เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ – ตอนที่ 952 พูดเพราะๆ หน่อยไม่ได้เหรอ

บทที่ 952 พูดเพราะๆ หน่อยไม่ได้เหรอ

คิดไปคิดมา มู่จื่อตัดสินใจมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มเพื่อจะนอน

หิวนิดหิวหน่อยก็ดี เพราะเมื่อตอนกลางวันเธอกินไปไม่น้อยเหมือนกัน อีกอย่างปกติเธอก็ไม่ได้กินเยอะอยู่แล้ว หลังจากตั้งท้องเธอก็เอาแต่กินๆ นอนๆ

เธอต้องควบคุมร่างกายให้เหมาะสมเช่นกัน

มู่จื่อพูดปลอบใจตัวเอง ตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองจะหิวจนนอนไม่หลับ แต่เมื่อหัวถึงหมอนไม่นอนเธอก็หลับไป

*

หานชิงนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกอยู่อย่างนั้น เขาอ่านหนังสือพิมพ์จบไปตั้งนานแล้ว แต่เขาก็เอาแต่พลิกมันไปมาอยู่อย่างนั้น

เขาไม่รู้ว่าตัวเองอ่านหนังสือพิมพ์อยู่นานแค่ไหน เวลาผ่านไปเรื่อยๆ

เสียงเปิดประตูดังขึ้น หมอเดินออกมาจากห้องเห็นห้องรับแขกอันว่างเปล่าก็อึ้งไปเล็กน้อย ครู่ต่อมาเขาเห็นหานชิง หานชิงหันไปมองหมอ

“คุณหมอ?”

“สวัสดีค่ะ”

หานชิงมองผ่านไปยังห้องที่อยู่ข้างหลังเธอ “เป็นยังไงบ้าง”

คุณหมอไม่รู้สึกแปลกที่ไม่เห็นเย่โม่เซิน เพราะที่นี่ไม่ใช่ตระกูลยู่ฉือ คนพวกนี้น่าจะเป็นเพื่อนของเย่โม่เซิน เธอคิดพลางพูดขึ้นมาว่า “ตอนนี้ไข้เริ่มลดแล้วค่ะ จากที่ฉันตรวจดู อีกไม่นานน่าจะกลับมาเป็นปกติค่ะ รอให้ไข้ลดลง พักผ่อนให้เพียงพอ ทำให้ร่างกายอบอุ่น ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้วค่ะ”

“อ้อ”

เธอเดินเข้าไปแล้วยื่นถุงใบหนึ่งให้หานชิง

“นี่คือยาที่ต้องทานต่อ ตอนคุณผู้หญิงคนนั้นตื่น ถ้าคุณสะดวกรบกวนให้เธอกินยานี่ด้วยนะคะ วิธีการทานยาฉันเขียนไว้แล้วค่ะ”

หานชิงรับถุงยาไว้อย่างมีมารยาท เขาพยักหน้าแล้วโค้งตัวให้คุณหมอ จากนั้นก็ไปส่งเธอที่ประตู

หลังจากเดินกลับมา หานชิงก้มลงมองถุงยาที่หมอให้เขา

ในถุงมีกล่องยาอยู่สองสามกล่อง เขาเม้มปากของตัวเอง

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินเข้าไปในห้อง

ภายในห้อง

เสี่ยวเหยียนนอนหลับอยู่บนเตียง มีผ้าห่มหนาคลุมอยู่บนตัว เห็นเพียงใบหน้าที่แดงเพราะพิษไข้ แม้ว่าตอนนี้หน้าเธอจะแดง แต่ปากกลับซีดเป็นอย่างมาก

ดูเหมือนคนป่วยหนักอย่างไรอย่างนั้น

เขาก้าวเข้าไปด้วยความมั่นคง จากนั้นจึงก้มตัวเอาถุงยาวางไว้บนตู้ข้างเตียง เขาวางยาไว้เรียบร้อย คุณหมอก็น่าจะวางใจที่กลับไปแล้ว

ที่นี่ไม่มีเรื่องให้เขาทำอีกแล้ว เขาสามารถวางยาไว้แล้วเดินออกไป

แต่ว่า…

เหมือนเท้าของเขาถูกอะไรยึดไว้ให้ยืนอยู่ที่เดิม

จากนั้นเขาจึงค่อยๆ หันหน้ากลับมา แววตานิ่งของเขาไปอยู่บนใบหน้าของเสี่ยวเหยียน

ภายใต้แสงไฟสลัว เห็นใบหน้าของเสี่ยวเหยียนได้ชัดเจน เธอไม่ได้อยู่ในผู้หญิงประเภทที่มองแวบแรกก็รู้สึกว่าสวย เธอไม่มีเสน่ห์ใดๆ เลยสักนิด รูปร่างผอมไม่ได้มีส่วนเว้าส่วนโค้ง แววตาและบุคลิกของเธอเหมือนเด็กผู้หญิง

ตอนเธอยิ้มดูมีชีวิตชีวา ยังมีตอนที่โดนเขาปฏิเสธก็ยังคงหัวรั้น เป็นคนที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน

จะบอกว่าหวั่นไหว นั่นก็ไม่มีทางเป็นไปได้

หานชิงปิดกั้นหัวใจของตัวเองเอาไว้นานแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น เขาเฉยๆ กับเรื่องความรัก เขาคิดว่าเรื่องโชคชะตามันเป็นเพราะพรหมลิขิต

ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาอยู่ที่น้องสาว เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็ไม่รู้อีกแล้วว่าความรักคืออะไร

ไม่ใช่ไม่มีผู้หญิงมาแสดงความรักกับเขา

แต่ไม่เคยมีใครที่รักแบบบ้าคลั่งจนทำให้ตัวเองมีสภาพแบบนี้ เสี่ยวเหยียนเป็นคนแรก

เพราะแบบนี้ทำให้หานชิงเห็นความสำคัญของความรักขึ้นมาอีกครั้ง

ความคิดนี้แล่นเข้ามาในหัวของเขา เมื่อเขารู้ตัวก็ไปนั่งอยู่ที่ขอบเตียงแล้ว แววตาหม่นหมองมองไปยังคนที่กำลังหลับอยู่

เงียบอยู่อย่างนี้จนผ่านไปสักพัก

จู่ๆ เสี่ยวเหยียนที่กำลังหลับอยู่ก็ร้องสะอึกสะอื้นขึ้นมา น้ำตาไหลออกมาทางหางตาหยดลงไปที่หมอน

หานชิงยื่นมือออกไปจะเช็ดน้ำตาให้เธออย่างไม่รู้ตัว

เมื่อมือของเขาสัมผัสน้ำตาของเธอ เหมือนหานชิงคิดอะไรได้ จึงอยากจะดึงมือกลับมา

ขณะนั้นเอง เสี่ยวเหยียนเหมือนจะรู้สึกตัวและลืมตาขึ้นมา

ดวงตาอันงดงามเต็มไปด้วยน้ำตา เมื่อเธอเห็นหานชิง เธออึ้งไปครู่หนึ่งจากนั้นจึงจับมือเขาไว้แน่น

“หานชิง ฮือ.. ไอ้คนเลว ทำไมทำกับฉันแบบนี้ ฉันชอบนายขนาดนี้ ชอบนายขนาดนี้ นายชอบฉันสักหน่อยแล้วจะตายหรือไง ฮือ ฮือ ชอบฉันไม่เสียหายอะไรเลยนะ ทำไมถึงไม่ลองชอบฉันสักนิด”

จู่ๆ สีหน้าของหานชิงก็ดูไม่ค่อยดีนัก เขาคิดไม่ถึงว่าจู่ๆ เธอจะตื่นขึ้นมา แถมเธอยังเห็นว่าเขาเข้ามาอีก เมื่อกี้มือของเขาวางไว้ตรงไหน

ถ้าเธอเข้าใจผิดเพราะเรื่องนี้ เธอคงจะไม่ยอมแพ้ แถมมันยังจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แล้วเขาจะทำอย่างไร

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หานชิงจึงขมวดคิ้วแน่น เขาขยับมือเพื่อจะดึงมือออกมา

“ฮือ ฮือ อย่านะ” เมื่อเสี่ยวเหยียนเห็นว่าเขาจะดึงมือกลับ จึงตัดสินใจใช้มือทั้งสองข้างกอดแขนของเขาเอาไว้แน่น เธอออกมาจากผ้าห่มแล้วกอดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ควรพูดมั่วๆ นายอย่าโกรธเลยนะ”

“.…..” หานชิง

จู่ๆ เธอก็ออกมาจากผ้าห่มจนเขาไม่ห้ามไว้ไม่ทัน เขาอยากดึงมือกลับมาแต่ในขณะเดียวกันก็กลัวว่าเธอจะหนาว อีกอย่างตอนนี้เธอก็ยังไข้สูงอยู่

ถ้าอาการหนักขึ้นจะทำยังไง?

ไม่รู้จะทำยังไง หานชิงจึงพูดออกมาว่า “เธอปล่อยแล้วนอนลงไปก่อน”

เสี่ยวเหยียนได้ยิน ดวงตาอันสวยงามเต็มไปด้วยน้ำตา เธอส่ายหน้าแรง

หานชิงขมวดคิ้ว “อย่าดื้อ!”

น้ำเสียงของเขาดุขึ้นเล็กน้อย น้ำตาของเสี่ยวเหยียนหยดลงมา “ทำไมถึงเป็นแบบนี้ นี่ไม่ใช่ฝันเหรอ ทำไมในฝันนายก็ยังสั่งฉัน ดุฉันอีกเหรอ”

“.…..” หานชิง

ที่แท้เธอก็คิดว่ามันเป็นความฝัน

ป่วยจนเบลอไปแล้วเหรอ ถึงคิดว่ามันเป็นความฝัน

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับเสี่ยวเหยียน เพราะเธออาจคิดโดยไม่รู้ตัวว่าหานชิงจะมาดูแลเธอเพียงแค่ในฝันเท่านั้น

เป็นไปตามที่คาด วินาทีต่อมาเสี่ยวเหยียนกอดแขนของเขาแล้วพูดอย่างน่าสงสารว่า “ฉันป่วยขนาดนี้ การที่นายมาหาฉันคงจะมีแค่ในฝันเท่านั้น ในเมื่อนายมาหาฉันแล้ว ช่วยพูดอะไรเพราะๆ ให้ฟังหน่อยได้ไหม”

หานชิงได้ยินดังนั้น มุมปากของเขาก็ยกขึ้น ให้เขาพูดเพราะๆ งั้นเหรอ

จะให้เขาพูดยังไงล่ะ

เมื่อเห็นว่าเขานั่งนิ่ง เสี่ยวเหยียนจึงน้อยใจ น้ำตาไหลออกมา “ไม่ได้เหรอ ฉันจะทำอะไรก็ได้สิ นี่มันในฝันของฉัน ตอนนี้ฉันขอแค่ให้นายพูดเพราะๆ เท่านั้นเอง ปกตินายดุฉันตลอด ฉันยังไม่ว่าอะไรเลย”

อีกแล้ว…

หานชิงปวดหัว ภาพที่อยู่ตรงหน้าเหมือนมันเคยเกิดขึ้นแล้ว

เมื่อนานมาแล้ว ตอนที่เสี่ยวเหยียนดื่มเหล้าจนเมา ตอนนั้นก็เอาแต่วุ่นวายอยู่กับเขา ตอนนี้เธอก็ดื่มเหล้าจนป่วย แล้วยังมาพาลอีก

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่

เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ ถูกบังคับเป็นตัวแทนของงานแต่งงานนี้ เธอแต่งงานกับผู้ชายที่พิการแต่กลับมีอำนาจใหญ่ “ฉันเย่โม่เซินไม่เอาผู้หญิงที่ท้องและไม่รู้ว่าพ่อของลูกเป็นใครเด็ดขาด”เดิมทีคิดว่างานแต่งงานนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แต่เธอกลับเผลอใจ ไปไปมามา สุดท้ายเธอก็จากไปด้วยความเสียใจผ่านไปหลายปี ลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับเขามากตบหัวของเย่โม่เซินด้วยฝ่ามือเล็กๆ“พ่อคนร้าย นายว่าใครเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อของตัวเป็นใคร?”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset