เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – ตอนที่ 128 กระจกแตก

หันตัวไปพบหลินอันหนานกำลังยืนข้างประตูมองตัวเองอย่างไม่พอใจ จึงพูดขึ้น “แทนที่จะคืนยากลับไป ให้หนานกงเฉินเดาไปต่างๆ นานา สู้แสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นดีกว่า คุณว่าไง? ”
หลินอันหนานกวาดตามองแก้วในมือเธอ พูดด้วยสีหน้าเย็นชา “มู่ชิง ฉันทนให้เธอมีเขาในหัวใจได้ แต่มันไม่ง่ายสำหรับการที่เธอเป็นห่วงเขาในทางปฏิบัติ ยานี้ฉันเอากลับมาจากต่างประเทศ ที่นี่ไม่มีขาย”
“หมายความว่าไง? ” ไป๋มู่ชิงประหลาดใจ
“เธอแอบให้ยาชงตัวนี้กับเขาใช่ไหม? พวกเธอเป็นห่วงกัน มีความคลุมเครือต่อกัน ไม่แคร์ความรู้สึกฉันเลย” หลินอันหนานจับแขนข้างหนึ่งของเธอไว้ “เธอทำแบบนี้ได้ยังไง? ไม่แปลกใจที่ไป๋ยิ่งอันตบเธอด้วยความโกรธ เชื่อไหม? ฉันในตอนนี้……อยากจะคอเธอให้ตายมากกว่าเธออีก!”
“ฉันไม่ได้แอบเอายาให้กับเขา” ไป๋มู่ชิงรีบผละออกจากฝ่ามือเขาแล้วพูดอธิบาย “เมื่อกี้ตอนที่ไป๋ยิ่งอันเข้ามา ฉันกำลังดื่มยานี้พอดี เลยเอาห่อนี้ให้เธอเอาไปให้หนานกงเฉิน จริงๆ ……”
“งั้นเหรอ? จะบอกว่าเธอไม่ได้แอบคบเขาลับหลังฉันใช่ไหม? ”
“เปล่าจริงๆ ”
หลินอันหนานจ้องมองเธอเขม็ง หนานกงเฉินกล้าส่งยามาที่นี่อย่างเปิดเผย เห็นได้ชัดว่าเป็นการท้าทายเขา ทันใดนั้นเขาก็กังวลขึ้นมา เขาทำอย่างนี้ทำไม? เพราะรังเกียจเขามากเหรอ? หรือสังเกตเห็นอะไร?
เขาตัวสั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว อย่าเป็นแบบนี้จะดีที่สุด!
ดูเหมือนเขาไม่สามารถยืดเยื้อได้อีกแล้ว อย่าให้ผู่เหลียนเหยาก่อปัญหาอีก ควรคิดกลยุทธ์ดีๆ เพื่อรักษาความรู้สึกนี้ไว้
พึ่งพาแค่ไป๋ยิ่งอันผู้หญิงที่ดุร้ายและหุนหันพลันแล่นเพื่อปกปิด อาจเป็นเรื่องยากมากที่จะซ่อนตัวตลอดเวลา
เขาพยักหน้า “โอเค ฉันยังพูดคำเดิม ไม่เชื่อความรู้สึกของเธอแต่เชื่อนิสัยเธอ ฉันเชื่อว่าเธอจะไม่ผิดสัญญากับฉัน ไม่มีภาพลวงตากับหนานกงเฉิน”
เขายังคงเชื่อใจเธอ ไม่รู้ว่าทำไม
ไป๋มู่ชิงพูดกับเขาอย่างซาบซึ้ง “ขอบคุณ”
ตอนกลางคืนก็ยังทานอาหารเย็นภายในโรงแรมห้าดาวของรีสอร์ต หลังอาหารเย็นทุกคนก็มีกิจกรรมเป็นของตัวเอง เหล่าเด็กๆ เลือกที่จะกินลมชมวิวบนเรือเฟอร์รี่เข้าร่วมงานเลี้ยงคนรวย
งานเลี้ยงบันเทิงสนุกสนานมาก มีโปรแกรมเพียบ ไป๋ยิ่งอันพัวพันดื่มเหล้าพูดคุยกับหนานกง จุดประสงค์หนึ่งในการมาเที่ยวครั้งนี้คือมอมเหล้าหนานกงเฉิน แล้วท้องกับเขา
คราวก่อนแผนการชะงักเพราะผู่เหลียนเหยา ครั้งนี้ เธอห้ามพลาดอีก
คนอื่นๆ ยังคงดื่มเหล้าที่บาร์เทนเดอร์ทำและชมการแสดงระหว่างสนทนาไปด้วย ไป๋มู่ชิงนั่งข้างๆ หลินอันหนาน ทั้งสองคนไม่รู้กำลังคุยอะไรกันอารมณ์ดีมาก
ขณะที่หลินอันหนานลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ที่นั่งข้างๆ ไป๋มู่ชิงก็ว่าง ไม่คิดว่าไป๋ยิ่งอันที่นั่งข้างๆ หลินอันหนานก็หายไปด้วย เธอเขยิบออกมาข้างๆ อย่างอึดอัด พยายามอยู่ห่างหนานกงเฉินให้มากที่สุด
หนานกงเฉินราวกับไม่รู้สึกการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของเธอ คุยเล่นกับเซิ่งเคออย่างต่อเนื่อง
ผู่เหลียนเหยานั่งอีกด้านหนึ่งของเซิ่งเคอ จู่ๆ เธอก็โบกมือมาทางไป๋มู่ชิงแล้วพูดขึ้น “พี่สะใภ้ อยากมานั่งตรงนี้หน่อยไหม ทางนี้เห็นชัด”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวอันหนานกลับมานั่งตรงนี้” ไป๋มู่ชิงยืนกรานไม่หลงกลเธอ
“แต่พี่ดูสิ ผู้ชายพวกนั้นเหมือนจะพยายามทำอะไรพี่” ผู่เหลียนเหยากดเสียงต่ำพูดขึ้น
ไป๋มู่ชิงหันหน้าไป พบว่ามีชายวัยกลางคนไม่กี่คนมาอยู่ข้างๆ เธอตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ พวกผู้ชายสวมเสื้อผ้าแบรนด์ดังดูก็รู้แล้วว่าคนรวย แต่การแสดงออกนั้น……ไม่มีราคาเลยจริงๆ
“คนสวย มาคนเดียวเหรอ? ” หนึ่งในผู้ชายนั้นยิ้มมองสำรวจไป๋มู่ชิง ไม่รอให้เธอตอบกลับก็พูดต่อ “เดี๋ยวโชว์นี้จบ มาเต้นด้วยกันดีไหม? ”
“ขอบคุณ แต่ฉันเต้นไม่เป็น” ไป๋มู่ชิงย้ายร่างกลับมาทางนี้อย่างรังเกียจนิดหน่อย ทางนี้มีหนานกงเฉินอยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ
“สาวสวยแต่งตัวอิสระขนาดนั้น จะเต้นไม่เป็นได้ยังไง? โกหกใช่ไหม? ” ชายวัยกลางคนอีกคนดูเหมือนจะดื่มมากไป พูดค่อนข้างผูกปม
ไป๋มู่ชิงดึงกางเกงขาสั้นของตัวเองลงไป รู้สึกอายนิดหน่อย
“ว่าไง? มาเถอะ เต้นรอบเดียวก็พอ” ชายวัยกลางคนยื่นมือมาหาเธอ จนมาถึงหน้าอกเปิดเผยของเธอ
แต่ก่อนที่ฝ่ามือเขาจะสัมผัสหน้าอกไป๋มู่ชิง ฝ่ามือนั้นก็สั่นจากความเจ็บปวด เพราะเป็นงานสาธารณะ เป็นปาร์ตี้ของคนรวย ผู้ชายคนนั้นไม่กล้าพูดมากเกินไป แค่มองผู้ชายด้านหลังไป๋มู่ชิงด้วยความหวาดกลัว
“นายอยากชวนเธอเต้นจริงเหรอ? ” มือหนานกงเฉินผ่านข้างตัวไป๋มู่ชิงมา แทบจะควบคุมไป๋มู่ชิงไว้ในอ้อมแขนตัวเอง แต่ฝ่ามือเขาบีบข้อมือผู้ชายคนนั้นไว้
ผู้ชายเมื่อเห็นสีหน้าหนานกงเฉิน ก็มองไป๋มู่ชิงอีกครั้ง รีบส่ายหน้า “ไม่ เมื่อกี้ฉันแค่ล้อเล่น คิดว่าคุณผู้หญิงท่านนี้มาคนเดียว ก็เลย……”
“ก็เลยอยากเต้นกับเธอ? ”
“ไม่ ไม่ใช่นะ ขอโทษครับ……ฉันผิดไปแล้ว” ผู้ชายคนนั้นพบว่าด้านหลังหนานกงเฉินยังมีเซิ่งเคอที่ยกกำปั้นขึ้นมาหาตน ก็ตกใจยิ่งกลัว ก้าวถอยหลังอย่างต่อเนื่อง
ไป๋มู่ชิงถูกหนานกงเฉินล้อมรอบตัว ถึงขั้นสัมผัสลมหายใจรุนแรงบนร่างกายเขา เธอรู้สึกไม่สบายใจนิดหน่อย ถ้าให้ไป๋ยิ่งอันและหลินอันหนานเห็นเข้าเดาว่าต้องหงุดหงิดอีกแน่
นี่คือแผนของผู่เหลียนเหยาหรือเปล่า? คุณหนูผู่คนนี้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจริงๆ เล่นได้ไม่เบื่อเลย
แต่เธอทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร? ให้หนานกงเฉินเข้าใกล้เธอ พบว่าเธอคือภรรยาที่แท้จริงของเขาเหรอ? ถ้าใช่ล่ะก็อันตรายเกินไปแล้ว แสดงว่าผู่เหลียนเหยาต้องรู้ความลับของเธอและไป๋ยิ่งอัน
“ช่างเถอะ ปล่อยเขาไป” ไป๋มู่ชิงพูดอย่างตื่นตระหนกนิดหน่อย “ยังไง คนพวกนี้ไม่ช้าไม่เร็วก็จะถูกจัดการ”
หนานกงเฉินปล่อยมือ สองคนนั้นก็รีบวิ่งหนีทันที
ไป๋มู่ชิงเอนตัวไปด้านข้าง พยายามรักษาระยะห่างกับหนานกงเฉินให้มากที่สุด ข้างหูมีเสียงผู่เหลียนเหยาดังก้อง “ผู้ชายพวกนี้มันเฮงซวยจริงๆ เห็นสาวสวยก็อยากจะลวนลาม หน้าไม่อายเกินไปแล้ว”
“จริง ไม่ใช่ว่าจะทำกับใครก็ได้นะ เห็นหน้ากลมๆ เขาแล้วก็ขยะแขยง ไม่พูดแล้ว ขอไปอ้วกในห้องน้ำก่อน” ไป๋มู่ชิงยืนขึ้นจากเก้าอี้อย่างนุ่มนวล ออกไปจากห้องโถงใหญ่งานปาร์ตี้
เธอยั่วโมโหไม่ขึ้น ซ่อนมันได้ตลอดเวลาไหม?
พูดตามตรง เธอกังวลแทนผู่เหลียนเหยามาก แม่ลูกตระกูลไป๋ไม่ได้ยั่วโมโหง่ายๆ ไป๋ยิ่งอันเห็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ของเธอ ปกติแล้วจะป้องกันไม่โจมตีไม่เหมือนในตอนนี้ ในใจกำลังคิดหาอุบายโจมตีเธอ
แต่ตอนนี้เธอขอแค่ป้องกันตัวเอง ไม่อยากมีเรื่อง เธอไม่สนใจการต่อสู้ระหว่างทั้งคู่
มุมหนึ่งของห้องพักเรือสำราญ หลังจากไป๋ยิ่งอันบอกแผนวันพรุ่งนี้กับหลินอันหนานแล้ว หลินอันหนานก็เริ่มเงียบอยู่นานมาก
เห็นเขาไม่ตอบตัวเองกลับอยู่นาน ไป๋ยิ่งอันก็เร่งเร้าอย่างใจร้อน “ว่ายังไง? แสดงความคิดเห็นหน่อย”
หลินอันหนานเงยหน้ามองเธอแล้วพูดขึ้น “ฉันแค่ต้องหลอกให้เซิ่งเคอลงจากภูเขาหลังจากพระอาทิตย์ตกใช่ไหม? ”
“ถูกต้อง ง่ายแบบนี้แหละ” ไป๋ยิ่งอันชำเลืองมองเขา “คุณไม่เต็มใจช่วยเรื่องง่ายๆ แบบนี้เหรอ? หลินอันหนาน อย่าลืมว่าตอนนี้เราลงเรือลำเดียวกัน รอดก็รอดด้วยกัน ตายก็ตายด้วยกัน”
“เธอจะทำอะไรกับผู่เหลียนเหยา? ” หลินอันหนานมองเธอ “ในเมื่อรู้แล้วว่าเธอชอบก่อปัญหา เธอยังกล้าโจมตีเธอในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้อีกเหรอ? ”
“ทำไมจะไม่กล้า? ตอนนี้เธอต้องคิดว่าฉันกำลังตื่นตระหนกแน่ๆ รู้แค่วิธีป้องกันสุ่มสี่สุ่มห้า เธอคิดว่าฉันอาจจะสู้ไม่ได้” ไป๋ยิ่งอันแค่นหัวเราะ “ในสายตาเธอ ฉันกับไป๋มู่ชิงเป็นเด็กอมมือเหมือนกัน ฉันอยากให้เธอลิ้มลองจุดจบที่มายั่วโมโหไป๋ยิ่งอันอย่างฉัน ฉันอยากให้เธอตายโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองตายยังไง”
“เอาล่ะ อย่าพูดเรื่องโกหกไร้ประโยชน์พวกนี้ เธอรีบบอกฉันว่าเธอคิดจะทำยังไงกันแน่? ” หลินอันหนานขัดเธออย่างใจร้อน แต่ไม่นานเขาก็เปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว “ไม่ เธออย่าเพิ่งบอกอะไรฉันทั้งนั้น ถือซะว่าฉันไม่รู้เรื่องสมคบคิดทั้งหมดของเธอเลย ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอย่างนับฉันนะ”
“ฉันบอกแล้วไง นายแค่พาเซิ่งเคอลงมาก็พอ เรื่องอื่นนายไม่ต้องสนใจ”
“แล้วมู่ชิงล่ะ? ฉันแค่เป็นห่วงว่าในแผนของเธอนี้มู่ชิงรับบทเป็นอะไร” หลินอันหนานถาม เขาแค่เป็นห่วงไป๋มู่ชิง คนอื่นไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา
“นายไม่ต้องเป็นห่วง เธอไม่ต้องแสดงบทบาทอะไรทั้งนั้น ถึงตอนนั้นนายพาเซิ่งเคอลงมาจากภูเขาก่อน ไป๋มู่ชิงจะลงไปกับฉัน” ไป๋ยิ่งอันมองหน้าหลินอันหนานที่ไม่ไว้วางใจ พูดขึ้น “คุณชายหลิน ถ้าฉันอยากให้ไป๋มู่ชิงตาย นายจะปล่อยฉันไปไหม? ”
“ไม่”
“ก็นั่นแหละ ฉันมีจุดอ่อนอยู่ในมือนาย ทำยังไงกับฉันก็ได้นี่? ฉันแค่รู้สึกว่าถ้านายพาไป๋มู่ชิงไปด้วย มันจะจัดการไม่ง่าย”
“ฉันเตือนเธอไว้เลยนะ ถ้าเธอเป็นอะไรแม้แต่นิดเดียว ตำแหน่งนายหญิงน้อยหนานกงของเธอก็อย่าคิดว่าจะเป็นต่อไปได้อีก” หลินอันหนานพูดเตือนเธอด้วยเสียงเย็นชา
“ไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องนี้ฉันเข้าใจแล้ว” ไป๋ยิ่งอันกวาดตามองทางห้องโถงใหญ่ของงานปาร์ตี้ แล้วพูดขึ้นอย่างเยาะเย้ย “รีบกลับไปเถอะ เดี๋ยวผู้หญิงคนนั้นก็คิดกลอุบายทำร้ายหนานกงเฉินกับไป๋มู่ชิงอีกหรอก”
พอไป๋ยิ่งอันพูดแบบนี้ หลินอันหนานก็ตกใจที่ตัวเองออกมานานมากแล้ว จึงก้าวเท้าเดินไปในห้องโถงใหญ่ปาร์ตี้
เดินมาถึงประตูทางเข้าห้องโถงใหญ่งานปาร์ตี้ หลินอันหนานก็เห็นไป๋มู่ชิงกำลังยืนขอบดาดฟ้าชมวิวอยู่ เขาจึงเดินเข้าไป กอดเธอไว้ในอ้อมแขนจากด้านหลัง “เกิดอะไรขึ้น? กำลังมองอะไร? ”
แค่นึกถึงแผนของไป๋ยิ่งอันในวันพรุ่งนี้ ในใจเขาก็อ่อนแอ ยิ่งสงสารไป๋มู่ชิงยิ่งขึ้น
ไป๋มู่ชิงอึ้งไป แล้วหันหน้ามามองเขา ส่ายหน้า “ไม่มีอะไร อยู่ข้างในแล้วเบื่อนิดหน่อย อยากออกมาสูดอากาศ”
“ตอนนี้สูดอากาศหรือยัง? ”
“สูดแล้ว”
“งั้นไปกันเถอะ เรากลับไปดื่มเหล้ากันต่อ”
“ยังไปอีกเหรอ? ” ไป๋มู่ชิงไม่สนใจดื่มเหล้าจริงๆ ถึงแม้บาร์เทนเดอร์ที่นี่จะทำเหล้าออกมาได้ไม่เลว
“เราไปกันก่อนไม่ได้หรอก” หลินอันหนานโอบเธอกลับมานั่งที่ มองไปรอบๆ แล้วทุกคนก็ยิ้มบางๆ พูดขึ้น “มีแบบใหม่มาเหรอ? ”
“มี ตอนพวกเธอออกไปมีสองอย่าง” เซิ่งเคอชี้ไปที่เหล้าสองขวด ขวดหนึ่งสีชมพู ขวดหนึ่งสีขาว ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ลองสิ รสชาติไม่ถือว่าแรง”
“งั้นเหรอ? ” หลินอันหนานหยิบแก้วหนึ่งในนั้นขึ้นมา มองไปที่รายชื่อ “การยั่วยวนของหมาป่า ชื่อดุมาก มา ลองสักหน่อย” เขาส่งแก้วเหล้าไปที่ริมฝีปากไป๋มู่ชิง
ไป๋มู่ชิงอ้าปากจิบ พยักหน้า “ไม่เลวนะ”
“งั้นก็ดื่มให้หมดสิ อย่าเสียของ” หลินอันหนานยกอีกแก้วขึ้นมา ชนกับเธอ เงยหน้าดื่มขึ้นรวดเดียวหมด
เมื่อครู่นี้ไป๋มู่ชิงดื่มไปนิดหน่อยแล้ว ตอนนี้ดื่มอีก ถึงแม้จะบอกว่าเหล้านี้ไม่ได้แรงมาก แต่ได้ยินมาว่ามันค่อนข้างแข็งแกร่ง เธอดื่มอย่างระมัดระวังมาก
หลินอันหนานจงใจมอมเหล้าเธอ จึงหยิบมาอีกแก้วแล้วโน้มน้าวให้เธอดื่ม
ไป๋ยิ่งอันก็มองสำรวจแผนมอมเหล้าของหนานกงเฉินเช่นกัน เห็นหลินอันหนานกำลังโน้มน้าวให้ไป๋มู่ชิงดื่มเหล้า จึงหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาตามความปรารถนาของเขา ยิ้มแล้วพูดขึ้น “พวกเธอดื่มกันแค่สองคนไม่ค่อยดีมั้ง? ทุกคนควรดื่มด้วยกันสิ”
ขณะที่เธอพูดก็ส่งเหล้าสีชมพูหนึ่งแก้วให้หนานกงเฉิน พูดขึ้น “คุณชายใหญ่ คุณควรเป็นผู้นำทุกคน”
หนานกงเฉินกวาดตามองหลินอันหนานและไป๋มู่ชิง ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ช่างเถอะ ดื่มเมาแล้วพรุ่งนี้เที่ยวไม่ได้นะ”
ผู่เหลียนเหยาก็พูดคล้อยตาม “ใช่ๆ พรุ่งนี้ปีนภูเขาเจ็ดดาวต้องใช้แรงทางร่างกายมากหน่อย เรารีบกลับไปพักผ่อนกันเร็วๆ หน่อยดีกว่า”
“เช้าขนาดนี้กลับไปเธอนอนหลับเหรอ? ” เซิ่งเคอมองเธอ ผู่เหลียนเหยาพูดไม่ออก จ้องเขม็งใส่เขา
“ใช่ ตอนนี้เพิ่งสองทุ่มกว่า กลับไปก็ยังค่อนข้างเช้า” ไป๋ยิ่งอันพูด “เดี๋ยวสามทุ่มจะมีการแสดงนะ”
ด้วยความพยายามของไป๋ยิ่งอันและหลินอันหนาน สุดท้ายทุกคนก็อยู่ต่อ จนกระทั่งใกล้สี่ทุ่มถึงจะออกมา และในตอนนี้ ไป๋มู่ชิงก็เริ่มเมานิดหน่อยแล้ว
อย่างไรแล้วหนานกงเฉินก็เป็นนักธุรกิจที่มีประสบการณ์ยาวนาน อยากทำให้เขาเมามันไม่ง่ายขนาดนั้น แต่ไป๋ยิ่งอันกลับล้มลงเสียเอง
เซิ่งเคอเมาหนักยิ่งกว่าใคร พนักงานในปาร์ตี้ต้องพยุงเขากลับไป
“ระวังหน่อย” หลินอันหนานพยุงไป๋มู่ชิงที่ฝีเท้าไม่มั่นคง
“เมาไปหน่อยจริงๆ ” ไป๋มู่ชิงทรงตัว และยิ้มอย่างอายๆ
“ฉันแบกเธอกลับไปดีกว่า” หลินอันหนานเดินไปตรงหน้าเธอแล้วย่อตัวลง ไป๋มู่ชิงไม่ได้ปฏิเสธ ยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณก่อนจะนอนบนหลังเขา
ไป๋ยิ่งอันเบื่อหนานกงเฉิน เห็นแผ่นหลังสองคนเดินออกไป เงยหน้ามองหนานกงเฉินอย่างออดอ้อน “คุณชายใหญ่ ฉันก็อยากขี่หลังกลับ”
หนานกงเฉินละสายตากลับมาจากประตูทางออกพร้อมเธอ แล้วพยักหน้าให้กับเธอ “โอเค”
“ขอบคุณค่ะคุณชายใหญ่” ไป๋ยิ่งอันยิ้มอย่างมีความสุข และปีนขึ้นไปบนหลังหนานกงเฉิน
หลังจากกลับถึงโรงแรมแล้ว ร่างกายเซ็กซี่ถูกบนร่างกายเขา ริมฝีปากแดงสดปัดริมฝีปากเขา พึมพำเบาๆ “คุณชายใหญ่ คุณอย่าไปเลยนะ อยู่ที่นี่เป็นเพื่อนฉันได้ไหม? ”
“ยิ่งอัน เธอเมาแล้ว” หนานกงเฉินหลีกเลี่ยงริมฝีปากเธอนิดหน่อย มือข้างหนึ่งลูบไหล่เธอ “เด็กดี นอนลงไปพักผ่อนให้เต็มที่นะ ไม่นานก็หายเมาแล้ว”
“ไม่……ฉันไม่ต้องการ” ไป๋ยิ่งอันที่ครึ่งเมาครึ่งตื่นไม่สนใจเรื่องการแสดงแล้ว ความปรารถนาต่อหนานกงเฉินภายในร่างกายยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ และเธอไม่ใช่คนที่ซ่อนแฝงความรู้สึกมาตลอด นิ้วลูบหน้าอกของหนานกงเฉินเบาๆ เลื้อยเข้ามาในช่องว่างเสื้อของเขาเหมือนงู หยอกเขาเบาๆ ริมฝีปากบอบบางจูบคางเขาในเวลาเดียวกัน
จูบเธอช่างชำนาญและเร่าร้อน ไม่ว่าอย่างไรไป๋มู่ชิงแสดงมันไม่ออกแล้ว
หนานกงเฉินที่โดนเธอยั่วยุจนปากและลิ้นค่อนข้างแห้งก็อึ้งไปสักพัก จากนั้นก็ดึงเธอออกจากร่างตน กดลงบนเตียงและนอนลงไป ยิ้มให้เธอเล็กน้อยก่อนพูดขึ้น “เธอหลับไปก่อน ฉันจะไปอาบน้ำสักหน่อย”
ไป๋ยิ่งอันมองเขาอย่างอึ้งๆ จากนั้นก็ยิ้มบอบบางให้กับเขา “ฉันอยากอาบกับคุณ”
“เมาเหล้าห้ามอาบน้ำทันที มันจะช็อกง่าย” หนานกงเฉินดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเธอ ลูบหลังมือเธอ “นอนเถอะ ฉันจะไปอาบน้ำ”
หนานกงเฉินเดินเข้าไปในห้องน้ำ หลังจากเติมน้ำในอ่างอาบน้ำ ก็ถอดเสื้อผ้าและแช่ตัวที่เหนื่อยล้า ความรู้สึกสบายแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย เขาหลับตา เพลิดเพลินไปกับความรู้สึกสบายๆ นี้
เมื่อเขาออกมาจากห้องน้ำ ไป๋ยิ่งอันก็หลับคาหมอนไปแล้ว
เขาเดินไปหน้าเตียง จ้องมองเธอที่หลับปุ๋ยอยู่นานมาก……
หลังจากหลินอันหนานแบกไป๋มู่ชิงกลับห้อง ก็วางเธอลงบนเตียงเหมือนกัน
ไป๋มู่ชิงดิ้นรนจะนั่งบนเตียง เดินโซเซไปที่ห้องน้ำแล้วพูดขึ้น “ฉันอยากอาบน้ำ”
“มู่ชิง เธออย่าเพิ่งรีบร้อน ฉันจะช่วยเธอใส่น้ำอาบ……” ขณะที่หลินอันหนานรีบเดินไป ไป๋มู่ชิงก็ปิดประตูห้องน้ำแล้ว
เขาทำได้เพียงยืนที่ประตูห้องน้ำแล้วเตือนด้วยความกังวล “มู่ชิงเธอเมาแล้ว ระวังล้ม”
“ฉันรู้” ไป๋มู่ชิงตอบเสียงดัง
วันนี้เป็นครั้งแรกที่เธออยู่ห้องเดียวกับหลินอันหนาน ในใจไป๋มู่ชิงประหม่าโดยธรรมชาติ ความประหม่านี้ไม่สามารถกลบความเมาได้
เธอจับราวมือในห้องน้ำ หลังจากให้ตัวเองอาบน้ำเต็มที่แล้ว ความเมาก็หายไปนิดหน่อย
เธอเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นหลินอันหนานยังคงยืนเฝ้าตนอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ ก็พูดขึ้นอย่างอายๆ นิดหน่อย “คุณไปอาบเถอะ ฉันอาบเสร็จแล้ว”
“เธอยังโอเคไหม? ” หลินอันหนานพยุงเธอกลับเตียงอย่างเอาใจใส่
“ดีมาก แค่เวียนหัวอยากนอน” ไป๋มู่ชิงเงยหน้าขึ้นมองเขา “คุณไปอาบน้ำเถอะ อาบแล้วก็รีบมาพักผ่อน ฉันนอนก่อนนะ”
นี่เห็นได้ชัดว่าเป็นการปฏิเสธล่วงหน้า หลินอันหนานจะฟังไม่ออกได้อย่างไร?
เขาเงียบไปสักพักหนึ่ง ยกมือขึ้นลูบเส้นผมเธอ แล้วพูดขึ้น “เธอนอนไปก่อนเถอะ” พูดจบก็ยืนขึ้นจากขอบเตียง หันตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำ
หลินอันหนานอาบน้ำไม่นาน แต่เมื่อเขาออกมาไป๋มู่ชิงก็ซุกในผ้าห่ม ‘นอน’ ไปแล้วหรือเปล่า เธอหดตัวเป็นลูกบอลเล็กๆ นอนชิดขอบเตียงจนเดาว่าถ้าพลิกตัวก็ตกเตียงได้เลย
หลินอันหนานมองเธอ ถอนหายใจอย่างหมดหนทางแล้วเดินไปข้างหน้า ดึงผ้าห่มออกจากศีรษะเธอ ไม่รู้ว่าเพราะเมาหรือเพราะอึดอัดผ้าห่ม ใบหน้าเล็กของเธอแดงระเรื่อ เป็นสีชมพูอ่อนมีเสน่ห์มาก
หลินอันหนานยกมือขึ้น ปลายนิ้วลูบใบหน้าเธอเบาๆ จากนั้นก็เชยคางเธอขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ก้มหน้าจะจูบริมฝีปากเธอ
ไป๋มู่ชิงที่แกล้งหลับอยู่ตกใจสะดุ้งเพราะเขา ไม่คิดว่าตนได้บอกใบ้อย่างชัดเจนแล้ว เขายังไม่คิดจะปล่อยเธอไปอีก
“รู้แล้วว่าเธอแกล้งหลับ” หลินอันหนานเห็นเธอดิ้นเข้าไปในผ้าห่ม อมยิ้มยกหน้าเธอขึ้นมา ริมฝีปากแดงหอมแก้มเธอแล้วก้มลงกระซิบข้างหู “มู่ชิง อีกสิบวันเราจะแต่งงานกันแล้ว เมื่อเราแต่งงานกันแล้ว เรื่องพวกนี้มันหลีกเลี่ยงไม่ได้นะ หรือเธอต้องการหลีกเลี่ยงฉันแบบนี้ตลอดไปเหรอ?”
ฝ่ามือเขาลูบร่างกายเธอ ทุกครั้งที่ผ่านไปมันทำให้เธอสั่นสะท้าน และหลินอันหนานอดคิดไม่ได้ว่า ไม่รู้ว่าหนานกงเฉินตอนอยู่บนร่างเธอ เธอจะทำอย่างไร? หดตัวเหมือนลูกบอลในตอนนี้ ต่อต้านการเข้าใกล้เขาหรือเปล่า?
เธอจะทำไหม? คงไม่ทำอย่างแน่นอนล่ะมั้ง?
ไป๋มู่ชิงได้ยินคำพูดของหลินอันหนาน ในใจก็เต็มไปด้วยการต่อต้าน แต่ร่างกายกลับไม่กล้าปฏิเสธแม้แต่นิดเดียว เธอรู้ว่าเธอติดหนี้หลินอันหนาน ตอนที่ตัวเองอยู่ห้องใต้หลังคาขนาดเล็กแล้วเลือกที่จะเดินตามเขาไป เธอก็ถูกลิขิตให้เป็นคนของเขาแล้ว
เธอกัดฟัน กลั้นน้ำตา ร่างกายที่หดอยู่คลายออกทีละนิด
รู้สึกการเปลี่ยนแปลงของเธอ หลินอันหนานก็โล่งใจ ลูบไล้อย่างรุนแรงขึ้น
ชุดนอนบนร่างกายไป๋มู่ชิงถูกเขาดึงออกอย่างรวดเร็ว อากาศเย็นๆ กระทบผิวหนังของเธอ เธอตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว
เธอกัดฟัน สองมือกอดร่างหลินอันหนาน กอดเขาแน่น ถึงจะมองออกว่าภายในใจเธอไม่ยินยอม แต่หลินอันหนานในตอนนี้ไม่สนใจอะไรมากขนาดนั้นแล้ว ถอดผ้าขนหนูบนตัวให้เร็วที่สุด โน้มตัวไปข้างหน้า หุ่นเพรียวของตัวเองปกปิดร่างกายของเธอ
จูบของเขาเลื่อนลงไป เมื่อเขารอไม่ไหวอยากจะครอบครองเธออย่างแท้จริง ก็เกิดเสียงดัง ‘ปัง’ ทำให้สองคนบนเตียงตกใจมาก ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงทันที
เสียงดังมาจากนอกหน้าต่าง เมื่อทั้งสองคนเห็นหน้าต่างกระจกแตกอย่างอธิบายไม่ได้ และมีเศษแก้วเกลื่อนพื้น ทั้งคู่ก็ตกตะลึง
เกิดอะไรขึ้น? ไม่มีลมพัดไม่มีฝนตก ทำไมหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดานถึงได้แตก?
ไป๋มู่ชิงรีบดึงผ้าห่มคลุมตัว หน้าแดงก่ำ
หลินอันหนานก็คว้าผ้าขนหนูที่เพิ่งถอดมาพันรอบเอวอีกครั้ง เขาตบบ่าไป๋มู่ชิงแล้วเอ่ยปลอบ “ไม่ต้องกลัว ฉันจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
ไป๋มู่ชิงพยักหน้าอย่างอายๆ ก้มไปหยิบชุดนอนตัวเองมาสวมใส่ทีละชิ้น
หลังจากเธอสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้ว ก็เดินมาข้างๆ หลินอันหนาน มองสำรวจหน้าต่างกระจกที่แตก มองไปมองมา มองไม่ออกว่าทำไม เธอจึงถามขึ้น “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมกระจกแตก? ”
“ฉันก็สงสัยเหมือนกัน” หลินอันหนานยกมือขึ้นกอดเธอไว้ “รีบไปขึ้นเตียง ระวังอย่าให้ทิ่มเท้า”
ไป๋มู่ชิงมองเศษแก้วที่ระเบียง เศษแก้วเหล่านี้แตกอย่างน่าประหลาดมาก เศษทั้งหมดตกที่ระเบียง แต่ไม่มีใครโผล่เข้ามาในห้องนอน
แต่มันเพิ่งเกิดเมื่อครู่นี้เองไม่ใช่เหรอ
หลินอันหนานพูดขึ้น “ฉันจะเรียกพนักงานมาทำความสะอาดสักหน่อย น่าจะไม่นานมากนัก”
“ดึกขนาดนี้แล้ว เสียงดังเกินไปไม่ดีเท่าไร เรามาเก็บกันก่อนในคืนนี้ พรุ่งนี้ค่อยเรียกคนมาทำความสะอาด” ไป๋มู่ชิงพูด
“ก็ได้” หลินอันหนานหันตัวเดินไปหน้าตู้เสื้อผ้าแล้วมองหาเสื้อผ้าที่จะสวมใส่
ไป๋มู่ชิงหยิบถังขยะจากใต้โต๊ะเครื่องแป้งออกมา ทั้งคู่เริ่มทำความสะอาดเศษแก้วที่ระเบียง ขณะที่เก็บเศษแก้วอยู่ นิ้วไป๋มู่ชิงก็ถูกเศษแก้วบาดอย่างไม่ระวัง
“ซี้ด” เธอหายใจเข้า รีบหดสองมือกลับมา
“เกิดอะไรขึ้น? บาดโดนมือเหรอ? ” หลินอันหนานรีบคว้ามือเธอมา เห็นแผลเล็กๆ ที่นิ้วชี้ของเธอจริงๆ เขาเงยหน้ามองเธออย่างสงสาร “ทำไมไม่ระวัง?”
“ไม่เป็นอะไร แค่บาดนิดเดียว” ไป๋มู่ชิงพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ยัยทึ่ม ฉันบอกให้เธออยู่บนเตียง” หลินอันหนานดึงเธอเดินไปในห้องน้ำ หลังจากช่วยเธอล้างแผลด้วยน้ำเย็น ก็หยิบยาต้านอักเสบที่เธอพกติดตัวออกมาช่วยเธอทา
เห็นเขาทำอะไรเพื่อเธอมากมาย ไป๋มู่ชิงก็พูดขึ้นอย่างไม่สบายใจนิดหน่อย “แค่เนื้อเปิดนิดหน่อยเอง ไม่ต้องกระต่ายตื่นตูมขนาดนี้ก็ได้”
“ไม่ว่าแผลจะเล็กแค่ไหนก็เพิกเฉยไม่ได้ ถ้าเผลอเป็นบาดทะยักล่ะจะทำยังไง? ” หลินอันหนานกล่าวขณะช่วยเธอติดแผ่นแปะห้ามเลือด
หลังจากทำแผลเรียบร้อยแล้ว เขาก็พาไป๋มู่ชิงไปบนเตียง “เธอรีบนอนเลย ฉันจะไปทำความสะอาด”
“งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ” ไป๋มู่ชิงเข้าไปในผ้าห่ม เที่ยวมาหนึ่งวันก็ง่วงมากจริงๆ ครั้งนี้เธอไม่ได้แกล้งหลับอีก แต่หลับไปจริงๆ
หลังจากหลินอันหนานทำความสะอาดเศษแก้วแล้วกลับมาที่เตียง เห็นใบหน้าสงบสุขของเธอ ได้ยินแม้กระทั่งลมหายใจของเธอ เข้าใจว่าเธอเหนื่อยจนหลับไปจริงๆ เขาแอบสูดลมหายใจ เงยหน้ามองนาฬิกาบนผนัง มันจะตีหนึ่งแล้ว
ถึงเขาจะหดหู่และไม่เต็มใจนิดหน่อย แต่เขาไม่ได้รบกวนเธออีกครั้ง แต่นอนลงไปข้างๆ เธออย่างระมัดระวัง
เดิมทีคิดว่าคืนนี้จะทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่แท้จริงของตนได้อย่างราบรื่นและแน่นอน ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ จะเกิดอุบัติเหตุ ดูเหมือนพระเจ้าก็ไม่สนับสนุนให้เขากับไป๋มู่ชิงคบกัน!
หลังจากนอนหลับไปถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ไป๋มู่ชิงก็ตื่นเพราะเสียงร้องไพเราะของนกที่นอกหน้าต่าง เธอลืมตาอย่างเงียบๆ ห้องที่แปลกประหลาดทำให้เธออึ้ง
เธอรู้สึกว่าตัวเองถูกแขนแกร่งของชายคนหนึ่งโอบกอดอยู่ เกิดภาพลวงตาชั่วขณะหนึ่งว่าผู้ชายที่นอนกอดเธอข้างๆ นั้นคือหนานกงเฉิน เพราะหนานกงเฉินมักจะชอบกอดเธอนอนจากด้านหลัง และนอกจากหนานกงเฉิน เธอก็ไม่เคยถูกผู้ชายคนไหนกอดแบบนี้อีก
แต่เรื่องราวมันทำให้เธอมีสติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เธอนั่งขึ้นมาจากเตียงทันที หลังจากมองไปด้านข้างเห็นหลินอันหนาน ก็ก้มหน้ามองร่างกายตนอีกครั้ง
ยังดี ทั้งคู่ยังสวมใส่เสื้อผ้า ดูเหมือนเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากเมื่อคืนเธอกลับไปบนเตียง หลินอันหนานก็ทำความสะอาดระเบียงด้วยตัวเอง ต่อมาเกิดอะไรขึ้นเธอก็ไม่รู้ เพราะหลับไปแล้ว
การเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ของเธอทำให้หลินอันหนานตื่นจากการหลับใหล เมื่อลืมตาเห็นเธองุนงง อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ทำไม? กลัวตัวเองโดนฉันกินเหรอ? ”
“ฉัน……” ไป๋มู่ชิงพูดอย่างอายๆ นิดหน่อย “ขอโทษ ฉันทำคุณตื่น”
หลินอันหนานมองเวลาบนผนัง นั่งตามขึ้นมา “เปล่า เพราะเราเข้านอนดึก”
เมื่อหลินอันหนานเตรียมลงจากเตียง จู่ๆ ก็ใช้มือเชยคางเธอขึ้นมาแล้วหอมแก้มเธอ “กระจกแตกเมื่อคืนช่วยชีวิตเธอไว้ ไม่งั้นเธอโดนฉันกินไม่เหลือแล้ว”
ไป๋มู่ชิงอดไม่ได้ที่จะมองไปทางหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน ใต้หน้าต่าง หน้าต่างกระจกที่สูงจากพื้นจรดเพดานนั้นยังมีรูขนาดใหญ่อยู่ ใช่แล้ว เมื่อคืนถ้าไม่ได้มัน เธอคงโดนหลินอันหนานกินจนไม่เหลือแล้ว
จะว่าไปแล้ว ก็ต้องขอบคุณหน้าต่างบานนี้จริงๆ !
“อย่าเพิ่งตกใจ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปกินข้าวเช้า เดี๋ยวต้องไปภูเขาเจ็ดดาวอีก” หลินอันหนานยกมือขนตบบ่าเธอ “ให้คนอื่นรอมันไม่ดี”
ไป๋มู่ชิงได้ยินเขาพูดแบบนี้ก็นึกถึงใบหน้าเข้มงวดของคุณผู้หญิง รีบลงจากเตียงทันที เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าและล้างหน้าแปรงฟัน
วันนี้ต้องไปภูเขาเจ็ดดาว ได้ยินมาว่าที่นั่นภูมิประเทศไม่ค่อยดีมาก ไป๋มู่ชิงนำรองเท้าผ้าใบและชุดกีฬาที่เตรียมเรียบร้อยแล้วออกมาสวมใส่
ชุดกีฬานี้ยังคงเป็นสไตล์ของไป๋ยิ่งอัน เสื้อเปิดเผยและกางเกงร้อน ไม่สูญเสียความเซ็กซี่
ทั้งสองยังมาไม่ถึงชั้นหนึ่ง ทุกคนก็ทานอาหารเช้ากันแล้ว คุณผู้หญิงกวาดตามองสองที่นั่งฝั่งตรงข้ามแล้วถามขึ้น “พวกเขาล่ะ? ยังไม่ตื่นเหรอ? ”
กลัวว่าคุณผู้หญิงไม่พอใจ คุณหญิงหลินรีบอมยิ้มแล้วพูดขึ้น “แม่คะ ทั้งคู่อยู่ในช่วงแต่งงาน ติดหนึบกันอย่างเลี่ยงไม่ได้ เดี๋ยวก็ลงมาแล้วค่ะ”
คำพูดคุณหญิงหลินเพิ่งพูดออกไป หลินอันหนานและไป๋มู่ชิงก็จับมือกันลงมา คุณหญิงหลินมองพวกเขาด้วยความโกรธ “ทำไมช้าแบบนี้ ทุกคนรอพวกเธอสองคนอยู่”
ไป๋มู่ชิงอายเล็กน้อยที่ถูกตำหนิ ก้มหน้าลงเล็กน้อย
ทักทายผู้อาวุโสแล้ว หลินอันหนานก็จูงมือไป๋มู่ชิงไปนั่งที่ว่างสองที่สุดท้าย
ไป๋ยิ่งอันที่แผนเมื่อคืนนี้ล้มเหลวก็ไม่ค่อยพอใจนัก นั่งข้างๆ หนานกงเฉินดูเงียบไปนิดหน่อย ผู่เหลียนเหยากลับมองทั้งสองคนอย่างอารมณ์ดีมากแล้วพูดด้วยน้ำเสียงติดตลก “พี่กับพี่สะใภ้ ความรักของพวกพี่จะทำให้คนอื่นอิจฉาตายอยู่แล้วนะ?”
หลินอันหนานยิ้มมองไปทางเธอกับเซิ่งเคอ “พวกเธอก็ไม่เลวนี่ เมื่อคืนสำมะเลเทเมาทั้งร้องเพลงทั้งเต้น”
“เฮ้ ใช้คำอะไร? พวกผู้ใหญ่ก็อยู่นะ” เซิ่งเคอไอแห้งพูดขึ้น
ทุกคนหัวเราะขึ้นมา
ไป๋ยิ่งอันขยับริมฝีปากยิ้มตาม จากนั้นก็ก้มหน้าทานอาหารเช้าอย่างเบื่อหน่าย นึกถึงเมื่อคืนเธอก็เซ็งเหลือเกิน โอกาสดีแบบนั้นพลาดไปได้จริงๆ
ทั้งๆ ที่เธอพยายามรอหนานกงเฉินออกมา สุดท้ายก็อดทนไม่ไหวหลับไป ต้องโทษตัวเองที่ไร้ประโยชน์เกินไป
“พี่สะใภ้ มือพี่เป็นอะไร? ” ผู่เหลียนเหยาสังเกตเห็นนิ้วชี้ไป๋มู่ชิงมีแผ่นแปะห้ามเลือด จึงถามขึ้นอย่างสงสัย
ไป๋มู่ชิงมองนิ้วตัวเอง ก่อนยิ้มแล้วพูดขึ้น “ไม่มีอะไร เมื่อคืนไม่ระวังโดนกระจกบาด”
ไม่รู้ทำไม ตอนพูดประโยคนี้เธอรู้สึกเหมือนมีสายตาจับจ้องมาจากที่นั่งหลัก คุณผู้หญิงเหรอ? หนานกงเฉินหรือว่าไป๋ยิ่งอัน? เธอไม่รู้ และไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองตรงๆ ทำได้เพียงก้มหน้าเพื่อทานอาหารเช้า
“โดนกระจกบาดได้ยังไง? ” คุณหญิงเซิ่งเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “เมื่อคืนได้ยินเสียงกระจกแตก หรือว่ามันดังมาจากห้องพวกเธอ? ”
“ใช่ครับ คุณป้า” หลินอันหนานพูด “ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ กระจกก็แตก มู่ชิงไม่ระวังโดนบาดตอนทำความสะอาด”
“เฮ้ บาดรุนแรงไหม? ”
“ไม่รุนแรงค่ะ แค่ถลอกนิดเดียว” ไป๋มู่ชิงรีบส่ายหน้า “อันหนานทำเป็นเรื่องใหญ่โตเกินไป อยากให้ฉันพันแผล”
“แผลเล็กยังไงก็คือบาดแผล ต้องพันแผลนะ” ผู่เหลียนเหยาพูด “อีกอย่างตอนบ่ายเราต้องไปปีนเขาเจ็ดดาว เชื้อแบคทีเรียติดแผลได้ง่าย”
ทันใดนั้นหนานกงเฉินก็ยืนขึ้นจากเก้าอี้ “พวกคุณค่อยๆ กินกันนะครับ ผมกินอิ่มแล้ว”
“เร็วจัง? ” คุณผู้หญิงมองสำรวจเขา “ทำไมกินน้อยจัง? ไม่สบายหรือเปล่า? ”
“เปล่าครับ……ฮัดชิ่ว……” หนานกงเฉินเพิ่งลุกออกจากที่นั่งก็จามทันที
“ดูสิ ยังบอกอีกว่าเปล่า เมื่อคืนตอนตกน้ำต้องเป็นหวัดแน่ๆ ” คุณผู้หญิงพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง
ไป๋ยิ่งอันยืนขึ้นจากโต๊ะอาหารตามไป ดึงกระดาษทิชชูส่งให้หนานกงเฉิน มองสำรวจเขาแล้วพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง “เมื่อคืนให้ยาแก้หวัดคุณดื่มแล้วไม่ใช่เหรอ? คุณดื่มมันหรือเปล่า? ”
หนานกงเฉินไม่ได้ตอบคำถามเธอตรงๆ แค่พูดขึ้นว่า “คัดจมูกนิดหน่อย ไม่ได้เป็นหวัด”
“คัดจมูกมันก็สัญญาณของหวัดไม่ใช่เหรอ? ไม่งั้นฉันพาคุณไปหาหมอดีกว่า”
“ไม่ต้อง ฉันสบายดีมาก” หนานกงเฉินตบบ่าเธอ ดันเธอกลับไปนั่งที่เก้าอี้เบาๆ “ไม่ต้องสนใจฉันแล้ว รีบกินข้าวเช้าเสร็จแล้วออกเดินทางเถอะ”
พูดจบ เขาก็หันตัวเดินไปที่ประตูห้องอาหาร
ทำไมเขาเป็นหวัด มีแค่หลินอันหนานและไป๋มู่ชิงเท่านั้นที่เข้าใจ แต่พวกเขาในตอนนี้ไม่มีใครพูดอะไร แค่ก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้า
หลินอันหนานตักเบคอนชิ้นหนึ่งให้ไป๋มู่ชิง แล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “กินเยอะนะ ตอนบ่ายปีนเขาเหนื่อยมาก”
“ขอบคุณค่ะ” ไป๋มู่ชิงถอนหายใจเบาๆ แค่หลินอันหนานไม่เก็บมาใส่ใจก็พอแล้ว
ตอนเช้าทั้งครอบครัวไปเที่ยวพักผ่อนที่เกาะละแวกนั้น ตอนกลางวันทานอาหารทะเล จากนั้นก็นั่งเรือข้ามฟากกลับโรงแรมเพื่อพักผ่อน
ภูเขาเจ็ดดาวเป็นสถานที่ที่ดีในการชมพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก พระอาทิตย์ขึ้นเช้าเกินไปไม่มีใครอยากไป จึงทำได้เพียงเลือกชมพระอาทิตย์ตกในตอนบ่าย
ไป๋ยิ่งอันเลือกขึ้นไปภูเขาเจ็ดดาวและปีนเขาในเวลาบ่าย มีจุดประสงค์ของตัวเอง และผู่เหลียนเหยาที่ไม่ชอบการปีนเขามาตลอดก็จะยอมปีนเขาเพื่อดูพระอาทิตย์ตก จุดประสงค์ไม่บริสุทธิ์อย่างแน่นอน
ภูเขาเจ็ดดาวห่างจากรีสอร์ตมากกว่าสิบกิโลเมตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่พัฒนาขึ้นใหม่ ดังนั้นจึงไม่มีนักท่องเที่ยวมากนักในตอนนี้
พวกผู้ใหญ่ไม่ไปเสี่ยงอันตรายที่ภูเขาเจ็ดดาวอยู่แล้ว ได้แต่อยู่ในรีสอร์ตเพื่อชมทะเลและพักผ่อน เซิ่งซินเห็นว่าพวกเขาอยู่เป็นคู่แต่ตัวเองตัวคนเดียว รู้สึกว่าน่าเบื่อจึงอยู่ที่รีสอร์ต
หลังจากพักเที่ยง คนกลุ่มหนึ่งกับสามคันรถเตรียมมุ่งไปภูเขาเจ็ดดาว
ขณะที่ขึ้นรถ ไป๋ยิ่งอันก็พูดกับหนานกงเฉิน “คุณชายเฉิน ตอนกลางวันคุณนอนไม่สนิท งีบหลับบนรถหน่อยก็ได้นะ เส้นทางไม่ไกลมากให้ฉันขับรถก็ได้”
หนานกงเฉินมองเธอ จากนั้นก็พยักหน้าแล้วยิ้มบางๆ “โอเค” พูดจบก็อ้อมไปอีกด้านของรถแล้วเปิดประตูเข้าไปนั่ง
ถึงแม้จะห่างแค่สิบกว่ากิโลเมตร แต่หลังจากออกรีสอร์ตไปไม่นานก็เริ่มขึ้นเนิน โชคดีที่สภาพถนนโอเค ถนนคอนกรีตสร้างใหม่ ความโค้งไม่ได้รีบเร่งมากนัก
จอดรถไว้ที่ประตูใหญ่ครึ่งทางภูเขาเจ็ดดาว บริเวณรอบๆ มีคนไม่มากนัก ไป๋ยิ่งอันไปที่ขายตั๋วเพื่อแลกตั๋วจากนั้นก็โบกมือให้ทุกคน “ทุกคน ตอนนี้ตลอดทางไปถึงยอดเขา มองเห็นพระอาทิตย์ตกได้พอดี”
จากประตูใหญ่ขึ้นไปต้องผ่านภูเขาสองลูก ทุกคนเดินๆ หยุดๆ ตลอดทาง ทานอาหารพื้นเมืองเต้าหู้ซานสุ่ยและน้ำหวานคลายร้อน แม้ว่าจะพักผ่อนตลอดทาง ไป๋ยิ่งอันผู้บอบบางก็เกือบจะยอมแพ้หลายครั้งต่อหลายครั้ง
เพื่อจุดประสงค์ของตัวเอง เธอต้องกัดฟันต่อไป
เธอเห็นไป๋มู่ชิงและผู่เหลียนเหยาพูดคุยหัวเราะกันโดยบังเอิญ ไม่มีท่าทีจะเหนื่อยเลย ในใจก็อดโกรธนิดหน่อยไม่ได้ ทำไมมีแค่เธอที่เหนื่อยมาก?
หนานกงเฉินเห็นเธอเห็นเธอเหนื่อยเดินไม่ไหว ก็ยื่นขวดน้ำแร่ให้เธอ ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “ไปต่อไม่ไหวเหรอ? อยากยอมแพ้ไหม? ”
“หะ? ” ไป๋ยิ่งอันอึ้ง ยอมแพ้เหรอ? ไม่ เธอไม่ยอมแพ้แน่นอน!

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset