เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 157 ไปกับฉันเถอะ

บทที่157 ไปกับฉันเถอะ

หลังจากที่ทั้งสองนั่งลงเสี่ยวเหยียนก็เปิดปากพูดทันที “เรื่องในห้องประชุมฉันได้ยินมาหมดแล้วนะ เฉียวเฉียวคุณสุดยอดไปเลย!”

เป็นครั้งแรกที่ได้เสี่ยวเหยียนพูดชมตัวเอง เสิ่นเฉียวรู้สึกผิดเล็กน้อย จากนั้นพูดด้วยความอึดอัดใจ “สุดยอดตรงไหน มันไม่มีอะไรหรอก”

“ฉันนึกว่าคุณจะโดนรังแกจนร้องไห้ขี้มูกโป่ง นึกไม่ถึงว่าคุณไปวันแรกก็โต้ตอบแล้วเอาคืนเลย อีกอย่างยังโต้ตอบได้อย่างสวยงามขนาดนี้ ตอนนี้หัวหน้าคนนั้นแล้วก็พวกคนเหล่านั้นที่อยากจะหัวเราะเยาะคุณคงจะบ้าตายแล้วล่ะ”

เสิ่นเฉียว “…..” เธอพูดด้วยความรู้สึกเป็นทุกข์ “ตอนนี้ในบริษัทมีคนมากมายอยากจะเห็นฉันหน้าแตก ถ้าคุณอยู่กับฉันละก็คุณอาจจะซวยไปด้วยก็ได้นะ”

เสี่ยวเหยียนพูดอย่างไม่ยี่หระ “ไม่เป็นอะไรหรอก ฉันอยู่แผนกบัญชีนะ ส่วนปู่ของฉันเป็นหัวหน้าแผนกบัญชี พวกเขาไม่กล้าทำอะไรฉันหรอก”

เสิ่นเฉียว “มีแบบนี้ด้วยหรอ?”

“ใช่สิ คุณรู้รึเปล่าว่าเงินเดือนของคนทั้งบริษัทต้องจ่ายผ่านมือของฉันน่ะ~ฮ่าฮ่า”

เสิ่นเฉียวพอจะเริ่มเข้าใจ ที่แท้เสี่ยวเหยียนคือคนที่คุมปากท้องของทุกคน

“ถึงแม้ฉันจะไม่หักเงินของพวกเขาไปเรื่อย แต่ฉันสามารถค้างการชำระเงินเดือนให้กับพวกเขาได้~คุณรู้รึเปล่าว่าคนในเมืองส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นพวกใช้เงินชนเดือน ทุกเดือนต่างก็รอคอยวันที่เงินเดือนออก เพียงแค่ฉันใช้ความคิดเล็กน้อยแล้วยืดวันจ่ายเงินเดือนออกไปให้ล่าช้าสักวันสองวัน พวกเขาแต่ละคนก็จะร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้ว”

เสิ่นเฉียว “เก่งจังเลย”

“ดังนั้นจากนี้ไปฉันจะปกป้องคุณเอง ไม่ต้องกังวลขนาดนั้นหรอก”

ทั้งสองทานอาหารกลางวันแล้ว เสิ่นเฉียวก็กลับมาที่ทำงานของตัวเอง คอมของเธอค่อนข้างจะเก่ามาก ดังนั้นเธอต้องเสียเวลาในการจัดการกับมันเล็กน้อย

เสิ่นเฉียวนั่งๆอยู่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง

เธอขมวดคิ้วแน่น จากนั้นหันหน้าไปมองเห็นสวี่เลี่ยวกำลังเดินเข้ามาหาตัวเอง ในมือของเขาถือกาแฟหนึ่งแก้ว เขาวางมันไว้ตรงหน้าของเสิ่นเฉียว “อันนั้น…..คุณชื่ออะไรนะ?”

สวี่เลี่ยวต้องการจะเรียกชื่อเธอแต่เขากลับพบว่าตัวเองไม่รู้จักชื่อของเธอ เพราะเธอโดนลดตำแหน่ง ตอนที่เธอมาก็ไม่ได้ผ่านขั้นตอนที่ถูกต้อง อยู่ๆบอกจะยัดเธอเข้ามาในแผนกก็ยัดมาเลย ดังนั้นจึงไม่มีไฟล์บันทึกใดใด

เสิ่นเฉียวจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เย็นชา เธอไม่ได้ตอบคำถามของเขา เธอแค่เหลือบไปมองแก้วกาแฟหนึ่งที

“หัวหน้ามาหาฉันมีธุระอะไรมั้ย?”

หัวหน้าถูมือไปมา จากนั้นยิ้มแล้วพูด “คุณไม่บอกชื่อก็ไม่เป็นไร คุณพึ่งจะมาใหม่ งั้นฉันเรียกคุณว่าสาวน้อยละกัน”

เสิ่นเฉียว “…..” สาวน้อยมันเกี่ยวอะไรกับเธอที่พึ่งมาใหม่มั้ย?

“หัวหน้าเรียกฉันว่าเสี่ยวเสิ่นก็ได้ ”

เธอไม่อยากบอกชื่อของตัวเองกับคนที่อยู่ตรงหน้าผู้ซึ่งมีสายตาที่ดูไม่ประสงค์ดีคนนี้ อีกทั้งเป็นคนที่พยายามจะทำร้ายเธอในตอนเช้า

“เสี่ยวเสิ่น? เสี่ยวเสิ่นเพราะดีนะ!” สวี่เลี่ยวยิ้มแฉ่งแล้วเดินมาข้างหน้าหนึ่งก้าว จากนั้นชี้ไปที่แก้วกาแฟแก้วนั้น “ฉันตั้งใจเอามาให้คุณ รีบดื่มสิ”

เสิ่นเฉียว “หัวหน้า ตกลงคุณมาหาฉันมาธุระอะไรกันแน่?”

“ธุระไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก” สวี่เลี่ยวถูมือไปมา จากนั้นเดินเข้ามาใกล้เธออีกหลายก้าว สีหน้าของเสิ่นเฉียวเปลี่ยนไปทันที เธอรีบถอยไปด้านหลังหลายก้าวเพื่อรักษาระยะห่างกับเขา จากนั้นจ้องมองไปที่แววตาของเขาที่เต็มไปด้วยความน่ารังเกียจ อยู่ๆเสิ่นเฉียวก็เข้าใจอะไรบางอย่างทันที

เธอยืนอยู่กับที่ จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “อย่าเข้ามานะ!”

สวี่เลี่ยวโดนเธอพูดเช่นนี้ เขาจึงยืนอยู่กับที่ทันที แต่เขาไม่ได้รู้สึกโกรธ เพียงแต่สายตาของเขายังคงจ้องมองไปที่แขนขาวๆและลำคอที่เรียวสวยของเธอไม่หยุด เขาหรี่ตามอง

“จริงๆแล้ว เสี่ยวเสิ่นคุณโดนลดตำแหน่งแล้วย้ายเข้ามา อีกอย่างก่อนหน้านี้คุณอยู่ในบริษัทก็เจออะไรแย่ๆมาไม่น้อยสินะ? ทุกคนล้วนแต่อยากเห็นคุณหน้าแตกหรืออยากทำร้ายคุณ คุณรู้จักเฉียงเวยที่อยู่แผนกการออกแบบใช่มั้ย? ก่อนที่คุณจะมาเธอขอให้ฉันดูแลคุณดีดี คุณเข้าใจความหมายของฉันสินะ?”

เสิ่นเฉียวไม่พูดอะไร

สวี่เลี่ยวพูดต่อ “แต่ฉันรู้สึกว่าการกระทำของพวกเธอเช่นนี้มันไม่ถูกต้องเลยจริงๆ จะทำร้ายผู้หญิงที่น่ารักขนาดนี้อย่างคุณได้ยังไงกัน? ก็เป็นเพราะว่าพวกเธอชอบท่านประธานเย่แต่ไม่อาจจะเอื้อมมือไปถึงได้ แต่คุณกลับมีโอกาสเข้าใกล้เขาใช่มั้ย? มันช่างไม่ควรจริงๆ”

คำพูดนี้ทำให้เสิ่นเฉียวเริ่มขมวดคิ้ว “ตกลงคุณอยากจะพูดอะไรกันแน่?”

“ฉันก็แค่อยากจะปกป้องคุณ คำพูดที่เฉียงเวยบอกกับฉัน ฉันก็ไม่ฟังเลย เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนเช้าก็เป็นสิ่งที่เกิดเหนือความคาดหมาย แต่เสี่ยวเสิ่น ฉันรับรองกับคุณได้ว่าต่อจากนี้มันจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”

เขาพูดไปด้วยเดินเข้ามาใกล้เสิ่นเฉียวไปด้วย เสิ่นเฉียวรู้ว่าในใจของเขามีความคิดอะไร เธอยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูด “คุณลองก้าวเข้ามาใกล้อีกทีสิ”

ฝีเท้าของสวี่เลี่ยวหยุดชะงัก เขายืนอยู่กับที่แล้วฝืนยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย จากนั้นพูด

“เสี่ยวเสิ่น เคยได้ยินคำพูดที่ว่าผู้รู้สถานการณ์ คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศมั้ย? ตอนนี้คุณโดนลดตำแหน่งมาอยู่ในแผนกของฉัน ขอเพียงแค่ฉันยินยอมที่จะปกป้องคุณ จากนี้เป็นต้นไปคุณก็จะโดนรังแกน้อยลง ไม่ต้องเจออุปสรรคมาก ดีมั้ย?”

เมื่อเห็นว่าเสิ่นเฉียวไม่ตอบ สวี่เลี่ยวจึงพูดกล่อมเธอต่อ “ ถึงแม้ว่าฉันจะเทียบกับท่านประธานไม่ได้ แต่ยังไงซะท่านประธานก็ไม่เอาคุณแล้วใช่มั้ย? คุณตามมาอยู่กับฉันดีกว่า ถึงแม้ว่าฉันจะไม่มีอำนาจและเงินทองเท่าท่านประธานขนาดนั้น แต่ฉันรับรองว่าฉันจะไม่ทิ้งคุณไปเรื่อยแน่นอน คุณว่ายังไงบ้าง?”

เสิ่นเฉียว:“……”

นึกไม่ถึงว่าวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของเขาก็คือสิ่งนี้

“เสี่ยวเสิ่น คุณลองพิจารณาดูดีดี ผู้รู้สถานการณ์ คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ แต่ฉันไม่บีบคั้นคุณหรอก ฉันให้เวลาคุณคิดให้ดีดีสองวัน”

เมื่อพูดจบ สวี่เลี่ยวไม่รอให้เสิ่นเฉียวเปิดปากพูด เขาหันหลังแล้วเดินออกไป

หลังจากที่เขาเดินออกไปแล้ว เสิ่นเฉียวกลอกตาใส่เขาอยู่ภายในใจ คุณลุงคนนี้เป็นบ้าหรอ? เธอแม้แต่เป็นเมียน้อยของเย่โม่เซินยังไม่อยากจะเป็น เธอจะอยากเป็นเมียน้อยของเขาได้ยังไง?

เป็นเพราะว่าสวี่เลี่ยวอยู่ตรงนี้เป็นเวลานาน อยู่ๆเสิ่นเฉียวจึงรู้สึกว่าอากาศของที่นี่มัวหมองเพราะเขาทันที

เธอไม่อยากอยู่ต่อจึงเก็บข้าวของแล้วเดินออกไปก่อน

ยังไม่ถึงเวลาทำงาน เธอจึงไปหาเสี่ยวเหยียนเพื่อพูดคุยด้วย

เสิ่นเฉียวเดินไปที่แผนกบัญชี ระหว่างทางเธอได้ข้อความจากหานเส่โยว บอกให้เธอเดินออกมาข้างถนนของบริษัท เธอผ่านมาตรงนี้แล้วมีของขวัญจะให้เธอ

เสิ่นเฉียวเห็นว่าเสี่ยวเหยียนยังไม่ออกมา เธอจึงเดินลงไปด้านล่าง

จากนั้นยืนอยู่ข้างถนนไปสักพัก รถของหานเส่โยวจึงขับเข้ามา

ประตูรถเปิด หานเส่โยวยื่นถุงอันหนึ่งให้กับเธอ

“เฉียวเฉียว ฉันตั้งใจซื้อมาให้คุณ ตอนกลางคืนคุณกลับไปถึงบ้านแล้วค่อยเปิดดูนะ”

“ทำไมอยู่ๆถึงซื้อของให้ฉันล่ะ?” เสิ่นเฉียวจ้องมองถุงนั้นอย่างไม่เข้าใจ ดูแล้วน่าจะแพงมาก ก็ไม่รู้ว่าเธอซื้ออะไรมา

หานเส่โยวดูหลบสายตาเล็กน้อย เธอยิ้มอย่างอึดอัดใจแล้วพูด “ทำไมล่ะ? ตอนที่ฉันซื้อให้ตัวเองก็นึกถึงคุณไม่ได้หรอ? ดังนั้นเลยซื้อให้คุณอีกอันไง คุณรังเกียจฉันใช่รึเปล่า?”

“ไม่ได้รังเกียจหรอก” เสิ่นเฉียวกลอกตามองบนใส่เธอ “คุณก็รู้ว่าฉันจะรังเกียจคุณได้ยังไงกัน คุณตั้งใจขับมาที่นี่เลย”

“มันไม่มีอะไรหรอก ต่อจากนี้ฉันจะพยายามทำดีกับคุณนะเฉียวเฉียว!”

เสิ่นเฉียว “….ทำไมล่ะ? คุณลับหลังทำอะไรผิดต่อฉันรึเปล่า?”

สีหน้าของหานเส่โยวขาวซีด เธอรีบพูดอธิบาย “คุณพูดบ้าอะไรนี่? ฉันหานเส่โยวเคยทำเรื่องไม่ดีลับหลังคุณด้วยหรอ? เฉียวเฉียว ตอนนี้คุณพูดถากถางฉันมากขึ้นแล้วใช่มั้ย? หึ”

“ไม่นะ ขอบคุณมาก”

“หึ ใครให้คุณขอบคุณกัน ฉันไปก่อนนะ”

“เฉียวเฉียว!”

เสียงของเสี่ยวเหยียนดังมาจากด้านหลัง เสิ่นเฉียวหันหน้าไปมอง เห็นว่าเสี่ยวเหยียนกำลังเดินมาทางนี้

“เพื่อนของคุณหรอ?” หานเส่โยวจ้องมองเสี่ยวเหยียนที่อยู่ห่างออกไป จากนั้นถาม

เสิ่นเฉียวพยักหน้า “เพื่อนสาวคนหนึ่งในบริษัทที่ดีกับฉันน่ะ”

“โอเค งั้นอีกสองวันฉันค่อยมาเยี่ยมคุณ”

หานเส่โยวพึ่งจะขับออกไป เสี่ยวเหยียนก็เดินมาอยู่ข้างเสิ่นเฉียวพอดี เธอยื่นหัวแล้วจ้องมองไปทิศทางที่หานเส่โยวขับออกไป “เห้ย ผู้หญิงที่หน้าตาดูร้ายคนนั้นคือคนคนนั้นที่ฉันเคยเห็นในวีแชทก่อนหน้านี้รึเปล่า?”

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset