เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 560 ความไม่พอใจ

บทที่ 560 ความไม่พอใจ

หานมู่จื่อตกตะลึงจนแข็งค้างไป เธอยังคงนั่งอยู่อย่างนั้น เธอจะไปคิดได้ยังไงว่าเย่โม่เซินเขาจะ……

คนๆ นี้เขาเป็นสัตว์ร้ายหรือไง?

ยิ่งไปกว่านั้นยังลากเธอให้มานั่งบนตักของเขา หานมู่จื่อกัดฟันแน่น จ้องมองไปเขาที่ใกล้กันแค่เอื้อม

“ทำไมคุณหน้าด้านขนาดนี้?”

เย่โม่เซินขยับเข้ามาใกล้เธอ ใกล้จนสามารถสูดดมกลิ่นกายของเธอได้อย่างตะกละตะกลาม ทั้งน้ำเสียงยังแหบแห้ง แม้แต่ลมหายใจก็ร้อนขึ้นมา

“โทษผมไม่ได้นะ” เขาพูดพลางขยับเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ ริมฝีปากบางแตะลงที่คางของเธอ “ผมก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง เพื่อคุณแล้วผมรักษาตัวให้บริสุทธิ์มาตลอดห้าปี แล้วคุณยังมายั่วโมโหผมแบบนี้ ก็อย่ามาโทษที่ผมมีปฏิกิริยาอย่างนี้เลย”

เมื่อได้ฟังอย่างนั้นหานมู่จื่อถึงกลับผงะไป

“นี่คุณพูดอะไร?

ระ รักษาตัวบริสุทธิ์มาห้าปี?

ดวงตาเธอเบิกกว้าง มองไปที่เย่โม่เซินอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา “ไม่คาดว่าคุณเมื่อห้าปีที่ผ่านมา ไม่มีมาตลอด…. ไม่มี….” เธอไม่สามารถที่จะพูดประโยคหลังได้อีกต่อไป ภายในใจของหานมู่จื่อรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก

ผู้ชายที่เคยช่ำชองเรื่องแบบนี้มาก่อนจะมาดูแลตัวเองให้บริสุทธิ์มาตลอดห้าปี เรื่องนี้แทบเป็นไปไม่ได้

ทว่าเย่โม่เซินยังทำมันจริงๆ ทั้งยังพูดมันออกมาอีก

“ทำไม?” เย่โม่เซินหรี่ตามอง ริมฝีปากบางจุ๊บลงที่คางนุ่มนิ่มของเธอ พลางพูดเสียงเข้ม “ผมเป็นคนรักสะอาดคุณก็รู้ คุณคิดว่าผมจะสัมผัสกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่คุณลงเหรอ?”

หานมู่จื่อ “………”

ริมฝีปากอมชมพูขยับไปมา ทว่าท้ายที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เธอมองไปที่เย่โม่เซินด้วยสายตาสับสน กัดริมฝีปากล่างเอาไว้แน่น เมื่อเย่โม่เซินเห็นสีหน้ายุ่งเหยิงของเธอก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ทำไม? ซาบซึ้งใจเลยใช่ไหม? งั้นให้อภัยผมได้ไหม?”

เมื่อได้ยินดังนั้น หานมู่จื่อก็ได้สติกลับมา เธอสบสายตาเขาพลางหน้าแดง

“ฉันไม่เชื่อคำพูดไร้สาระจากคุณหรอก พวกผู้ชายจะไปรักษาตัวในบริสุทธิ์ให้ถึงห้าปีได้ยังไง?”

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ?” เย่โม่เซินกดสายตาลงมา “คุณเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สถานการณ์ของผม”

“ใครจะไปรู้เรื่องของคุณกัน? ถ้าคุณไม่ได้แตะต้องผู้หญิงคนอื่น งั้นตลอดห้าปีที่ผ่านมาคุณทำยังไง”

เย่โม่เซิน “…………”

ห้าปี ผ่านวันคืนมาไม่น้อย จะไม่เหงาเปล่าเปลี่ยวเลยได้ไงกัน

หานมู่จื่อจ้องมองเขา หลังจากนั้นก็เห็นว่าหูของเขาเห่อแดงอย่างน่าสงสัย แต่เขายังรักษาสีหน้าตัวเองได้ไม่เปลี่ยน ริมฝีปากบางยกยิ้ม “แล้วคุณคิดว่าผมทำยังไงล่ะ?”

หานมู่จื่อยืนแข็งค้างอยู่อย่างนั้น สายตาฉายแววเขินอายขึ้นมา

ที่เธอถามคำถามนี้กับเขาไม่ใช่เป็นการขว้างหินใส่เท้าตัวเองหรอกเหรอ?

“หื้ม?” เย่โม่เซินกัดลงที่คางของเธอเบาๆ พลางเอ่ยถามน้ำเสียงมีเลศนัย

หานมู่จื่อรู้สึกถึงลมหายใจของตัวเองที่ดูแปลกไป ยิ่งไปกว่านั้นอุณหภูมิในร่างกายก็ดูเหมือนว่าจะยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ขืนเป็นอย่างนี้ดูท่าไม่ดีแน่ เธอรีบเอื้อมมือไปผลักเขาออก หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นยืน

หลังจากที่ลุกขึ้นแล้วเธอก็รีบก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว แต่ละก้าวดูไม่มั่นคงเอาซะเลย

หลังจากนั้นหานมู่จื่อจึงได้ตระหนักว่าตัวเองลืมตัวจนเสียกิริยาเกินไป ดังนั้นเธอจึงหมุนตัวกลับเพื่อสงบสติอารมณ์ตัวเองจนกว่าจะจัดการกับมันได้อย่างสมบูรณ์ เธอค่อยหันกลับไปพูดกลับเขา

“จะรักษาความบริสุทธิ์เอาไว้หรือไม่ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันสักหน่อย”

“จริงเหรอ?” เย่โม่เซินที่ในตอนแรกไม่ได้วางแผนจะปล่อยเธอ ก็รีบร้อนถาม “แล้วเมื่อครู่คุณกังวลอะไรล่ะ?”

หานมู่จื่อยิ้มเล็กน้อย แสร้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร

“ใครกังวล? ทำไมฉันไม่เห็นจะมี?”

“ไม่เห็นเหรอ?”

“ใช่”

เย่โม่เซินเลิกคิ้ว ก่อนจะเดินเข้าไปหาเธอ

อาจจะเป็นเพราะคำพูดที่เขาพึ่งพูดไปเมื่อครู่ ดังนั้นหานมู่จื่อจึงเผลอเหลือบสายตาไปมองเขา ก็พบว่าหน้าของเธอยังคงแดงก่ำ จึงได้ถอยออกไปอีกสองสามก้าว

“คุณอย่าเข้ามานะ”

เย่โม่เซินยังก้าวเดินเข้าไปไม่หยุด “ไม่ใช่ว่าไม่ได้กังวลเหรอ? งั้นตอนนี้คุณกังวลอะไรอีกล่ะ?”

หานมู่จื่อไม่สามารถมองเขาตรงๆ ได้ ไม่ว่าจะยิ่งถอยหลังไปกี่ก้าวเขาก็ยังเดินตามเธอมาต่อ ยิ่งเธอถอยห่าง เย่โม่เซินก็ยิ่งเข้ามาใกล้ จนท้ายที่สุด….. เธอก็ถูกต้อนให้จนมุม เย่โม่เซินยกมือขึ้นมาก่อนจะกดลงบนกำแพงเพื่อขวางทางเธอเอาไว้

“ยังจะหนีอีกเหรอ?”

เมื่อมองไปเห็นเย่โม่เซินอยู่ตรงหน้า หานมู่จื่อก็กะพริบถี่ๆ พูดอะไรไม่ออก ทำตัวไม่ถูก

นี้เธอกำลังทำอะไร???

กำลังหยอกล้อกับเย่โม่เซินงั้นเหรอ? มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นขนาดนี้ เขายังจะมาสนใจที่จะแกล้งเธออยู่ที่นี่อีกเหรอ?

หานมู่จื่อรู้สึกผิดหวังกับตัวเองเป็นอย่างมาก ก่อนจะหัวเราะกับตัวเองอย่างรู้สึกไร้ค่า “ไม่หนีแล้ว ฉันจะไม่หนีอีกต่อไปแล้ว คุณต้องการอะไร? จะให้ฉันยอมรับว่าฉันกังวลงั้นเหรอ? ฉันเชื่อในสิ่งที่คุณพูดแล้ว ตอนนี้คุณไปได้หรือยัง?”

“ไม่ได้” เย่โม่เซินเม้มปากแน่น เอ่ยออกมาสีหน้าเย็นชา “คุณอยู่นี่เองคุณจะไม่ปลอดภัย ให้ผมอยู่ที่นี่ต่อเถอะ”

หานมู่จื่อ “?”

“สองคนที่ตามคุณมาก่อนหน้าคุณก็เห็นแล้ว เดี๋ยวพวกเขาก็จะมาอีก คุณไม่กลัวเหรอ?”

“ตอนนี้ฉันก็ถึงบ้านอย่างปลอดภัยแล้ว ทำไมฉันต้องกลัว?”

“นั้นก็เพราะ ผมช่วยคุณ คุณกลับไปจะไล่ผมออกไปงั้นเหรอ?”

เมื่อหานมู่จื่อได้ฟังก็เข้าใจดี ที่เขายังอยู่ที่นี่ไม่ยอมจากไปสักที เขาคงคิดแค่ว่าเขาช่วยเธอเอาไว้ และเขาก็เพิ่งบอกว่าควรเติมกระเพาะเขาให้เต็ม งั้นที่เขาต้องการก็ควรจะเป็นการทานอาหารกับเธอที่นี่

เมื่อครุ่นคิดดูแล้ว หานมู่จื่อจึงพูดออกมาอย่างเย็นชาในตอนท้าย “คุณรออยู่นี้เดี๋ยว ฉันจะไปทำกับข้าว คุณกินเสร็จแล้วก็ไปให้พ้น”

พูดจบหานมู่จื่อก็ไม่ได้สนใจอีกว่าเขาจะมีปฏิกิริยาตอบกลับมายังไง เธอหมุนตัวเดินเข้าครัวไปในทันที

เสี่ยวเหยียนที่แอบอยู่ด้านบนได้แอบวิ่งเข้าห้องไปก่อนหน้าแล้ว ไม่อย่างนั้นเธอเกรงว่าอาจจะเห็นภาพที่ไม่สมควร เมื่อถึงเวลานั้นตาของเธอคงไม่อาจได้รับการซ่อมแซมให้กลับมาได้

เมื่อคิดดูแล้วเสี่ยวเหยียนก็ใช้สองมือจับแก้มตัวเองเอาไว้ด้วยความเป็นกังวล

จริงๆ แล้วในช่วงเวลาสั้นๆ ความทุ่มเทของเย่โม่เซินที่มีต่อหานมู่จื่อนั้นล้วนอยู่ในสายตาของเธอ ดูท่าทางของเขาใจจริงแล้วคงอยากจะเริ่มต้นกับหานมู่จื่อใหม่

แต่ก่อนหน้านี้การที่หานมู่จื่อบาดเจ็บเสียใจตอนที่อยู่อเมริกา มันเป็นเหมือนฝันร้ายสำหรับเสี่ยวเหยียน เธอไม่อยากให้หานมู่จื่อต้องเป็นอย่างนั้นอีก

ดังนั้นจนถึงตอนนี้ เธอคิดว่าหัวใจได้ถูกเย่โม่เซินได้ทำลายไปแล้ว เธอยังจงเกลียดจงชังเย่โม่เซินเป็นอย่างมาก

เพราะในปีนั้น เป็นเพราะเรื่องของเขามู่จื่อเกือบจะ……

เธอเกือบจะตาย

เมื่อคิดมาถึง เสี่ยวเหยียนก็หวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อตอนนั้น

กลางดึกที่เธอร้องไห้อยู่บนรถแท็กซี่ทั้งยังต้องโทรหาหมอ กังวลจนพูดผิดพูดถูก ฝั่งหมอก็เป็นกังวลไม่น้อย จนท้ายที่สุดเธอต้องให้พิกัดเพื่อให้หมอมาทำการรักษามู่จื่อ

ในตอนนั้นของมู่จื่อ เป็นฝันร้ายของเธอมาโดยตลอด

เธอใช้ชีวิตอยู่ในจินตนาการของตัวเองมาตลอด หมอบอกว่าเธอได้รับเรื่องกระทบจิตใจอย่างหนักจนตกอยู่ในความเศร้า นอกจากนี้ในเวลานั้นยังมีเรื่องเด็กในท้องอีก

ราวกับโดนทิ้งระเบิดสองลูก ทำให้เธอรู้สึกสิ้นหวังกับชีวิตตัวเองเป็นอย่างมาก ดังนั้นจิตใจของเธอจึงเข้าไปอยู่ในจินตนาการ หลังจากนั้นเธอก็เริ่มสะกดจิตตัวเอง มักจะไม่ตื่นขึ้นมา

ยิ่งสถานการณ์เป็นอย่างนี้ ในตอนนั้นเสี่ยวเหยียนก็ยิ่งรู้สึกกลัวมากจริงๆ

ต่อมาเธอได้รับการรักษาเป็นเวลานาน ทั้งยังต้องคอยพบจิตแพทย์นานถึงสองปีเต็ม เธอจึงค่อยๆ ฟื้นฟูตัวเองให้กลับมาเหมือนคนปกติอย่างช้าๆ

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก เธอกำหมัดเอาไว้แน่นก่อนจะวิ่งลงไปด้านล่าง

เธอจะไม่มีทางปล่อยให้เย่โม่เซินทำร้ายมู่จื่อได้อีก!!

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset