เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 1562 เธอจะไม่อิจฉาหรอ

บทที่1562 เธอจะไม่อิจฉาหรอ

ประมาณว่าคงจะได้ยินเสียงดังขึ้น ถางหยวนหยวนจึงลืมตาออกมาจากห้วงความฝัน จากนั้นก็เห็นเมิ่งเข่อเฟยยืนอยู่ที่ข้างๆประตู ลุกขึ้นมาด้วยความสงสัยเล็กน้อย

“เฟยเฟย?”

เธอลุกขึ้นนั่งสบสายตาเข้ากับเมิ่งเข่อเฟยด้วยสายตาของความสงสัย “ทำไมเธอถึงตื่นเช้าจังเลยอ่ะ?”

ได้ยินเสียงของถางหยวนหยวน เมิ่งเข่อเฟยที่จากเดิมจังหวะการเต้นของหัวใจก็ไม่สงบนิ่งอยู่แล้วก็ได้เต้นแรงขึ้นกว่าเดิม เธอสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนที่จะหันหน้ากลับไป

“หยวนหยวน ฉันนอนไม่หลับก็เลยลุกขึ้นมาดูเวลา”

เมื่อทราบว่าเธอดูเวลา ถางหยวนหยวนเองก็มองไปด้วยเหมือนกัน หลังจากที่เห็นเวลาแล้วใบหน้าเล็กก็แทบจะขมวดเข้าหากันเป็นกลุ่มก้อน “เช้าจังเลย ฉันต้องนอนอีกสักพัก เฟยเฟยเธอจะนอนอีกมั้ย?”

ไม่นอนแล้วเธอจะทำอะไรได้อีกล่ะ? เมิ่งเข่อเฟยแสดงออกไปว่าตัวเองก็ต้องการเหมือนกัน จากนั้นก็ปีนขึ้นเตียงไปใหม่อีกครั้ง ถางหยวนหยวนเอนหัวนอนลงไปบนหมอนด้านหลังตัวเอง และได้หลับไปอย่างรวดเร็ว

ไม่นาน เธอก็พลิกตัวไปกอดเสี่ยวโต้วหยาที่อยู่ข้างๆ

เสี่ยวโต้วหยานอนหลับสนิทอย่างมาก หลังจากที่ถูกกอดไปก็แค่ขยับขนตาออกมาเล็กน้อย ไม่ได้ตื่นขึ้นมา

ทั้งสองคนนี้มีท่าทางบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ทำให้เมิ่งเข่อเฟยรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกับตัวตลกมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเธอทั้งสองคนมีชีวิตที่ดีอย่างนี้ ส่วนเธอนั้นไม่มีอะไรเลย มีสิทธิ์อะไรมาเป็นเพื่อนกับพวกเธออย่างนี้ได้กัน?

เมื่อก่อนเมิ่งเข่อเฟยรู้สึกด้อยค่า แต่ก็ไม่ได้เหมือนกับครั้งนี้ ในที่สุดเมล็ดพันธุ์มันก็เริ่มแตกหน่อขึ้นมาแล้ว

นอนหลับไปดีกว่า รอให้ครั้งนี้ผ่านไป ต่อจากนี้ไปเธอไม่คิดจะมาที่นี่อีก ขอเพียงแค่อยู่ห่างๆจากที่ดีๆอย่างนี้ เธอก็สามารถปลอบใจตัวเองได้แล้ว ว่าความจริงเธอเองก็มีชีวิตที่ดีด้วยเหมือนกัน

หลังจากที่คิดอย่างนี้แล้ว เมิ่งเข่อเฟยก็ได้นอนหลับไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

รอจนตอนที่เธอตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ข้างๆก็ได้ไร้ผู้คนไปหมดแล้ว

เมิ่งเข่อเฟยตื่นตกใจขึ้นมา รีบลุกขึ้นนั่งทันที

นี่เธอหลับเพลินไปหรอ? ทำไมหยวนหยวนกับเสี่ยวโต้วหยาไม่อยู่แล้ว?

ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้นเอง ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น “น้ามู่จื่อ เราไม่ต้องพาเฟยเฟยไปด้วยจะดีกว่านะคะ เมื่อคืนเธอเหมือนกับว่าจะไม่ค่อยชิน เลยนอนไม่หลับ เมื่อเช้าตอนหนูตื่นขึ้นมาเห็นเธอหลับสนิทมาก หนูเรียกเธออยู่หลายรอบก็ไม่ตอบกลับมา”

“ตอนนี้เวลาก็ประมาณนึงแล้ว พวกเธอเป็นเพื่อนกัน ถ้าไม่ออกไปด้วยกัน เดี๋ยวตอนที่เธอตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอหนูจะร้อนใจเอา”

ถูกหานมู่จื่อเตือนสติออกมาอย่างนี้ ถางหยวนหยวนจึงตอบกลับไปในทันที “จริงสิ ยังเป็นน้ามู่จื่อที่คิดรอบคอบ งั้นพวกเราก็ไปปลุกเฟยเฟยกันเถอะ”

“อืม ไปกันเถอะ”

เมิ่งเข่อเฟยก็นอนกลับลงไปทันที แล้วกลับไปหลับตาลงใหม่อีกครั้ง เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตนถึงได้ทำอย่างนี้ คงเป็นเพราะว่ารู้สึกทำอะไรไม่ถูกล่ะมั้ง เพราะถึงยังไงก็ได้ยินที่พวกเธอพูดกันไปหมดแล้ว

จากนั้นประตูก็ถูกผลักเข้ามา ถางหยวนหยวนเดินเข้ามาเพียงลำพัง เห็นเมิ่งเข่อเฟยยังนอนอยู่บนเตียงไม่ขยับ จึงพูดพึมพำออกมา “เฟยเฟยเจ้าหมูขี้เกียจ นึกไม่ถึงว่าเธอจะขี้เซากว่าฉันอีกนะ”

พูดจบ เธอก็ถอดรองเท้าปีนขึ้นเตียงไปผลักร่างเมิ่งเข่อเฟย

“เฟยเฟย ตื่นได้แล้ว!”

“อื้อ” เมิ่งเข่อเฟยร้องออกมาเบาๆ จากนั้นก็ลืมตามองไปทางถางหยวนหยวนด้วยท่าทางงัวเงียสะลึมสะลือ

“หยวนหยวน?”

“ตื่นแล้ว เธอยังง่วงอยู่หรือเปล่า? พวกเราเตรียมจะออกไปปิกนิกกัน วันนี้หลังจากที่ออกไปเย็นนี้ก็ว่าจะไปตั้งแคมป์นอนกันที่บนยอดเขา น่าสนุกมากเลยนะ เธอจะไปกับพวกเราด้วยหรือเปล่า?”

เมิ่งเข่อเฟยนึกไม่ถึงเลยว่าจะตั้งแคมป์กัน ในใจก็เกิดอาการตื่นตกใจออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ลุกขึ้นมานั่ง “พวกเราไปกันหรอ?”

“อืม พี่ชายพาพวกเราไป”

เมิ่งเข่อเฟยรับรู้ได้ว่าตรงหน้าประตูยังมีเงาร่างคนคนหนึ่งอยู่อีก ตอนที่เธอมองเข้าไปหานมู่จื่อก็เผยรอยยิ้มออกมา มองเธอมาด้วยสายตาอันอ่อนโยน

“ไปด้วยกันเถอะหนู”

เมิ่งเข่อเฟยพยักหน้าออกมาเล็กน้อย “ได้ค่ะ”

ไหนๆเธอก็มาแล้ว ถ้าตอนนี้บอกไปว่าไม่ไป อย่างนั้นมันจะไม่ดูไม่เข้าพวกอย่างเห็นได้ชัดเลยหรือไง?

จากนั้นเมิ่งเข่อเฟยก็ได้เปลี่ยนชุดที่ตระกูลเย่เตรียมเอาไว้ให้เธอ จากนั้นก็ออกจากบ้านไปพร้อมกับถางหยวนหยวนกับเสี่ยวโต้วหยา ยู่ฉือยี่ซูก็ได้สตาร์ทรถรอพวกเธออยู่ที่ด้านนอกแล้ว ชายหนุ่มร่างสูงขายาวได้นั่งอยู่บนที่นั่งคนขับด้วยความเย็นชาอย่างนั้น สวมหมวกกันแดดและแว่นกันแดด ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น สันกรามที่ดูเพอร์เฟคและทั้งยังดูเย็นชาออกมา

หล่อมากจริงๆ เมิ่งเข่อเฟยคิด

“พี่ชาย!”

ถางหยวนหยวนได้เป็นคนที่เข้าไปหาเขาคนแรกๆ จากนั้นก็แนบลงไปตรงหน้าต่างยื่นหัวเข้าไปชนเข้ากับหมวกของยู่ฉือยี่ซู ท่าทางที่ดูไร้เดียงสานี้เองได้ทำเอายู่ฉือยี่ซูรู้สึกขบขันขึ้นมา นิ้วชี้ก็ได้ดีดลงไปบนหน้าผากของเธอไปเบาๆ

“โง่หรือไง?”

“ฮิฮิ” ถางหยวนหยวนเอ่ยถามออกมาอย่างโง่งม “พี่ชาย ฉันนั่งที่นั่งข้างคนขับได้หรือเปล่า?”

“อืม ได้สิ แต่เดี๋ยวจะต้องไปรับฉู่เฟิงมาด้วย ถึงตอนนั้นฉันจะต้องเปลี่ยนไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ”

“งั้นตอนนั้นฉันนั่งบนตักพี่ชายได้หรือเปล่า!?”

ถางหยวนหยวนถึงแม้ว่าจะเป็นนักเรียนม.ปลายแล้ว แต่โลกของเธอก็มีแค่กินกับนอน แล้วยังมีพี่ชายด้วยสามอย่างนี้ ดังนั้นแล้วจึงไม่ได้มีความระวังเรื่องระหว่างชายหญิงอยู่เลยสักนิด

แต่หลังจากที่ยู่ฉือยี่ซูได้ยินคำพูดของเธอแล้ว มุมปากก็กระตุกออกมาเล็กน้อย จากนั้นก็ได้เอ่ยออกไปอย่างใจเย็น “ไม่ได้อยู่แล้ว”

“ทำไมกันล่ะ?” ถางหยวนหยวนก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมาทันที ดวงตาก็เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาออกมา “พี่ชายไม่ชอบหยวนหยวนใช่มั้ย? ก็เลยไม่ตกลง?”

“แน่นอนว่าไม่ใช่อยู่แล้ว” ยู่ฉือยี่ซูอธิบายออกไปอย่างจนใจ “เป็นเพราะว่าที่ว่างตรงที่นั่งข้างคนขับมันเล็กเกินไป นั่งด้วยกันมันไม่สะดวก”

หลังจากที่พูดอธิบายออกไปจนจบก็ได้พบว่าดวงตาของถางหยวนหยวนแดงก่ำออกมา เขายื่นมือออกไปหยิกแก้มขาวๆที่ฝาดแดงและทั้งกลมอวบอิ่มของเธอเบาๆ “ทำไม ฉันยังไม่ทันได้พูดจบเธอก็จะร้องไห้ออกมาแล้ว? เธอเป็นตัวขี้แยน้อยหรือไง?”

ได้ยินคำเรียกที่ว่าตัวขี้แยน้อยนี้แล้ว น้ำตาที่อยู่ในดวงตาของถางหยวนหยวนก็ได้ถูกเก็บกลั้นกลับไปทันที พร้อมเอ่ยออกไปด้วยความฉุนเฉียว “ฉันไม่ใช่ตัวขี้แยน้อยสักหน่อย พี่ชายนิสัยไม่ดี”

ยู่ฉือยี่ซูทำได้เพียงลงจากรถไป อ้อมไปอีกฝั่งเพื่อเปิดประตูรถให้กับเธอ “เอาเถอะ รีบเข้ามาเถอะ”

เด็กสาวไม่ได้คิดอะไรมากมาย ถางหยวนหยวนรีบวิ่งวุ่นเข้าไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เข้าไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับภายใต้เงื้อมมือของยู่ฉือยี่ซู จากนั้นยู่ฉือยี่ซูก็ช่วยคาดเข็มขัดนิรภัยให้กับเธอ

“ตอนนี้พอใจแล้วหรือยัง ยัยปีศาจน้อย?”

“ขอบคุณค่ะพี่ชาย!” ถางหยวนหยวนส่งรอยยิ้มสดใสไปทางยู่ฉือยี่ซู ภายในใจก็กระโดดโลดเต้นจนนิ้วมือเล็กๆเอาแต่ทำมือหมุนวนไปรอบๆไม่หยุด

เมิ่งเข่อเฟยที่อยู่ไม่ไกลมองภาพฉากนี้ อดไม่ได้ที่จะหลุดพูดออกไปกับเสี่ยวโต้วหยา “พวกเขาดีกันขนาดนี้ตลอดเลยหรอ?”

เสี่ยวโต้วหยาพยักหน้าออกมา เอ่ยออกไปอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร “ใช่แล้ว พี่หยวนหยวนโตมาด้วยกันกับพวกเราตั้งแต่เด็กแล้ว พี่ชายก็เห็นเธอเหมือนกับเป็นน้องสาวแท้ๆของเขา”

“แต่ ถึงยังไงก็ไม่ได้เกี่ยวข้องทางสายเลือดนี่ จะเห็นเป็นน้องแท้ๆไปได้ยังไงกันล่ะ?”

เสี่ยวโต้วหยาครุ่นคิดอยู่แวบนึง พูดออกมาเหมือนกับถางหยวนหยวนไม่มีผิดเพี้ยน

“ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่น้องสาวแท้ๆ แต่ความสัมพันธ์นั้นชิดเชื้อเสียยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆเสียอีก”

“เธอ…ไม่อิจฉาหรอ?” เมิ่งเข่อเฟยมองเสี่ยวโต้วหยาที่อยู่ตรงหน้าไปด้วยความลังเล เพราะถึงยังไงเธอต่างหากที่เป็นน้องสาวแท้ๆของยู่ฉือยี่ซู เห็นพี่ชายของตัวเองดีกับผู้หญิงคนอื่นขนาดนี้ เธอไม่รู้สึกถึงความไม่เท่าเทียมเลยหรือไง?

“อิจฉา?” เสี่ยวโต้วหยากะพริบตาปริบๆออกมา “ทำไมฉันจะต้องอิจฉาด้วย? ฉันเองก็ชอบพี่หยวนหยวนเหมือนกัน พี่หยวนหยวนดีกับฉันมาก มีอะไรกินก็จะนึกถึงฉันเสมอ เสี่ยวโต้วหยาเองก็อยากดีกับพี่เขาเหมือนกัน แต่ทุกครั้งก็ไม่มีโอกาสเลย ดังนั้นแล้วก็เลยมีพี่ชายที่ดีกับพี่หยวนหยวนแทนฉัน เสี่ยวโต้วหยาก็มีความสุขมากเลย”

ฟังมาจนถึงตรงนี้ เมิ่งเข่อเฟยเอ่ยยิ้มๆออกมาอย่างปล่อยวาง “เธอคิดถูกแล้ว”

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset