เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 844 ไม่อาจมาทำเป็นจีบเล่นๆไม่จริงจังได้โดยเด็ดขาด

บทที่844 ไม่อาจมาทำเป็นจีบเล่นๆไม่จริงจังได้โดยเด็ดขาด

เวลามีคนมาเป็นห่วงเป็นใย มักจะชอบสำออยออกไปเป็นพิเศษ

คนที่ร้องไห้ง่ายคนนึงไม่ได้แปลว่าจะเป็นคนขี้แยเสียหน่อย แต่เป็นเพราะว่าเธอมีคนคอยรักคอยเป็นห่วงเท่านั้นเอง เมื่อเทียบกับคนที่ไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยดเมื่อพบเข้ากับฟ้าถล่มลงมาพวกนั้นแล้ว เกรงว่าเรื่องที่ผ่านมาที่คนผู้นี้ได้พบเจอล้วนแล้วจะเป็นผู้ที่แบกรับเอาไว้เองไปทั้งหมด ไม่มีใครคอยเป็นห่วงเป็นใยก็จะต้องทำตัวเข้มแข็งเอาไว้เสมอ

ถ้าหากเย่โม่เซินไม่มา เธอก็จะยังคงสามารถพูดคุยกับนายท่านยู่ฉือไปให้ชัดเจนเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะพูดจามะนาวไม่มีน้ำกับตน แต่หานมู่จื่อก็มีวิธีสู้กับอีกฝ่ายกลับไปเหมือนกัน

แต่แล้วเย่โม่เซินก็มา

เขาเข้ามาบังร่างเธอเอาไว้ ทำเพื่อเธอจนไม่สนใจเลยว่าจะเป็นการขัดใจคุณตาของเขา

ความรู้สึกของการถูกปกป้องเหล่านั้น บวกกับอ้อมกอดในตอนนี้ของเขา หานมู่จื่อก็รู้สึกว่าจมูกของเธอเริ่มแสบร้อนขึ้นมาเล็กน้อย เบ้าตาร้อนขึ้นมา เหมือนกับว่าจะมีอะไรจะเอ่อออกมายังไงอย่างนั้น

หานมู่จื่อพยายามข่มกลั้นความรู้สึกนี้กลับไป เอ่ยไปด้วยรอยยิ้ม “คุณคิดมากไปแล้ว ฉันจะร้องไห้ได้ยังไงกันล่ะ?”

ถึงแม้ว่าจะพูดออกไปอย่างนั้น แต่ขอบตากลับเปียกชื้นออกมา ตอนนี้เธอได้ซุกหน้าเข้าไปในอ้อมกอดเย่โม่เซินด้วยความรู้สึกดี ดังนั้นแล้วเย่โม่เซินจึงมองไม่เห็นขอบตาที่เปียกชื้นของเธอ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุที่มาจากเสียงของเธอฟังดูอู้อี้ไปหรือเปล่า เย่โม่เซินจึงขยับตัวเล็กน้อย พยายามจะดึงร่างของเธอออก

หานมู่จื่อกลัวขึ้นมาว่าจะทำให้เขาเห็นเข้ากับความเปียกชื้นตรงขอบตาของเธอในตอนนี้ ดังนั้นแล้วในตอนที่เขาดันร่างเธอออกมานั้นจึงจำต้องกอดเข้าไปบนเอวสอบของเขาแน่นสุดแรง พร้อมกำเสื้อของเขาเอาไว้แน่น

คนตรงหน้านิ่งชะงักไปเล็กน้อย แต่สักพักก็กลับมากอดเธอแน่นอีกครั้ง

เย่โม่เซินเหมือนกับว่าจะเข้าใจเธอ หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทั้งสองคนต่างกอดกันอย่างเงียบๆกันอยู่อย่างนั้น

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน หานมู่จื่อก็ได้กลับคืนสู่สภาพเดิม แล้วแยกออกมาจากอ้อมกอดของเย่โม่เซินทันที

“เอ่อ…เมื่อกี้คุณตาของคุณ…”

“อืม”

ไม่รอให้เธอได้เอ่ยพูดคำที่อยู่ข้างหลังออกมาจนหมด เย่โม่เซินก็ได้ส่งเสียงอืมออกมา พร้อมทั้งเอ่ยออกมาอีกว่า “ผมจะจัดการให้เรียบร้อย คุณอยู่ให้สบายใจไปก็พอ”

“งั้นคุณจะจัดการยังไงคะ?” เนื่องจากเมื่อกี้ได้ยินบทสนทนาของเขากับยู่ฉือจินในห้องเลขานั้นแล้ว ดังนั้นแล้วหานมู่จื่อจึงกังวลใจอย่างมาก

ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเย่โม่เซินเพิ่งจะชัดเจนขึ้นมาได้ไม่กี่วัน ก็เกิดเรื่องจำพวกนี้ขึ้นมาเสียแล้ว ตอนนี้เขาสูญเสียความทรงจำไป ก่อนหน้านี้หานมู่จื่อยังเคยคิดเลยว่าถ้าเกิดเธอต้องปะทะกับคุณตาของเขา คุณตาของเขาต้องการให้เขาทิ้งเธอไป เขาจะเลือกทำยังไง

แต่หลังจากที่เกิดเรื่องในวันนี้ขึ้นมา หานมู่จื่อก็คิดว่า…มีโอกาสสูงที่เย่โม่เซินจะยอมหันหลังเป็นปรปักษ์กับคุณตาของเขาเพื่อเธอ

ถึงแม้ว่าการใส่ใจเป็นห่วงเป็นใยอย่างนี้ของเขาจะทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งใจ แต่การที่จะให้ระหว่างเขากับญาติต้องเกิดความเกลียดชังต่อกันนี่มันก็ไม่ใช่เจตนาเดิมของเธอเลยเช่นกัน

เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว หานมู่จื่อก็ได้เอ่ยออกไปทันที “คุณใจเย็นลงหน่อย อย่าให้คุณต้องบาดหมางกับคุณตาของคุณเลยค่ะ”

ได้ยินอย่างนั้นแล้ว เย่โม่เซินอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วออกมาเล็กน้อย “ทำไม กลัวว่าผมทะเลาะกับคุณตาแล้วจะไม่มีอะไรจะกินงั้นหรอ?”

หานมู่จื่อกัดลงไปบนริมฝีปากของตัวเอง เอ่ยออกไปอย่างคิดพิจารณา “ฉันไม่หวังให้คุณต้องมาทะเลาะกับคนในครอบครัวของคุณเพียงเพราะฉัน บางที…ฉันอาจจะลองพยายามให้เขายอมรับฉันดูดีกว่า?

จากเรื่องที่เกิดขึ้นมาวันนี้ก็จะเห็นได้ว่าคุณตาของเย่โม่เซิน ถึงแม้ว่าจะหัวรั้นไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่คนที่มีความคิดเลวร้ายอะไร แต่ถ้าอยากให้เขายอมรับให้เธอคบหากับเย่โม่เซินนั้น คาดว่าน่าจะต้องค้นหาความจริงกันถึงรากถึงโคน

จะต้องหาสาเหตุที่ทำให้ยู่ฉือจินไม่ให้เธอคบหากับเย่โม่เซินก่อน

ปกติอายุปูนนี้แล้ว ไม่มีทางที่จะไร้เหตุผลขนาดนั้น

ถ้าอย่างนั้นแล้วอะไรกันล่ะที่ทำให้เขาต้องกีดกันไม่ให้เธอกับเย่โม่เซินคบหากันด้วยล่ะ?

“อืม เอาอย่างนี้แล้วกัน ฉันจะลองพยายามพูดโน้มน้าวคุณตาของคุณดู ลองดูว่าท่านจะยอมรับฉันได้หรือเปล่า ถ้าไม่ไหวจริงๆ…”

เธอลากเสียงยาวตรงท่อนสุดท้าย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกไป

เย่โม่เซินขมวดคิ้วออกมา กุมข้อมือเธอแน่น “ไม่ไหวจริงๆแล้วยังไง? คุณจะไปจากผม?”

แรงที่จับอยู่บนข้อมือลงแรงหนักขึ้นมาเล็กน้อย และเย่โม่เซินที่อยู่ตรงหน้า คิ้วดกของเขาในตอนนี้กลับขมวดเข้าหากันแน่น สายตาของเขาจับจ้องมายังเธอ

เมื่อเห็นท่าทางอย่างนั้นของเขาแล้ว หานมู่จื่อก็อดไม่ได้ที่จะมีความคิดอยากจะแหย่เขาเล่นขึ้นมา

“ถ้า…คุณตาของคุณไม่ยอมรับให้ฉันคบกับคุณได้จริงๆ อย่างนั้นแล้ว…ฉันก็คงทำได้แค่เพียงออกไปนี่คะ”

เธอลองพูดเย้าหยั่งเชิงเขาออกไปประโยคนึง

คำพูดเพิ่งจะหลุดออกไป แรงที่กำลังบีบมือเธออยู่นั้นก็ยิ่งแรงขึ้นมาหลายระดับ เขาโน้มตัวเข้ามา มืออีกข้างนึงของเขานั้นก็ได้รั้งลำคอขาวเนียนของเธอเอาไว้ ลมหายใจถี่ออกมามากขึ้น

“ผมไม่ยอม!”

หานมู่จื่อนิ่งตะลึงไปเล็กน้อย

แววตาของเย่โม่เซินนิ่งขรึมกว่าที่ผ่านมาอยู่เยอะมาก สงบเยือกเย็นเหมือนอย่างกับค่ำคืนก่อนที่จะเกิดพายุฝน ที่ถึงแม้ว่าจะดูสงบ แต่กลับไม่อาจปิดกั้นพละกำลังทำลายล้างที่แผ่ออกมาได้

นี่คือ…จริงจัง?

หานมู่จื่อไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาจะแคร์เธอได้ถึงขนาดนี้ อีกทั้งยังถูกคนเย้าเล่นได้ง่ายขนาดนี้

เธออดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะออกไปเบาๆ “คุณทำอะไรกันเนี่ย? ฉันแค่ล้อคุณเล่นเท่านั้นเอง”

ได้ยินคำพูดนั้นแล้ว เย่โม่เซินก็ขมวดคิ้วออกมาทันที “ล้อเล่น?”

หานมู่จื่อพยักหน้า “ใช่ค่ะ จะต้องพูดเล่นอยู่แล้วสิคะ”

หลังจากที่เธอพูดอย่างนั้นออกไป สีหน้าของเย่โม่เซินก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย แต่กลับนิ่งขรึมมากขึ้นกว่าเดิมอยู่หลายส่วน นัยน์ตาดำสนิทจับจ้องมองมายังเธอ

แววตาคู่นี้แฝงไปด้วยความเยือกเย็น มองมาจนหานมู่จื่อรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา

“เป็น…เป็นอะไรไปคะ?” เธอเอ่ยถามออกไปอย่างตะกุกตะกัก

เมื่อกี้นี้เธอพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า? เธอก็ได้บอกแล้วนี่ว่าล้อเล่นน่ะ? แต่สีหน้าของเย่โม่เซินก็ยังไม่ดีขึ้นเลย

เย่โม่เซินจ้องมองเธอนิ่งเงียบ ผ่านไปสักพักก็เอ่ยออกมา “เป็นเพราะช่วงเวลามันสั้นเกินไป?”

หานมู่จื่อ “อะไรนะคะ??”

“เป็นเพราะว่าช่วงเวลาสั้น ความรู้สึกที่คุณมีต่อผมก็เลยไม่ลึกซึ้งมากนัก ก็เลยเอาเรื่องนี้มาพูดเล่นได้ง่ายๆโดยไม่คิดอะไรแบบนี้ได้”

หานมู่จื่อ “…”

หลังจากได้ยินคำพูดนั้นออกมา หานมู่จื่อก็รู้ตัวทันทีว่าคำพูดล้อเล่นพล่อยๆเมื่อสักครู่นี้ของเธอ เย่โม่เซินได้เอามาคิดเป็นจริงเป็นจัง

ผู้พูดไม่ได้คิดอะไร แต่ผู้ฟังกลับคิด ความเข้าใจผิดก็เลยเกิดขึ้นมาอย่างนี้

เธอเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเย่โม่เซินจะแกะความหมายตามคำพูดนั้นออกมา ในตอนนี้ยังมีท่าทางที่เคร่งขรึมจริงจังออกมา ถ้าเธอแสดงอะไรที่ไม่ถูกต้องออกไปอีกล่ะก็ อาจจะทำให้ไฟโกรธของเขาเพิ่มขึ้นมาอีกแน่

หานมู่จื่อจำต้องรีบพูดอธิบายออกไปทันที “ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันไม่ได้เอาเรื่องนี้มาพูดเล่นๆไม่คิดอะไร เมื่อกี้นี้ฉันแค่พูดไปอย่างนั้นเอง ฉันไม่ได้มีความคิดอย่างนั้นเลยนะคะ”

แม้ว่าจะพูดออกไปตั้งหลายคำ แต่สีหน้าของเย่โม่เซินก็ยังคงเหมือนกับมีเมฆดำเข้าปกคลุมอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลย

หานมู่จื่อก็ยิ่งร้อนใจขึ้นมามากขึ้น ทำได้แค่เพียงเข้าไปจับมือเขาเอาไว้

“คุณโกรธแล้วใช่มั้ย? งั้นฉันขอโทษนะคะ เมื่อกี้นี้ฉันพูดผิดไปแล้ว ต่อไปฉันจะไม่พูดออกมาอีกดีมั้ยคะ?”

เมื่อได้ยินเธอขอโทษออกมา ความมืดครึ้มในแววตาของเย่โม่เซินก็ได้ลดหายไปบางส่วน เขาเม้มริมฝีปากอย่างไม่พอใจ

“ยั่วผมแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบไปตลอดชีวิต ไม่อาจทำเป็นจีบเล่นๆไม่จริงจังได้หรอกนะ”

ท่าทางเมื่อสักครู่นี้ของเขาได้ทำเอาหานมู่จื่อตื่นตกใจขึ้นมา ดังนั้นแล้วตอนนี้ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรออกมา หานมู่จื่อก็ทำได้แค่เพียงพยักหน้าตอบตกลงไปเท่านั้น ถึงขนาดที่ยกมือพร้อมเอ่ยออกมา “ฉันรับประกันได้เลยว่าจะรับผิดชอบจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน จะไม่จีบติดแล้วทิ้งขว้างไปโดยเด็ดขาด”

พูดจบเธอก็ได้รู้ตัวว่าคำพูดจำพวกได้แล้วทิ้งพวกนั้นไม่ใช่ว่าต้องออกมาจากทางฝ่ายชายหรือไง? ทำไมจู่ๆถึงได้กลับกลายมาเป็นเธอที่พูดออกไปเสียได้?

แต่ในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาที่จะไปคิดเรื่องอื่น คิดกังวลเพียงแค่ว่าเย่โม่เซินจะยังคิดมาก เพื่อให้เขาได้สบายใจ เธอจึงเอ่ยออกไปอีกว่า “คุณคิดดูสิ เมื่อกี้คุณตาของคุณให้เงินฉัน ฉันก็ยังไม่รับเลย นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกที่ฉันมีต่อคุณแล้วว่าฉันไม่มีทางทิ้งคุณไปอย่างแน่นอน”

เย่โม่เซินคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็เอ่ยเสียงทุ้มต่ำออกไป “ต่อไปคุณตาให้เงินคุณ คุณก็รับเอาไว้”

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset