เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – ตอนที่ 113 มู่ชิงหายตัวไป

”เธอคิดว่าฉันเป็นคนที่เลี้ยงเด็กเป็นหรอ?”ไป๋ยิ่งอันพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบา
“ฉันดูแล้วไม่น่าเป็น ดังนั้นฉันเลยอยากรู้ไงว่าต่อไปนี้เธอจะอยู่ยังไง ”
“ไว้ใจเหอะ เดิมที่ก็เป็นลูกที่อ่อนแออยู่แล้ว จะอยู่ได้สักกี่วันเชียว อาจจะอยู่ไม่ถึงสักกี่วันก็…..”
“ถ้าเด็กรอดมาได้ละ?”
“รอดงั้นเรอะ? ถ้าฉันไม่ให้มันอยู่ มันจะยังมีชีวิตรอดได้เรอะ?”ไป๋ยิ่งอันยิ้มอย่างสะใจ
“ห๊ะ? เธอจะ…….”เหอหลิงถามเบาเบา
“แค่ลูกอ่อนแอคนหนึ่ง ฉันบีบคอมันตายตอนไหนใครก็ไม่แปลกใจหรอกนะ ฉันจะกลัวอะไร”ไป๋ยิ่งอันพูดอย่างหน้าตาเฉย ไป๋มู่ชิงขาอ่อนเกือบล้มลงพื้นทันทีเมื่อได้ยินแบบนี้
เธอรู้ดีไป๋ยิ่งอันไม่มีทางรักลูกของเธอ แต่เธอคิดมาตลอดว่าไป๋ยิ่งอันจะดูแลลูกเธออย่างดีเพราะทำให้เธอได้ไปอยู่ในตระกูลหนานกง ถึงแม้ว่าไป๋ยิ่งอันจะไม่ใยดีกับลูกแต่คนในตระกูลหนานกงอาจมีคนรักลูกเธอเหมือนที่รักหนานกงเฉินอยู่
แต่ว่า…..
แต่ก็จริงถ้าหากเธอไม่อยากได้ลูกคนนี้ บีบคอลูกตายตอนไหนก็ไม่มีคนเอะใจ ถึงแม้ว่าคนในตระกูลหนานกงจะดูแลลูกได้ดีแค่ไหน ไป๋ยิ่งอันในสถานะแม่ของลูกก็มีโอกาสที่จะบีบคอลูกตายได้
ไป๋มู่ชิงรู้สึกตัวเองทนไม่ไหวแล้วกับขาที่อ่อนและท้องที่กำลังปวดอยู่ เสียงจากหลังประตูกลับยิ่งพูดเสียงดังมาอีก “แผนนี้ก็ฟังดูดีนะ เธอเป็นแม่ของลูกไม่มีใครจะมาเอะใจว่าคนทำคือเธอได้หรอก”
“มันก็ต้องแน่อยู่แล้ว รอฉันเข้าไปตระกูลหนานกง พอฉันมีลูกกับหนานกงเฉินแล้ว ฉันจะไม่ยอมให้เด็กยัยนั่นมีชีวิตในโลกใบนี้อย่างแน่นอน”
“ใช่ เลี้ยงไว้ก็ก่อเรื่อง!”
ไป๋มู่ชิงทนฟังไม่ไหวแต่ก็ไปไม่ได้ ทำได้เพียงอุดหูตัวเองไว้ น้ำตาไหลลงไม่หยุด
“เอ๊ะ? คุณไป๋ทำไมมาอยู่ตรงนี้คะ?”พยาบาลหญิงเห็นเธอยืนร้องไห้พิงกำแพงไว้ รีบเดินเข้ามาพยุงตัวเธอทันที
ไป๋มู่ชิงทำมือให้เธอพยุงตัวเองออกจากที่นี้ พยาบาลหญิงพยุงเธอแล้วถามไปอย่างเป็นห่วงว่า “คุณหญิงเจ็บท้องใช่ไหมคะ คุณหญิงอยู่ห้องไหนคะ?”
“ไม่ใช่”ไป๋มู่ชิงตอบไปทั้งที่กลั้นความเจ็บไว้ จากนั้นก็ชี้ไปที่บันไดหนีไฟ พยาบาลหญิงพยุงเธอไปทางที่เธอชี้แล้วถามอย่างไม่ไว้ว่างใจว่า “คุณหญิงเป็นอะไรคะ มีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยคุณหญิงไหมคะ”
“ฉันไม่เป็นอะไร แค่ทะเลาะกับลูกของพ่อนิดหน่อย เธอไปเหอะ ”ไป๋มู่ชิงพยายามทำเหมือนตัวเองไม่เป็นอะไร
พอพยาบาลหญิงได้ยินแบบนี้ก็โล่งอกไปที “งั้นคุณหนูระมัดระวังด้วยนะคะ ฉันจะกลับไปทำงานต่อ”
“ได้”ไป๋มู่ชิงพยักหน้า
พอสาวพยาบาลไปแล้ว ไป๋มู่ชิงเจ็บจนจับราวบันไดแล้วหายใจอย่าหอบๆ บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็กๆ
เธอต้องทำไงดี?ทำไงดี?
คิดจะวิ่งหนีตอนนี้มันไม่ทันแล้ว อีกนิดเดียวลูกก็ใกล้คลอดแล้ว และเธอก็เดินไม่ไหวอีกด้วย
แต่หากว่าเธอไม่ไป ลูกของเธอก็จะตกอยู่ในมือของไป๋ยิ่งอัน ลูกอาจตายได้ เธอจะเป็นเพราะช่วยเสี่ยวหยี่แล้วปล่อยให้ลูกตัวเองต้องเจอกับคนจิตใจเลวทรามแบบนั่นไม่ได้
เหตุเร่งด่วนเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรอย่างเร่งรีบ
สถานการณ์ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าจะโทรหาใครให้มาช่วยเธอได้ โทรหาหนานกงเฉินหรอ? แล้วจะอธิบายทั้งหมดนี้ยังไงกับเขา หากว่าบอกความจริงกับเขาแล้ว เขาจะจัดการกับตัวเองยังไง? แล้วซูวยาหยงจะทำอะไรน้องชายและแม่ของเธอบ้าง
หาซูเจี้ยให้มาช่วย ใช่ นี้เป็นโรงพยาบาลของสามีเธอ เธอต้องช่วยฉันแน่ๆ
เธอกดโทรหาซูเจี้ย เสียงโทรศัพท์นานมากกว่าเธอจะรับ พอเธอรับเธอก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “คุณหญิงหนานกง ไม่ทราบว่าโทรมาครั้งนี้……..”
ไม่รอให้เธอพูดจบ ไป๋มู่ชิงก็รีบพูดขึ้นมาว่า “เสี่ยวเจี้ย ฉันขอร้องละช่วยฉันหน่อย ฉันสัญญาว่านี้จะเป็นครั้งสุดท้าย ฉันขอร้อง……”
“เธอเป็นอะไรอีก?”เห็นได้ชัดว่าซูเจี้ยรู้สึกน่ารำคาญมาก
เธอรู้อยู่แล้วว่าไป๋มู่ชิงโทรหาเธอก็ต้องไม่ใช่เรื่องดีอะไร และยังร้องไห้อ้อนวอนขนาดนี้
ไป๋มู่ชิงเจ็บจนต้องหายใจ และพูดต่ออีกว่า “เสี่ยวเจี้ย….ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายเหตุการณ์ให้เธอฟังยังไง แต่ตอนนี้ฉัน……ฉันอยู่โรงพยาบาลเหิงซิง ตอนนี้ฉันจะคลอดแล้ว เปลี่ยนโรงพยาบาลไม่ทันแล้ว เสี่ยวเจี่ย….ฉันขอให้เธอช่วยเอาลูกฉันไปซ่อน แล้วบอกว่าลูกตายไปแล้ว เธอจะต้องไม่ให้ลูกฉันตกอยู่ในมือของแม่รองฉัน ฉันขอร้องละ…..”
“เธอบ้าไปแล้วเหรอ อยู่ก็ต้องเจอคน ตายก็ต้องเจอศพ บอกว่าลูกตายแล้วกลับไม่มีศพเด็ก โรงพยาบาลจะอธิบายยังไงกับผู้ปกครองเธอ”
“ฉันไม่รู้. ฉันไม่รู้อ๊าาาาาา……. ”ไป๋มู่ชิงร้องไห้ออกมาด้วยความกังวล “เสี่ยวเจี้ยฉันขอร้องละ ช่วยฉันคิดหน่อย…………”
“ฉันไม่เคยติดต่อสื่อสารกับโรงพยาบาลเหิงซิงมาก่อน เรื่องนี้ฉันช่วยอะไรเธอไม่ได้”
“เสี่ยวเจี่ยเธอต้องช่วยฉัน นอกจากเธอไม่มีใครช่วยฉันแล้ว…..ฉันไม่อยากให้ลูกฉันต้องตายเพราะยัยผู้หญิงเลวๆคนนั้น ถึงแม้ว่าลูกฉันจะถูกกำหนดให้เป็นเด็กอ่อนแอก็ตาม ฉันก็ไม่อยากให้ลูกต้องตาย ฉันขอร้องละ…..”
ฝั่งโทรศัพท์ซูเจี้ยเงียบไปสักแปบ”ก็ได้ ฉันจะช่วยเธอครั้งนี้ครั้งเดียว ถือเป็นว่าถ่ายโทษที่ฉันโกหกเธอครั้งก่อนแล้วกัน”
“เธอโกหกอะไรฉัน??”ไป๋มู่ชิงถามเธอ ความจริงเธอไม่เป็นห่วงเรื่องนี้เลย เธอคิดจะถามซูเจี้ยว่าจะทำยังไงให้ลูกเธอไปให้พ้นจากยัยสองแม่ลูกนั้น
“เจ้าโง่ ผลตรวจครั้งนั้นเป็นของปลอม ลูกของเธอแข็งแรงดี ”ซูเจี้ยตอบแบบยิ้มๆ
“เธอพูดอะไรนะ ?”ไป๋มู่ชิงตกใจ
“ฉันบอกว่าลูกเธอแข็งแรงดี ผลตรวจจากโรงพยาบาลหงเอินถูกหนานกงเฉินแก้ไขก่อนหน้านี้แล้ว ”ซูเจี้ยตอบ
ตอนนั้นซูเจี้ยแก้ไขผลตรวจลูก เพราะว่าไม่อยากให้ไป๋มู่ชิงคลอดลูกให้คนเลวๆอย่างหนานกงเฉิน และคิดว่าพอไป๋มู่ชิงดูผลตรวจแล้วแทงลูกออกสะ
แต่เธอกลับคิดไม่ถึงว่า ไป๋มู่ชิงกลับคิดที่จะคลอดลูกคนนี้ออก ทั้งทั้งที่รู้ว่าเด็กอ่อนแอ
“และอีกอย่าง…ฉันบอกความลับให้เธอนะ ลูกในท้องเธอเป็นลูกที่แข็งแรง และยังเป็นสาวน้อยที่น่ารักมากด้วย”
ไป๋มู่ชิงชะงักไปเล็กน้อย ตกใจจนลืมไปว่าปวดท้อง
จนกว่าความเจ็บจะมาอีกครั้งเธอทนไม่ไหวร้องออกมาอย่างเสียงดัง “ซูเจี้ย!เธอออกจากบ้านหรือยังเนี้ย”
“ฉันใกล้จะถึงแล้ว เธออดทนรออีกนิดหนึ่งนะ แล้วจะติดต่อเธอหลับอีกครั้ง ”ซูเจี้ยว่างสายทันที
พอว่างสายแล้ว ไป๋มู่ชิงค่อยๆนั่งลงที่พื้นบันได ร้องไห้ออกมาอย่างกับเด็กน้อยคนหนึ่ง
เธอคิดไม่ถึงว่าพระเจ้าจะเล่นตลกกับเธอ ไม่สิ ต้องเป็นคนรอบข้างสิ ทุกคนล้วนคิดว่าลูกในท้องเธอคือลูกที่อ่อนแอ แม้แต่ตัวเธอเองก็คิดแบบนี้ ทำให้ลูกต้องถูกคนอื่นรังเกลียดขนาดนี้
และตอนนี้ลูกกลับเป็นคนที่แข็งแรง กลับต้องมาเผชิญกับไป๋ยิ่งอันที่จะแย่งลูกตัวเองไป
เธอรู้ดี หากว่าไป๋ยิ่งอันรู้ว่าลูกของเธอแข็งแรงดี มันไม่มีทางทำให้เธอดีกับเด็กคนนี้ แต่ยังจะเป็นความโกรธแค้นเลยทำร้ายลูก
ดังนั้น ไม่ว่ายังไงก็จะยอมให้ลูกตกอยู่ในมือของไป๋ยิ่งอันไม่ได้
ซูเจี้ยเดิมกำลังเที่ยวเล่นกับเพื่อนอยู่ พอได้รับโทรศัพท์ของไป๋มู่ชิงก็เลี้ยวรถกลับมาทางโรงพยาบาลทันที
ไม่ถึงห้านาทีก็ถึงโรงพยาบาล เธอตรงดิ่งไปที่ห้องทำงานชั่วคราวของ เฉาฉีเหิง
เดิมที เฉาฉีเหิงพึ่งกำลังกลับจากต่างประเทศ ส่วนตัวก็ชอบเรียนรู้เรื่องยาอยู่แล้ว ก็เลยสร้างห้องทำงานไว้ที่บนสุด
ซูเจี้ยก่อนหน้านี้เคยมาหาเขาที่ห้องทำงานแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นครั้งนี้เลยรู้ทางไปอย่างสะดวก
ตอนเธอเดินเข้าไป เฉาฉีเหิงกำลังออกมาจากห้องทำงาน เสื้อที่เรียบร้อยกลับยุ่งเหยิง เน็คไทที่สวมอยู่ตอนนี้กลับหายไปแล้วก็ไม่รู้
ซูเจี้ยมองตาเขาแล้ว ไม่ได้ซีเรียสเรื่องที่เขาสภาพยุ่งเหยิง “คุณชายเฉา เรื่องคร่าวๆฉันบอกคุณในโทรศัพท์แล้ว คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม?”
เฉาฉีเหิงมองไปที่เธอแล้วจัดการเสื้อผ้าหน้าผมไปด้วย แล้วตอบว่า “เธอวิ่งมาทางนี้โดยเฉพาะเพื่อขอร้องให้ฉันช่วยเด็กในท้องของคนที่เป็นแฟนกับคนชอบเธอ?”
เรื่องยากที่จะเห็นเธอพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงดีดี และมีคำขอมากมายที่พูดออกมา แต่กลับเป็นเพราะชายคนนั้น ใจของเขาก็ต้องไม่รู้สึกดีเป็นธรรมดา
“คุณชายเฉา อย่าพูดให้มันน่าเกลียดขนาดนี้ได้ไหม!”ซูเจี้ยขมวดคิ้ว
“คำไหนละที่ฟังดูน่าเกลียด ?”
“ครั้งนี้ฉันมีเรื่องเร่งรีบจริงๆ ฉันไม่อยากทะเราะกับนาย”
“ทำไมฉันกลับรู้สึกมันไม่เร่งรีบละ. ภรรยาของหนานกงเฉินใกล้คลอดแล้ว เขากลับไม่มีแม้แต่เงา เธอละ คนนอนอย่างเธอกลับกระตือรือร้นเหมือนมดบนหม่อไฟ ” เฉาฉีเหิงหัวเราะอย่างเรียบๆแล้วพูดต่อว่า”เธอจะทำอะไร? ใช้เด็กคนนี้ไปเข้าใกล้หนานกงเฉินหรอ? ให้เขารู้สึกขอบคุณเธอ แล้วก็รักเธอ……..”
“หุบปากเดี๋ยวนี้นะ ”ซูเจี้ยไม่รู้ตัวเองกล้าตบลงไปได้ไง ตบลงที่หน้าของเขาเต็มๆ
พอเธอตบลงไป เฉาฉีเหิงสีหน้ายิ่งอยู่ยิ่งน่ากลัว “ทำไม? ฉันพูดถูกจนทำให้เธอโมโหหรอ!!”
ซูเจี้ยจ้องเขา แล้วกัดฟันพูดว่า”นายจะช่วยไม่ช่วย?”
“อยากให้ฉันช่วย? ได้สิ”เฉาฉีเหิงกวาดสายตาไปที่ร่างอวบอิมเธอแล้ว “ถอดเสื้อสิ ถ้าเธอทำให้ฉันรู้สึกสะใจละก็ อย่าว่าเเต่ลูกคนนี้เลย หนานกงเฉินฉันก็ช่วยหามาให้เธอได้ ”
คำพูดของเขาดูหมิ่นขนาดนี้ ทำให้ซูเจี้ยโกรธจนไม่รู้จะพูดอะไรอีก
สายตาที่เฉาฉีเหิงมองมาทางเธอ เธอกัดฟันแล้ว ยกมือขึ้นไปถอดกระโปรงของตัวเองลง
ฤดูร้อน ปกติเธอก็ใส่น้อยอยู่แล้ว ใต้เสื้อเชิ้ตเป็นเสื้อชั้นในที่สุดเซ็กซี่ สีหน้าของเฉาฉีเหิงยิ่งดูไม่ได้เข้าไปใหญ่
ซูเจี้ยรู้ว่าเขาเพียงอยากจะระบายความโกรธในใจ เลยทำแบบนี้กับเธอ หากว่าเป็นเรื่องอื่นละก็เธอจะไม่มีทางยอมเด็ดขาด แต่เรื่องนี้เร่งรีบ เธอเป็นห่วงมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
ไม่รอให้เฉาฉีเหิงเปิดปากพูด เธอก็เดินเข้าไปเขย่งขาแล้วจูบลงคอของเขา
ไอความหวานตีเข้าหน้าเขาเต็มๆ เฉาฉีเหิงขมวดคิ้วแล้วเอามือไปจับมือเธอที่กำลังปลดเสื้อเขา ก้มลงไปบอกเธอว่า “ตรงนี้…ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เราเขาไปข้างในกันเถอะ”
พูดจบ เขาก็เอามือโอบเอวเธอเข้าไปแล้วจูบไปด้วย
ถึงแม้ครั้งนี้ซูเจี้ยจะเป็นคนเริ่มก่อน และเธอไม่คิดจะทำแบบนี้กับเขามาก่อน สีหน้าดูอายเป็นเรื่องธรรมดา เธอเข้ามาถึงห้องพักผ่อนของเขา สายตากวาดไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่ที่บนเตียง
เธอตะลึงเล็กน้อย ดันเฉาฉีเหิงออกทันที
หญิงสาวบนเตียงไม่ใส่เสื้อผ้าอะไรเลย ผิวขาวกระจ่าง เป็นสไตล์ที่เฉาฉีเหิงชอบ แต่ผู้หญิงคนนี้กลับไม่มีความอายเลย เห็นคนสองคนเข้ามายังไม่คิดจะหลบ กลับดึงส่วนที่ถูกบังออกอีก พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ”คุณชายเฉา.ไหนบอกว่าแปบเดียวก็เข้ามาไง ทำอะไรถึงนานขนาดนี้คะ?”
เธอพูดเหมือนไม่เห็นซูเจี้ยอยู่นี้ทั้งคน สายตากลับไม่มองไปที่ซูเจี้ยเลย
หน้าของซูเจี้ย ก่อนเห็นผู้หญิงคนนี้ก็ซีดไปแล้ว ทั้งชีวิตนี้เธอไม่ได้รับการเหยียดหยามกันขนาดนี้มาก่อน
เธอพูดได้ว่ายังมีเสื้อผ้าอยู่ แต่คนในห้องโป๊ะกว่าเธออีก
ตัวของเธอกำลังสั่น สีหน้าดูไม่ได้อีกเลย
เฉาฉีเหินไม่ใส่ใจคำพูดของเธอ กลับหันไปหยิบกระโปรงที่ว่างไว้บนเก้าอี้โยนไปให้เธอแล้วบอกว่า “ใส่เสื้อผ้าแล้วกลับไปก่อนะ เดียวคืนนี้ไปหา”
“ทำไมฉันต้องเป็นคนกลับ ”กวาดใส่ตามาที่ซูเจี้ยแล้วบอกว่า”ยายนั่นก็ไม่ได้ดูสวยกว่าฉัน หุ่นก็ไม่ดีกว่าฉัน”
“เธอเป็นภรรยาของฉัน ภรรยามาก็ต้องให้ก่อนสิ”เฉาฉีเหิงตอบแบบยิ้มๆ
นี้กลายเป็นว่าเป็นคุณผู้หญิงเฉา เธอหลบเลี่ยงให้อย่างไม่ยินดี“ก็ได้ หลบเตียงให้ แต่คืนนี้ต้องจัดหนักๆให้ฉันนะ ”
“แน่นอน”เฉาฉีเหิงหั้นไปทำหน้าให้ผู้หญิงอีกคน
ก่อนผู้หญิงคนนี้จะออกไป เธอหันมาบอกกับซูเจี้ยว่า “คุณผู้หญิงเฉา เล่นกันดีดีนะคะ ฉันไม่รบกวนแล้ว แต่อย่าทำให้คุณชายเฉาเหนื่อยเอาละ คืนนี้ฉัน…… ”
ยังพูดไม่จบ ซูเจี้ยก็ตบไปที่เธออย่างแรง
เธอเอามือกุมหน้าไว้มองมาที่ซูเจี้ยอย่างแค้น ซูเจี้ยไม่แม้แต่จะกลัวเธอ ยกมือขึ้นตบลงไปอีกครั้ง ”อัปรีย์! คนอัปปรีย์อย่างเธอไม่สิทธิ์มาสอนฉัน ออกไป!!”
ผู้หญิงคนนั้นมองมาที่เฉาฉีเหิง เธอไม่ได้อ้อนวอนอะไร ใส่เสื้อผ้าเสร็จก็ออกไปทันที
ห้องเหลือเพียงซูเจี้ยกับเฉาฉีเหิงสองคนแล้ว เฉาฉีเหิงยิ้มทั้งที่โอบเอวเธอไว้ แล้วบอกว่า “เยี่ยมดีนิ นิสัยโกรธแบบนี้ ฉันชอบ”
“เอามือที่แตะต้องผู้หญิงนั้นออกจากตัวฉัน ไม่ต้องมาแตะต้องตัวฉัน ”ซูเจี้ยใส่สีหน้ารังเกียจเขาแล้วสะบัดทิ้งอย่าแรง หันหลังกลับ จะไปหากระโปรงตัวเอง
“ นี้เธอจะไปแล้วหรอ? ”เฉาฉีเหิงจับมือเธอไว้”เธอเสียสละทุกอย่างเพื่อเขาแล้วนิ บอกจะไปก็ไปเลยหรอ ไม่ต้องให้ฉันช่วยแล้ว?”
ซูเจี้ยใช้สายตาที่แดงระรื่นมองไปที่เขา “เฉาฉีเหิง นายเป็นผู้ชายบนโลกนี้ที่ฉันขยะแขยงสุดๆ ฉันเห็นนายแล้วฉันละอยากอ้วก! ”
“เธอ….!” เฉาฉีเหิงโกรธจนดันเธอไปที่เตียง แล้วบอกเธอว่า”เธอก็ไม่ได้ดีกว่านั้น เราสองคนเท่ากัน”
“นายจะทำอะไร?”ซูเจี้ยถามอย่างกังวลเมื่อเห็นเขากำลังจะปิดประตูแล้วออกไป
“อย่างเธอมันทำให้ฉันมีอารมณ์ไม่ได้หรอกนะ ร่างกายของเธอยังไม่คุ้มให้ฉันไปช่วยเธอเลย ไม่เล่นละ แล้วเจอกัน !”เขาปิดประตูอย่างเสียงดัง และยังล็อกจากด้านนอกอีกด้วย
พอซูเจี้ยได้ยินเสียงล็อคประตู เดินไปที่ประตูอย่างกระวนกระวาย “เฉาฉีเหิง! นายเปิดประตูนะ ไอเลว!………”
เสียดาย ไม่ว่าเธอจะตะโกนยังไง เฉาฉีเหิงก็ไม่กลับมาเปิดประตู
ไป๋มู่ชิงพิงอยู่ที่ประตูหนีไฟ รอแล้วรอเล่าซูเจี้ยก็ไม่ส่งข้อความมา ท้องยิ่งอยู่ยิ่งเจ็บ
เธอใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อบนหน้าออก เธอโทรหาซูเจี้ยอย่างยากลำบาก กลับโทรยังไงก็ไม่รับ
ซูเจี้ยตกลงแล้วจะช่วยแท้ๆ แต่กลับโทรไปไม่รับ ทำยังไงได้?
“ซูเจี้ย รับโทรศัพท์สิ……..”เธอพูดไปเช็ดเหงื่อบนหน้าไป
ในตอนนี้เธอได้ยินเสียงเรียกของเสี่ยวชิงและซูวยาหยงและเสียงเท้าวิ่งค่อยค่อยเข้าใกล้มา
ไป๋มู่ชิงชะงักไปสักพัก พยุงตัวเองออกจากทางหนีไปอย่างยากลำบาก
เธอเปิดประตูแล้วง้างไปเห็น เสี่ยวชิงและซูวยาหยงกำลังวิ่งมาทางนี้ เธอตกใจมาก จากนั้นก็หันหลังกลับแล้ววิ่งลงบันไดไปเลย
ความเจ็บปวดในท้องทำให้เธอลงบันไดทีขั้นเหมือนชีวิตสั้นลงที่ละน้อย แต่เธอไม่คิดจะหยุดและท้อแท้ ใจคิดเธอต้องไม่ให้ลูกของเธอตกอยู่ในมือของแม่ลูกเลวๆคู่นั้นไม่ได้
กว่าเธอจะเดินขึ้นมาบนชั้นหกได้ ออกจากบันไดหนีไฟ กลับพบว่าตัวเองไม่รู้เส้นทางชั้นหกเลยสักนิด
ทางบันไดหนีไฟมีเสียงลอยออกมาว่า “เสี่ยวชิง เธอไปชั้นเจ็ด ฉันจะไปชั้นหก ถ้าเธอหาคนไม่เจอ ฉันจะตีเธอให้ตาย!”
“รู้แล้วคะ คุณหญิง!”เสี่ยวชิงตอบกลับทั้งที่ร้องไห้
ซูวยาหยงจะมาที่ชั้นหก และกำลังขึ้นมา!
สมองไป๋มู่ชิงว่างเปล่าไปหมด เธอมองซ้ายมองขวาเลือกจะวิ่งเขาไปที่ห้องน้ำ
เธอไม่ได้เลือกห้องน้ำหญิง กลับเลือกห้องน้ำชาย สำหรับตอนนี้ ห้องน้ำชายเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุด
พอเธอเข้าไปหลบที่ห้องน้ำ ซูวยาหยงก็วิ่งตามเข้ามาทันที เธอดันประตูห้องน้ำหญิงออกพร้อมพูดว่า “ออกมาเดียวนี้นะ ถ้าเธอยังไม่ออกมาอย่าหาว่าฉันไม่เตือนเธอ!!”
ไป๋มู่ชิงถอยหลัง แล้วใช้มือปิดปากตัวเองไว้ ไม่ให้ตัวเองร้องออกเสียง และผ่านมา เธอก็ชนกับตัวใครบางคน
เดิมร่างกายที่ทนไม่ไหวอยู่แล้ว เกือบล้มลงไปที่พื้นไปเลย
“คุณ ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”ทางฝั่งหัวได้ยินเสียงที่น่าฟังลอยออกมา ผู้ชายใช้มือพยุงเธอไว้ และใช้อีกมือปิดก๊อกน้ำ
ไป๋มู่ชิงมองไปที่หน้าของชายหนุ่ม ร่างกายทนไม่ไหวจนค่อยค่อยล้มลง ชายหนุ่มใส่เสื้อสีขาวไว้ ดูออกได้ว่าเป็นคุณหมอ
“ขอร้อง ช่วยฉันหน่อย……”เธอไม่สนว่าผู้ชายตรงหน้าเธอรู้จักหรือไม่ รู้แต่ว่าเธอคือหมอ และอาจช่วยเธอได้
นี้เป็นความหวังสุดท้ายของเธอ เธอไม่รู้ว่าเธอจะทนได้อีกนานแค่ไหน และหาใครมาช่วยเธอได้อีก
“เธอจะให้ฉันช่วยเธอยังไง?”เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่รีบและไม่ช้า
“อย่าให้พวกเธอแย่งลูกจากฉัน…..ขอให้นายช่วยฉัน……”ไป๋มู่ชิงทรมานมาก เธอเจ็บจนร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง
“อ๊าาาาาา….ฉันไม่ไหวแล้ว….ลูกฉันจะคลอดแล้ว !”เธอกลั้นไม่ไหวจนร้องไห้ออกมา ร้องไห้ไปด้วยขอร้องเขาไปด้วย”ช่วยฉัน…..”
ชายผู้นั้นเอาโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแล้วโทรหาหมายเลข หมายเลขหนึ่ง
แล้วก็มีผู้ช่วยพยายามเข็นเตียงพยาบาลมาอย่างเร็ว ไป๋มู่ชิงถูกทุกคนยกขึ้นบนเตียง
ไป๋มู่ชิงจับชายเสื้อของหมอผู้นั้นไว้อย่างแน่น แม่แต่เธอจะถูกยกขึ้นบนเตียงแล้วก็ไม่ยอมปล่อย เธอมองเห็นหน้าตาของเขาผ่านน้ำตาอย่างไม่ค่อยชัด รู้แค่ว่าร่างกายของเขาดูดีมากๆ
“ขอร้องละช่วยฉันกับลูกด้วย ”เธอพูดออกมาอย่างลำบาก
“ไว้ใจฉันได้ ฉันจะช่วยเธอ” เขาพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่รีบร้อนเลย
วินาทีต่อมา ไป๋มู่ชิงถูกเข็นออกจากห้องน้ำ ไปยังห้องคลอดที่ใกล้ที่สุด
ณ. ตอนนี้ หนานกงเฉินกำลังประชุดอยู่ ฝ่ายพัฒนาการกำลังเสนอแนวทางพัฒนาโครงการ คำถามเดียวถามไปที่หนานกงเฉินสามรอบเขากลับไม่ตอบอะไรเลย
สายตาของทุกคนรวมไปที่หนานกงเฉิน และเลขาเหยียนกระแอมเบาเบาให้หนานกงเฉิน “คุณชายเฉิน ผู้อำการหลินกำลังถามคำถามครับ”
คุณชายเฉินเหม่อลอยเวลาทำงาน เป็นเวลาที่น้อยมากที่เขาจะเหม่อลอย
หนานกงเฉินหันมา กวาดใส่ตาเห็นทุกคนมองเขาอยู่ “โทษที เมื่อกี้พูดถึงไหนแล้ว?”
“อืมมมม….ไม่ทราบว่าคุณชายเฉินไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าครับ เราค่อยคุยกันวันอื่นได้ ”ผู้อำนวยการหลินพูดอย่างเครพ
หวังว่าหนานกงเฉินจะส่ายหน้าแล้วพูดว่าไม่ต้อง และนี้ก็เหมาะสมแก่สะปีริทในการทำงานของเขามาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าเขาจะปิดเอกสารข้างหน้าแล้ว ให้เลขาที่อยู่ข้างๆพูดว่า “งั้นก็ค่อยคุยต่อกันพรุ่งนี้ จบการประชุม”
พอเลขาประกาศจบการประชุม ทุกคนลุกขึ้นแล้วหันหลังออกจากที่ประชมทันที
เซิ่งเคอเดินเข้ามา และถามหนานกงเฉินอย่างเป็นห่วงว่า “พี่ พี่ไม่สบายตรงไหน?”
“สบายดี”หนานกงเฉินตอบกลับไป “เซิ่งเคอ โครงการนี้ฉันกะจะให้นายเป็นคนดูแล จับตาดูดีดีละ ”
“ไม่มีปัญหาหาครับพี่ พี่ไว้ใจผมได้”
“งั้นก็ดี”หนานกงเฉินยื่นขึ้นแล้วเดินออกจากห้องประชุมไป
หนานกงเฉินกลับไปถึงห้องทำงาน เลขาเหยียนตามมาทีหลัง มองเขานั่งกลับที่เดิม และเปิดปากพูด”คุณชายเฉิน ช่วงนี้คุณดูจิตไม่ค่อยอยู่กับใจ เป็นเพราะว่าคุณหญิงน้อยใกล้จะคลอดแล้วใช่ไหม”
หนานกงเฉินมองไปที่เธอ “ฉันเป็นเหรอ?”
“เป็นสิ และอีกอย่างหนักด้วยนะ”
หนานกงเฉินสูดหายใจเข้า”วันนี้ฉันถามพี่หง เวลาคลอดของเธอเป็นอาทิตย์หน้า”
ความจริงเขาก็รู้สึกได้ถึงตัวเองจิตหลุดออกไปบ่อยครั้ง และไม่ปฏิเสธว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะไป๋มู่ชิง
เขาไม่อยากยอมรับ ว่าเขาผิดพลาดในเรื่องนี้ เดิมทีคิดว่าตัวเองจะลืมเธอในสี่เดือนนี้ได้ แต่ในสี่เดือนนี้เขาลืมไม่ได้และยังคิดถึงแต่เรื่องที่เธอใกล้คลอด และเป็นเพราะเวลาที่เธอใกล้คลอดเข้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆยิ่งทำให้ใจเข้ากระวนกระวาย
ลูกในท้องเป็นสาเหตุ? หรือเป็นเพราะลูกในท้องที่มีเชื้อสายของหนานกงเฉิน?
หากไม่มีลูก เขาอาจไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธออีกก็ได้
“เวลานัดคลอดเป็นแค่ตัวเลข ส่วนมากก็คลอดก่อนกันทั้งนั้น”ผู้จัดการเหยียนพูด
“จริงหรอ? ”หนานกงเฉินคิดไปคิดมา ตอนที่ประชุมอยู่เขารู้สึกเจ็บจี๊ดที่อก หรือเป็นเพราะว่า….คลอดแล้ว?
แต่วันนี้พี่เหอพึ่งพูดกับเขาว่า ไป๋มู่ชิงออกไปออกกำลังกายแล้ว เขาสูดลมหายใจเข้าแล้วบอกกับเลขขาเหยียนว่า “เธอช่วยโทรไปถามให้ฉันหน่อย ถามดูว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง”
“ได้คะ จะไปเดี๋ยวนี้ ”ผู้จัดการเหยียนหันหลังแล้วเดินออกไปทันที
หาไปทั่วแล้ว ซูวยาหยงกำลังจะระเบิดไปแล้ว โทรหาไป๋มู่ชิงเธอกลับไม่รับ เสี่ยวชิงไม่กล้าขยับเพราะซูวยาหยงกำลังโกรธ เสี่ยวชิงพูดอย่างระมัดระวังว่า”คุณผู้หญิง คุณหญิงรองอาจออกไปเดินเล่นข้างล่าง คุณหญิงรองจะกลับมาแน่ๆคะ”
เธอไม่พูดยังดี พอพูดเท่านั้นแหละ ซูวยาหยงตบไปที่หน้าเธอเต็มๆและด่าอีกว่า “ถ้าหากวันนี้มันไม่กลับมาละก็ฉันจะฉีกหนังเธอออกให้หมด!”
เสี่ยวชิงถูกตบจนก้มหน้าลงไป น้ำตาไหลไม่หยุด
ซูวยาหยงด่าต่ออีกว่า “ให้เธอจับตาดูคนคนหนึ่งยังจับตามองไว้ไม่ได้ เอาแต่เล่นโทรศัพท์ เธอ…….!”ซูวยาหยงกลืนความโกรธลงไปในลำคอ โกรธจนไม่รู้จะด่ายังไงอีกแล้ว
เสี่ยวชิงเช็ดน้ำตาหมาดๆแล้วบอกว่า “คุณหญิงรองให้ฉันไปเรียกพยาบาลมาเพราะคุณหญิงรองปวดท้อง พอฉันเรียนกลับมา คุณหญิงรองก็หายไป
เสี่ยวชิงไม่กล้าพูดกับซูวยาหยงว่า ระหว่างทางเธอชนเข้ากับหญิงชราคนหนึ่งเกือบจะล้มลงกับพื้น เธอช่วยพยุงหญิงชราลุกขึ้น พอส่งหญิงชราถึงห้อง หญิงชราก็ไม่ปล่อยให้เสี่ยวชิงไปไหน และยังบอกว่าจะแนะนำหลานชายให้ และพาเสี่ยวชิงตรวจนับอสังหาริมทรัพย์และทรัพย์สินของหญิงชราเพื่อที่จะให้เสี่ยวชิงพิจารณา
กว่าจะหนีพ้นจากหญิงชรานั้นได้ก็เอาซะเหนื่อย รอให้เธอเรียกพยาบาลมา ไป๋มู่ชิงก็ไม่อยู่แล้ว

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset