เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 938ความทรงจำที่สูญหายไป

บทที่938ความทรงจำที่สูญหายไป

คิดถึงตรงนี้ เซียวซู่มองเสี่ยวหมี่โต้วด้วยความซาบซึ้ง และกล่าวขอบคุณเขา

“ขอบคุณนะ เสี่ยวหมี่โต้ว”

เสี่ยวหมี่โต้วยิ้มแฉ่ง: “คุณอาเซียวไม่ต้องเกรงใจครับ~ถ้าอย่างงั้น คุณอาจะไปหาแดดดี๊มั้ยครับ? ผมดูคุณอาก็ยังกังวลมากเลย~”

เซียวซู่พยักหน้า: “ไปครับ”

“งั้นคุณอาไปเถอะครับ เสี่ยวหมี่โต้วจะรอคุณอาเซียวกับแดดดี๊อยู่ที่นี่นะครับ”

เซียวซู่ลุกขึ้นอย่างไว กำชับเสี่ยวหมี่โต้วอย่าวิ่งไปไหน รอพวกเขาอยู่ที่นี่ จากนั้นก็ได้เดินออกไปอย่างไว หลังจากแยกแยะทิศทางเสร็จ ก็ได้วิ่งไปยังทิศทางของห้องน้ำอย่างไว

เย่โม่เซินที่อยู่ในห้องน้ำได้ล้างหน้าหนหนึ่ง มองดูตัวเองในกระจก สีหน้าค่อนข้างเขียวซีด ถึงว่าเมื่อครู่ตอนที่เซียวซู่เห็นเขาถึงได้เผยสีหน้ากังวลออกมา

ที่แท้ความทรงจำนั้นได้ทรมานจนสีหน้าเขาดูแย่มากแล้ว ศีรษะก็ปวดตุ๊บๆอีกเช่นเคย แต่เย่โม่เซินกลับหวังให้ตัวเองจำเรื่องทั้งหมดของเมื่อก่อนได้

ถึงปวดหัวจนใกล้จะระเบิด ขอแค่ทำให้สามารถทำให้เขาจำเรื่องทั้งหมดได้ก็ดีแล้ว

ความรู้สึกที่ความทรงจำว่างเปล่ามันทรมานจริงๆ

เย่โม่เซินกำลังครุ่นคิดอยู่ จู่ๆด้านนอกมีเสียงดังขึ้นมา

“คุณชายเย่ครับ?”

เย่โม่เซินได้ยินแล้วหันไปมอง เห็นเซียวซู่ยืนอยู่ที่ข้างประตู มองดูเขาด้วยแววตากังวล

เขาเม้มปาก จากนั้นก็ได้เดินไปหาเขา

“นายมาได้ยังไง?”

เซียวซู่ไม่ได้ปิดบังความคิดของตัวเอง “คุณชายเย่ไม่สบาย? จะให้ผม……….”

จะให้ผมส่งคุณชายไปที่โรงพยาบาลมั้ยครับ คำนี้ยังไม่พูดจบอย่างสมบูรณ์แบบ ก็ถูกเย่โม่เซินขัดจังหวะแล้ว

“ความทรงจำที่สูญหายไป สามารถหากลับมาได้มั้ย?”

เซียวซู่ถูกคำถามที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำเอามึนตึ๊บ สักพักถึงดึงสติกลับมาได้ เขาตอบอย่างอ้ำๆอึ้ง: “น่าจะ…….ได้มั้งครับ?”

แววตาของเย่โม่เซินมองทะลุผ่านข้างกายเขาก็ไม่รู้มองไปที่ไหน เพียงแต่แววตาดูแล้วมองไปไกลมาก

“นายบอกนายเป็นผู้ช่วยของฉัน งั้นช่วยฉันทำเรื่องหนึ่งได้มั้ย?”

“เรื่องอะไรครับ” เซียวซู่ยืดตัวตรงแล้วถาม

“ฉันอยากฟื้นฟูความทรงจำ เรื่องนี้ฉันไม่สะดวกทำเอง ดังนั้นจำเป็นจะต้องให้นายช่วย”

เซียวซู่: “…….เอ่อ คุณชายเย่จะให้ผม ทำอะไรครับ?”

*

เสี่ยวหมี่โต้วนั่งอยู่บนเก้าอี้แกว่งเท้าไปมา มองดูพนักงานเข้ามาเสิร์ฟอาหารสองรอบแล้ว ที่นั่งข้างกายและฝั่งตรงข้ามของเขาก็ยังว่างเปล่าอยู่ เสี่ยวหมี่โต้วอดไม่ได้ที่จะมือเท้าคาง และครุ่นคิดขึ้นมา

ผู้ชายสองคนไปเข้าห้องน้ำ ทำไมถึงไปครึ่งค่อนวัน?

หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรที่ให้เขารู้ไม่ได้หรอ?

ไม่รู้ว่าหลังจากกลับไปจะบอกเรื่องนี้ให้หม่ามี๊ทราบมั้ย? เสี่ยวหมี่โต้วได้ยินมาว่าผู้ชายสมัยนี้ ล้วนแต่ชอบเกย์~

กำลังครุ่นคิดอยู่ ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าก้องมา

เย่โม่เซินกับเซียวซู่กลับมาแล้ว เจอกับพนักงานที่กำลังจะออกไปพอดี

พนักงานเห็นเย่โม่เซินที่หน้าตาหล่อเหลา ก็ได้เผยรอยยิ้มให้เขา แถมยังส่งสายตาหวานให้เขา

ชาวตะวันตกค่อนข้างที่จะเป็นคนเปิดเผย ไม่กระมิดกระเมี้ยน ดังนั้นพอเห็นผู้ชายที่หล่อเหลาอย่างเย่โม่เซิน ก็จะหว่านเสน่ห์ใส่ ถ้าสามารถหว่านเสน่ห์ใส่และอยู่ด้วยกันก็ย่อมดีอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้ งั้นก็ถือว่าเป็นการทักทายก็พอแล้ว

เสี่ยวหมี่โต้วมองดูภาพนี้ เฝ้าตาดูเย่โม่เซินอย่างไม่คลาดสายตาเลย อยากดูปฏิกิริยาของเขา

แต่ปรากฏ เย่โม่เซินเดินเข้ามาอย่างสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่มองพนักงานแม่แต่หางตา ยิ่งอย่าบอกว่าจะส่งสายโปรยเสน่ห์ให้เธอเลย

พนักงานไม่ได้รับปฏิกิริยาตอบโต้ก็แล้วไป แถมยังเห็นแค่ร่างเงาที่เย็นชา ทันใดนั้นรู้สึกหมดความสนุกเลย แต่เธอก็ไม่ได้โกรธเลย แค่เก็บสีหน้าแล้วเดินจากไป

แต่ว่าภาพเมื่อกี๊ถูกเซียวซู่เห็น

เซียวซู่ส่ายหัวอยู่ในใจ จากนั้นก็ได้เดินตามเข้าไป

เย่โม่เซินเพิ่งนั่งลงมา เสี่ยวหมี่โต้วก็เริ่มร้องเรียนเขา

“แดดดี๊เลว เดี๋ยวผมกลับไปจะบอกหม่ามี๊ว่า แดดดี๊ชอบโปรยเสน่ห์ไปทั่ว”

เย่โม่เซินที่เพิ่งกลับมาจากห้องน้ำ และไม่รู้เรื่องอะไรเลย: “? ? ?”

เซียวซู่ใช้มือเป็นหมัดบังปากตัวเองและกระแอมทีหนึ่ง จากนั้นก็ช่วยเย่โม่เซินอธิบาย: “เสี่ยวหมี่โต้ว เรื่องอย่างนี้พูดมั่วไม่ได้นะครับ เมื่อกี๊เสี่ยวหมี่โต้วก็เห็นแล้วหนิ แดดดี๊ของเสี่ยวหมี่โต้วไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย แม้กระทั่งอาจจะไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ”

จริงๆซะด้วย เย่โม่เซินที่ได้ยินการสนทนาของทั้งสอง สีหน้าค่อนข้างสงสัย เขาไม่รู้จริงๆว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น

“ฮื้อ งั้นก็ต้องโทษตัวแดดดี๊เอง ถ้าแดดดี๊แสดงออกมาสีหน้าออกมาดุหน่อย ก็ไม่มีคนมาโปรยเสน่ห์ใส่แล้ว!”

เซียวซู่:“……”

เขาอยากพูดมากเลยว่าต้องโทษที่พ่อของเสี่ยวหมี่โต้วหล่อเกินไป ดังนั้นถึงได้…………

แต่เวลานี้ เย่โม่เซินกลับพอรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เขาพูดอย่างราบเรียบ: “ให้เขาพูด”

เจ้าตัวแสบไม่พอใจในตัวเขา อีกทั้งยังมีความอาฆาตแค้นที่เข้มข้นด้วย เห็นตัวเองขัดหูขัดตาก็เป็นเรื่องปกติ เพราะเทียบกับหมัดแรกของวันนั้นแล้ว ตอนนี้แค่พูดเฉยๆ มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีมากแล้ว

เย่โม่เซินเองก็บอกแล้วว่าให้เสี่ยวหมี่โต้วพูด เซียวซู่จะพูดมากอีกก็ไม่ดี

เย่โม่เซินมองไปที่เสี่ยวหมี่โต้ว: “หิวแล้วใช่มั้ย? หม่ามี๊ของลูกให้แดดดี๊พามาทานอาหารเที่ยง ตอนนี้ปิดปากเงียบแล้วทานข้าว อยากพูดอะไร เดี๋ยวค่อยพูด”

ได้ยินคำพูดนี้แล้ว เสี่ยวหมี่โต้วกลับมองเขาด้วยสายตาดูถูก

“คนโง่ หุบปากแล้วจะทานข้าวยังไง?”

เซียวซู่เกือบจะส่งเสียงหัวเราะออกมา แต่เพราะเย่โม่เซินอยู่ที่นี่ ดังนั้นเชาจึงได้แต่อดทนไว้

เย่โม่เซินจนปัญญามาก ได้แต่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน

ลูกชายตัวเอง ด่าตัวเองแล้วจะทำยังไงได้?

*

เสี่ยวเหยียนกับหานมู่จื่อทานข้าวเที่ยงด้วยกัน ระหว่างนั้นหานมู่จื่อทานไม่ลงแล้ว กลับถูกเสี่ยวเหยียนอาศัยคำว่ากำลังท้อง บังคับป้อนอาหารมากมายเข้าไปในท้อง

พอทานข้าวเสร็จ หานมู่จื้อก็อิ่มจนลุกไม่ไหวแล้ว

เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ลูบท้องตัวเอง: “เธออย่าป้อนฉันอย่างนี้ ทานเยอะไปก็ไม่ดีกับลูกในท้องนะ ถึงเวลาลูกในท้องกินจนอ้วนเกินไปก็ไม่ดีนะ”

“เธอพูดบ้าบออะไร เธอผอมขนาดนี้ เด็กในท้องจะอ้วนได้ยังไง? ต้องป้อนเธอเยอะหน่อยถึงจะได้ ช่วงนี้ฉันจะช่วยเธอชดเชยสารอาหารที่ขาดหายไปกลับมาเอง ถ้าไม่อย่างนั้นตอนที่ลูกเธอคลอดออกมาจะขาดสารอาหารได้นะ ฉันจะต้องเป็นห่วงจนแย่เลย!”

ขาดสารอาหาร………

นี่พูดได้โอเวอร์เกิน และไม่มีทางเป็นไปได้ด้วย

ในขณะนี้เอง เสี่ยวเหยียนได้ยินมือถือที่ชาร์ตแบตอยู่ในห้องดังขึ้น เธออึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดกับหานมู่จื่อ: “ฉันไปรับโทรศัพท์ อาจจะเป็นพี่ชายเธอโทรมา เดี๋ยวถ้าพี่ชายเธอด่าฉัน เธอจะต้องช่วยฉันนะ”

หานมู่จื่อยังไม่ทันได้พูด เสี่ยวเหยียนก็วิ่งจนไม่เห็นเงาแล้ว

จากนั้นเธอได้หยิบมือถือไว้และวิ่งออกมาอย่างไว ส่งสายตาให้หานมู่จื่อ หานมู่จื่อก็รู้ในทันทีเลย ว่าคนที่โหรหาเธอเป็นหานชิงพี่ชายเธอจริงๆ

เธอยิ้มให้เสี่ยวเหยียนอย่างปลอบใจ ส่งสัญญาณให้เธอรับโทรศัพท์

เสี่ยเหยียนหายใจลึกๆทีหนึ่ง สะกดใจที่อกสั่นขวัญแขวนไว้ถึงรับสายอย่างระมัดระวัง: “ฮัลโหล?”

“เปิดประตู”

“ห๊ะ อะไรนะ?”

คำพูดที่มาอย่างกะทันหันทำให้เสี่ยวเหยียนตั้งตัวไม่ทัน เธอมึนตึ๊บ ไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไรเลยด้วยซ้ำ

เปิดประตูอะไรกัน? เปิดประตูทำไม?

ตอนแรกเสี่ยวเหยียนสีหน้ามึนตึ๊บ แต่ไม่นานก็ตื่นตกใจจนเบิกตากว้าง “เปิด เปิดประตู? ? ?”

“เร็วๆ”

หานชิงเร่งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

เสี่ยวเหยียนแข็งทื่อเหมือนก้อนหินไปพักหนึ่ง มองหานมู่จื่ออย่างเอ๋อไปทีหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปที่ทางประตูอย่างกับหุ่นเชิด

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset