เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 199 เธออะไรก็ไม่ใช่

บทที่ 199 เธออะไรก็ไม่ใช่

เธอ………ถูกเขาเห็นเข้า

ครั้งนี้เธอรู้สึกอายจริงๆ

คุณคิดว่าฉันไร้เดียงสาแล้วทำไมคิดว่าฉันยั่วคุณอีกล่ะ? ลงไป เสิ่นเฉียวผลักร่างกายที่หนักอึ้งของเขา จู่ๆก็คิดถึงท่าที่เขาขึ้นเตียงด้วยตัวเองเมื่อกี้ เห็นได้ชัดว่าว่องไวมาก

งั้นเมื่อก่อนเขา

คิดถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวเบิ่งตากว้างมองคนที่ทับอยู่บนร่างของเขา

“ทั้งๆที่คุณสามารถขึ้นเตียงด้วยตัวเอง แล้วทำไมเมื่อก่อนคุณ……….”

เย่โม่เซินนัยน์ตาเต็มไปด้วยความขี้เล่น “ทำไม? ผมสามารถขึ้นไปบนเตียงได้ด้วยตนเอง งั้นผมก็จำเป็นที่จะต้องเสียแรงขึ้นเองเหรอ?

ที่พูดก็ถูก เขาสามารถทำเองได้ แต่ก็ทำเป็นแกล้งเธอว่าเขาขึ้นเองไม่ได้

แต่ว่า การเคลื่อนไหวของเขาว่องไวเกินไปไหม? ไม่เหมือนคนที่เป็นอัมพาตจะทำออกมาได้?

เสิ่นเฉียวเริ่มสงสัย สายตาไปจ้องมองที่ขาของเขา

“คุณไม่คิดเหรอว่าผมเป็นอัมพาตมาหลายปี เรื่องแค่นี้จะเรียนรู้ไม่เป็นหรือไง?”

เสิ่นเฉียวอึ้งไปชั่วขณะ รู้สึกว่าที่เขาพูดก็มีเหตุผล คนที่เป็นอัมพาตนานแล้ว ก็ต้องคิดหาเทคนิคช่วยตัวเอง เธอไม่ควรที่จะไปสงสัยเขา

เพราะเรื่องขาของเขา จึงทำให้เสิ่นเฉียวลืมว่าตัวเองกำลังอยู่ในที่ที่อันตรายแค่ไหน รอจนกว่าเธอคิดทำความเข้าใจแล้วนั้น พบว่าเย่โม่เซินยังอยู่บนร่างกายของเธอ

“เย่โม่เซิน คุณปล่อยฉัน ฉันจะลงไป” เธอพยายามผลักเขา เย่โม่เซินยิ้มยกมุมปาก “ขึ้นมาแล้วอย่าหวังว่าจะได้ลงไปเลย นอนที่นี่อย่างดีๆ หากคุณยังคิดไม่ซื่ออีก ผมไม่ถือสาที่จะทำสิ่งที่ผมยังทำไม่เสร็จเมื่อคืน”

พูดจนถึงสุดท้าย ริมฝีปากของเย่โม่เซินก็ได้เคลื่อนไปที่ข้างหูของเธอ กัดลงหูที่อ่อนนุ่มของเธอ

“คุณก็รู้ว่า ว่าผมไม่ใช่สุภาพบุรุษอะไร”

ความร้อนของลมหายใจทำให้เสิ่นเฉียวสั่นสะท้าน คอเธอหดลงโดยสัญชาตญาณ รู้ความหมายของเขาแน่นอน

ความรู้สึกของเมื่อคืนยังตกค้างอยู่ และมันมากเสียด้วย รับรู้โดยธรรมชาติว่าเขาเข้ามาแล้วก็ออกไป

คิดมาถึงตรงนี้ เสิ่นเฉียวก็ไม่ได้พูดอีกเลย

เย่โม่เซินพลิกตัวลง นอนอยู่ข้างกายเธอ พอดีอยู่ด้านหน้าเธอ

ภายใต้แสงไฟที่สลัว ทั้งสองนอนสบตากัน ลมหายใจรวมเป็นหนึ่งเดียว ทำให้บรรยากาศที่โรแมนติกมีเสน่ห์ขึ้นเล็กน้อย

เสิ่นเฉียวกะพริบตา ใจเต้นเร็วเล็กน้อย จากนั้นเธอก็ขยับแขนขา คิดจะค่อยๆพลิกตัวหนี เป็นเพราะควบคุมแรงไม่ดีพอ บวกกับระยะห่างของทั้งสองที่ใกล้กันมาก การขยับของเขาทำให้จูบลงไป ริมฝีปากที่เย็นของเย่โม่เซิน

หยุดหายใจทันที

เสิ่นเฉียวจ้องมองไปเย่โม่เซินที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม การหายใจหยุดลงทันที เธอ………ทำอะไรน่ะ?

อึ้งไปห้าวินาทีเต็ม เสิ่นเฉียวถึงได้รู้ตัว สายตาสับสนอยากที่จะถอยหลัง

ขณะที่เธอถอยหลังนั้น เย่โม่เซิน ที่สงบนิ่งและไม่เคลื่อนไหวมาโดยตลอดจู่ ๆ ก็เอื้อมมือมาจับด้านหลังศีรษะของเธอ โน้มตัวเป็นผู้รุกจูบเธอ

เสิ่นเฉียวยื่นมือไปบังไว้ที่ระหว่างกลางของเขาทั้งสอง เบิ่งตากว้างมองดูเย่โม่เซิน

เสียงทุ้มต่ำดังมาจากระหว่างริมฝีปากและฟันของเขาทั้งสอง

“คุณเป็นฝ่ายรุกก่อนนะ”

“ฉัน……..”

เสิ่นเฉียวอยากอ้าปากอธิบาย ทำให้เย่โม่เซินมีโอกาส ใช้ลิ้นสอดลึกเข้าไปสัมผัสกับลิ้นของเธอโดยตรง เธอถอยเขารุก เธอเฝ้ารอการรุกรานที่ดุเดือดของเขา

สุดท้าย เสิ่นเฉียวก็ยอมศิโรราบ ใช้มือไปจับที่คอของเขาโดยสัญชาตญาณ

ทั้งสองจูบกันราวกับว่าไม่อยากจะแยกจากกัน อุณหภูมิในห้องและบนร่างกายทวีความร้อนขึ้นอย่างไม่ลดละ เสิ่นเฉียวจำไม่ได้แล้วว่าวันนี้มันวันอะไรกันแน่

กริ๊งๆๆ

จู่ๆเวลานี้ เสียงโทรศัพท์ได้ดังขึ้นมา ทำให้ไฟที่ลุกอยู่ของทั้งสองถูกตัดขาด

เสิ่นเฉียวมีสติขึ้นมาทันที ถึงพบว่าตัวเองได้จูบกับเย่โม่เซินแล้ว เธอตกตะลึงจนอยากจะกระโดดหนี เย่โม่เซินทำราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่ดังยังคงดูดริมฝีปากของเธออย่างต่อเนื่องดูดแล้วดูดอีก

“เย่โม่เซิน……..”เสิ่นเฉียวกลัวจนอยากหลบการจูบของเขา

“คุณ เสียงโทรศัพท์คุณดัง!”

เย่โม่เซินก็ยังคงไม่สนใจ

เสิ่นเฉียวเริ่มใจเย็นลง: “เย่โม่เซิน!”

“ไม่ต้องสนใจ” เขาพูดด้วยเสียงต่ำ

เย่โม่เซินทิ้งความพูดประโยคนี้แล้วก็ไม่สนใจเธอ เสิ่นเฉียวร้อนใจแทบแย่ แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง เสิ่นเฉียวทำได้เพียงพูดว่า: “โทรศัพท์คุณดังอีกแล้ว อาจจะมีเรื่องด่วนก็ได้?”

เธอตื่นเต็มตา เมื่อกี้สับสนหลงใหลไม่รู้เลยว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น

โทรศัพท์ยังคงดังต่อเนื่อง ไม่จบไม่สิ้น ราวกับว่ามีเรื่องด่วนมาก

ในที่สุดเย่โม่เซินก็อดไม่ได้ที่จะด่าแล้วลุกขึ้น จากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา รับสายด้วยใบหน้าที่มืดมน

“คุณชายเย่ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”

เย่โม่เซินมองเสิ่นเฉียวแวบหนึ่ง เม้มริมฝีปากและพูดอย่างเย็นชา: “คุณควรอธิษฐานไว้ว่ามันเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ ไม่งั้นละก็………”

คำพูดเขายังพูดไม่ทันจบ เสิ่นเฉียวมองดูสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเย่โม่เซิน แล้วหรี่ตาลงอย่างอันตราย: “เรื่องจริง?”

หลังจากนั้นเย่โม่เซินก็วางสาย เขากดมือลงไปราวกับว่าจะลงจากเตียง และตระหนักอะไรได้บางอย่าง เขาหันหน้ามาด้วยสายตาที่สับสนมองดูเสิ่นเฉียวแวบหนึ่ง ทันใดนั้นจับคางเธอมาก้มหน้าลงจูบเธออย่างแรง “รอผมกลับมา”

แล้วดึงผ้าห่มที่อยู่ข้างๆมาห่มให้เธอ

เสิ่นเฉียวอึ้งไปทั้งร่าง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

รอจนกว่าเธอรู้ตัวนั้น เย่โม่เซินได้ออกไปจากห้องนอนแล้ว ในอากาศยังลอยด้วยกลิ่นตัวที่ร้อนแรงของเขา

น่าจะเป็นเซียวซู่ที่โทรมาหาเขา เหมือนจะมีเรื่องด่วนอะไร

ไม่อย่างนั้น………สีหน้าของเย่โม่เซินถึงได้เปลี่ยนกะทันหันแล้วจากไป?

ในใจเสิ่นเฉียวสงสัยเป็นอย่างมาก คาดเดาว่าจะเกี่ยวข้องกับผู้ชายที่เย่โม่เซินตามหาก่อนหน้านั้นหรือเปล่า? เขาเหมือนกับกำลังตามหาใครสักคน

พลิกตัวนอน เสิ่นเฉียวคิดว่าคนที่เขากำลังตามหาอาจเป็นผู้หญิง ในใจ … รู้สึกไม่ดีกับมันเลยจริงๆ

แต่ไหนแต่ไร เย่โม่เซินก็เยือกเย็นมาตลอด ไม่สนใจว่าใครจะเป็นหรือจะตาย เธอปฏิบัติต่อผู้หญิงคนอื่นราวกับว่ามองไม่เห็น ผู้หญิงที่ทำให้เขาร้อนใจได้เพียงนี้ น่าจะเป็นคนที่สำคัญแน่เลย

เสิ่นเฉียวจับผ้านวมแน่ๆไว้ในมือโดยไม่รู้ตัว เธอพบว่าไฟแห่งความหึงกำลังแล่นมาจากท้องน้อยแล้วแล่นขึ้นมาข้างบนเรื่อยๆ แทบจะเผาร่างทั้งร่างของเธอให้มอดไหม้

อิจฉา…….

ทำไม? เสิ่นเฉียว เธอคิดว่าเธอมีสิทธิ์มีความรู้สึกแบบนี้เหรอ?

เขาแค่มองหาคนที่เขาให้ความสำคัญ แต่เธอ……..อะไรก็ไม่ใช่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset