เจ้าสาวร้อยเล่ห์ – ตอนที่ 61 คืนก่อนแต่งงาน (2)

เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่เคยรู้ตัวว่าจะถูกคนคำนึงถึงมาก่อน นางกำลังนั่งกลัดกลุ้มอยู่ภายในห้อง รอการฝากฝังครั้งสุดท้ายของนายท่านเยี่ยน…ลูกสาวต้องออกเรือนแล้ว ไม่ว่าจะสนิทหรือไม่สนิท บิดาก็ล้วนจำเป็นต้องฝากฝังเรื่องบางอย่างให้กับลูกสาวด้วยตนเอง นี่เป็นธรรมเนียมที่รู้โดยทั่วกัน และที่เยี่ยนมี่เอ๋อร์กลัดกลุ้มก็เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับเขาอย่างไรดี

หากว่าไม่ได้อ่านจดหมายฉบับนั้นของท่านแม่ เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็คงไม่ต้องกลุ้มใจเช่นนี้ คนที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งบิดาผู้นั้นแต่ไหนแต่ไรนางก็ไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา ทั้งไม่ต้องพูดถึงความสำคัญในใจเช่นกัน เห็นหรือไม่เห็นก็ล้วนเหมือนกัน ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่คิดที่จะฟัง แต่ยามนี้…เฮ้อ ช่างน่าปวดหัวเสียจริง!

“คุณหนู นายท่านมาแล้วเจ้าค่ะ!” จื่อหลัวกระซิบกล่าว “ไท่ไท่และคุณหนูสองคนนั้นยังเหนื่อยล้าอยู่บ้าง จึงไม่ได้มาด้วยเจ้าค่ะ”

“เชิญนายท่านเข้ามาเถิด” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พยายามทำให้ตนเองดูเป็นปกติเช่นเคย…แท้จริงแล้วความใสซื่อบริสุทธิ์นั้นก็ก่อเกิดมาจากใจของนาง นางจึงดูเหมือนมีท่าทีตามปกติไม่ผิดแปลกอันใด และแม้แต่จื่อหลัวที่เข้าใจนิสัยและอารมณ์ของนางมากที่สุดก็ยังไม่สามารถจับอะไรได้เช่นกัน

“เจ้าค่ะ!” จื่อหลัวรับคำสั่งก่อนจะออกประตูไปเชิญนายท่านเยี่ยน ใบหน้าของเยี่ยนมี่เอ๋อร์นั้นปรากฏความราบเรียบขึ้นมา “ลู่หลัว พวกเจ้าออกไปก่อนเถิด คาดว่านายท่านคงมีเรื่องมากมายอยากจะพูดกับข้า ให้จื่อหลัวคอยดูแลก็เพียงพอแล้ว”

“เจ้าค่ะ คุณหนู!” ลู่หลัวลากช่าจื่อที่มีความไม่เข้าใจและความสงสัยปรากฏในแววตาออกไป ทิ้งเยี่ยนมี่เอ๋อร์ให้อยู่เพียงลำพัง

“ลู่หลัว เจ้าว่าคุณหนูจะคุยอะไรกับนายท่านหรือ?” ช่าจื่อไม่ปกปิดความอยากรู้อยากเห็นของตนเองแม้แต่น้อย “ข้าว่าความสัมพันธ์ของคุณหนูและนายท่านเยี่ยนออกจะ…”

“ข้ารู้ว่าเจ้าอยากจะถามอะไร” ลู่หลัวกล่าวตรงๆ “ความสัมพันธ์ของคุณหนูและนายท่านนั้นแข็งทื่อมาโดยตลอด ยามที่ไท่ไท่รองยังอยู่ บางครั้งอาจจะพูดคุยหัวเราะกันสองสามประโยคได้ แต่หลังจากไท่ไท่รองจากไปแล้ว นายท่านที่ทำได้แต่เบิกตายามมองคุณหนูถูกไท่ไท่ใช้วิธีการต่างๆ ลงโทษโดยไม่เอ่ยขัดอะไร เจ้าว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะดีอยู่หรือไม่เล่า?”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้? เหมือนกับข่าวที่ได้ยินมาไม่ผิดเพี้ยน ช่าจื่อคล้ายกับคิดอะไรได้ “เช่นนั้นเหตุใดคุณหนูยังให้พวกเราออกมา ไม่กลัวว่านายท่านเยี่ยนจะทำให้นางลำบากใจหรือ?”

“ก็ยังมีจื่อหลัวอยู่นี่นา!” ลู่หลัวนั้นเชื่อมั่นในตัวจื่อหลัว “ข้าจะอยู่หรือไม่ก็ล้วนไม่มีอะไร คุณหนูคงไม่อยากให้เจ้าเห็นระหว่างที่นางและนายท่านไม่พอใจกัน เจ้าอาจไม่รู้ ทุกครั้งที่คุณหนูพบกับนายท่านก็ล้วนแต่โมโหทั้งนั้น”

“ทำไมเล่า?” ช่าจื่อสงสัยเป็นอย่างมาก

“จะอะไรได้อีก? คุยกันไม่ถูกคอ ครึ่งคำก็ถือว่ามากไปแล้ว อีกเดี๋ยวนายท่านคงพูดอะไรทำนองที่ว่าอย่าได้ลืมบุญคุณที่ตระกูลเยี่ยนเลี้ยงดูมา อย่าได้ลืมพวกน้องๆ ที่ยังหาตระกูลสามีที่เหมาะสมไม่ได้ ทำให้เจ้าฟังจนทนไม่ได้เชียวล่ะ! ข้าว่านะ ช่าจื่อ เรื่องพวกนี้ หากเจ้าเก็บเป็นความลับไว้จะดีที่สุด อย่าได้พลั้งปากออกไป แม้ว่าคุณหนูจะไม่โกรธ แต่แม่นมฉินย่อมไม่ปล่อยเราไว้แน่!”

“ข้าเข้าใจแล้ว!” ช่าจื่อกล่าว รู้ดีว่าตนเองไม่มีโอกาสแอบฟังแล้ว ลู่หลัวย่อมต้องจับจ้องนางทุกฝีก้าว ไม่ปล่อยให้คลาดสายตาแน่

“จื่อหลัว เจ้าออกไปเฝ้าอยู่ด้านนอก อย่าให้ใครมารบกวนข้าและนายท่าน” เยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็บอกให้จื่อหลัวออกไปเช่นกัน จากนั้นก็เผยยิ้มส่งให้นายท่านเยี่ยนอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

“เจ้าสวยเหมือนแม่เจ้าไม่มีผิด” นายท่านเยี่ยนชะงักเพราะได้รับรอยยิ้มของนางอย่างคาดไม่ถึง จากนั้นก็คล้ายหวนถึงอดีตทั้งคิดลงลึกไปในจิตใจ “เจ้าหน้าตาไม่เหมือนข้าสักนิด ทั้งหมดล้วนมาจากแม่เจ้าทั้งนั้น แบบนี้ดีแล้ว หากเหมือนข้าละก็ คงจะไม่งดงามดั่งเช่นตอนนี้”

เยี่ยนมี่เอ๋อร์ไม่รู้จะต่อบทสนทนาอย่างไรดี จึงทำได้เพียงกระแอมไอออกมาสองครั้ง

“อา…ข้าเป็นอะไรไปนี่ กล่าวนอกเรื่องไปเสียแล้ว!” นายท่านเยี่ยนก็กระดากอายอยู่บ้างเช่นกัน กล่าวทั้งยิ้มๆ “มี่เอ๋อร์ พรุ่งนี้เจ้าก็ต้องแต่งงานเข้าตระกูลซั่งกวนแล้ว ตระกูลซั่งกวนเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่สูงส่ง แต่เจ้าก็ได้รับการสอนสั่งที่ดีมาจากมารดา พ่อจึงไม่กังวลว่าเจ้าจะพบเจอกับความไม่เป็นธรรมอันใด เพราะข้ารู้ว่าเจ้ารับมือได้แน่ สิ่งที่พ่ออยากจะกำชับเจ้ามีนิดเดียวเท่านั้น เจ้าต้องจดจำไว้ให้ดี”

“นายท่านกล่าวมาได้เลยเจ้าค่ะ” เยี่ยนมี่เอ๋อร์พยายามทำท่าทีให้เป็นดังเช่นเคย ไม่กล้ายิ้มอีกแล้ว…หากยิ้มอีก นายท่านเยี่ยนต้องพูดอะไรออกมาให้ตกใจอีกแน่

“ประการแรก พยายามกำเนิดบุตรให้เร็วที่สุด” คำพูดของนายท่านเยี่ยนทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์นึกโกรธขึ้นมาอย่างอดไม่ไหว นี่มันคำพูดกำชับอะไรกัน จะให้ส่งตัวเองเข้าไปในตระกูลซั่งกวนเพื่อคลอดบุตรโดยเฉพาะอย่างนั้นหรือ?

“มี่เอ๋อร์ อย่าเพิ่งโมโหไป หากเจ้าอยากจะนั่งในตำแหน่งสะใภ้ของตระกูลซั่งกวนให้มั่นคง วิธีที่ง่ายและได้ผลมากที่สุดก็คือการมีบุตรให้เร็วที่สุด ขอแค่เจ้าท้องอยู่ แม้ว่าลูกเขยจะรับภรรยารอง อนุภรรยา หรือกระทั่งเมียบ่าวทั้งเดี๋ยวนั้น ก็คงต้องยั้งคิดยั้งทำอยู่บ้าง เขาจะใคร่ครวญถึงความรู้สึกและจุดยืนของเจ้า ยิ่งไปกว่านั้นก็จะคำนึกถึงปัญหาของลูกคนโตภรรยาเอก หากครั้งแรกเป็นลูกชายก็ดี แต่ถึงจะเป็นลูกสาวก็ไม่มีปัญหา หากลูกเขยตรึกตรองจากเรื่องลูกภรรยาเอก เขาก็คงไม่อาจให้ผู้หญิงคนอื่นได้กำเนิดบุตรก่อนที่ลูกของเจ้ายังไม่เกิดหรอก มีลูกคนโตที่เกิดจากภรรยาเอกแล้ว ชั่วชีวิตนี้ของเจ้าก็จะมีหลักประกัน” นายท่านเยี่ยนยากที่จะกล่าวอธิบายเป็นเหตุเป็นผลอย่างตั้งใจ “อย่าได้คิดเอาแต่พึ่งพิงสามีเจ้า ปัญหาไม่ใช่อยู่ที่ว่าเขาดีหรือไม่ดี และก็ไม่ได้อยู่ที่เขาชอบหรือไม่ชอบเจ้า แต่สิ่งที่ผู้หญิงพอจะพึ่งพิงสามีได้ก็มีเพียงบุตรเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรพวกเขาก็ไม่อาจรังเกียจเจ้าได้ เจ้ารูปโฉมงดงาม ทั้งมากความสามารถ แต่ว่ามี่เอ๋อร์ ธรรมชาติของผู้ชายนั้นมักจะชอบของใหม่เบื่อหน่ายของเก่า แม้ว่าจะมีหญิงสาวที่เทียบไม่ติดกับเจ้าสักแห่งแม้แต่น้อย ขอเพียงแค่เขาชื่นชอบอยู่บ้าง แม้หญิงสาวคนนั้นจะไม่ได้เริ่มลงมือ เจ้าก็ไม่สามารถเอาชนะนางได้แล้ว”

ที่แท้นายท่านเยี่ยนก็มีช่วงเวลาที่หลักแหลมเช่นกัน เยี่ยนมี่เอ๋อร์ยิ้มอย่างขมขื่น แต่ว่าคำพูดของเขาก็จี้ถูกจุดจริงๆ ผู้ชายทุกคนก็ล้วนเหมือนกันหมด ไม่เว้นแม้แต่เขา คล้อยหลังเยี่ยนมี่เอ๋อร์ก็ถามกลับไปด้วยท่าทีที่ราวกับถูกผีสิงร่าง “หรือท่านพ่อก็พึ่งพิงไม่ได้อย่างนั้นหรือเจ้าคะ?”

“มี่เอ๋อร์!” นายท่านเยี่ยนยากที่จะพูดอย่างมีเหตุผล จึงเบิกตามองเยี่ยนมี่เอ๋อร์ไปทีหนึ่ง “ลูกสาวออกเรือนก็คล้ายดั่งน้ำที่ถูกสาดออกไป กลายเป็นสะใภ้ของบ้านอื่นแล้ว ไม่อาจพึ่งพิงพ่อได้อีก ไม่อย่างนั้น จะสามารถใช้ชีวิตอย่างไม่เป็นกังวลใจได้อย่างไร”

พูดมามีเหตุผลจริงๆ อย่างน้อยหวงฝู่เยวี่ยเอ้อในปีนั้นก็ไม่ได้เข้าใจหลักการนี้ แต่พ่อและญาติพี่น้องของนางก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับนางเช่นกัน

“อย่างที่สอง หาก…ข้าพูดว่าหากเท่านั้น หากเจ้าไม่สามารถให้กำเนิดบุตรโดยเร็วที่สุดได้ เช่นนั้นก็ต้องคว้าโอกาส

ทำให้อำนาจการจัดการภายในตระกูลซั่งกวนมาอยู่ในมือเจ้าให้ได้ ถ้าหากมีลูก เช่นนั้นลูกก็เป็นอันดับแรก รอจนคลอดบุตรแล้วก็ค่อยกุมอำนาจ โดยเฉพาะต้องสามารถควบคุมเงินของสามี ตราบที่ไม่มีเงินติดอยู่กับตัว ความคิดความอ่านของผู้ชายก็จะน้อยลง หากมีเงิน ช่วงเวลาที่มีเงินมากมาย ความนึกคิดต่างๆ ก็มากมายตามไปด้วย ทำให้เกิดปัญหาโดยง่าย ดังนั้นจะต้องควบคุมเงินให้ดี ไม่มีเงินความมั่นใจก็จะไม่เพียงพอ ไม่มีเงินก็จะไม่มีสิ่งของไปปรนเปรอให้หญิงสาว ล้วนเป็นไปตามหลักการนี้แหละ!” คำพูดของนายท่านเยี่ยนทำให้เยี่ยนมี่เอ๋อร์ตกตะลึงเป็นอย่างมาก ที่แท้ก็เป็นคนดั่งคมในฝักผู้หนึ่ง

“ถ้าหากลูกเขยชอบผู้หญิงคนใดเข้าจริงๆ มี่เอ๋อร์ เจ้าอย่าได้เอาแต่หึงหวง หรือร้องห่มร้องไห้เอะอะโวยวาย นั่นจะทำให้สามีของเจ้ายิ่งห่างเหินออกไป เจ้าจะต้องเป็นฝ่ายชิงลงมือก่อน รับหญิงสาวผู้นั้นเข้ามา รอจนลูกเขยเบื่อหน่ายแล้ว ก็ย่อมต้องกลับมาเคียงข้างกายเจ้า แต่จำไว้ให้ดี รับแต่อนุภรรยาเท่านั้น อย่าได้รับภรรยารอง หากเจอสถานการณ์ที่จะรับภรรยารองต้องเอะโวยวาย ทำให้เรื่องใหญ่ไปเสียสิ้นเรื่อง อนุภรรยาไม่อาจทัดเทียมเจ้าได้ตลอดกาล แต่ภรรยารองไม่เหมือนกัน คนผู้นั้นสามารถแทนที่เจ้าอย่างง่ายดาย เข้าใจหรือไม่?” นายท่ายช่างร้ายกาจนัก! แม้แต่กลยุทธ์ถอนฟืนใต้กระทะ[1] ก็รู้จักเช่นกัน!

เยี่ยนมี่เอ๋อร์คิดว่าตนเองต้องมองนายท่านเยี่ยนใหม่จริงๆ เสียแล้ว เมื่อก่อนนางมักจะรู้สึกว่าเขาเป็นคนโง่งม ไม่คาด คิดมาก่อนว่ากลับเป็นจิ้งจอกตัวหนึ่ง จิ้งจอกอ้วนฉุอีกต่างหาก!

“ถ้าหาก…” นายท่านเยี่ยนลังเลไปชั่วครู่ “ข้าเพียงพูดว่าถ้าหากเท่านั้น ถ้าเจ้าไม่ไหวจริงๆ ก็กลับอู๋โจวได้ หากเจอตอนที่ข้าอารมณ์ดี ข้าก็อาจจะรับเจ้าไว้ นี่กล่าวเป็นมารยาทเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด ก็ยังคงต้องทำหน้าที่เป็นสะใภ้ตระกูลซั่งกวนให้ดี เข้าใจใช่หรือไม่?” คำพูดนี้ของนายท่านเยี่ยนเริ่มคล้ายกับความเป็นห่วงพ่อที่มีต่อลูกสาวแล้ว

“ลูกเข้าใจแล้ว!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์หยัดกายขึ้น แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยคุกเข่าให้นายท่านเยี่ยนอย่างจริงใจถึงเพียงนี้ “ลูกจะนำคำสั่งสอนของท่านพ่อไปใช้ให้ดี!”

“เช่นนั้นก็ดี” นายท่านเยี่ยนไม่ได้เข้าไปพยุงนาง แต่กลับถอยหลีกไปเล็กน้อย “รีบลุกขึ้นมาเสียเถิด”

“เจ้าค่ะ!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์แปลกใจมาก เหตุใดพูดอย่างเอาใจใส่ขนาดนั้น แต่กลับไม่คิดจะพยุงนางสักนิด

“ยังมีอีก นี่เป็นของที่มารดาทิ้งไว้ให้เจ้า ข้ารับดูแลให้เจ้าชั่วคราว รับไปเสียสิ” นายท่านเยี่ยนคว้าถุงหนึ่งออกมาจากอ้อมอก วางลงบนโต๊ะ

เยี่ยนมี่เอ๋อร์เบิกตาค้าง…นั่นไม่ใช่เครื่องประดับที่หลังจากท่านแม่จากไปแล้วหรือ? นายท่านเยี่ยนเคยนำไปจากตน…ที่แท้ก็เพื่อ ‘เก็บรักษา’ ในนามแทนหรอกหรือ? เขาไม่ได้เอาของเหล่านี้ไปขาย? ไปหลอม? หรือเอาไปให้ไท่ไท่เยี่ยนและลูกสาวคนอื่นๆ?

“แค่กๆ! ข้ามิใช่เคยบอกไปแล้วหรือว่าข้าเพียงเก็บรักษาแทนเจ้าเท่านั้น ยามนี้เจ้าจะแต่งออกไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องให้ข้ามารักษาแทน” นายท่านเยี่ยนกล่าวอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

“ท่านกังวลว่าข้าจะไม่สามารถรักษาพวกมันไว้ได้ อาจจะถูกไท่ไท่และพี่น้องคนอื่นฉกฉวยเอาไป จึงเก็บรักษาแทนข้าอย่างนั้นสินะเจ้าคะ” เยี่ยนมี่เอ๋อร์กระจ่างแจ้งทันทีว่าเหตุใดนายท่านเยี่ยนจึงทำเช่นนี้ และสิ่งที่ทำให้นางซาบซึ้งยิ่งกว่าก็คือ ในนั้นยังมีของไม่กี่ชิ้นที่ก่อนหน้านี้ไม่นานได้นำไปจำนำเพื่อซื้อโสมให้กับป้าโม่ คาดไม่ถึงว่าเขาจะไถ่ของพวกนั้นกลับคืนมา…

“แล้วก็สิ่งนี้เจ้าเก็บไว้เองเถิด” นายท่านเยี่ยนยิ่งทำตัวไม่ถูก ควักตั๋วเงินกองหนึ่งออกมาพลางกล่าว “ทางฝ่ายหญิง หากมีเงินติดตัวอยู่บ้างจะดีกว่า มีทั้งตั๋วที่มูลค่ามากและน้อย ยามที่ใช้ก็ใช้น้อยๆ เอาเถิด” พลิกขึ้นมาดู เงินมีไม่มากไม่น้อย รวมๆ กันแล้วประมาณสามหมื่นตำลึง นางได้แต่คิดว่าจนเองมีเงินมากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? เยี่ยนมี่เอ๋อร์จำได้อย่างชัดเจนว่ายามที่คุณหนูใหญ่ตระกูลเยี่ยนออกเรือน สินเดิมของฝ่ายหญิงที่ให้ไปก็ประมาณหมื่นตำลึงเท่านั้น และนั่นยังเป็นเพราะว่าได้รับสินสอดทองหมั้นเกือบๆ หนึ่งหมื่นตำลึง

“แค่กๆ…เงินพวกนี้ล้วนเป็นมารดาของเจ้าที่แนะนำให้ลงทุนไว้น่ะ” นายท่านเยี่ยนกล่าวแก้ตัว

“เหตุใดไม่นำเงินเหล่านี้ให้เป็นสินเดิมของเจ้าสาวล่ะเจ้าคะ?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์กล่าวเสียงเบา

“เจ้าโง่หรือเปล่า? สินเดิมเจ้าสาวนั้นให้ตามมารยาทเพื่อเป็นหน้าเป็นตาเท่านั้น เงินติดตัวเป็นของส่วนตัวของเจ้า หน้าตาสำคัญหรือของส่วนตัวสำคัญกว่าเล่า?” นายท่านเยี่ยนถลึงตามองนางไปที “เจ้าก็เก็บไว้ดีๆ แทนข้าเสีย เงินก้อนนี้ นอกจากพวกเราสองคนแล้ว ก็ไม่อนุญาตให้บอกใครทั้งนั้น ไม่แน่ว่าวันหนึ่งอาจจะเป็นเงินที่ช่วยชีวิตก็ได้! เข้าใจหรือยัง!”

“ลูกเข้าใจแล้ว!” เยี่ยนมี่เอ๋อร์รู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่นายท่านเยี่ยนมอบให้ตัวนางไว้ใช้ในยามที่สุดวิสัยจริงๆ

“เจ้าเข้าใจแล้วก็ดี เช่นนั้นข้าจะกลับล่ะ” นายท่านเยี่ยนผงกศีรษะอย่างวางใจ หยัดกายเตรียมจะเดินออกไป

“ท่านพ่อ ท่านรู้ว่าในจดหมายของท่านแม่เขียนอะไรไว้หรือไม่?” เยี่ยนมี่เอ๋อร์เห็นนายท่านเยี่ยนกำลังจะจากไปอย่างรีบร้อนก็หลุดปากพูดออกมา

“นอกจากกล่าวความเป็นกังวลใจแล้วจะเป็นอะไรไปได้อีก” นายท่านเยี่ยนหัวเราะอย่างขมขื่น “ก่อนที่นางจะจากไปสิ่งที่นางกังวลใจไม่น้อยก็คือเจ้า เอาแต่พร่ำบอกกำชับข้าอยู่นั่น”

“ใช่แล้ว! แต่ว่าท่านแม่ยังกล่าวว่า ถ้าหากชาติหน้ามีจริง นางก็ยังคงจะเลือกแต่งกับท่าน แม้ว่าท่านจะขี้งกเห็นแก่เงินถึงเพียงนี้ น่าเกลียดหยาบคายถึงเพียงนี้ หรืออ้วนฉุถึงเพียงนี้ นางก็ล้วนจะแต่งกับท่าน ยังบอกอีกว่าจะให้กำเนิดลูกสาวที่เหมือนกันกับข้าด้วย” เยี่ยนมี่เอ๋อร์มองเห็นประกายน้ำในดวงตาของนายท่านเยี่ยน เขากำลังร้องไห้หรือ?

 “เจ้ารีบเข้านอนเถิด! พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า งานแต่งงานนับเป็นสิ่งที่ทรมานคนโดยแท้ ข้าไปล่ะ” นายท่านเยี่ยนไม่ได้รั้งตัวอยู่ต่ออีก หมุนกายก็เดินจากไป แต่เยี่ยนมี่เอ๋อร์ที่มองตามหลังเขา กลับมีความรู้สึกที่แตกต่างออกไป แท้จริงแล้วแผ่นหลังที่อ้วนท้วมของเขาก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็ดูสัมผัสความเป็นจริงได้…

———————————-

[1] กลยุทธ์ถอนฟืนใต้กระทะ กลยุทธ์ที่เปรียบเทียบกำลังของศัตรูในการทำศึกสงคราม

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

เจ้าสาวร้อยเล่ห์

‘ข้าจะมีความสุขให้ได้ แม้ชีวิตนี้จะมีไฟแค้นสุมในใจมากเพียงใดก็ตาม!’ ‘เยี่ยนมี่เอ๋อร์’ คุณหนูห้าแห่งตระกูลพ่อค้าได้สาบานไว้กับท่านป้าสุดที่รัก ชีวิตของนางจะพบความสุขได้เยี่ยงไรเมื่อต้องลด ละ เลิกการแก้แค้น ทั้งยังต้องถูกคลุมถุงชนแต่งงานกับคุณชาย ‘ซั่งกวนเจวี๋ย’ ผู้ยิ่งใหญ่ในยุทธภพนี้ เช่นนี้แล้ว รักแรกพบระหว่างนางกับคุณชายขลุ่ยถึงคราวต้องจบก่อนที่ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ! งานนี้จึงต้องมีแผนการล่มวิวาห์ ทว่ากลับต้องพลิกเป็นแผนการรักมัดใจผู้เป็นว่าที่สามี เมื่อคุณชายคนนี้กับคุณชายขลุ่ยคนนั้น คือ คนเดียวกัน! แต่ไฉนข้างกายเขากลับมีผู้หญิงคอยจับจ้องอยู่มากมาย? แต่ไม่เป็นไร เจ้าสาวอย่างนางจะใช้มารยาที่มีปราบชายเจ้าชู้ให้อยู่หมัด มัดใจเขาไว้กับนางแต่เพียงผู้เดียว ส่วนหญิงสาวเหล่านั้นน่ะหรือ… ‘จงใช้เสน่ห์ที่มีอยู่ให้เต็มที่เถิด ก่อนจะต้องอกแตกตายด้วยฝีมือข้า!’

Comment

Options

not work with dark mode
Reset