เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 506 คุณเป็นห่วงผม

บทที่ 506 คุณเป็นห่วงผม

เพราะ…ผู้ชายคนนั้นไม่ได้รักเธอ

ในเมื่อหัวใจของเขาไม่ได้อยู่ที่เธอ แล้วเธอ…จะทำร้ายคนอื่นเพื่อเขาทำไม?

“เสียใจหรือ?” เสียงดังฟังชัดลอยมาจากทางด้านหลัง หานมู่จื่อหันกลับไปก็เห็นเย่โม่เซินยืนอยู่ข้างหลังเธอ

เธอพูดอย่างยิ้มๆ“เสียใจทำไม?”

เย่โม่เซินจ้องหน้าเธอด้วยความสงบ จากนั้นก็พูดว่า “เดิมทีผมไม่มีความคิดที่จะปล่อยเธอไป”

“ฉันรู้”หานมู่จื่อพยักหน้า “แต่ว่าแม่ของเธอกับน้าของคุณหวังว่าคุณจะเมตตาเธอ”

“แล้วคุณล่ะ?”เย่โม่เซินเปลี่ยนเรื่องทันที และจ้องหน้าเธอ “คุณอยากให้ทำอะไร? คุณก็อยากให้ผมเมตตาเธองั้นหรือ?”

หานมู่จื่อ “…”

ทำไมคนคนนี้ถึงมักดึงคำถามมาที่ตัวเองได้อยู่เรื่อย เธอมองเขาเงียบๆสักพักก่อนจะพูด “คำตอบของฉัน คุณก็รู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ?”

พอได้ยินดังนั้นเย่โม่เซินก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้น ปลายนิ้วของเขาแตะไปที่แก้มของเธอ ทัดเส้นผมดำขลับไปที่หลังหูเบาๆ

“ผมจะทำยังไงดีล่ะ? ก็เห็นๆอยู่ว่าผมปล่อยเธอไปไม่ได้ แต่ก็รู้ว่าภรรยาของผมเป็นคนจิตใจดี ครั้งนี้ผมจึงต้องให้อภัยเธอ”

หานมู่จื่อ “…”

เธอถอยหลังออกไปหนึ่งก้าวเพื่อหลีกเลี่ยงสัมผัสของเย่โม่เซิน

เส้นผมของเธอที่อยู่ในมือของเขาหายไป เย่โม่เซินรู้สึกใจหายเล็กน้อย

มือของเขาค้างอยู่บนอากาศอยู่สักพัก และดึงกลับมา

หานมู่จื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและเดินไปข้างหลังเขาแล้วถามว่า “อาการของคุณเป็นอย่างไรบ้าง? ออกมาข้างนอกนานๆแบบนี้พอจะรับมือไหวบ้างไหม?”

เมื่อได้ยินดังนั้นมือของเย่โม่เซินก็ค่อยๆวางลง เขาไม่ได้เร่งรีบที่จะตอบคำถามของหานมู่จื่อ แต่เพียงแค่มองเธอด้วยสายตาแผดเผา

“คุณเป็นห่วงผม?”

“…”

เธอหลับตาหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยักหน้า

“ก็คุณเป็นคนป่วย”

เย่โม่เซินได้ยินที่หานมู่จื่อพูด เขาก็ร้อนใจเล็กน้อย “ถ้าอย่างนั้นผมขอเรียกร้องอะไรบางอย่างหน่อยสิ?”

“อะไร?”

“ตอนนี้ผมปวดหลังมาก”

“?”

“ให้ผมพิงหน่อย”

ทันทีที่สิ้นเสียงลง ร่างสูงก็เอนตัวเข้ามาอย่างไร้ยางอายและแนบศีรษะของเขาพิงที่ไหล่ของหานมู่จื่อ แม้ว่าจะไม่ได้มีแรงมาก แต่น้ำหนักทับลงมาก็ทำให้ร่างผอมบางของหานมู่จื่อถอยออกไปสองก้าวเพื่อทรงตัว

“คุณ!”หานมู่จื่อมองชายหนุ่มที่พิงไหล่ของเธอด้วยความรำคาญเล็กน้อย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก ห้าปีต่อมาเขาแตกต่างจากเมื่อก่อน ตอนนี้เขาหน้าหนาขึ้นมาก อีกทั้งยังไร้ยางอาย

พอคิดได้ หานมู่จื่อก็พูดขึ้นมาว่า “ที่นี่เป็นประตูใหญ่ นักข่าวจะต้องถ่าย…”

“แล้วอย่างไร คุณเป็นผู้หญิงของเย่โม่เซิน คนก็รู้ไปทั่วโลกออนไลน์แล้ว ถึงจะโดนถ่ายภาพออกมาได้ คุณก็ยอมรับไปก็สิ้นเรื่อง”

หานมู่จื่อ “…”

ช่างเถอะ เห็นแก่ที่เขายังเป็นคนป่วย อย่าไปถือสาเขาเลย

ประมาณสิบนาทีต่อมา คุณแม่หลินก็ปรากฏตัวต่อหน้าหานมู่จื่ออีกครั้ง และมองเธออย่างกระดากอาย “ฉันต้องขอโทษคุณหานจริงๆค่ะ เดิมทีฉันคิดว่าเด็กคนนี้ได้รับความลำบากในนี้แล้วจะสำนึกตัวเองได้ แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะยังพูดจาไม่ดีกับคุณอีก จริงๆแล้วมันเป็นความผิดของแม่อย่างฉันเอง ดังนั้นฉันจึงต้องมาขอโทษคุณด้วยตัวเอง เมื่อกี้นี้ฉันอบรมเธอไปแล้ว แต่พอหลังจากที่คุณหานพูดถึงเรื่องราวในอดีต ตอนนี้ชิงชิงก็คิดได้แล้ว เธอรู้สึกอับอายมาก ดังนั้นจึงอยากขอโทษคุณ และหวังว่าคุณหานจะให้โอกาสเธออีกสักครั้ง”

แววตาหานมู่จื่อหม่นหมอง ไร้การแสดงออกทางสีหน้า

ส้งอานที่อยู่ข้างๆเธอเตือนขึ้นมา “เธอรออยู่ที่นี่จนถึงตอนนี้ก็เห็นแล้วว่าเธอใจอ่อน เข้าไปเถอะ ไปดูซิว่าคราวนี้หลินชิงชิงจะมีท่าทีอย่างไร”

หานมูจื่อขยับริมฝีปาก ในที่สุดก็พยักหน้าแล้วเดินเข้าไป

การพบการครั้งนี้หลินชิงชิงดูสงบกว่าก่อนหน้านี้มาก แววตาของเธอดูสงบเสงี่ยม แม้ว่าจะไม่มีอารมณ์โกรธแค้นแล้ว แต่ก็ยังดูไม่ค่อยเต็มใจนัก

เมื่อเห็นทุกคนเข้ามา เธอรวบผมและมองไปที่หานมู่จื่อ จากนั้นก็พูดขอร้อง “ฉันขออยู่กับเธอตามลำพังได้ไหม?”

หานมู่จื่อนิ่งไปสักพัก จากนั้นก็พยักหน้า

“ได้”

“ไม่ได้” เย่โม่เซินคัดค้านความคิดของเธอทันที เขาบีบเอวเรียวด้วยมือใหญ่ “คุณอยู่ตามลำพังกับเธอไม่ได้”

ผู้หญิงคนนั้นทำได้แม้กระทั่งสาดน้ำกรด ถ้าไม่มีเขาอยู่ในเหตุการณ์ แล้วเธอคิดจะก่อเรื่องทำร้ายเธออีกจะทำอย่างไร

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ดวงตาหลินชิงชิงก็ฉายแววความเจ็บปวด “คุณไม่เชื่อใจฉันบ้างหรือ? ตอนนี้ฉันสำนึกผิดแล้ว ฉันแค่อยากจะพูดกับเธอสักสองสามประโยค อีกอย่าง…ฉันอยู่ที่นี่มานานแล้ว ฉันจะเอาอาวุธที่ไหนมาทำร้ายเธอได้?”

มียามอยู่ใกล้ๆ คาดว่าเธอคงไม่ทำอะไร

อีกทั้งดวงตาของเธอแตกต่างจากเมื่อก่อน หานมู่จื่อคิดได้สักพักก็หันไปพูดกับเย่โม่เซิน “พวกคุณออกไปก่อนเถอะค่ะ ฉันจะอยู่คุยกับเธอ”

“มู่จื่อ!”เย่โม่เซินขมวดคิ้วอย่างไม่เต็มใจ “เธอไม่อยากมีชีวิตแล้วงั้นหรือ?”

“อยาก” หานมู่จื่อเม้มริมฝีปากแดง และจ้องไปที่เย่โม่เซิน “ฉันให้ความสำคัญกับชีวิตของตัวเองมากกว่าคุณ”

ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่คนเดียว

เธอเป็นแม่คนแล้ว เธอจะต้องรักษาชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องเสี่ยวหมี่โต้วให้ดี

ดังนั้นเธอไม่มีทางที่จะพาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงอันตราย

“ทำตามที่เธอบอกเถอะ”ส้งอานเอ่ยปาก

เย่โม่เซินเม้มริมฝีปากบางของเขาและจ้องมองไปที่ใบหน้าของหลินชิงชิงอย่างไม่สบอารมณ์ สายตานี้คมกริบราวกับใบมีด หลินชิงชิงถูกจ้องมองจนชาไปทั่วหนังศีรษะ เธอทำได้เพียงหลบสายตาไม่กล้ามองหน้าเย่โม่เซิน

เธอเสียใจแล้วจริงๆ

เธอไม่ควรทำแบบนั้น ถ้าเธอไม่ทำแบบนั้น เย่โม่เซินก็คงไม่เกลียดเธอถึงขนาดนี้ และยังมองเธอเหมือนเป็นตัวอันตราย

พอคิดถึงตรงนี้หลินชิงชิงก็รู้สึกเสียใจมาก

“มีอะไรก็เรียกผม ผมอยู่ข้างนอก”ในที่สุดเย่โม่เซินก็ยอมฟังคำพูดของหานมู่จื่อ แต่ก็ยังไม่วางใจ เขายืนอยู่หน้าประตูไม่ยอมห่างไปไหน

หลินชิงชิงเองก็ไม่สนว่าเขาจะอยู่หน้าประตูหรือไม่ แค่เพียงเขาไม่อยู่ในที่ตรงนี้ก็ดีแล้ว

“เธออยากพูดอะไร ตอนนี้ก็พูดได้เลย”

หลินชิงชิงเงยหน้ามองหานมู่จื่อและยิ้มอย่างขมขื่น “เธอโชคดีจริงๆ”

“เธอให้ทุกคนออกไป คงไม่ได้อยากจะพูดแบบนี้กับฉันหรอกนะ?”หานมู่จื่อนั่งอยู่ตรงหน้าเธอ

แววตาของหลินชิงชิงยังมองด้วยความคับแค้นใจ “ทำไมฟ้าไม่ยุติธรรมเอาซะเลย? ฉันคิดว่าตัวเองได้เจอผู้ชายดีดี และจะสามารถเปลี่ยนใจเขาได้ ฉันพยายามอย่างหนักมาโดยตลอดเพื่อหวังว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นของฉัน แต่…พอเธอมาปรากฏตัว ตอนแรกฉันคิดว่าเธอพยายามเข้าหาเขาผ่านทางฉัน แต่ภายหลังฉันก็เพิ่งรู้ว่าเธอเป็นอดีตภรรยาของเขา”

คำเรียก อดีตภรรยา ทำให้หานมู่จื่อนิ่งไปสักพักกว่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง

แม้ว่าตอนนี้เธอกับเย่โม่เซินยังอยู่ในสถานะแต่งงานกันอยู่ ทว่า…สำหรับคนภายนอกเธอได้จากไปแล้วกว่าห้าปี ในสายตาคนอื่นๆ เธอเป็นเพียงอดีตภรรยาของเขา

“ในเมื่อเธอจากไปแล้วเธอจะกลับมาอีกทำไม?”

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset