เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 769 ล่อลวง

บทที่769 ล่อลวง

ในตอนที่หานมู่จื่อกลับมาถึงห้องเลขานั้น ใบหน้าของเธอแดงก่ำไปหมด

พี่หลินเห็นว่าเธอเดินเข้ามา ก็สงสัยขึ้นมาว่าจู่ๆทำไมหน้าของเธอถึงได้แดงขนาดนั้น แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าเธอเพิ่งกลับมาจากห้องทำงานของคุณชายเซิน ก็รู้สึกว่าดูเหมือนว่าเธอ…จะรู้เรื่องสุดยอดอะไรพวกนั้นไม่มีผิด

มือข้างหนึ่งของพี่หลินเท้าคางของตัวเอง มีท่าทางรำคาญใจออกมาทันที

ดูเหมือนว่าเธอจะสืบรู้ความลับอะไรบางอย่างมาโดยไม่รู้ตัว

งั้นต่อไป จะยังต้องใช้งานเธอเป็นผู้ช่วยเลขาอีกหรือเปล่า? หรือว่าจะจัดงานสบายๆให้เธอ?

โธ่เอ๊ย ไม่รู้ว่าเธอรับผู้หญิงคนนี้มาเป็นผู้ช่วยเลขาของเธอได้ยังไง

มื้อเย็นหานมู่จื่อกินข้าวที่โรงอาหาร เนื่องจากในตอนที่ใกล้เลิกงานแล้วนั้น จู่ๆเธอก็ได้ทราบข่าวว่าจะต้องทำโอที ดังนั้นแล้วต้องปัดความคิดที่จะไปซื้อของกลับไปทำกับข้าวเองไปเลย แล้วต้องเข้ามากินข้าวที่โรงอาหารแทน

และแน่นอนว่า ในช่วงหลายวันมานี้หลัวลี่ก็จะมากินข้าวกับเธอที่โรงอาหารนี้ด้วยกัน

เหมือนดั่งเช่นในตอนนี้ หลัวลี่ก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา “พวกเราเพิ่งเข้ามาไม่กี่วันเอง จู่ๆก็ต้องมาทำโอทีเสียแล้ว รู้สึกน่ากลัวจังเลย”

หานมู่จื่อกลับไม่ได้สนใจเรื่องนี้ “บริษัทใหญ่ ก็เป็นแบบนี้แหละ”

หลัวลี่กัดปากของตัวเอง จิ้มมันฝรั่งในชาม “ต่อไปจะเป็นแบบนี้ทุกวันหรือเปล่า? ความจริง…ฉันไม่ค่อยชอบทำโอทีสักเท่าไหร่ เส้นทางที่ฉันต้องกลับบ้านนั้นมันค่อนข้างมืดมากเลย”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว หานมู่จื่อก็อดไม่ได้ที่จะมองเธอเล็กน้อย “ทางกลับบ้านมืดมาก? เธอเช่าห้องอยู่มั้ย? ตอนนี้น่าจะมีไฟริมถนนหมดแล้วนะ”

“เอ่อ นั่นก็…” หลัวลี่แสดงสีหน้าเขินอายออกมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ

หานมู่จื่อมองออกว่าเธอไม่อยากพูดอะไรมากมาย จึงไม่ได้ถามอะไรออกไปอีก ทั้งสองคนจึงกินมื้อเย็นกันเงียบๆ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองกัน

เรื่องการทำโอทีอะไรพวกนี้ เมื่อก่อนหานมู่จื่อไม่เคยรู้สึกรำคาญเลย รู้สึกว่าก็ยังสาวอยู่นี่นะ ยิ่งทำงานเยอะก็ต้องดีอยู่แล้ว

แต่หลังจากที่เธอท้อง เธอก็รู้สึกว่าการทำโอทีมันเหนื่อยมาก แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะขอลาในช่วงที่ยังไม่ผ่านโปรอย่างนี้ จึงทำได้เพียงอดหลับอดนอนไปพร้อมๆกับทุกๆคน

โชคดีที่คืนนี้ต้องทำโอทีถึงสี่ทุ่มเท่านั้น ไม่ต้องทำถึงห้าทุ่มหรือเที่ยงคืน ไม่อย่างนั้นแล้วหานมู่จื่อไม่รู้ว่าเธอจะได้กลับถึงบ้านตอนไหนกัน

วิ่งวุ่นมาถึงรอบสุดท้าย หานมู่จื่อก็รู้สึกว่าขาของตัวเองเริ่มสั่นขึ้นมา จึงนั่งลงพัก

พี่หลินเห็นเธอเป็นอย่างนี้แล้ว ทอดถอนหายใจเอ่ยออกมา “ช่วงทดลองงานก็แบบนี้แหละ นี่คือเหตุผลว่าทำไมฉันต้องหาผู้ช่วย เพราะสิ่งที่ต้องทำมันเยอะมากยังไงล่ะ เธอพักก่อนเถอะ ที่เหลือฉันทำต่อเอง”

“ไม่เป็นไรค่ะพี่หลิน ให้ฉันจัดการเองเถอะค่ะ”

หานมู่จื่อจะกล้านั่งอยู่เฉยๆ แล้วให้พี่หลินออกไปวิ่งวุ่นอย่างนั้นได้ยังไงกัน? แต่พี่หลินก็ได้แย่งเอกสารในมือของเธอแล้วเตรียมที่จะออกไปจากห้องเลขาแห่งนี้ไปเรียบร้อยแล้ว

“นั่งลงเถอะ อ่านเอกสารพวกนี้ดูสักรอบก่อน รอฉันกลับมา”

หานมู่จื่อจำต้องนั่งลงไป นวดขาที่ปวดเมื่อยของตัวเอง จู่ๆท้องก็ร้องขึ้นมา หานมู่จื่อนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มหน้าลูบลงไปท้องน้อยของตัวเองอย่างจนใจ เอ่ยพูดเสียงเบาออกไป “หิวแล้วใช่มั้ย? กลับไปจะทำมื้อดึกให้หนูนะ”

ลูกน้อยในท้องของเธอ

หลังจากที่ท้อง ก็หิวง่ายขึ้นมาก

หานมู่จื่อวางแผนเอาไว้ว่าหลังจากที่กลับไปก็จะสั่งอาหารมาสักอย่างก็พอ

ในระหว่างนั้นเย่โม่เซินก็ได้สั่งเอากาแฟไปแล้วสองรอบ หานมู่จื่ออยากเอาไปให้ด้วยตัวเอง แต่ก็ถูกพี่หลินรั้งเอาไว้ บอกว่าคุณชายเซินไม่ให้เธอปรากฏตัวต่อหน้าเขา

หานมู่จื่อ “…”

เธอทำอะไรผิดไปหรือเปล่า?

ทั้งๆที่ในตอนกลางวันเขาเข้ามาเช็ดริมฝีปากให้เธอเองนี่นา เกี่ยว…อะไรกับเธอ?

หานมู่จื่ออยากร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก

ไม่ง่ายเลยที่จะอดทนถ่างตาทำงานมาจนถึงเวลาเลิกงานได้ หานมู่จื่อลากร่างที่แสนเหนื่อยล้าเดินเข้าลิฟต์ไป พี่หลินตามหลังเธอมาเข้าลิฟต์ไปพร้อมกัน จากนั้นก็กดปุ่มลิฟต์

“ไม่เคยทำโอทีสินะ? ดูท่าทางเธอดูเหนื่อยๆนะ”

หานมู่จื่อทำได้แค่เพียงฝืนยิ้ม แล้วส่ายหน้าออกไป “ยังไหวค่ะ แค่เหนื่อยนิดหน่อย คืนนี้กลับไปพักผ่อน พรุ่งนี้ก็ดีขึ้นแล้วค่ะ”

ได้ยินอย่างนั้นแล้ว พี่หลินก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกไป “ไม่เลว เด็กสาวนี่มีพลังดีจังเลยนะ จริงสิ เธอพักอยู่ที่ไหน กลับดึกขนาดนี้จะไม่ปลอดภัยเอานะ ฉันมีรถ ให้ฉันผ่านไปส่งเธอก่อนก็ได้นะ”

หานมู่จื่อมีหรือจะกล้ารบกวนเธอ จึงได้ส่ายหน้าออกไป

“ไม่เป็นไรค่ะพี่หลิน ที่พักฉันใกล้แค่นี้เอง เดินไปก็ได้ค่ะ”

ถึงอย่างไรทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้สนิทสนมกันถึงขั้นนั้น เธอบอกว่าไม่เป็นไร พี่หลินก็ไม่ได้รักษามารยาทออกมาอีก เมื่อทั้งสองคนออกมาจากบริษัทต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปทางใครทางมัน

หานมู่จื่อหิวจนตาลายไปหมด คิดอยากจะนั่งรถไฟใต้ดินกลับ แต่นึกขึ้นมาได้ว่าแถวนี้เหมือนกับว่าจะมีซูเปอร์มาร์เก็ตอยู่ ไปซื้อของที่นั่นสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน

ดังนั้นแล้วเธอจึงเดินไปซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆ หลังจากที่ซื้ออาหารบางอย่างที่โซนอาหารชั้นสองเสร็จแล้วก็เดินกลับออกมา ในตอนที่ผ่านหน้าประตูบริษัทนั้นเอง ก็มีรถคันหนึ่งเข้ามาจอดเทียบข้างๆเธอ

หน้าต่างรถเลื่อนลง เผยให้เห็นใบหน้าอันคุ้นเคยออกมา

“เอ๊ะ? นี่มันผู้ช่วยน้อยของยู่ฉือไม่ใช่หรอ?”

เฉียวจื้อได้ข่าวมาว่ายู่ฉือเซินจะทำงานล่วงเวลา ก็เลยอยากมาชวนเขาไปทานมื้อดึกด้วยกัน แต่ใครจะรู้ว่าไอ้หมอนั่นจะออกไปโดยไม่สนใจเขา เฉียวจื้อหงุดหงิดใจเป็นอย่างมาก อยากจัดการหมอนั่นสักทีแต่ก็ไม่มีโอกาสเลยสักครั้ง

เมื่อก่อนหน้านี้หมอนั่นก็ฟ้องเรื่องนั้นไปกับคุณปู่ จนทำให้เขาต้องตกอยู่ในความลำบากแทบทุกทาง

เขายังคิดหาวิธีแก้แค้นอยู่เลย แต่มาตอนนี้มาเจอเข้ากับหานมู่จื่อ ก็มีแผนในใจขึ้นมาทันที

หานมู่จื่อเห็นเฉียวจื้อ ก็จำได้ว่าเขาเป็นผู้ชายคนนั้นที่เจอกันที่ลิฟต์ส่วนตัวของท่านประธานวันนั้น ในตอนนั้น…เหมือนกับว่าเขายังแทะโลมหลัวลี่ออกมานิดหน่อยด้วย

หลังจากวันนั้นเขาก็ได้ไปที่ห้องทำงานของเย่โม่เซิน จนเห็นภาพอันน่าอายฉากนั้นเข้าพอดี

เมื่อเห็นเฉียวจื้อ สีหน้าของหานมู่จื่อก็ดูกระอักกระอ่วนออกมาเล็กน้อย ดังนั้นแล้วจึงทำเพียงแค่พยักหน้าออกไปเล็กน้อย จากนั้นก็เตรียมที่จะเดินออกไปอีกครั้ง

เดิมทีเฉียวจื้อยังคิดว่าเธอจะหยุดทักทายตนสักเล็กน้อย พูดคุยสักสองสามคำอะไรพวกนั้นเสียอีก แต่ใครจะรู้ล่ะว่าเธอจะทำเพียงพยักหน้าให้เขา แล้วผันร่างเดินออกไปทันที

ท่าทางเย็นชาอย่างนี้เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเขาเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นแล้วเฉียวจื้อจึงเรียกเธอเอาไว้

“เฮ้ ทำไมถึงอยู่ดึกขนาดนี้กัน เธอเพิ่งจะทำโอทีเสร็จหรอ?”

นึกไม่ถึงว่าเขาจะไล่ตามมา หานมู่จื่ออึดอัดใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องรักษามารยาทเอาไว้

“ค่ะ เพิ่งทำโอทีเสร็จ กำลังจะกลับบ้านค่ะ”

ความหมายก็คือ คุณอย่าตามฉันมาอีก

“ดึกขนาดนี้ ผู้หญิงกลับบ้านคนเดียวมันไม่ปลอดภัยเลยนะ ให้ฉันไปส่งเธอหรือเปล่า?” เฉียวจื้อเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม

ส่งเธอ? เห็นท่าทางยิ้มแย้มอารมณ์ดีอย่างนั้นของเขาแล้ว หานมู่จื่อก็ไม่กล้าให้เขาไปส่งเลยจริงๆ

“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไรดีกว่า บ้านฉันอยู่ใกล้ๆแค่นี้ เดี๋ยวก็ถึงแล้วค่ะ”

เฉียวจื้อมีหรือจะฟังคำปฏิเสธที่แฝงอยู่ในคำพูดประโยคนั้นของเธอไม่ออก เขารู้ดีว่า ผู้หญิงตรงหน้าเขาคนนี้มีความสัมพันธ์บางอย่างกับยู่ฉือเซิน ผู้หญิงที่เฝ้ามองยู่ฉือเซิน จะมามองเขาเฉียวจื้อคนนี้ได้ยังไงอีกกัน?

เขาค่อนข้างจะหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง ยิ่งได้บวกกับที่เขาต้องตกที่นั่งลำบากจากทางตาเฒ่านั่น ดังนั้นแล้วในตอนนี้เขาต้องแก้มือให้ได้

เฉียวจื้อคิด ถ้าเขาพาผู้หญิงคนนี้ไปล่ะ? เมื่อถึงตอนนั้นเขาก็ค่อยบอกยู่ฉือเซิน จะยังต้องกลัวเขาจะไม่มาอีกหรอ?

เมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้ว เฉียวจื้อก็เอ่ยออกไปทันทีว่า “ไม่ให้ส่งล่ะก็ งั้นโอทีดึกขนาดนี้ก็คงจะต้องหิวแล้วล่ะมั้ง? ฉันเลี้ยงมื้อดึกเธอสักมื้อ เป็นไง?”

หานมู่จื่อพยายามอดทนเอาไว้ “ขอบคุณค่ะ แต่ฉันไม่หิว”

“ไม่หิวจริงๆ? ยู่ฉือเซินก็ไปด้วยนะ” เฉียวจื้อล่อลวงเธอออกไปด้วยสีหน้ายิ้มๆ

ฝีเท้าของหานมู่จื่อชะงักไปเล็กน้อย เย่โม่เซินก็ไปด้วย?

ไปกินมื้อดึกกับเขา? งั้นถ้าเธอไปล่ะก็…

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset