เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 842 ข่มขู่

บทที่842 ข่มขู่

ทุกคนในที่แห่งนั้นแทบจะช็อกสลบไปกับคำพูดประโยคนั้น!

ชายร่างใหญ่ในชุดสูทหลายคนล้วนส่งสายตาไม่อยากเชื่อไปยังเธอ แต่ละคนต่างก็มีสีหน้าซีดแข็งค้างกันออกมา

เด็กคนนี้ หล่อนยังกล้าเอ่ยเรียกร้องออกมาอีก โลภมากเสียขนาดนี้ คาดว่านายท่านยู่ฉือจะต้องโกรธลมแทบจับขึ้นมาแน่

คนเหล่านั้นมองไปยังนายท่านยู่ฉือ

และมันก็เป็นไปอย่างที่คิดยู่ฉือจินได้โกรธขึ้นมาไม่น้อยเลยทีเดียว ในตอนนี้ได้มีสีหน้าอึมครึมเหมือนกับก้นหม้อขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ชี้หน้าเธอออกไปอย่างเคืองโกรธ “เธอเธอเธอว่าอะไรนะ? ลองพูดอีกทีสิ?”

ริมฝีปากแดงของหานมู่จื่อยกยิ้มออกมาเล็กน้อย เอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้มหวาน “คุณตาเป็นอะไรไปคะ? เมื่อกี้คุณตาพูดเองนี่คะว่าฉันจะอยากได้อะไรก็ได้ หรือว่าในสายตาของคุณตานั้นยู่ฉือเซินไม่ได้มีค่าไปกว่าตระกูลยู่ฉืองั้นหรอคะ? ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว งั้นฉันก็คงไม่อาจไปจากชีวิตเขาได้ อันที่จริงสำหรับฉันแล้ว…ถึงแม้ว่าคุณตาจะประเคนยกตระกูลยู่ฉือมาให้ฉันจริง ฉันก็ไม่มีทางออกไปจากชีวิตเขาหรอกค่ะ”

คำพูดนี้ได้ทำเอายู่ฉือจินอึ้งตะลึงไปทันที นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะพูดออกมาว่าถึงแม้ว่ามอบตระกูลยู่ฉือให้ หล่อนก็จะไม่มีทางออกไปจากชีวิตของเขา

คำพูดนี้จริงเท็จแค่ไหนกัน? เป็นเพราะรู้ว่าเขาไม่มีทางตอบรับออกมา ก็เลยพูดออกมาได้อย่างมั่นอกมั่นใจเสียขนาดนี้ล่ะมั้ง?

“เฮอะ” ยู่ฉือจินแค่นเสียงเย็นออกมา “ไม่ว่าจะยังไง เธอจะต้องการก็ดี ไม่ต้องการก็ดี คำขอที่บ้าบอคอแตกอย่างนั้นฉันไม่มีทางยอมรับอย่างแน่นอน ถ้าเธอไม่พอใจที่เงินน้อยไปฉันก็จะเพิ่มให้เธอ ได้เงินแล้วก็ออกไปซะ!”

หานมู่จื่อยืนอยู่ตรงที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน

พูดคุยอธิบายกับเขามาตั้งนาน จู่ๆเธอก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมาเล็กน้อย

ไม่รู้เหมือนกันว่าเย่โม่เซินจะมาเมื่อไหร่ เนื่องจากว่าอีกฝ่ายเป็นคุณตาของเขา เธอจะพูดแรงเกินไปมันก็ไม่ดีนัก แต่จะให้เธอรับมืออย่างนี้ต่อไปเธอก็เหนื่อยมากแล้วจริงๆ และเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายรับมือได้ยากอีกเช่นกัน ไม่มีทางที่จะต่อล้อต่อเถียงกับเธอออกมาอีกแน่

ภายในใจของหานมู่จื่อลอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อย พร้อมเอ่ยออกไปอย่างจริงจังว่า “คุณปู่ยู่ฉือ ฉันไม่มีทางออกไปจากชีวิตเขาอย่างแน่นอน ไม่ว่าคุณตาจะให้อะไรฉันก็ตาม”

เห็นท่าทางอย่างนั้นของเธอแล้ว ยู่ฉือจินหรี่ตาลงเล็กน้อย เผยแววตาเชือดเฉือน พร้อมกับแค่นเสียงเย็นออกมา “ฉันไม่นึกเลยว่า เธอจะหาที่นี่เจอจนได้”

ได้ยินดังนั้น ภายในใจของหานมู่จื่อก็กระตุกขึ้นมาเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นมาสบตาเข้ากับยู่ฉือจินอย่างลืมตัว

เขาเลือกที่จะหงายการ์ดนี้กับเธอ? ไม่คิดจะเล่นกับเธอแล้ว?

ในเมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว งั้นเธอก็เอ่ยพูดออกไปด้วยดีกว่า

เพียงแต่ริมฝีปากของหานมู่จื่อเพิ่งจะได้ขยับออกมาเล็กน้อย ด้านนอกก็มีเสียงอันเยือกเย็นของชายหนุ่มเสียงหนึ่งดังเข้ามา

“คุณตาจะทำให้เธอลำบากใจไปเพื่ออะไรครับ?”

เสียงทุ้มต่ำอันคุ้นเคยนั้น…

ภายในใจของหานมู่จื่อก็เกิดความดีใจขึ้นมา จากนั้นก็หันไปมองตามเสียงนั้นทันที

เย่โม่เซินที่อยู่ในชุดสูทเรียบง่ายกำลังยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าประตูห้องเลขา กลิ่นอายเยือกเย็นอบอวลไปทั่วทั้งร่างของเขา เขามองภาพเหตุการณ์ภายในห้องเลขาด้วยสายตาอันแสนเย็นชา จากนั้นก็สาวก้าวใหญ่ๆเข้าไปหาหานมู่จื่อทันที

หานมู่จื่อที่เตรียมจะอ้าปากเอ่ยเรียกเขาออกไป แต่กลับถูกเขาจับกุมข้อมือบางเอาไว้ จากนั้นก็ดึงเข้าไปอยู่ข้างหลังร่างของเขา

“เป็นผมที่ตามตอแยเธอเอง คุณตาสามารถมาลงกับผมได้เลย”

การปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหันของเย่โม่เซินนั้นทำเอายู่ฉือจินหรี่ตาออกมาเล็กน้อย มองเขาและหานมู่จื่อที่อยู่ด้านหลังของเขาอย่างไม่สบอารมณ์ เม้มปากอย่างเก็บกลั้นอารมณ์ออกมา “ยังไม่ถึงเวลาที่แกจะเข้าทำงานไม่ใช่หรือไง? ทำไม รีบมาก่อนเพื่อผู้หญิงคนนึง? หรือว่า เมื่อกี้เธอหาข้ออ้างไปชงชา แต่ความจริงแล้วก็คือไปฟ้อง?”

หานมู่จื่อที่กำลังหลบอยู่ด้านหลังเย่โม่เซินนั้นก็รู้สึกว่ากำลังถูกปรักปรำขึ้นมาทันที เธอนั้นได้หอบเอาความตั้งใจจริงไปชงน้ำชามาให้เขาจริงๆ ไม่ได้มีความคิดที่จะฟ้องอะไรเลยด้วยซ้ำ

เธอไม่ใช่ผู้หญิงจำพวกที่ว่าโดนอะไรนิดๆหน่อยๆแล้วไปฟ้องผู้ชายของตัวเองจำพวกนั้นเสียหน่อย

อันที่เรื่องนี้มันก็ซับซ้อนเกินไป อย่างแรกเลยก็คือเธอไม่อยากดึงเย่โม่เซินเข้ามายุ่งเกี่ยว เนื่องจากว่าเรื่องที่เธอกับนายท่านยู่ฉือรู้นั้น ตัวเย่โม่เซินนั้นไม่ได้รับรู้เลย

อย่างที่สองก็คือตัวนายท่านยู่ฉือนั้นไม่ชอบเธอ ถ้าพบว่าเธอเอ่ยฟ้องออกไปอีกล่ะก็ ภาพจำที่มีต่อเธอนั้นจะต้องมีแต่ดำดิ่งลงอย่างแน่นอน

ดังนั้นแล้วไม่ว่าเธอจะเป็นอย่างไร เธอก็จะไม่มีทางที่จะเป็นคนที่ทำเรื่องฟ้องออกไปแน่

แล้วอย่างนั้นเย่โม่เซินรู้เรื่องนี้ได้ยังไง ถึงได้รีบมาในตอนนี้ได้?

“คุณตา มู่จื่อไม่ใช่คนขี้ฟ้องจำพวกนั้นหรอกนะครับ” ในตอนที่หานมู่จื่อกำลังตกอยู่ในความสงสัยอยู่นั้น เย่โม่เซินก็ได้เอ่ยพูดเสียงเย็นแก้ตัวให้เธอออกมา “ผมพอจะคาดเดาได้อยู่ก่อนแล้วว่าคุณตาจะมา เมื่อเช้านี้ผมไม่เจอคุณตา ก็เลยพอจะเดาได้ว่าคุณตาน่าจะต้องอยู่ที่บริษัทแน่ๆ แต่ก็นึกไม่ถึงเลยว่า…ผมจะเดาถูก”

ถูกหลานชายเอ่ยพูดโจมตีกลับมาอย่างโจ่งแจ้งอย่างนี้แล้ว ใบหน้าของยู่ฉือจินก็ข่มกลั้นอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ขึ้นมาทันที เอ่ยพูดออกไปด้วยความโกรธเกรี้ยว “แล้วมันจะยังไง? เมื่อเย็นวานนี้ที่ฉันพูดกับแกไป แกตอบฉันออกมายังไง? พูดจาเหลวไหลอะไรออกมา แกไม่ยอมทำ ฉันในฐานะที่เป็นตาของแกก็เลยจำต้องมาด้วยตัวเองอย่างนี้ไง”

ตรงขมับของเย่โม่เซินกระตุกขึ้นมาไม่หยุด พร้อมเอ่ยเสียงเย็นออกไป “เชิญคุณตากลับไปเสียเถอะครับ เรื่องนี้ผมจัดการเองได้”

“แกคิดจะจัดการยังไง?” ยู่ฉือจินเหลือบมองหานมู่จื่อออกไปอย่างเย็นชา แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “จะเก็บเธออยู่ที่นี่ต่อไป?”

ใบหน้าของเย่โม่เซินดูเย็นชาอย่างมาก ไม่มีความอ่อนโยนออกมาเลยแม้แต่น้อย

“เธอเป็นพนักงานของบริษัท ก็ต้องอยู่ที่นี่อยู่แล้ว”

ได้ยินดังนั้นแล้ว ยู่ฉือจินก็เหมือนราวกับถูกเหยียบหางขึ้นมาไม่มีผิด โทนเสียงโหวกเหวกออกมาอยู่หลายส่วน “แกรู้หรือเปล่าว่าแกกำลังทำอะไรอยู่? สิ่งที่ตาบอกแกไปแกลืมมันไปหมดแล้วหรือไง? แกจะต้องไล่เธอออกเดี๋ยวนี้”

ได้ยินสองตาหลานแทบจะทะเลาะกันออกมาเพราะตัวเองแล้วนั้น ทันทีที่เย่โม่เซินปรากฏตัวออกมา อารมณ์ของยู่ฉือจินก็ดูเหมือนว่าจะควบคุมเอาไว้ไม่อยู่ หานมู่จื่อรู้สึกกังวลใจขึ้นมาเล็กน้อย

ถึงอย่างไรก็เป็นคุณตาของเย่โม่เซิน อีกทั้งเมื่อตอนนั้นเขาก็ได้ช่วยเย่โม่เซินเอาไว้ เธอจึงรู้สึกเคารพและซาบซึ้งใจต่อคุณตาท่านนี้ของเย่โม่เซิน

เธอดึงแขนเสื้อของเย่โม่เซินไปทันที แววตาของเย่โม่เซินชะงักค้างออกไปเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปยังยู่ฉือจิน

“คุณตา เธอเป็นพนักงานบริษัท ไล่ออกหรือไม่ไล่ออกมันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ผมคนเดียว ถ้าคุณตาคิดว่าการตัดสินใจของผมมันส่งผลต่อบริษัทหรือว่ามีปัญหามาก ก็เอาอำนาจทั้งหมดในมือของผมในตอนนี้กลับคืนไปเถอะครับ”

คำพูดนี้ได้ทำเอายู่ฉือจินจุกไปเลยทีเดียว

“แก แกพูดว่าอะไรนะ?”

เย่โม่เซินจับข้อมือเรียวบางของหานมู่จื่อเอาไว้ “คุณตาไม่อยากเห็นหน้าเธอ งั้นผมก็จะพาเธอออกไปจากที่นี่ก็ได้”

พูดจบ เขาก็ลากพาร่างของหานมู่จื่อออกไปจากห้องเลขา

“หยุดอยู่ตรงนั้น!” ยู่ฉือจินตะโกนเสียงดังออกมา แต่ฝีก้าวของเย่โม่เซินกลับรวดเร็วอย่างมาก เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ได้หายไปจนไร้ร่องรอยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

หยูโปก้าวออกไปมองเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปเอ่ยด้วยท่าทางที่ลำบากใจ “ดูจากทิศทางของพวกเขาแล้ว คุณชายคงพาผู้หญิงคนนั้นไปที่ห้องทำงานครับ”

ยู่ฉือจินพอได้ยินดังนั้นแล้ว สีหน้าก็ยิ่งมืดครึ้มออกมามากขึ้น

“นี่มันอะไรกัน?”

“นายท่านไม่อยากเห็นหน้าเธอ คุณชายก็เลยจำต้องพาผู้หญิงคนนั้นออกไปครับ”

“หยูโป นายคิดว่าเจ้าเด็กนั่นเป็นอะไรไป? ฉันทำอย่างนี้ไปก็เพื่อเขาทั้งนั้นไม่ใช่หรือไง? นึกไม่ถึงเลยว่าจะไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีได้ขนาดนี้ พาหล่อนออกไปต่อหน้าต่อตาฉัน แล้วนายดูสิ เจ้าหมอนั่นพูดบ้าอะไรออกมา? ขู่ฉันงั้นหรอ? เจ้าหมอนั่นคิดหรอว่านอกจากเขาแล้ว ฉันจะหาผู้สืบทอดคนอื่นไม่ได้??”

ท่านพ่อบ้านหยูโปพยักหน้าออกไปด้วยความสัตย์จริง

“แบบนี้ไม่ผิดเลยครับ”

ยู่ฉือจิน “…”

“นอกจากคุณชายแล้ว นายท่านก็หาผู้สืบทอดไม่ได้อีกแล้วจริงๆครับ”

ไม่อย่างนั้น เขาจะพยายามคิดวางแผนเพื่อเก็บเขาเอาไว้ข้างตัวอีกหรอ? ก่อนที่เย่โม่เซินยังไม่ได้ปรากฏตัวออกมา เขาก็เป็นคนเดียวที่ต้องคอยดูแลบริษัทเองมาโดยตลอด ไม่เชื่อใจใครเลยสักคน และก็ไม่ยอมปล่อยโอกาสให้กับเครือญาติคนอื่นๆเช่นกัน

ยู่ฉือจินหมดคำพูดขึ้นมาทันที

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset