคุณไม่นาน ฉันดูออกว่าคุณชอบหานชิงมาก แต่ตอนนั้นก็ถือว่าอดทนมาโดยตลอด พูดตามตรงถ้าฉันเป็นคุณล่ะก็ คาดว่าคงทำได้ไม่ดีกว่าคุณ แน่นอนว่าคุณมีจุดที่ฉันไม่ชอบ แต่นี่ก็เป็นเพราะว่าเรายืนอยู่ในจุดที่ตรงกันข้าม”

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset