เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 377 ทำไมคุณกลายเป็นคนไม่มีเหตุผลขนาดนี้

บทที่ 377 ทำไมคุณกลายเป็นคนไม่มีเหตุผลขนาดนี้

ปกติแล้วเย่โม่เซินก็ไม่ใช่คนที่รังแกได้ง่ายๆ

แต่ฝ่ายตรงข้ามเป็นน้าแท้ๆของเขา เป็นญาติผู้ใหญ่

อีกทั้งญาติผู้ใหญ่คนนี้ยังไม่ค่อยเหมือนญาติผู้ใหญ่ทั่วไป เย่โม่เซินรู้สึกปวดหัวจริงๆ

“รออยู่ที่นี่แหล่ะ ฉันดูแล้ววันนี้แกก็ไม่มีเรื่องอะไรต้องทำแล้ว ตอนเย็นออกไปพบหน้ากันเลย”

เย่โม่เซินรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ พูดด้วยความเข้มขรึม: “ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“อะไร?” ส้งอานตกใจกับคำถามนี้สักพัก: “หมายความว่าไง?”

“น้ากลายเป็นคนไม่มีเหตุผลขนาดนี้”

เย่โม่เซินเงยหน้าขึ้น สายตามองไปที่หน้าของส้งอานตรงๆ ลูกตาของเขาขาวดำแยกแยะออกได้ชัด อารมณ์บนสีหน้าก็ชัดเจน ดูออกว่าเขาไม่พอใจกับแผนการที่ส้งอานวางไว้ให้

ส้งอานตะลึงไปสักพัก ท่าทางเหมือนคิดไม่ถึงว่าเย่โม่เซินจะว่าตนเองเช่นนี้ ดังนั้นจึงตะลึงจนตอบไม่ถูก

รอจนหลังจากที่เธอรู้สึกตัว อดใจไม่ไหวที่จะหัวเราะด้วยเสียงที่เย็นชา

“ทุกวันนี้ยิ่งนานวันแกปีกกล้าขาแข็งขึ้นแล้วนะ กล้าว่าน้าของแกไม่มีเหตุผลด้วย? ทุกวันนี้แกโตแล้ว น้าพูดอะไรแกคงจะไม่สนใจแล้วใช่ไหม?”

พูดถึงตรงนี้ สีหน้าบนใบหน้าของส้งอานดูไม่ออกว่าเป็นอารมณ์ไหน แต่ดูแล้วว่าเศร้ามาก

ความรู้สึกของเย่โม่เซินก็เครียดเหมือนกัน ที่จริงแล้วหลายวันมานี้เขาอารมณ์ไม่ดีเลยสักนิด ตอนนี้ญาติที่อยู่ข้างกายของเขา มีแต่น้าเล็กเพียงคนเดียว

นึกถึงแบบนี้แล้ว เย่โม่เซินหลับตาลงและถอนหายใจ ไม่พูดอะไรอีก

“ก็ได้ ไม่มีเหตุผลก็ไม่มีเหตุผล ยังไงวันนี้แกก็ต้องไป!”

เย่โม่เซินไม่พูดอะไรอีกและไม่ต่อต้านเธออีก

ส้งอานรู้ ว่าเขาเงียบๆเช่นนี้ แสดงว่ายอมแล้ว ในที่สุดเธอก็วางใจได้สักที

ถึงแม้ว่าวันนี้เย่โม่เซินจะรู้สึกว่าเธอยุ่งเรื่องไม่มีเหตุผล ก็ปล่อยให้เขาคิดไปเถอะ

*

“อันนี้ อันนี้กับอันนี้จับคู่กัน อืม มันต้องเพิ่มน้ำแกง”

พนักงานทำอาหารที่บริษัทตระกูลหานจ้างมาได้เขียนรายการอาหารทั้งอาทิตย์ เสี่ยวเหยียนเอามาให้หานมู่จื่อตรวจสอบดู

หลังจากที่หานมู่จื่อตรวจดูแล้วก็พยักหน้า รู้สึกว่าใช้ได้จึงแก้ไขเล็กน้อย จากนั้นยื่นให้เสี่ยวเหยียน

“ทุกอาทิตย์แกงจะไม่เหมือนกัน มู่จื่อ แกคิดว่าราคาควรจะตั้งยังไงดี?”

“พ่อครัวคนนี้น่าจะมีประสบการณ์มากกว่าเรา ให้เขาตั้งตามเห็นสมควรก็พอ”

“อืม” เสี่ยวเหยียนพยักหน้า เพิ่งจะหันตัวเดินออกไป

หานมู่จื่อกำลังจัดเก็บเอกสาร และบอกกับเธอก่อนที่เธอจะไปว่า: “แกลงไปชั้นสามแล้ว ไปบอกให้ทีมงานทุกคน ขึ้นมาประชุมชั้นสี่ด้วยนะ”

ได้ยินดังนั้น เสี่ยวเหยียนอ้าปากค้างและหันมามองเธอด้วยความสงสัยแปลกใจ

“ประชุม?”

หานมู่จื่อยักคิ้ว “มีปัญหาอะไรหรือ?”

“ชิ ไม่มี”

เสี่ยวเหยียนยักไหล่หดคอ จากนั้นก็เดินออกไป ยังต้องไปเรียกเธอมาประชุม รู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้

เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่มีบริษัท เธอกับหานเส่โยวสองคนอิสระมาก ตอนนี้มีบริษัทแล้ว วันหลังยังต้องคุมคนอื่นด้วย ยังต้องประชุมอีก อีกทั้งหลายวันมานี้เธอยุ่งจะตายอยู่แล้ว

ช่างเถอะ ไหนๆก็เป็นแบบนี้แล้ว ยังไงก็ต้องรีบพยายามขยันเข้าไว้

ห้องประชุม

คนที่ถูกเรียกขึ้นมาไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ แต่เพราะว่าหานมู่จื่อยังไงก็เป็นเจ้านาย ดังนั้นยังไงก็ต้องขึ้นมา

แต่ว่า……มีเพียงไม่กี่คนที่ขึ้นมา

ตอนที่หานมู่จื่อเข้ามาที่ห้องประชุมนั้นเห็นว่ามีเพียงไม่กี่คน แววตาหยุดชะงัก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เดินไปทีละก้าว

ไปที่นั่งตรงหัวโต๊ะ เสี่ยวเหยียนเดินตามหลังของเธอ บนมือถือเอกสารไว้กองหนึ่ง

เสี่ยวเหยียนมองดูแล้ว ถึงรู้ว่าคนที่มามีแต่หลี่จุ้นเฟิง ซูกั่วเอ๋อ หลินเจิงและเซียวยียี

ยังมีสามคนที่ยังไม่มา

ส่วนสามคนที่อยู่ในห้องประชุมก็แยกเป็นสามฝ่ายอย่างชัดเจน

บนหน้าของหลี่จุ้นเฟิงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แววตามองไปที่ตัวของหานมู่จื่อตลอดเวลา

วันนี้หานมู่จื่อใส่ชุดได้อย่างเป็นทางการ เสื้อเชิ้ตลายสีฟ้าขาวและกระโปรงสั้น ผมสวยๆทั้งหัวถูกเธอมัดเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง ดูแล้วรู้สึกสะอาดสะอ้านสบายตา อีกทั้งยังดูมากความสามารถ

ความสวยและรูปร่างของผู้หญิงคนนี้……ดูแล้วแต่งตัวได้ดีจริงๆ

ไม่ว่าจะเป็นแต่งหน้าแบบอ่อนๆ หรือแต่งหน้าเข้ม ก็ทำให้ดูมีความพิเศษไม่เหมือนคนอื่น

ส่วนซูกั่วเอ๋อใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบ

ส่วนอีกข้างหนึ่งก็คือหลินเจิง หนุ่มวัยรุ่นนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยความเยือกเย็นและเงียบสงบ เสื้อเชิ้ตสีขาวกระดุมแกะออกสองสามอัน ทำให้เขาดูดื้อ เซียวยียีนั่งอยู่ด้านข้างของเขาเหมือนแฟนคลับสาวและคอยจ้องหน้าเขาอยู่

ส่วนหนุ่มน้อยคนนั้นเหมือนไม่รู้สึกถึงตัวตนของเธออย่างนั้น

เซียวยียีรู้ว่าหลินเจิงไม่ชอบให้คนอื่นเข้าใกล้เขาเกินไป ดังนั้นจึงนั่งห่างระยะหนึ่ง ขอแค่เขาไม่ไล่ตนเองก็พอ สำหรับเซียวยียีแล้วได้นั่งใกล้ๆที่เดียวกับเขาก็มีความสุขมากแล้ว

“คนอื่นๆล่ะ? แจ้งพวกคุณแล้วว่าจะประชุมไม่ใช่เหรอ? พวกเขาทำไมไม่มา?” เสี่ยวเหยียนเอ่ยปากถาม

หลี่จุ้นเฟิงยักคิ้วและไม่ได้ตอบคำถาม

มีแต่ซูกั่วเอ๋อที่ตอบอธิบายเบาๆ: “พวกเธอเหมือนจะมีงานต้องทำอีกเยอะค่ะ”

“มีงานต้องทำ? งานอะไรเหรอ?”

ซูกั่วเอ๋อยิ้มนิดๆ: “อันนี้ฉันก็ไม่ทราบอย่างชัดเจน หรือคุณจะลองไปดู?”

เสี่ยวเหยียนได้ยินดังนั้น ยังก้าวขาออกมาจะไปดู

ปรากฏว่าเดินไปได้สองก้าวก็ถูกหานมู่จื่อห้ามไว้ “เสี่ยวเหยียน นั่งลง”

เสี่ยวเหยียนหันกลับมา มองหน้าหานมู่จื่ออย่างไม่น่าเชื่อ “แต่ว่า…….พวกเธอไม่มานี่นา ฉันไปเรียกพวกเธอมาประชุมไง”

“ไม่ต้อง” สีหน้าบนใบหน้าของหานมู่จื่อเยือกเย็นอย่างน่าตกใจ น้ำเสียงก็เยือกเย็นกว่าปกติ “หลายวันก่อนฉันเคยพูดแล้ว ถ้ามันฝืนมากไม่เต็มใจก็จะไม่มีทางมีผลงานดีๆออกมาได้ ในเมื่อพวกเธอไม่อยากมา งั้นพวกเราก็ประชุมกันแค่นี้แหล่ะ”

พูดจบแล้ว หานมู่จื่อก็เม้มปากสีแดงๆของตนเอง จากนั้นมองที่เอกสารในบนมือของเสี่ยวเหยียน: “เธอแจกเอกสารลงไปก่อน”

ถึงแม้ว่าในใจของเสี่ยวเหยียนจะโมโห แต่ก็เชื่อฟังคำพูดของหานมู่จื่อ แจกเอกสารอย่างไม่ค่อยเต็มใจ

หานมู่จื่อลากเก้าอี้ออกมาและนั่งลง ห้องประชุมเตรียมได้พร้อมมาก เธอเอายูเอสบีที่เตรียมไว้ล่วงหน้ามาเสียบเครื่องฉายโปรเจคเตอร์ จากนั้นพูดไปด้วยทำไปด้วย: “เอกสารบนมือพวกคุณใช้เวลาดูรอบหนึ่งก่อน”

ซูกั่วเอ๋อไม่พูดจา เปิดเอกสารออกมาดูอย่างเงียบๆ หลี่จุ้นเฟิงก็ยังทำหน้าทะเล้นเหมือนเดิม ส่วนหนุ่มน้อยวัยรุ่นที่เย็นชาคนนั้น ท่าทางเปิดดูเอกสารเหมือนหุ่นยนต์ เซียวยียีกลับทำเสียงฮึ่มหนึ่งคำ มองเอกสารพวกนี้และพูดว่า: “หลินเจิง เอกสารข้อมูลพวกนี้มีอะไรน่าดูเหรอ? ตอนนี้บริษัทเพิ่งจะเริ่มก่อตั้ง ไม่มีลูกค้ามาสั่งซื้อสักหน่อย มีอะไรน่าประชุม”

หลินเจิงได้ยินแต่ไม่ตอบ แววตาที่เย็นชาค่อยๆดูข้อมูลทุกบรรทัดบนเอกสาร

หลี่จุ้นเฟิงไม่แตะต้องเอกสารนั้น หานมู่จื่อก็ไม่ได้สังเกตดูว่าเขาดูหรือไม่ดู ในเมื่อคำพูดของเธอพูดไปแล้วก็พอ

หลี่จุ้นเฟิงรู้สึกมีความแปลกใจในตัวของผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาทันที

มองดูเธอแล้วเหมือนลูกพับที่อ่อนนุ่มน่าจับน่าหยิก

แต่ถ้าคุณอยากจะยุให้เธอโกรธ ชกมือออกไปแล้วก็เหมือนชกสำลีที่นุ่มๆอย่างนั้น แต่ถ้าอยากจะโจมตีเธอ อาจจะโดนโต้ตอบกลับ

ตรงกันข้ามตัวเธอไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย

คงเป็นเพราะสายตาของเขาตั้งใจมองเกินไป ทันใดนั้นหานมู่จื่อเงยหน้าขึ้นมา จ้องเขาอย่างเข้มขรึม: “คุณมีปัญหาอะไรเหรอคะ?”

หลี่จุ้นเฟิงถูกถามเช่นนั้น จึงยิ้มๆ: “ไม่มีปัญหาอะไร ผมแค่คิดว่า ประชุมตอนนี้มีประโยชน์อะไร? ไม่มีลูกค้าเข้ามาเลย”

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset