เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 531 เลือกที่จะฝืนเอง

บทที่ 531 เลือกที่จะฝืนเอง

วันต่อมาหานมู่จื่อตื่นมาพร้อมกับดวงตาที่บวมเป่งราวกับตากบ ตอนที่เสี่ยวเหยียนเข้ามาทักทายเขายังถึงกับตกอกตกใจ

“ตายจริง เธอไปเล่นอะไรมา ทำไมตาถึงได้บวมขนาดนี้……”

หานมู่จื่อไม่ได้ตอบเธอ แต่กลับใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นมาประคบ จากนั้นก็ใช้มันนวดเบาๆรอบๆดวงตาของตัวเอง

“แบบนั้นมันไม่เห็นผลหรอก” เสี่ยวเหยียนที่อยู่ข้างๆพูดอย่างหน่ายใจ เห็นแผ่นหลังอันผอมบางของหานมู่จื่อแล้วในใจก็รู้สึกเจ็บปวดอยู่เล็กน้อย “ฉันพบว่าตั้งแต่ที่กลับประเทศมารอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็ลดลงมากเลยนะ ถ้ารู้ว่าเธอจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่ต้น พวกเราก็ไม่น่ากลับมาเลยตั้งแต่แรก”

“ไม่หรอก” หานมู่จื่อยังใช้ผ้าขนหนูประคบอยู่ อีกด้านก็ปฏิเสธคำพูดของเธอ “ทำไมฉันถึงไม่ควรกลับมาล่ะ ? ที่นี่เป็นสถานที่ที่ฉันเกิดและเติบโตมา ฉันจะกลับมามันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับคนอื่นเลย”

“แต่ว่า…..” เธอไม่มีความสุขเลยนี่

ประโยคหลังเสี่ยวเหยียนได้แต่พูดมันอยู่ในใจ

“ไม่เป็นไร” หานมู่จื่อยิ้มออกมาอีกครั้ง “ฉันไม่เป็นไรหรอก เธอไม่ต้องเป็นกังวลแทนฉัน เวลาห้าปียังผ่านมันมาได้เลย แล้วฉันจะไปกลัวว่าจะผ่านช่วงเวลานี้ไปไม่ได้ได้ยังไง”

เวลาห้าปีเธอผ่านมันมาได้แล้ว แต่ว่าแต่ละวันเธอผ่านมันมาด้วยสภาพแบบไหนกันเล่า

ทุ่มเทกับงานออกแบบอย่างบ้าคลั่ง ทุกๆวันทำตัวเองให้เหนื่อยล้ามากจนเมื่อกลับถึงบ้านก็ต้องล้มตัวลงนอนเลย จากนั้นพอเสี่ยวหมี่โต้วโตพอจะเรียกคุณแม่ได้แล้ว ก็กอดเธออย่างเจ็บปวดใจ หลังจากนั้นจิตใจของผู้หญิงคนนี้ถึงได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาบ้าง

หลายปีที่ผ่านมาเสี่ยวเหยียนก็คอยเฝ้าดูหานมู่จื่อมาตลอด ก็เลยรู้สึกสงสารเธอจับใจ

ตอนนี้กลับประเทศแล้วก็ยังต้องเห็นเธอทุกข์ใจเพราะเรื่องของเย่โม่เซิน ความเกลียดชังที่เสี่ยวเหยียนมีต่อเย่โม่เซินก็ยิ่งหยั่งรากลึกลงไปอีก

ผู้ชายชั่ว !

ตอนนั้นทำร้ายมู่จื่อแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่คิดที่จะปล่อยเธอไปอีก

คิดว่าตัวเองเป็นประธานของบริษัทตระกูลเย่แล้วยิ่งใหญ่นักหรืออย่างไร

ครั้งหน้าถ้าเธอเจอเขาล่ะก็ จะต้องฆ่าเขาให้ตายให้ได้

*

ห้องทำงานชั้นบนสุดของบริษัทตระกูลเย่

เย่โม่เซินนั่งเหม่อลอยอยู่หน้าโต๊ะทำงานในห้อง คิ้วยังขมวดกันแน่นไม่คลาย ปลายนิ้วเคาะอยู่บนโต๊ะ

เอกสารที่อยู่บนโต๊ะเริ่มกองสุมกันจนเป็นภูเขาครึ่งลูกแล้ว แต่เย่โม่เซินก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะจัดการกับมัน

ในหัวเขาเต็มไปด้วยเรื่องของผู้หญิงคนนั้น จนไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำงานเลย

ก๊อก ก๊อก

ประตูของห้องทำงานถูกเคาะ แต่เย่โม่เซินกลับทำเหมือนไม่ได้ยิน ยังนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่แบบนั้น

หลังจากเสียงเคาะดังอยู่สักพัก และคงคิดว่าด้านในไม่มีคนตอบสนอง ดังนั้นคนเคาะก็เลยถือวิสาสะผลักประตูเข้ามาเอง

หลังจากส้งอานผลักประตูเข้ามาด้านใน สิ่งที่เห็นกลับเป็นเย่โม่เซินที่นั่งหน้านิ่งคิ้วขมวดอยู่กับที่นั่ง ทั้งๆที่การเคลื่อนไหวของเธอส่งเสียงดังขนาดนั้น แต่กลับดูเหมือนสติของคนๆนี้ได้ลอยออกไปนอกอวกาศเสียแล้ว

เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา ริมฝีปากของส้งอานก็ขยับขมุบขมิบ

เธอเดินเข้าไปช้าๆ จากนั้นก็วางกระเป๋าลงบนโต๊ะ หย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาที่อยู่ไม่ไกลจากเย่โม่เซินมากนัก แล้วเริ่มชงกาแฟให้ตัวเอง

คงจะเป็นเพราะเสียงน้ำที่ทำให้สติของเย่โม่เซินค่อยๆกลับคืนมา เมื่อเขาเชยตาขึ้นมาก็เห็นส้งอานที่นั่งชงกาแฟให้ตัวเองดื่มอยู่บนโซฟา เลยเลิกคิ้วขึ้นมาทันที

“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ ?”

ส้งอานชำเลืองเขาทีหนึ่ง จากนั้นก็ดื่มกาแฟด้วยความรู้สึกขบขัน โดยไม่ได้สนใจเขา

“เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ?” คิ้วเย่โม่เซินขมวดแน่นกว่าเดิม

“ก็ตอนที่สตินายลอยออกไปนอกอวกาศแล้วน่ะสิ” ส้งอานยิ้มบางๆ จากนั้นก็วางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะ เสียงแก้วกระทบกับผิวโต๊ะเกิดเสียงขึ้นเล็กน้อย แล้วคำพูดต่อจากนั้นของส้งอานก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ทำไม ? ท่านประธานใหญ่เย่ไม่ทำการทำงานในเวลาแบบนี้ แต่กลับนั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องทำงาน หรือว่ากำลังคิดว่าจะเอาใจผู้หญิงยังไงดีหรือเปล่า ?”

เย่โม่เซินจ้องเธอด้วยสายตาไม่พอใจ แววตาคมกริบ

ส้งอานสองมือกอดอก แล้วจ้องเขากลับ

“ถึงแม้จะรู้ว่าคำพูดในวันนี้มันดูน่ารำคาญ แต่เห็นสภาพนายแบบนี้แล้วป้าก็อยากจะบอกนายไว้ อย่าฝืนอีกเลย”

“คุณว่าไงนะ ?” คำพูดประโยคนี้เหมือนจะไปโดนจุดของเย่โม่เซินเข้า คิ้วของเขาขมวดแน่นยิ่งกว่าเดิมทันที

“ป้ามองออกนะ เธออาจจะยังมีเยื่อใยกับนาย แต่เธอไม่มีทางกลับมาอยู่กับนายอีกแล้ว”

คำพูดพวกนี้ทำให้คิ้วของเย่โม่เซินขมวดกันแน่นตลอดเวลา ริมฝีปากบางของเขาก็เม้มแน่น สายตาจ้องไปทางส้งอานอย่างไม่พอใจ

ส้งอานยืนขึ้น “รู้สึกว่าว่าคำพูดของฉันมันไม่น่าฟัง ? ไม่อยากฟังงั้นเหรอ แต่มันก็คือความจริง”

“ความจริงอะไร ?” เย่โม่เซินเม้มริมฝีปากบางแน่น แล้วเอ่ยถามเสียงเย็น

“ความจริงที่ว่าเธอไม่อยากจะอยู่กับนายอีกแล้ว ไม่ว่านายจะทุ่มเทอีกสักเท่าไหร่”

“ทำไม ?” เย่โม่เซินหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง “คุณป้ารู้จักเธอดีขนาดนั้นเลยเหรอ ขนาดคำพูดพวกนี้ยังคิดออกมาได้”

เห็นเขาหัวเราะเสียงเย็น ส้งอานเองก็หัวเราะเสียงเย็นกลับไปทีหนึ่งอย่างไม่เกรงใจ “ก็ฉันเป็นผู้หญิง จะไม่รู้จักผู้หญิงดีไปกว่านายได้ยังไง”

เย่โม่เซินไม่พูดอะไรอีก แต่ท่าทีเย็นชามาก เห็นได้ชัดว่าไม่อยากสนใจเธอ

วันนี้ส้งอานมาเพื่อล้างสมองเขา แต่นอนว่าจะต้องไปยอมรามือแค่นี้แน่ และก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว

“คิดว่าทำไมตอนนั้นแม่ของนายถึงคลอดนายออกมาตามลำพังกันล่ะ ?”

เย่โม่เซิน “……”

เมื่อเอ่ยถึงมารดา นัยน์ตาของเย่โม่เซินก็ฉายแววปวดร้าวขึ้นมา

ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว แต่มารดาก็ยังเป็นเข็มที่คอยทิ่มแทงใจเขาตลอดมา

เมื่อคิดถึงมารดา เขาก็รู้สึกเกลียดคนในตระกูลเย่มาก และเกลียดมากว่าทำไมตัวเองถึงมีเลือดของคนในตระกูลเย่ไหลเวียนอยู่

“ตอนนั้นคนที่หมายปองแม่นายมีอยู่ไม่น้อยเลย แต่เพื่อนายเธอเลยไม่เคยคิดจะแต่งงานกับคนอื่น และแม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่ทำเพื่อนาย แต่เธอก็จะไม่มีวันแต่งกับคนอื่น นายรู้ไหมว่าทำไม ?”

เย่โม่เซิน “……”

ส้งอาน “เพราะว่าเธอถูกทำร้ายอย่างสาหัส เธอมอบหัวใจทั้งหมดออกไป แต่กลับถูกย่ำยี หลังจากนั้นเป็นต้นมาความหวังและความฝันของเธอก็พังทลาย นายคิดว่าเธอจะสร้างความเชื่อมั่นในตัวนายขึ้นมาใหม่ได้อีกอย่างนั้นเหรอ ? ไม่มีทาง ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ ความเชื่อมั่นในตัวผู้ชาย กรณีของเธอ เลวร้ายกว่าแม่ของนายเสียอีก แถมยังปากแข็งกว่าแม่ของนายด้วย นายคิดว่าโอกาสที่เธอจะกลับมาอยู่กับนายมีมากน้อยแค่ไหนกันล่ะ ? สักครึ่งยังไม่มีเลย ถ้าจะให้คิดคำนวณละก็ ก็คงประมาณสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นแหละ”

ถึงแม้สิ่งที่ส้งอานพูดจะไม่ได้น่าฟังสักเท่าไหร่ แต่กลับตรงประเด็นเป็นที่สุด เป็นการพูดถึงสถานการณ์จริงของหานมู่จื่อ

ไม่น่าแปลกใจเลย……ที่เธอจะปฏิเสธตัวเองขนาดนั้น

แต่ว่า.. สายตาของเย่โม่เซินกลับนิ่งขึ้น มือสองข้างที่อยู่ข้างลำตัวกำแน่น

“แล้วยังไง ?”

“แล้วยังไง ? นายไม่รู้หรือไงว่าสิ่งที่ป้าพูดกับนายมันหมายความว่ายังไง ถึงแม้มันจะมีโอกาสแค่สิบเปอร์เซ็นต์ นายก็ยังจะฝืนโง่แบบนี้ต่อไปหรือไง ? นายเองอายุไม่น้อยแล้ว ไม่มีเวลาให้เสียเปล่าแบบนี้แล้วนะ”

“หึ” เย่โม่เซินจ้องมองป้าอย่างขบขัน “คุณเป็นน้าของผมเสียเปล่า แต่แค่นิสัยของผมคุณยังไม่รู้อีกเหรอ ? อย่าว่าแต่สิบเปอร์เซ็นต์เลย ถึงแม้จะมีแค่ศูนย์จุดหนึ่งเปอร์เซ็นต์ ผมจะมุ่งมั่นจนถึงที่สุด”

ส้งอาน “……”

เย่โม่เซิน “ชีวิตนี้ของผมจะต้องเป็นเธอเท่านั้น”

“นายนี่มันไร้ทางเยียวยาจริงๆ !” ส้งอานทนไม่ไหวอีกต่อไป ตะโกนด่าออกไปด้วยสีหน้าแดงก่ำ “ตอนนี้นายจะแสร้งทำเป็นรักให้ใครดูกัน ? ถ้านายคิดว่ายังไงก็ต้องเป็นเธอจริง ทำไมตอนนั้นนายถึงทำเรื่องแบบนั้น ? ฉันได้ยินมาจากเซียวซู่แล้ว คนเขาอ้อนวอนขอเจอหน้านายแค่ครั้งเดียว แต่นายกลับปล่อยคนที่กำลังตั้งท้องทิ้งไว้ท่ามกลางสายฝนตอนค่ำคืน”

เมื่อพูดถึงเรื่องราวในอดีต สีหน้าของเย่โม่เซินก็ฉายแววเจ็บปวด แล้วกัดฟันพูดออกมา “ตอนนั้นมันไม่เหมือนกัน ผมถูกทำให้เข้าใจผิด ผมคิดว่า……”

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset