เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 1675 การเจอหน้ากันที่ร้านชาบูหม้อไฟ

บทที่ 1675 การเจอหน้ากันที่ร้านชาบูหม้อไฟ

ตั้งแต่ได้พบเจอจงหย่งหรันที่ร้านตั้งแต่ครั้งแรกแล้วนั้น

ถางหยวนหยวนออกไปซื้อของ แถมยังพบเจอเขาได้บ่อยครั้ง เช่นจางเสี่ยวลู่พลันพูดว่าอยากดื่มน้ำผลไม้รสมะม่วงพวกนั้นที่ร้านอยู่หน้าประตูโรงเรียน เลยให้เธอช่วยซื้อกลับมาให้

ทันใดนั้นถางหยวนหยวนออกไปซื้อก็ได้เจอกับจงหย่งหรัน ผลลัพธ์คือจงหย่งหรันก็ช่วยจ่ายให้เธออีกแล้ว

ตัวอย่างเช่น ทุกคนอยากกินชาบูหม้อไฟ ก็จะเจอจงหย่งหรัน แถมประจวบเหมาะกับทางร้านไม่มีที่นั่ง ดังนั้นทุกคนเลยต้องมานั่งเบียดกันอยู่โต๊ะเดียว

เดิมทีถางหยวนหยวนอยากจะกินชาบูแบบ 2 ช่อง แต่รุ่นพี่จงหย่งหรันสั่งเป็นซุปน้ำใสมาแทน

“รุ่นพี่นี่ช่างเอาใจใส่มากเลย รู้ว่าหยวนหยวนของพวกเรานั้นไม่กินเผ็ด เลยจงใจสั่งแบบซุปใสมา ไอ้หยาช่างอบอุ่นจริงๆ เลย”

“ใช่ๆ รุ่นพี่ที่แสนดีขนาดนี้จะไปหาที่ไหนได้นะ?”

จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันสวมกอดถางหยวนหยวนเอาไว้ แถมยังช่วยพูดให้จงหย่งหรัน ทุกอย่าง ส่วน จงหย่งหรันกลับเงียบขรึม มุมปากมีแต่รอยยิ้มเล็กน้อย

ส่วนถางหยวนหยวนนั้นเขินอายจนไม่ไหว เพราะว่าเธอรับรู้ความรู้สึกได้ว่าจางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันจงใจจับคู่ให้เธอกับจงหย่งหรัน

ในใจของเธอนั้นมีการปฏิเสธเล็กน้อย แต่ว่าอยากจะทดสอบในสิ่งที่ทุกคนพูดออกมา ว่าตนเองนั้นไม่ใช่คนที่สัมผัสกับผู้ชายน้อยเกินไป เพราะฉะนั้นในใจสามารถพูดได้ว่าเป็นคนสองขั้วความคิด

ทุกคนกินชาบูหม้อไฟไปได้ครึ่งหนึ่ง จางเสี่ยวลู่ก็รับโทรศัพท์ จากนั้นก็จ้องจะขอกลับก่อนกับหยวนเย่าหันท่าเดียว ทั้งสองคนส่งสัญญาณผ่านสายตาจากนั้นก็ลุกขึ้นยืน

“หยวนหยวน เราสองคนมีเรื่องอื่นที่ต้องไปจัดการ แกกับรุ่นพี่ค่อยๆ กินอยู่ที่นี่กันไปก่อนนะ”

“ห๊ะ? มีเรื่องอะไร?” ถางหยวนหยวนก็ลุกขึ้นยืนตาม “ไม่งั้นฉันไปกับพวกแกด้วยดีไหม?”

“ไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โตอะไร” หยวนเย่าหันเอื้อมมือออกไปพร้อมทั้งกดไหล่ของถางหยวนหยวนเอาไว้ เพื่อให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้ พร้อมทั้งหันไปมองจงหย่งหรันพร้อมทั้งกระตุกมุมปาก “รุ่นพี่หย่งหรัน หยวนหยวนของเราก็ยกให้พี่แล้วนะ ต้องดูแลเธอให้ดีๆนะ ไม่งั้นพวกเราจะมาคิดบัญชีกับพี่ทีหลัง”

หลังจากที่ทั้งสองคนพูดกำชับไว้เรียบร้อยแล้วก็เดินออกไปอย่างร้อนรน

มุมปากของถางหยวนหยวนอดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้น เพราะรู้สึกเขินอายอยู่มาก

“ไม่ต้องตื่นเต้น” เหมือนว่าจงหย่งหรันเองก็มองออกว่าในใจของเธอนั้นเขินอายมาก มุมปากค่อยๆ กระตุกรอยยิ้มเล็กน้อย “พวกเธอก็แค่หวังดี แต่ถ้าคุณไม่ยินยอม ก็ทำเหมือนว่าทำความรู้จักกันอย่างฉันเพื่อนธรรมดา”

เพื่อนธรรมดา?

เมื่อได้ยินคำเรียกเช่นนี้ ถางหยวนหยวนถอนหายใจทันที “ได้”

เมื่อได้ยินแล้ว มือของจงหย่งหรันที่กำลังขยับอยู่พลันค้างเติ่งเล็กน้อย ประมาณการว่าไม่คิดว่าเธอจะตอบตกลงได้เร็วขนาดนี้ “ตอบตกลงได้ไม่ลังเลสักนิดเลย มันช่างทำร้ายหัวใจฉันจริงๆ”

“ห๊ะ?” ถางหยวนหยวนผงะทันทีเพราะไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไรดี “ขอโทษค่ะรุ่นพี่ ฉันก็แค่ ….”

“พอแล้ว คุณไม่ต้องอธิบายแล้ว พวกเราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน รุ่นพี่ก็ไม่มีความหมายอื่นใด อย่ากดดันเลย ได้ไหม?”

ถางหยวนหยวนพยักหน้าอย่างเบื่อหน่าย แม้ว่าปากก็พูดออกมาว่าเป็นเพื่อนกันตามปกติ แต่ว่าการที่จงหย่งหรันคอยมาคีบผักให้เธอทุกสิ่งทุกอย่างนั้น มื้อนี้สามารถพูดได้เลยว่าคอยดูแลเธอมาโดยตลอด ส่วนเขาก็แทบไม่ได้กินอะไรมากมายเลยด้วยซ้ำ

เธอกินได้อย่างไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองนัก พลันคิดถึงยู่ฉือยี่ซูทันที

ถ้าวันนี้คนที่มากินชาบูหม้อไฟเป็นเพื่อนกับเธอเป็นพี่ชายก็คงดี

เมื่อคิดถึงพี่ชาย ถางหยวนหยวนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา ทั้งสองคนนานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้เจอหน้ากันแล้ว? เหมือนว่าตั้งแต่ต้นเทอมนี้เลย ถางหยวนหยวนก็ไม่ค่อยอยากจะเจอเขา ส่วนยู่ฉือยี่ซูนั้นก็ยุ่งมาก ปกติก็ไม่มีเวลามาหาเธอเลย ไม่ง่ายเลยที่จะว่างบ้าง พอมีเวลาให้ ถางหยวนหยวนก็ไม่อยากจะเจอเขาซะนี่

ดังนั้นทั้งสองคนตั้งแต่ต้นเทอม จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้เจอหน้าเจอตากันเลย

ก็สามารถพูดได้ว่าถางหยวนหยวนนั้นคอยหลบหน้าเขาอยู่ตลอด

“อะไร? พวกเราถ่อกันมาตั้งไกลอย่างยากลำบากขนาดนี้ ไม่มีที่นั่งอีกแล้ว?”

“ไม่ใช่มั้ง? ทุกวันก็แบบนี้ ไม่มีที่นั่งทุกวันเลย แถมยังจองไม่ได้ด้วย ร้านของพวกคุณนี่มันช่างทรมานคนเสียจริง?”

“ขอโทษทั้งสองท่านด้วย ร้านทางเราพอตกเย็นคนก็มากมายจริงๆ หรือว่าพรุ่งนี้ทั้งสองคนค่อยมาอีกทีให้เช้าสักหน่อย แบบนี้ดีไหม?”

“จะทำงั้นได้ไง? เช้าตรู่ใครจะมากินชาบูหม้อไฟกัน ไม่ใช่ว่ากินกันตอนกลางคืนหรอกเหรอ? ไม่มีที่นั่งพวกคุณก็ไม่สามารถหาเก้าอี้มาเพิ่มไหม? เฮ้อ จริงๆ เลย”

ถางหยวนหยวนเหมือนว่าได้ยินเสียงอันคุ้นเคยของใครบางคน ตอนที่เธอหันศีรษะกลับไปมอง ก็เห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมห้องสองคนของพี่ชายที่เคยเจอหน้ากันมาก่อน

ทว่าก็แค่เคยเจอหน้ากันครั้งเดียว เลยไม่ค่อยสนิท ดังนั้นถางหยวนหยวนเลยไม่กล้าจะทักทายพวกเขา

ทว่าหนึ่งในนั้นพลันมองมาทางนี้พลันสบตาเข้ากับถางหยวนหยวนพอดี

“หือ? นั่นไม่ใช่น้องสาวของยู่ฉือยี่ซูเหรอ?”

จากนั้นอีกคนก็หันมามองทางถางหยวนหยวนทันที “ใช่จริงๆ ด้วย น้องสาวของยู่ฉือยี่ซู ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

“สวัสดีค่ะพี่ชายทั้งสองคน”

ถางหยวนหยวนลุกขึ้นยืนพลันเริ่มทักทายทั้งสองคนนั้นทันที ทั้งสองคนเดินมาหาแล้วเลยเห็นว่าบนโต๊ะนั้นยังมีเด็กชายอีกคนอยู่ แถมยังใส่แว่นตาดูช่างเรียบร้อยมาก ดูเหมือนว่าน่าจะเป็นเพื่อนร่วมห้องของถางหยวนหยวน

“น้องสองของยี่ซู กำลังนั่งกินชาบูหม้อไฟกับเพื่อนเหรอ?”

ทั้งสองคนเริ่มทักทายจงหย่งหรันก่อน จากนั้นจงหย่งหรันก็ลุกขึ้นยืน ถางหยวนหยวนทำได้แต่แนะนำพวกเขาให้รู้จักกัน “รุ่นพี่คะ นี่คือเพื่อนของพี่ชายของฉัน สวัสดีค่ะพี่ชายทั้งสองคน นี่เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเดียวกับฉันค่ะ”

จงหย่งหรันยิ้มให้พวกเขาเล็กน้อย “พี่ชายทั้งสองกำลังหาที่นั่งอยู่ใช่ไหม หรือว่านั่งกับเราไหม?”

เพราะว่าโต๊ะนี้เดิมเป็นหกที่นั่ง ก่อนหน้านี้จางเสี่ยวลู่กับหยวนเย่าหันยังนั่งอยู่ด้วย ดังนั้นพวกเขาเลยต้องการที่นั่งที่ค่อนข้างกว้างขวางอยู่ แต่เพราะว่าทั้งสองคนหายไปดื้อๆ กลางคัน ดังนั้นเลยยังมีสี่ที่นั่งที่ยังคงว่างอยู่

“ได้สิ พวกคุณไม่ถือสาก็พอ”

“ไม่ถือสาว่าอะไรหรอก”

เมื่อนั่งลงแล้ว จงหย่งหรันให้พนักงานเอาถ้วยกับตะเกียบมาใหม่อีก 2 ชุด

เดิมทีถางหยวนหยวนนั่งก็ไม่ค่อยสุขใจสักเท่าไหร่ อยู่ดีๆ ก็มีคนมาเพิ่มอีกสองคน ถึงแม้ว่าจะเป็นทั้งสองคนจะเพื่อนของพี่ชายก็ตาม แต่ถางหยวนหยวนก็ไม่ได้สนิทกับพวกเขาเลยสักนิด ดังนั้นในใจเลยรู้สึกอึดอัดมาก

หนึ่งในนั้นเมื่อสั่งอาหารเสร็จแล้ว พลันลุกขึ้นยืน “ฉันไปห้องน้ำแป๊บหนึ่ง”

ทว่าเมื่อเขาเดินออกไปแล้วก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหายู่ฉือยี่ซูาทันที

แม้ว่าเจียงหยู่กับยู่ฉือยี่ซูเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน แต่ว่าโดยปกติแล้วไม่มีเรื่องอะไรก็ไม่เคยโทรศัพท์หากัน ทว่าครั้งนี้ที่โทรศัพท์ไปหายู่ฉือยี่ซูก็เป็นเพราะว่าถางหยวนหยวน

หลังจากรอคนรับสายแล้ว มีเสียงเย็นชาของยู่ฉือยี่ซูดังออกมาจากปลายสาย

“มีเรื่องอะไร?”

“ยี่ซู~” เจียงหยู่อดไม่ได้ที่จะลากเสียงยาว “วันนี้ฉันมากินชาบูหม้อไฟกับยี่หัวเซิง นายลองเดาสิว่าพวกเราไปเจอกับใคร?”

ฝั่งทางนั้นเคร่งขรึมลงชั่วครู่ ไม่มีท่าทีที่ต้องการคาดเดาแต่อย่างใดออกมา

“ยี่ซู นายรีบทายมาเร็ว?”

“ทางนี้ฉันยุ่งมาก ถ้านายไม่มีเรื่องอื่นแล้วละก็ งั้นฉัน ….”

“เราเจอน้องสาวของนาย! คิดไม่ถึงเลยใช่ไหม?”

อีกฝั่งตะลึงทันที “น้องสาวฉัน?”

“ใช่ ก็คือคนที่เคยมาที่ห้องพักของพวกเราคนนั้นไง?”

การที่มาเจอถางหยวนหยวนในร้านชาบูหม้อไฟนั้น เหมือนว่ามันก็ไม่มีอะไรที่แปลกประหลาดไปนี่ ยู่ฉือยี่ซูก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะว่าปกติเธอก็เป็นเด็กน้อยสายกินอยู่แล้ว

แต่ว่า ระยะนี้เธอจงใจหลบหน้าเขามาโดยตลอด เรื่องนี้มันทำให้จิตใจของยู่ฉือยี่ซูใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

“อืม”

“ฉันจะบอกนายให้นะยี่ซู ตอนนี้น้องสาวของนายสวยมากกว่าเดิมตั้งเยอะ จนเริ่มมีคนมาตามจีบเธอแล้วเนี่ย ส่วนเด็กหนุ่มที่มากินชาบูหม้อไฟกับเธอนั้นค่อนข้างดูแลเอาอกเอาใจใส่เธออยู่ตลอดเวลา”

“นายพูดว่าอะไรนะ?”

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset