เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 1475เธอวางแผนไว้ยังไง

บทที่1475เธอวางแผนไว้ยังไง

ถ้าเหลียงหย่าเหอโทรบอกสถานการณ์นี้กับเซียวซู่จริงๆ งั้นเซียวซู่จะคิดยังไง?

เขาจะคิดเหมือนผู้ใหญ่หรือเปล่า เพราะยังไงซะสำหรับเขาแล้ว ตัวเองอาจจะไม่สำคัญ ถ้าเปลี่ยนเป็นเสี่ยวเหยียนล่ะก็

เมื่อกี๊เจียงเสี่ยวไป๋ก็อารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่

เธอได้โทรหาฟางถังถังโดยตรง เรียกเธอออกมาดื่มเหล้า

ตอนที่ฟางถังถังรับสายเธอยังนอนอยู่ ถูกสายเรียกเข้าของเธอปลุกจนตื่น ตอนที่พูดจายังเบลอๆไม่ชัดเจน

“ใครอ่ะ? มารบกวนฝันหวานของฉันแต่เช้าเลย?”

“ถังถัง ออกมาดื่มเหล้า”

ฟางถังถังครุ่นคิดไปครู่นึง จำได้ว่านี่เป็นเสียงของเสี่ยวไป๋เพื่อนรักเธอ เธอพลิกหน้าและพูดอย่างไปต่อไม่ถูกกับการกระทำของเธอ:“ตอนนี้เนี่ยนะ? เธอคงไม่ใช่ถูกประตูหนีบสมองมั้ง กลางวันแสกๆ อีกอย่างยังเป็นตอนเช้าตรู่อีก เธอบอกเธอจะออกไปดื่มเหล้า ไม่ทราบว่ามีผับร้านไหนเปิดประตูให้เธอบ้าง?”

เจียงเสี่ยวไป๋ฟังถึงตรงนี้แล้ว เงียบไปเสี้ยววินาที จากนั้นถึงพูด:“งั้นไม่ไปดื่มเหล้าก็ได้ ไปร้านเล็กๆก็มีเหล้าให้ดื่มแน่นอน”

ฟางถังถังพลิกตัวนั่งอยู่บนเตียงอย่างค่อนข้างโกรธ

“เธอเกิดบ้าอะไรขึ้นมา?”

ฝ่ายตรงข้ามไม่พูด

ฟางถังถังพูดต่อ: “ทะเลาะกับผู้ชายของเธออีกแล้วเหรอ?”

“เปล่า”

“เปล่าแล้วเธอจะดื่มเหล้าทำไม? แถมยังไปดื่มแต่เช้าตรู่อีก พี่สาว เราสองคนเอาแต่ใจขนาดนี้ไม่ได้ โอเคมั้ย? เป็นผู้ใหญ่แล้วมีสติหน่อย ครั้งก่อนฉันพาเธอไปดื่มเหล้าคลายความกดดัน ไม่ใช่ให้เธอทำแบบนี้ทุกครั้งตอนอารมณ์ไม่ดี?”

เจียงเสี่ยวไป๋หลับตา: “งั้นฉันควรจะทำยังไงดี?”

เสียงของเธอฟังแล้วเหนื่อยล้าและจนปัญญา ฟางถังถังตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ ถึงแม้เธอยังง่วงเหมือนหมา แต่ตอนนี้กลับจำเป็นต้องพูด:“ช่างเหอะๆ ฉันถือว่าชาติที่แล้วติดค้างเธอก็แล้วกัน ตอนนี้เธออยู่ไหน? ฉันไปซื้อของกินและเครื่องดื่มที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต แล้วค่อยไปหาเธอ โอเคมั้ย?”

เจียงเสี่ยวไป๋ก็เลยเอาที่อยู่ให้เธอ

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ฟางถังถังถือถุงเล็กถุงใหญ่ไว้ ในที่สุดก็มาถึงบ้านของเจียงเสี่ยวไป๋ ถ้าพูดอย่างชัวร์ๆคือบ้านของเซียวซู่

ตอนที่เจียงเสี่ยวไป๋เปิดประตูให้เธอเข้ามา เห็นเธอถือของไว้มากมาย ยังกะจะช่วยเธอถือสักหน่อย

ใครจะไปรู้ฟางถังถังจะพูดโดยตรง:“พอเหอะ ฉันถือเองพอ เธอดูหน้าตาหมดอาลัยตายอยากของเธอซิ ไปนั่งที่โซฟาเลยไป”

เจียงเสี่ยวไป๋เม้มริมฝีปากแดง จากนั้นก็ได้ไปนั่งที่โซฟาจริงๆ

ฟางถังถังโมโหจะแย่:“เธอไปนั่งจริงๆเหรอเนี่ย ไม่เกรงใจเลยจริงๆ! เพื่อนเลว!”

แต่สุดท้ายเธอก็แค่บ่นไปคำนึง ก็หาที่เอาของทั้งหมดวางลง จากนั้นพอจัดวางเรียบร้อยแล้ว จัดวางไปด้วยและดูการตกแต่งของบ้านไปด้วย “ของพวกนี้เป็นของที่ห้องเธอก่อนหน้านี้ใช่มั้ย? เธอนี่ย้ายบ้านก่อนหน้านี้ของเธอมาจนโล่งเลยเหรอ?”

“ก็ประมาณนั้นมั้ง” เจียงเสี่ยวไป๋ตอบอย่างไม่มีเรื่อยไม่มีแรงคำนึง

ฟางถังถังไม่ได้พูดต่อจากเธอ หลายนาทีผ่านไปได้นั่งมาที่ข้างกายเธอ ยื่นนมแก้วนึงและแซนวิชให้เธอ

เจียงเสี่ยวไป๋เห็นแล้วขมวดคิ้วขึ้นมา: “ฉันไม่อยากกินของพวกนี้”

“ตอนเช้าก็ต้องกินของพวกนี้สิ ใครเขาดื่มเหล้ากันตอนเช้า? เธอนอนมาทั้งคืนยังไม่ได้กินอะไรเลย ดื่มเหล้าตอนท้องว่างเธอไม่คิดเอาชีวิตแล้วเหรอ? เธอไม่คิดเอาชีวิตแต่ฉันยังจะเอาอยู่นะ ถ้าเกิดเธอดื่มแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ถึงเวลาอย่ามาคิดบัญชีที่ฉันนะ”

“เอาไว้! กินเดี๋ยวนี้!” ฟางถังถังดุใส่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยพลังที่เต็มเปี่ยมหนนึง

เจียงเสี่ยวไป๋กลัดกลุ้มจะแย่ ทั้งๆที่อารมณ์เสียเรียกเธอมาแท้ๆ นึกว่าเธอจะซื้อเหล้ามาให้ตัวเองเสียอีก ใครจะไปรู้ว่าจะซื้ออาหารเช้ามาให้เธอ แถมยังดุเธออีก

แต่ว่าสุดท้ายเจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้รับนมและแซนวิชมา

เธอก้มหน้ากัดไปเบาๆคำนึง รู้สึกไร้รสชาติ

“มาเถอะ ฉันฟังเธอระบาย เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

ตอนแรกเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้ตอบ แค่ดื่มนมอย่างเงียบๆ เหมือนเห็นนมเป็นเหล้า จากนั้นค่อยกัดแซนวิชอีกคำนึง

ผ่านไปสักพักถึงเล่าสถานการณ์กลัดกลุ้มของตัวเองให้เธอฟัง

หลังฟางถังถังฟังแล้วได้เอ๋อค้างไว้ “ไม่ใช่มั้ง? นี่มันสมัยไหนแล้ว? แม่เธอเชื่อก็แล้วไป อย่าบอกนะว่าเธอก็เชื่อด้วย?”

“ฉันไม่เชื่อ”

“เธอไม่เชื่อ แล้วเธอกลุ้มใจทำไม?”

เจียงเสี่ยวไป๋ไม่พูดจา ได้แต่ก้มหน้ากัดแซนวิชต่อ

ฟางถังถังพยายามคิดคำพูดและสีหน้าเมื่อกี๊ของเธอ จู่ๆได้ถามขึ้นว่า: “เธอดูไม่มีความสุข คงไม่ใช่เพราะเธอกลัวหลังจากเซียวซู่รู้แล้วจะคิดเหมือนผู้ใหญ่?”

คำพูดนี้พูดแทงใจดำเธอ เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีอะไรจะหักล้าง แถมยังเอานมและแซนวิชวางไว้ที่โต๊ะอย่างเอาแต่ใจ

“อิ่มแล้ว”

“เชอะ” ฟางถังถังมองเธออย่างดูถูกทีนึง: “เธอคือเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ใช่เหรอ? ตอนที่เธอเขียนบทบุคคลแบบไหนก็อยู่ในการควบคุมของเธอ ตอนนี้กับอิแค่ผู้ชายคนเดียว เธอก็วิตกกังวลเพราะเขา ดูไม่มีความสุข เธอนี่รักเซียวซู่เข้าจริงๆแล้วมั้ง?”

รัก?

เจียงเสี่ยวไป๋เคยคิด บางทีตัวเองอาจจะรักเซียวซู่เข้าจริงๆแล้ว แต่คำว่ารักคำนี้เธอยังไม่เคยคิดมาก่อน เธอก็เลยส่ายหัวและพูดเบาๆ:“ยังอยู่ในช่วงดูใจ อย่าพูดว่ารักไม่รัก ชอบไม่ชอบก็ยังไม่แน่เลย”

“ปากแข็ง” ฟางถังถังหัวเราะเยาะเธอ “ในเมื่อเธอไม่อยากยอมรับ งั้นเราก็พูดแบบนี้แล้วกัน ในเมื่อยังอยู่ในช่วงดูใจ ถ้าเขาคิดเหมือนพวกผู้ใหญ่ งั้นเธอก็กระทืบเขาโดยตรงเลย เพราะยังไม่ผ่านช่วงดูใจ ถูกมั้ย?”

เจียงเสี่ยวไป๋ยกมุมปากขึ้น มองไปที่ฟางถังถังอย่างควบคุมไม่ได้ อยากจะตีเธอมากเลยจะทำยังไง? การที่เธอโทรหาฟางถังถังเป็นเรื่องที่ฉลาดจริงๆเหรอ? พอมาก็พูดทิ่มแทงใจเธอสารพัด คนที่สนิทเกินล้วนพูดจาตรงจริงๆซะด้วย เฮ้อ~

“หรือที่ฉันพูดไม่ถูก? เธอเป็นคนพูดเองว่ายังไม่ผ่านช่วงดูใจ งั้นช่วงดูใจนี้ ก็หมายความว่ายังไม่ได้เปลี่ยนมาเป็นแฟนของเธออย่างเป็นทางการไม่ใช่เหรอ? เธอไม่รักเขาสักหน่อย ถ้าเขาผ่านช่วงดูใจนี้ไม่ได้ งั้นก็กระทืบเขาเลย มีปัญหาอะไรเหรอ?”

เจียงเสี่ยวไป๋พลิกตัว หันหลังให้กับเธอ ไม่อยากสนใจเธอ

ฟางถังถังกลับใกล้มาด้านหน้า: “เธออยู่กับเขานานๆแล้วมีความรักให้เขา ที่จริงในใจได้แอบให้เขาผ่านช่วงดูใจแล้ว แม้กระทั่งยังอยากแต่งงานกับเขาด้วย ถูกมั้ย?”

“ไม่ต้องพูดแล้ว”เจียงเสี่ยวไป๋พูดขัดจังหวะเธอ แล้วพูดอย่างจริงจัง: “ใช่ ฉันชอบเขา ไม่งั้นฉันก็ไม่อยู่กับเขาหรอก แต่ถ้าบอกว่ารัก แม้แต่ตัวฉันเองก็ยังรู้สึกไม่มีความน่าเชื่อถือเลย ความรักไม่ได้เรียบง่ายเหมือนที่เธอคิด ส่วนเรื่องแต่งงานก่อนหน้านี้ฉันก็ไม่เคยคิด ไม่งั้นก็ไม่ทำช่วงดูใจอะไรนี้หรอก”

อย่างไรก็ตามเซียวซู่อยากรับผิดชอบ ถ้าเธออยากแต่งงาน ตอนแรกก็สามารถเรียกร้องให้เซียวซู่รับผิดชอบอย่างนี้

แต่สำหรับเจียงเสี่ยวไป๋ เธอแคร์ความรู้สึกตัวเองมากกว่า ยิ่งแคร์ทั้งสองเหมาะที่จะอยู่ด้วยกันหรือเปล่า เธอมีสติดีมาก รู้ว่าตัวเองอยากได้อะไร

ส่วนทำไมตอนนี้ถึงกลัว และเกิดอารมณ์แบบนี้

คงจะเป็นเพราะ เธอหลุดพ้นการควบคุมความรักของตัวเอง มีใจให้เซียวซู่อย่างควบคุมไม่ได้อย่างสิ้นเชิง

ไม่งั้นตอนที่เธอเห็นเซียวซู่พุ่งไปช่วยคนที่เขารัก ก็ไม่ทรมานใจขนาดนั้นแล้ว

“แล้วตอนนี้เธอวางแผนไว้ยังไง? ถ้า…..ฉันแค่บอกว่าถ้าเกิด เขาฟังและเชื่อคำพูดของผู้ใหญ่จะทำยังไง?”

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset