เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 929 ออดอ้อนเป้าหมาย

บทที่929 ออดอ้อนเป้าหมาย

ดึกแล้ว แต่เสี่ยวหมี่โต้วกลับยังถือแก้วน้ำนั่งจิบน้ำในแก้วอย่างช้าๆทีละคำๆอยู่บนเก้าอี้ไปอย่างว่าง่าย

บอกว่าเขาหิวน้ำ แต่สีหน้าและท่าทางการดื่มน้ำนี้กลับดูเหมือนกับว่าจะไม่ได้หิวน้ำเลยแม้แต่น้อย

บอกว่าเขาไม่หิวน้ำ แต่เขากลับค่อยๆดื่มน้ำแก้วนี้ไปจนหมด

ภายในห้องครัวเงียบสนิท ในตอนนี้ทั้งสามคนต่างพากันเงียบนิ่งไม่พูดไม่จากันไปโดยปริยาย ภายในห้องมีเพียงเสียงเสี่ยวหมี่โต้วดื่มน้ำเพียงเท่านั้น

ผ่านไปได้สักพักนึง เสี่ยวหมี่โต้วก็เงยหน้าขึ้นมา สายตาใสซื่อสบเข้ากับนัยน์ตาอันเยือกเย็นคู่นั้นของเย่โม่เซิน เอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ “แด๊ดดี้ แด๊ดดี้ไม่หิวน้ำหรอ? ทำไมไม่ดื่มล่ะ?”

หานมู่จื่อ “…”

ไม่รอให้เย่โม่เซินเอ่ยออกมา หานมู่จื่อก็ได้เอ่ยออกมา “เมื่อกี้นี้แด๊ดดี้ของหนูเขาดื่มไปแก้วนึงแล้ว อีกเดี๋ยวค่อยดื่มอีกที ถ้าดื่มสองแก้วทีเดียวเดี๋ยวจะจุกท้องเอา”

ได้ยินคำพูดนั้นแล้ว บนใบหน้าของเสี่ยวหมี่โต้วก็มีสีหน้าที่เข้าใจถึงสาเหตุของเรื่องออกมาทันที ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ก้มลงดื่มน้ำไปจนหมดแก้วอย่างว่าง่าย

เห็นว่าน้ำในแก้วของเขาเห็นก้นแก้วออกมาแล้วสักที เย่โม่เซินก็เม้มริมฝีปากแน่นขยับเตรียมที่จะพูดอะไรออกมา เสี่ยวหมี่โต้วก็ยื่นแก้วในมือออกไป

“หม่ามี๊ ผมยังอยากดื่มอีกแก้ว”

เย่โม่เซิน “…”

เขาหรี่ตาออกมาเล็กน้อย มองจ้องเสี่ยวหมี่โต้ว ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เอาแต่คิดเสียแต่ว่าเจ้าเด็กนี่จงใจแน่ๆ

ไม่อย่างนั้นแล้วทำไมพอเขาออกมาจากห้องเสี่ยวหมี่โต้วก็ตื่นขึ้นมาพอดีได้ จากนั้นก็ยังมาเจอที่ห้องครัว ตอนนี้ก็ยังมานั่งดื่มน้ำอยู่ตรงนี้อีก ไม่ไปสักที

หานมู่จื่อกลับไม่ได้สงสัยอะไรเสี่ยวหมี่โต้วเลย พอได้ยินว่าเขาอยากดื่มอีกแก้ว ก็พยักหน้าหยิบแก้วขึ้นมาเตรียมที่จะรินให้กับเสี่ยวหมี่โต้วอีกแก้ว

แต่เย่โม่เซินก็ถือโอกาสนี้พูดออกมา

“ดึกแล้วดื่มมากไปมันจะไม่ดีต่อตับ แก้วเดียวก็พอแล้ว กลับไปนอน”

ได้ยินอย่างนั้นแล้ว การกระทำของหานมู่จื่อก็ได้หยุดชะงักลง สายตามองไปยังเย่โม่เซิน สายตาของทั้งสองคนสบเข้าหากัน สายตาของเขาเลื่อนออกไปจากร่างของเธอไปยังร่างของเสี่ยวหมี่โต้ว

สีหน้าของเสี่ยวหมี่โต้วใสซื่อออกมา

“แต่เสี่ยวหมี่โต้วยังรู้สึกหิวน้ำอยู่เลยนะ อีกอย่างเมื่อกี้นี้หม่ามี๊ก็พูดนี่ว่าแด๊ดดี้ต้องอยู่ตรงนี้อีกสักพักแล้วค่อยดื่มไม่ใช่หรอครับ? ไม่สามารถดื่มเยอะมากในครั้งเดียวใช่มั้ยครับ? งั้นเสี่ยวหมี่โต้วอยู่รอที่นี่กับแด๊ดดี้ด้วยแล้วกัน~”

เย่โม่เซิน “…”

ถึงแม้ว่าเจ้าเด็กตรงหน้านี้เพิ่งจะรู้จักกัน อีกทั้งเขาเองก็ยังเซอร์ไพรส์เป็นอย่างมาก แต่ในตอนนี้เย่โม่เซินอยากจะหิ้วเขาโยนกลับห้องเสียจริงทำไงดี? ถึงแม้ว่าเขาจะแสดงสีหน้าใสซื่อออกมา แต่การเผชิญหน้ากันในห้องเมื่อก่อนหน้านี้กับท่าทางที่เปลี่ยนไปทันทีเมื่อเสี่ยวหมี่โต้วเห็นหานมู่จื่อนั้น เย่โม่เซินเคยเจอมาหมดแล้ว

ดังนั้นแล้ว ในตอนนี้จะบอกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจเข้ามาก่อเรื่อง เย่โม่เซินไม่เชื่อเลยจริงๆ

เมื่อคิดอย่างนี้แล้ว ริมฝีปากบางของเย่โม่เซินก็แสยะออกมาเล็กน้อย เดินเข้าไปกดท้ายทอยของเสี่ยวหมี่โต้ว “อากาศหนาวแล้ว กลับห้องไปนอนไป เดี๋ยวอีกสักพักแด๊ดดี้ยกไปให้เอง”

“เฮอะ ผมไม่ต้องการ” เสี่ยวหมี่โต้วปัดมือใหญ่ข้างนั้นที่กดท้ายทอยของเขาออกไปอย่างไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย หันไปมองทางหานมู่จื่อ แล้วเริ่มทำการออดอ้อนออกไป “หม่ามี๊ ผมอยากรออยู่ตรงนี้ ได้มั้ยครับ?”

การปฏิบัติต่อคำขอที่ลูกชายของตนเสนอออกมานั้น นอกจากเรื่องเมื่อก่อนหน้านี้ที่เธอไม่อาจตอบรับได้แล้ว ปกติแล้วหานมู่จื่อก็จะตอบสนองความต้องการของเขาอยู่แล้ว

เนื่องจากเสี่ยวหมี่โต้วรู้ความอย่างมาก แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่เคยเอ่ยขออะไรที่ไร้เหตุผลกับเธอเลย เว้นเสียแต่ว่าอะไรที่ไม่อาจตอบรับได้ ไม่อย่างนั้นแล้วโดยปกติแล้วหานมู่จื่อก็จะตามใจเขาทั้งนั้น

ดังนั้นแล้วเหมือนกับคำขอเล็กๆอย่างนี้ หานมู่จื่อจะทำใจปฏิเสธออกไปได้ยังไง? เห็นสายตาและใบหน้าที่คาดหวังของลูกชายตนแล้ว หานมู่จื่อก็ตอบรับออกไปด้วยรอยยิ้มหวาน

หลังจากที่เธอตอบรับออกไปแล้วนั้น คิ้วของเย่โม่เซินก็ได้ขมวดออกมาเล็กน้อย ริมฝีปากเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง ขากรรไกรขบกันแน่น

ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กนี่จงใจจะนั่งอยู่ตรงนี้สินะ

“ขอบคุณครับหม่ามี๊~รักหม่ามี๊นะครับ!” เสี่ยวหมี่โต้วเห็นหานมู่จื่อตอบรับออกมา ก็ยังส่งจูบไปให้เธอทีนึง

ในที่สุดเย่โม่เซินก็รู้สึกได้ถึงการคุกคามจากเสี่ยวหมี่โต้วขึ้นมาเสียแล้ว

หานมู่จื่อคิดอยู่เล็กน้อย ทันใดนั้นเองก็เงยหน้าขึ้นมองเย่โม่เซิน

“คุณกลับไปนอนเถอะ อีกเดี๋ยวเขาดื่มเสร็จ ฉันจะส่งเขากลับไปเอง”

ทั้งสามคนเอาแต่เผชิญหน้ากันอยู่ตรงนี้มันน่าอึดอัดจนเกินไป โดยเฉพาะเพียงแค่คิดเรื่องเมื่อกี้นี้ที่เธอได้ทำกับเย่โม่เซินในความมืดพวกนั้นขึ้นมาแล้ว ดวงตาของเสี่ยวหมี่โต้วเดี๋ยวก็มืดครึ้มเดี๋ยวก็เปล่งประกายออกมา ถึงแม้ว่าเขาจะยังเป็นเพียงแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง แต่หานมู่จื่อคิดเสมอว่าเขาเหมือนกับรู้เรื่องทุกอย่างไม่มีผิด

“แด๊ดดี้ แด๊ดดี้ได้ยินแล้วหรอยัง? แด๊ดดี้กลับไปนอนเถอะ อีกเดี๋ยวหม่ามี๊จะไปส่งผมเข้านอนเอง~”

เฮอะ

เย่โม่เซินยกยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย รังสีที่ไม่อาจมีใครรับรู้ได้แผ่ออกมาทางแววตา จากนั้นเขาก็ก้าวเข้าไปหยุดอยู่ตรงข้างๆร่างของเสี่ยวหมี่โต้วพร้อมกับดึงเก้าอี้นั่งลงไป

“จะรีบไปไหน? ฉันยังมีอีกแก้วที่ยังไม่ได้ดื่มเลยนะ”

เขานั่งลงแล้วจงใจที่จะนั่งใกล้กับเสี่ยวหมี่โต้ว น้ำเสียงกดต่ำลง

“ไม่กลับไป?”

เสี่ยวหมี่โต้วไม่มองเขาเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับว่าไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดเลยไม่มีผิด แต่กลับเงยหน้าขึ้นมองหานมู่จื่อ

“หม่ามี๊ นอนกับแด๊ดดี้แล้วผมรู้สึกหนาวนิดหน่อย ผมไปนอนกับหม่ามี๊ด้วยได้หรือเปล่าครับ?”

ได้ยินอย่างนั้น นัยน์ตาอ่านยากของเย่โม่เซินหรี่ลงทันที

หานมู่จื่อเกิดความแปลกใจขึ้นมา “หนาว?”

เธอมองไปทางเย่โม่เซิน “ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ล่ะ?”

“หนาวงั้นหรอ?” เย่โม่เซินมองลูกชายสุดที่รักของเขา “งั้นอีกเดี๋ยวกลับไปแด๊ดดี้กอดหนูนอนเอง”

หานมู่จื่อจึงวางใจขึ้นมา พร้อมพยักหน้าออกไป “แด๊ดดี้ของลูกพูดถูก อีกเดี๋ยวกลับไปก็ให้แด๊ดดี้กอดหนูนอนไปพร้อมกันเลยสิ”

เมื่อก่อนนี้เดิมทีแล้วทั้งสองพ่อลูกคู่นี้ไม่เคยเจอหน้ากันอย่างนี้มาก่อน ที่ผ่านมาก็ไม่ได้คุ้นเคยกันเลย อีกทั้งเสี่ยวหมี่โต้วก็คงมีอคติต่อแด๊ดดี้ของเขาขึ้นมาไม่หยุดเลยแม้แต่น้อย ถ้าใช้โอกาสในตอนที่เย่โม่เซินยังไม่ฟื้นความทรงจำกลับมานี้เพื่อทำให้สองคนพ่อลูกเข้ากันได้ดีขึ้น ถ้าคืนนี้ได้นอนด้วยกัน ก็จะช่วยเชื่อมความสัมพันธ์และปลูกฝังความรู้สึกให้กับทั้งสองพ่อลูกได้

นี่มันก็ไม่เลวเลยทีเดียว

เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้แล้ว นัยน์ตาของหานมู่จื่อถึงขนาดที่ปรากฏรอยยิ้มออกมาเลยทีเดียว

เสี่ยวหมี่โต้ว “…”

แด๊ดดี้กอดเขานอน?

พอนึกถึงภาพนั้นแล้ว เสี่ยวหมี่โต้วก็รู้สึกรังเกียจขึ้นมาทันที จมูกเล็กและคิ้วก็ได้นิ่วออกมา

“ทำไม รังเกียจแด๊ดดี้ของหนูหรือไง?” เย่โม่เซินเลิกคิ้วถาม

ได้ยินคำพูดนี้แล้ว หานมู่จื่อก็นึกถึงภาพตอนที่อยู่บ้านเช่าเมื่อก่อนหน้านี้ขึ้นมาอีกครั้ง ที่เด็กน้อยคนนี้ได้ต่อยหน้าเย่โม่เซินไปหนึ่งหมัด แล้วถามเขาว่าใครเป็นไอ้เด็กเหลือขอ

เด็กเหลือขอ…

ในตอนที่เย่โม่เซินพูดประโยคนั้นก็ได้ถูกเสี่ยวหมี่โต้วได้ยินมันเข้า

นี่มันไม่ใช่เรื่องดีอะไรนัก

ในตอนนั้นหานมู่จื่อได้ถูกเขาพูดไม่ดีใส่จนเจ็บปวดไปหลายครั้ง เย่โม่เซินเมื่อก่อนนั้นหยิ่งยโสยิ่งกว่าที่เธอคิดเสียอีก

ตัวเองเป็นผู้ใหญ่ ก็คงจะปล่อยวางจากเรื่องพวกนี้ได้บ้าง

แต่เด็กล่ะ? เขาจะเป็นยังไง? ต่อจากนี้ไปจะมองพ่อของตัวเองยังไง?

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แล้ว ใจของหานมู่จื่อรู้สึกกังวลขึ้นมาไม่หยุด

“เสี่ยวหมี่โต้ว ลูก…”

เสี่ยวหมี่โต้วฉลาดเกินไปแล้ว คำพูดของเธอยังไม่ทันได้พูดออกไป เสี่ยวหมี่โต้วก็ได้เป็นฝ่ายเอ่ยพูดออกมาเสียแล้ว

“หม่ามี๊สบายใจได้เลย ผมไม่มีทางรังเกียจแด๊ดดี้หรอก งั้นก็ว่ากันตามนี้ก็ได้ แด๊ดดี้ ตอนนี้พวกเราต้องกลับไปพร้อมกันเลยมั้ย?”

เย่โม่เซินมีสีหน้านิ่งเรียบออกมา “นั่งอีกสักพัก ดื่มน้ำให้เสร็จ หนูกลับไปก่อนเลย”

ทันใดนั้นเองเสี่ยวหมี่โต้วกลับเข้ามาเกาะแขนเขาเอาไว้ “ไม่ ผมอยากให้แด๊ดดี้อุ้มผมกลับ”

เขาเริ่มออดอ้อนออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีเป้าหมายเป็นเย่โม่เซิน

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset