เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 571 มีฉันอยู่

บทที่ 571 มีฉันอยู่

ปัง!

หลังจากที่ประตูรถปิดลง เย่โม่เซินก็โน้มตัวเข้ามาคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ หานมู่จื่อพูดอย่างลังเลว่า “ฉันทำเองก็ได้”

แต่เย่โม่เซินไม่สนใจเธอเลย โน้มตัวตรงหน้าเธอ แล้วคาดเข็มขัดนิรภัยให้เธอ ไอละมุนรดที่ต้นคอของเธอ หานมู่จื่อกะพริบตาเบาๆ จ้องมองจมูกที่สูงโด่งและริมฝีปากบางที่เม้มเป็นเส้นตรงของเขา ทำให้มีอารมณ์ชั่ววูบ ที่อยากจะจูบเข้าไป

ทันทีที่ความคิดนี้เกิดขึ้นในใจ หานมู่จื่อก็ตกใจจนหน้าซีด และในขณะเดียวกัน ก็ยื่นมือผลักเย่โม่เซินออกไป

เย่โม่เซินรัดเข็มขัดนิรภัยให้เธอเสร็จพอดี กำลังจะถอยกลับ ถูกเธอผลักแบบนี้ ก็ล้มตัวไปที่เบาะคนขับเลย

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “จู่ๆคุณเป็นบ้าอะไร?”

หานมู่จื่อรู้สึกว่าหูของตัวเองร้อนผ่าว กัดฟันแน่น “คุณอยู่ห่างฉันหน่อย ฉันไม่ต้องการคุณทำสิ่งเหล่านี้ให้ฉัน”

ทั้งๆที่เป็นสิ่งที่เธอสามารถทำได้ด้วยตัวเอง แต่เขาดันจะมาแย่ง

“ทำก็ทำหมดแล้ว คุณจะทำยังไงได้?” ตอนแรกเย่โม่เซิน รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นติ่งหูของเธอแดงเล็กน้อย ก็รู้ว่าเมื่อกี้เธอกำลังเขิน

ส่วนทำไมถึงเขินเขาไม่รู้ แต่เมื่อรู้ว่าเธอเขิน เขาก็มีความสุขอย่างอธิบายไม่ได้

หานมู่จื่อหันหน้าหนี เลื่อนกระจกรถลง ไม่คิดจะสนใจเขาอีก

คนคนนี้ ยิ่งสนใจก็ยิ่งได้ใจ

“ไปบริษัท?”

หานมู่จื่อพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ

เย่โม่เซินขับรถได้นิ่งมาก เดิมทีหานมู่จื่อก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อย และที่นี่ก็อยู่ห่างจากบริษัทช่วงหนึ่ง ในตอนแรกเธออยากรับลมเย็นเพื่อกระจายความร้อนบนใบหน้าตัวเอง แต่เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที กระจกรถก็ถูกเย่โม่เซินปิดลง

เธอโกรธจนหันหน้ามาถามเขาทันที

“คุณปิดกระจกรถฉันทำไม?”

“คุณลืมไปแล้วหรือว่า ตอนนี้คุณเป็นผู้ป่วย รับลมไม่ได้!”

หานมู่จื่อ “……”

ช่างเถอะ ไม่รับก็ไม่รับ

เธอเอนตัวลงไปที่เบาะด้านหลัง เย่โม่เซินก็พูดขึ้นว่า “จะเลื่อนเบาะลงไหม คุณนอนสักพัก?”

“ไม่จำเป็น”

เธอนั่งตัวตรงอีกครั้ง ซึ่งอาจพูดได้ว่า ทำตรงข้ามกับคำพูดของเย่โม่เซิน

“……”

เย่โม่เซินไม่ได้ว่าเธออีก

นั่งตัวตรงอยู่สักพัก ในที่สุดหานมู่จื่อก็ยังทนไม่ไหว ไม่นานร่างกายก็ค่อยๆเอนตัวไปข้างหลัง หัวพิงเบาะเก้าอี้หนัง หนังตาหนักมากจนแทบจะไม่สามารถลืมตาได้

ในที่สุด หายใจของเธอก็ค่อยๆสม่ำเสมอ

เย่โม่เซินปลดกระดุมเสื้อสูทของตัวเองด้วยมือเดียว จอดรถตอนไฟแดง แล้วถอดเสื้อสูทออกมา คลุมเสื้อสูทบนตัวเธออย่างอ่อนโยนเบามือ

หานมู่จื่อที่หลับไปแล้ว น่าจะรู้สึกหนาวเล็กน้อย และเสื้อสูทเพิ่งจะถอดออก ดังนั้นในนั้นยังมีอุณหภูมิร่างกายของเย่โม่เซินหลงเหลืออยู่ ตอนที่เสื้อสูทคลุมลงไป หานมู่จื่อก็ได้หดตัวเข้าสู่ส่วนที่อบอุ่นของเสื้อสูทโดยสัญชาตญาณ ไหล่และมือก็หดเข้าไปด้วย

เย่โม่เซินขมวดคิ้ว เปิดเครื่องปรับอากาศในรถทันที แล้วปรับอุณหภูมิให้อยู่ในระดับพอดี

อุณหภูมิในรถก็อุ่นขึ้นในทันที หานมู่จื่อที่อยู่ในยามหลับ ก็ไม่ได้นอนหดตัวอีกต่อไปแล้ว และได้นอนอยู่ที่นั่นอย่างความสบายใจ ใบหน้าเงียบสงบ

ใต้อาคารของบริษัท รถคันหนึ่งหยุดนิ่งที่ประตูอย่างสงบ

ที่จริงมาถึงนานแล้ว แต่เย่โม่เซินเห็นท่าทางหานมู่จื่อหลับสบาย จึงทนไม่ได้ที่จะไปรบกวน

อีกอย่างเธอไม่สบาย ง่วงตอนนี้ก็เป็นเรื่องปกติ

ในเมื่อที่นี่สามารถทำให้เธอหลับสบาย ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะให้เธอพักผ่อนสักพัก

เย่โม่เซินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา โทรศัพท์มือถือของเขาก็เชื่อมต่อกับกล้องวงจรปิดด้วย สามารถตรวจสอบสถานการณ์และเหตุการณ์ตรงประตูหน้าบ้านของหานมู่จื่อ ในตอนนี้

ย้อนกลับไปดูหลายครั้ง หน้าจอก็แสดงเป็นปกติ

ในที่สุดเย่โม่เซินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก อีกฝ่ายน่าจะรู้แล้วว่า ทางพวกเขาเริ่มต่อสู้กลับแล้ว ดังนั้นจึงหยุดมือทันเวลา

ดูเหมือนว่าช่วงสองสามวันนี้ น่าจะสามารถผ่อนคลายลงบ้าง

เก็บโทรศัพท์มือถือ เย่โม่เซินมองไปที่หานมู่จื่อ ซึ่งกำลังนอนขดตัวหลับสนิทอยู่บนเบาะ อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไป ปลายนิ้วแตะที่แก้มเธอเบาๆ แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า

“มีฉันอยู่ ใครก็ไม่สามารถทำร้ายคุณได้”

*

หานมู่จื่อตื่นขึ้นมากะทันหัน

ไม่ใช่เพราะอะไร เพียงเพราะว่า ในความฝันเธอนึกได้กะทันหันว่า ตัวเองยังอยู่ในรถ และเธอจะไปที่บริษัท ดังนั้นจึงลืมตาขึ้นมาอัตโนมัติ เธอลุกขึ้นนั่งในทันที เสื้อสูทที่คลุมบนตัวเธอ ก็ลื่นลงเพราะการกระทำของเธอ

หานมู่จื่อก้มมอง ถึงพบว่าคือเสื้อสูทของเย่โม่เซิน ทันทีที่เธอยื่นมือไปคว้าเสื้อสูท ก็ได้ยินเสียงของเย่โม่เซินดังมา

“ตื่นแล้ว?”

เมื่อได้ยิน หานมู่จื่อก็หันหน้าไปมอง ก็ได้เห็นเย่โม่เซินก็เลื่อนลงที่นั่งของตัวเองเหมือนกัน นอนอยู่ที่นั่น ด้วยสีหน้าสบายอารมณ์

หานมู่จื่อ “……”

เธอหันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ได้อยู่ใต้อาคารของ บริษัทเธอแล้ว

เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ฉันนอนไปนานแค่ไหน?”

ริมฝีปากบางของเย่โม่เซินยกโค้งเล็กน้อย “ไม่นานเท่าไหร่ ประมาณสองชั่วโมงมั้ง”

สองชั่วโมง?

ทันทีที่ได้ยินตัวเลขนี้ สีหน้าของหานมู่จื่อเปลี่ยนไปเลย เธอพูดขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “สองชั่วโมงยังเรียกว่าไม่นานหรอก? ในเมื่อคุณรู้ ทำไมคุณไม่ปลุกฉัน?”

“นอนหลับไม่ดีเหรอ?” เย่โม่เซินเงยหน้ามองเธอ

“ไม่มีชีวิตชีวา ต่อให้คุณขึ้นไป ก็ไม่สามารถจัดการเรื่องอะไรได้ทั้งนั้น!”

ตรรกะเพี้ยน!

“นี่ก็คือเหตุผลที่คุณไม่ปลุกฉัน?” หานมู่จื่ออยากจะเถียงกับเขา แต่เมื่อเห็นท่าทางของเขา ก็เปลี่ยนใจทันที รู้สึกว่าการเถียงกับเขาไม่มีประโยชน์ จึงทำได้เพียงหันหน้าแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ ฉัน ยังมีเรื่องเร่งด่วนที่ต้องขึ้นไปจัดการ ในเมื่อคุณได้ส่งฉันมาที่นี่อย่างปลอดภัยแล้ว ถ้าอย่างนั้นคุณก็สามารถกลับไปอย่างไว้วางใจแล้วมั้ง”

“ไม่ได้”

“เพราะอะไร?”

“ฉันรอให้คุณลงมา ส่งคุณกลับบ้าน”

หานมู่จื่อ “……”

“อย่างน้อยในช่วงที่คุณป่วย ฉันจะไม่ให้คุณขับรถไปจัดการคนเดียว ฉันจะให้เวลาคุณยี่สิบนาที”

“ยี่สิบนาที?”

เย่โม่เซินทำหน้าเคร่งแล้วพูดว่า “ตอนนี้คุณเป็นผู้ป่วย ไม่ควรทำงานหนักเกินไป ถ้ายังยืดต่อไป เวลายี่สิบนาที คุณก็จะไม่มีเลยด้วยซ้ำ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หานมู่จื่อรู้สึกตลกเล็กน้อย แต่ก็หัวเราะไม่ออก สุดท้ายก็ทำได้เพียงแค่มองเขาย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

“คุณไม่คิดว่าคุณทำสิ่งเหล่านี้ ได้ยุ่งมากเกินไปแล้ว?”

“ยังเหลืออีกสิบเก้านาที”

“หานมู่จื่อ……”

“พอถึงเวลา ฉันจะขึ้นไปหาทันที”

เขาเม้มริมฝีปากบาง พูดด้วยสีหน้าเย็นชา ไม่ได้เหมือนการล้อเล่นเลยสักนิด

หานมู่จื่อมองเขาสักครู่ ก็โยนเสื้อสูทคืนให้เขากะทันหัน จากนั้นก็หันไปเปิดประตูรถแล้วลงจากรถ

สิบเก้านาทีก็สิบเก้านาที ใครจะกลัวใคร

เธอก้าวเข้าไปในบริษัท เดินเป็นเวลานานก็ยังรู้สึกได้ว่าสายตาที่เย็นชานั้น ยังคงจับจ้องอยู่ที่หลังเธอ

หานมู่จื่อรู้แน่นอนว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง

ไม่ว่าเธอจะยินยอมหรือไม่ ทันทีที่ถึงเวลา เขาก็จะขึ้นไปหาเลย

ถึงตอนนั้นไม่ว่าเธอจะจัดการเรื่องเสร็จหรือไม่ ไม่ว่าเขาจะสามารถพาตัวเองออกไปหรือไม่ แต่……จะต้องรบกวนเธอแน่นอน

ดังนั้น เธอได้เพียงเร่งเท้าเพิ่มอีกหน่อย หวังว่าเดี๋ยวสามารถพยายามทำเวลา จัดการงานให้เสร็จทั้งหมดโดยเร็ว

หลังจากที่เธอจากไป เย่โม่เซินยกมือขึ้นมองเวลา ริมฝีปากบางโค้งขึ้นเล็กน้อย

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset