เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – ตอนที่ 148 ผู้หญิงเยอะพอๆกับเสื้อผ้า

นี่ไป่ยิ่งอันกำลังทำอะไรอยู่นะ?ผู้ชายแก่ที่กอดจูบเธอคนนี้เป็นอะไรกับเธอกันนะ?
พอเห็นไป๋มู่ชิง ไป๋ยิ่งอันกลับไม่รู้สึกอะไรเลย มองผ่านเธอไป เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหนานกงเฉินและพูดว่า“นายหญิงน้อยหนานกง ดูแล้วก็มีความสุขดีหนิ”
ไป๋มู่ชิงไม่ได้สนใจคำพูดเหน็บแนมของเธอ มองไปที่ผู้ชายแก่คนนั้นและพูดว่า“เขาเป็นใคร?ทำไมเธอถึงมาอยู่กับเขาได้?”
“นี่คือคนที่ส่งเสียฉัน เป็นผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเชิ่งฉิง”ไป๋ยิ่งอันเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาอย่าสนิทสนม หัวเราะออกมาอย่างเต็มไปด้วยความรัก“โชคดีนะที่เธอทำให้ฉันมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้”
“ไป๋ยิ่งอันเธอยังมีศักดิ์ศรีอยู่ไหม?ไม่คิดเลยว่าเธอจะทำแบบนี้ ไม่คิดถึงหน้าพ่อบ้างเหรอ?”ไป๋มู่ชิงทนไม่ได้ที่จะต้องพูดออกมาแบบนี้
ไป๋ยิ่งอันถึงแม้จะน่าหมั่นไส้ แต่ยังไงก็เป็นพี่สาวของเธอ แน่นอนว่าเธอไม่หวังให้ใครไปดูถูกพี่ของตัวเองหรอก ต้องขายเรือนร่างเพื่อต้องไปเป็นผู้หญิงใฝ่ต่ำแบบนั้น
ทันใดนั้นไป๋ยิ่งอันก็ตบเธอ“จะเสแสร้งทำตัวเหมือนไม่ผิดทำไม ที่ฉันต้องกลายเป็นแบบนี้ก็เพราะเธอไม่ใช่เหรอ?ถ้าในตอนแรกๆเธอไม่พูดให้ชัดเจ ฉันจะต้องตกมาอยู่ในสภาพนี้?”
ไป๋มู่ชิงโดนเธอตบเจ็บจนหน้าของเธอร้อนไปหมดทั้งหน้าเลย
เธอจับหน้า จ้องเธอและพูดออกไปอย่างไม่หวาดกลัวว่า“รู้กันอยู่ว่ามันเป็นเวรกรรมของเธอเองแล้วยังจะมาโทษให้ฉันอีกเหรอ งานและโอกาสมีตั้งมากมาย แต่เธอเลือกทางเดินนี้เอง นี่ยังเป็นความผิดของฉันอีกเหรอ?”
“มีงานให้เลือกทำตั้งเยอะ?” ไป๋ยิ่งอันหัวเราะพูดว่า“งั้นก็ต้องถามสามีที่ไม่แข็งแรงของเธอ ถามเขาว่าต้องบังคับให้ฉันไปถึงขั้นไหนถึงจะพอใจ?ใช่สภาพตอนนี้ไหม?”
พูดจบ ไป๋ยิ่งอันกอดผู้ชายแก่คนนั้นที่พึ่งจะตื่นมาจูบกับเขาอย่างไม่ละอายใจ
ชายแก่คนนั้นสัมผัสตัวเธอ ทันใดนั้นก็กระหายจนทนไม่ได้ โน้มตัวเธอเข้าหากำแพงและใช้มือลูบคลำ
เห็นพวกเขาลุ่มหลงจนไร้ยางอายขนาดนี้ ไป๋มู่ชิงทั้งโกรธทั้งลำบากใจ
ไป๋ยิ่งอันจูบกับชายแก่คนนั้นอยู่สักพักก็หันมาจ้องไป๋มู่ชิงพูดว่า“ทำไมยังไม่อีก?”
เห็นไป๋มู่ชิงอายจนหน้าแดง เธอคว่ำปากพูดว่า“แกล้งทำตัวไร้เดียงสาทำไมกัน?เรื่องพวกนี้เธอไม่เคยทำกับหลินอันหนานหรือไม่เคยทำกับหนานกงเฉิน?ถ้าให้คิดดูแล้วก็ผ่านผู้ชายมาไม่น้อยแล้วนะ มีสิทธิอะไรถึงมาว่าฉันแบบนี้?”
“พูดบ้าอะไรของเธอ?”ไป๋มู่ชิงพูดอย่างโมโห
“ฉันพูดมั่วตรงไหน?หรือว่าฉันพูดผิด?”เห็นๆกันอยู่ว่าไป๋ยิ่งอันตั้งใจ เพราะหนานกงเฉินอยู่ที่ระเบียงทางเดินดูสองพี่น้องด้วยสายตาที่เย็นชามาก
ไป๋มู่ชิงไม่อยากสนใจเธอแล้วเลยหันตัวกำลังจะเดินไป
ไป๋ยิ่งกลับไปจับแขนของเธอกลับมาและไปกระซิบข้างหูของเธอว่า“ไป๋มู่ชิง เธออยากพึ่งได้ใจไปเลยเพราะยังไงแค้นนี้ก็ต้องชำระอยู่แล้ว ฝากไปบอกหนานกงเฉินด้วยนะ และยังรู้สึกขอบคุณที่เขาให้ผู้ชายที่น่ารังเกียจขนาดนี้กับฉันและขอบคุณที่เขาบังคับฉัน วันนี้ให้ฉันได้เดินทางเส้นทางที่น่ารังเกียจแบบนี้ อนาคตยังอีกยาวไกลพวกเราลองดู
ไป๋มู่ชิงยกมือขึ้นมาผลักเธอออกไป พูดอย่างหงุดหงิดว่า“เธอไปใช้ชีวิตตัวเองให้ดีก่อนเถอะ”
พูดจบ เธอหัวตัวออกไปจากประตูทางออกของคาราโอเกะ
เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นเธอก็พบว่าหนานกงเฉินยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ
ก็ค่อยๆหยุดเดิน ในชั่วพริบตานั้นในใจของเธอก็มีรางสังหรณ์ เมื่อกี้คำพูดที่ไป๋ยิ่งอันแน่นอนว่าเขาต้องได้ยินใช่ไหม?เดิมทีก็ไม่เชื่อมาโดยตลอดว่าเธอกับหลินอันหนานเป็นคนบริสุทธิ์ คาดว่ายังไงก็คงไม่เชื่อ
ไป๋ยิ่งอัน แม้ว่าสุดท้ายแล้วเธอจะต้องซ่อนเธอไว้อกครั้ง!
หนานกงเฉินมองเขาด้วยสายตาที่“คุยจบแล้วเหรอ?”
ไป๋มู่ชิงไม่พูดอะไรเลย ก้มหัวเดินผ่านเขาไปและเดินต่อไปข้างหน้า
ไป๋มู่ชิงเดินไปอย่างกระตือรือร้น ไป๋ยิ่งอันไม่พอใจ มองไปที่ข้างหลังพวกเขาสองคนที่ค่อยๆห่างไกลออกไปรู้สึกว่าจิตใจไม่มั่นคง
รู้ๆกันอยู่ว่าไป๋มู่ชิงแย่งที่ของเธอ มีสิทธิอะไรเธอยังสามารถอยู่ข้างกายหนานกงเฉินต่อได้ แต่เธอกลับต้องตกมาอยู่ในสภาพนี้?หรือว่านี่……ทั้งหมดนี้เป็นแผนของเธอเองเหรอ?เป็นอุบายของเธอเหรอ?
ไป๋ยิ่งอันยิ่งคิดยิ่งโกรธ ถ้าเกิดชายแก่คนนั้นยังไม่ได้รู้สึกสนใจหรือเบื่อเธอขึ้นมา ลิ้นที่ลื่นและชุ่มชื่นได้ไปอยู่ที่หน้าของเธอ ยิ่งอันที่กระวนกระวายใจนั้นก็ถีบไปที่ขาของเขาและพูดว่า“ไปให้พ้นนะ!”
ผู้ชายโดนถีบ ก็สร่างขึ้นมาเยอะเลย จ้องเธอด้วยความโมโหว่า“นังผู้หญิงเลวคนนี้เธอกล้าถีบฉันเหรอ?วันนี้ฉันซื้อเธอแล้ว ควรเป็นฉันสิที่ถีบเธอ……”
“งั้นวันนี้ฉันไม่ขายแล้วโอเคไหม?รีบไปให้พ้น!”ไป๋ยิ่งอันตะโกนออกไป
ตอนนี้ในหัวของเธอคือภาพของไป๋มู่ชิงกับหนานกงเฉิน จะมีอารมณ์ไปสนุกกับเขาได้อย่างไร?
ชายแก่คนนั้นถูกเธอตะโกนใส่ พูดออกมาด้วยความโมโหว่า“เธอมันผู้หยิงเห็นแก่เงิน ครั้งหน้าถ้าไม่มีเงินใช้ไม่ต้องมาอ้อนวอนเธอนะ!”พอพูดจบ เธอก็กลับไปที่ห้องรับรอง
ไป๋ยิ่งอันโมโห จนหายใจหอบ ไม่ง่ายเลยที่จะกำจัความโกรธนี้ออกไป ตอนที่หันมามองกลับไปก็เห็นเงาที่ทำให้เธอยิ่งฮีกเหิมขึ้นกว่าเดิมอีก
ใต้แสงไฟที่มืดสลัว ผู่เหลียนเหยาก็นั่งอยู่บนรถวีลแชร์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองไปที่เธอ ห่างกันไม่ถึงห้าเมตรด้วยซ้ำ
เห็นเงาของเธอ ไป๋ยิ่งอันคิดถึงเรื่องในอดีตขึ้นมา หลังจากนั้นก็โกรธแค้นจนอยากจะฆ่าเธอ
“เมื่อครู่นี้สนุกนักเหรอ?”ผู่เหลียนเหยากวาดสายตาไปที่บานประตูข้างหลังไป๋ยิ่งอัน เมื่อครู่นี้ผู้ชายคนนั้นก็เดินจากนี่เข้าไปในห้องรับรอง“แต่ว่าผู้ชายคนนี้ที่คุณกำลังตามหาไม่ขี้เหร่ไปหน่อยเหรอ?ถ้าหากว่าเป็นฉัน เห็นใบหน้าที่น่ารังเกียจนั้นก็รู้สึกแทบจะอ้วก นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะจูบเขาลงไปได้?แต่เพื่อนเงินแล้วแน่นอนว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ต้องอดทนไว้อยู่แล้ว”
มือทั้งสองของผู่เหลียนเหยาจับล้อรถวีลแชร์ บนหน้าก็เต็มไปด้วยการพูดดูถูกและเหน็บแนม
ไป๋ยิ่งอันถูกยั่วจนอยากจะเดินไปเตะเขา แต่ว่าเธอก็อดทนเอาไว้ได้ เธออดทนต่อความโมโหและพูดเหน็บแนมว่า“คนพิการ ถ้าเธอขายตัวตอนนี้คงไม่มีใครอยากได้หรอก!
“แต่น่าเสียดายชีวิตฉันดี ไม่ต้องขายแล้ว”ผู่เหลียนเหยาวางมือทั้งสองลง
“ชีวิตที่ดี?ไป๋ยิ่งอันหัวเราะอย่าง“ขนาดเซิ่งเคอแต่ก็ยังเป็นคนรับใช้ของตระกูลหนานกง เธอถือว่าเป็นสิ่งของอะไร ตอนแรกที่เกือบจะตายนั้น ขนาดต้องคิ้วยังต้องขมวดเลย เธอพิการเธอยังใช้อำนาจเข้ามาเข้ามาเอาใจตระกูลหนานกง ก็ขาดแค่ไม่ได้ให้เธอคุกเข่าทำทุกวิถีทาง”
สีหน้าของผู่เหลียนเหยาก็เปลี่ยนไป และยังกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว สะบัดหัวและพูดยิ้มเล็กน้อยว่า“ไม่ เธอเป็นคนผิด ฉันกลับไปก็เพราะอยากพิสูจน์ความรักระหว่างหนานกงเฉินและไป๋มู่ชิง พวกเขาทั้งสองคนยิ่งใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ในใจของฉันยิ่งดีใจและยิ่งรู้สึกว่าขาที่พิการของฉันก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
“คุณหนูไป๋ คุณคิดแผนการเพื่อที่สิ่งที่อยากได้ ทุกอย่างก็มาอยู่ในกำมือไป๋มู่ชิง ทุกวันนี้เธอกับคุณชายเฉินก็มีความรักให้กันเพิ่มมากขึ้น ไม่ไหนจากกันเลย แน่นอนว่าเธอต้องไม่เคยเห็นฉากที่ใกล้ชิดขนาดนั้น ก็แม้แต่คู่หมั้นของฉันเห็นยังรู้สึกอิจฉาเลย”
ไม่ง่ายเลยที่ไป๋ยิ่งอันจะทนรับความกดดันแบบนี้ที่ค่อยๆปรากฏขึ้นมา กำมือทั้งสองข้างอย่างแน่น
ผู้เหลียนเหยาเห็นสีหน้าที่ทรมานของเธอ ก็หัวเราะสะใจและเอ่ยปากว่า“ฉันทำเอาเธอลำบากมามาก คุณชายเฉินเขารู้ว่าไป๋มู่ชิงเคยเจ็บปวดกับความรักมาก่อน เจ็บใจจนเหมือนมันจะแตกสลาย อดไม่ได้ที่จะกุมเธอไว้ในกำมือในทุกๆวัน”
เธอพูดจบหันหน้าไปมองไป๋ยิ่งอันและพูดว่า“พอมาดูเธอตอนนี้แล้วก็ต้องตกต่ำขนาดนั้น พอพูดแล้วก็คือโสเภณี เอเป็นแบบนี้เพราะโดนมู่ชิงแย่งผู้ชายไป แม้แต่จะถือรองเท้าก็ไม่มีสิทธิแล้วใช่ไหม?ดังนั้นพ่อก็อยู่ร้านแถวๆบ้านนี่สิทั้งขายตัวและอีกด้านหนึ่งก็มองไปที่สองนั้นรักกัน มีความสุขกันมากเลย น่าสงสารจัง!”
“ผู้หญิงเลว!”ในที่สุดไป๋ยิ่งอันก็ทนต่อไปไม่ได้แล้ว เลยพาเธอลงจากวีลแชร์ ใช้เท้าเตะเธอและอีกทั้งด่าเขาว่า“เธอมีสิทธิอะไรมาหัวเราะฉัน?คนพิการมีสิทธิอะไรที่จะมาโอ้อวดต่อหน้าของฉัน……เธอ……!”
“ช่วยด้วย มีคนทำร้ายฉัน!ช่วยด้วย!”ผู่เหลียนเหยากุมหัวของเธอไว้และขดตัวโอดครวญอยู่ที่พื้น
ไม่นานมีพนักงานรีบเข้ามาดึงตัวไป๋ยิ่งอันออกไป ในที่สุดเซิ่งเคอก็รีบออกมาจากห้องรับรอง เห็นผู่เหลียนเหยาโดนตีจนไปกองอยู่ที่พื้น ทำให้เธอตกใจ รีบพาเธอลุกขึ้นมาจากพื้นและพาเธอขึ้นไปนั่งบนวีลแชร์
ไป๋ยิ่งอันถูกพนักงานสองสามคนคุมตัวไว้ ยังคงตะโกนด่าออกมา
ผู่เหลียนเหยาอายมากและรีบเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเซิ่งเคอ ร้องไห้เพราะรู้สึไม่เป็นธรรมและพูดว่า“นังบ้าคนนี้ตีฉัน ฉันจะไปบอกพี่และพี่สะใภ้จะไปบอกให้พวกเขาช่วยฉันหาวิธีที่ยุติธรรมที่สุด……”
บอกหนานกงเฉิน?ไป๋ยิ่งอันโกรธจนจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด ที่จริงแล้วนี่เป็นเป้าหมายของเธอเหรอ?เธอแค้นที่หนานกงเฉินบังคับเธออย่างน่าเวทนา?
“ทำไมอยู่ดีๆไปยั่วโมโหเขาล่ะ?อย่าดื้อ ปกติพวกเราก็ไม่ได้รู้จักอะไรกับเธอ”ด้านหนึ่งเซิ่งเคอลูบผมที่ยุ่งเหยิงของเธอและอีกด้านหนึ่งก็พูดปลอบใจเธอ
ผู่เหลียนเหยาร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของเขาและพูดว่า“เขาพึ่งจะพูดกับเธอได้ไม่ถึงสองประโยค เธอก็ตบตีฉันแล้ว เซิ่งเคอฉันอยากกลับบ้าน”
“ได้สิ กลับบ้านกัน”เซิ่งเคอมองไปที่พนักงานที่จับตัวไป๋ยิ่งอันไว้อยู่ ไม่พูดอะไรเลยและก็ผลักผู่เหลียนเหยาออกไปจากประตูทางออกที่คาราโอเกะ
หลังจากที่ไป๋มู่ชิงและหนานกงเฉินกลับมาถึงที่รถแล้วนั้น เกือบจะถามเขาออกไปอย่างตรงประเด็นว่า“ที่ไป๋ยิ่งอันพูดนั้นจริงเหรอ?คุณบังคับให้เธอเป็นแบบนี้เหรอ?”
ด้านหนึ่งหนานกงเฉินดึงเข็มขัดนิรภัยออกมาและอีกด้านหนึ่ง ไม่คิดว่าจะพูดออกมาแบบนี้“เกิดอะไรขึ้นอีกแล้วล่ะ”
ไป๋มู่ชิงคิดไม่ถึงว่าเขาจะตอบกลับไปตรงๆขนาดนั้น หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่งก็พูดว่า“ทำไมเธอทำแบบนี้กันนะ?”
“นี่เธอกำลังถามฉันอยู่เหรอ?”หนานกงเฉินหันมาจ้องหน้าเธอ ในสายตานั้นเต็มไปด้วยความอันตราย
ไป๋มู่ชิงเจอสายตาที่เย็นชาและการสูดหายใจเข้าที่น่ากลัวของเขา แต่ว่าเธอยังพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ยังค่อนข้างโมโหว่า“ฉันรู้ว่าเธอทำเรื่องกับคุณไว้มากมา และรู้ว่าเธอสมควรตาย แต่ว่าบังคับเธอแบบนี้ไม่เกินไปหน่อยเหรอ ถ้าคุณเกลียดเธอก็ทำเหมือนกับท่านประธานไป๋ก็ได้หาเรื่องมาบังคับเธอให้ตาย ทำไมต้องบังคับเธอถึงขนาดนี้ หรือว่าคุณไม่รู้พรหมจารีสำคัญกับผู้หญิงขนาดไหน?”
หนานกงเฉินจ้องเธออย่างไม่ละสายตา พูดอย่างเย็นชาว่า“ถ้าสลับให้เธอเป็นเขา เธอจะทำอย่างไร?”
“ฉันยอมจะกระโดดตึกตาย!”
“อย่างนั้นทำไมเธอไม่โดดนะ?”
“……”
“เพราะเธอยอมที่จะมีผู้ชายหลากหลายประเภทมาคอยปรนนิบัติ เธอยอมมีชีวิตแบบนั้น”หนานกงเฉินหัวเราะเยาะว่า“พรหมจารี?ลูกสาวตระกูลไป๋ยังจะมีพรหมจารีอยู่อีกเหรอ?ยังมีความละอายใจอยู่ไหม?เพื่ออยากได้ตำแหน่งก็ทำเรื่องที่ไร้คุณธรรม เพื่อเงินก็ยอมที่จะขายเนื้อหนังของตนเอง”
“ฉันไม่เห็นด้วยกับที่เธอทำให้ฉันขายหน้าหรอก!”
“ทำไมถึงไม่เห็นด้วยล่ะ?แม้แต่พี่สาวแสนดีของเธอยังพูดว่าเธอโดนหลินอันหนานเล่นงานจนไม่เหลือชิ้นดี! ”ทันใดนั้นหนานกงเฉินก็พูดออกมาแบบนี้
คุณถึงยังต้องการให้ฉันอยู่ข้างๆล่ะ?คุณเอาฉันไปทิ้งไว้ให้ขายตัวที่คาราโอเกะเถอะจะได้จบๆไป ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของคุณ ในเมื่อฉันเป็นภรรยาที่น่าขายหน้านี่คุณไม่ขายหน้าเหรอ?คุณชายใหญ่หนานกงที่สูงส่งกลับมาแต่งงานกับผู้หญิงแบบนี้ คุณไม่อายเหรอ?!”
“เธอหุบปากเดี๋ยวนี้นะ!”หนานกงเฉินจ้องเธอด้วยความโมโหมาก
“ทำไมล่ะ?คุณยอมรับแล้วว่าแต่งงานกับผู้หญิงแย่ๆแบบนี้ แล้วทำไมยังจะให้ฉันหุบปาก?”
ไป๋มู่ชิงพูดจบ หันไปเปิดประตูรถลงมา
หนานกงเฉินหูไวตาไวและจับแขนเธออย่างรวดเร็ว ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาดีขึ้น กัดฟันพูดว่า“คุณใส่ใจเธอขนาดนั้นเลยเหรอ?ไม่ได้พูดว่าทั้งหมดเป็นแผนของเธอไหม?ไม่ใช่พูดว่าตัวเองไม่มีความผิดไม่ใช่เหรอ?ทำไม……?”
ไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ออก ผ่านไปครู่ใหญ่ๆถึงจะะพูดว่า“ฉันแค่รู้สึกว่าบังคับเธอขายตัวมันไม่โหดร้ายไปหน่อยเหรอ”
“นั้นเป็นสิ่งที่เธอเลือกเอง เธอเลือกที่จะกะโดดตึกได้ เลือกที่จะไปเป็นขอทาน แต่ว่าเธอยังไงเธอก็เลือกงานที่รายได้สูงแบบนี้ และในคาราโอเกะมีผู้หญิงมากมายที่ขายตัวเพื่อเงิน เธอดูว่าพวกเขาทำตัวแบบนี้ยังจะมียางอายอยู่ไหม?”เขายังพูดออกมาด้วยเสียงที่เย็นชาว่า“นี่คือผู้หญิงของตระกูลไป๋ของเธอ เลวฝังเข้าไปในกระดูก!”
“ฉันไม่อยากฟังคุณพูดถึงตระกูลไป๋!และไม่อยากฟังคุณเอาฉันกับเธอมาเปรียบเทียบกัน”ไป๋มู่ชิงทนไม่ได้ที่จะพูดว่า“ถ้าคุณรังเกียจฉันขนาดนั้นจริงๆ คุณก็เปิดประตูรถ ฉันจะหายไปให้ไกลเอง”
“หายไปไกลๆ?ไปต่างประเทศเหรอ?จะไปหาหลินอันหนานของเธอ?”หนานกงเฉินผลักเธอกลับไปที่บนเบาะ“ฝันไปเถอะ!”
“อย่างนั้นคุณจะให้ฉันทำอย่างไรล่ะ?”ไหล่ข้างหนึ่งของไป๋มู่ชิงชนกับประตูรถ เจ็บจนเธอต้องใช้มือคลึงเบาๆ
“สถานการณ์ก็เป็นแบบนี้ อย่าได้คิดที่จะหนีออกไปจากกำมือของฉัน ถ้าเธอคิดจะหนีอย่างนั้นเธอก็จะต้องฟังฉันคนเดียว”หนานกงเฉินพูดทิ้งท้ายไว้แบบนี้และขับรถต่อไป
กลับถึงบ้าน หนานกงเฉินจอดรถไว้ที่หน้าตึกใหญ่ ไป๋มู่ชิงลงจากรถและเข้าไปในบ้านก่อน
เธอเดินเข้าไปที่ห้องรับแขกห็นเซิ่งเคอกำลังทายาบนหน้าให้ผู่เหลียนเหยา แต่บนหน้าของผู่เหลียนเหยามีรอยแดงอยู่ราวกันว่าโดนคนตีมา
ไป๋มู่ชิงถามออกไปอย่าสุภาพว่า“เหลียนเหยา เธอไปโดนอะไรมา?”
เบ้าตาแดงก่ำมากผู่เหลียนเหยา เธอสะบัดหัวพูดว่า“ไม่มีอะไร แค่โดนคู่หมั้นของพี่อันหนานตบมาเฉยๆค่ะ”
“เธอตบเธอเหรอ?ทำไมกันล่ะ?”
“ไม่รู้ค่ะ อาจจะไม่ชอบขี้หน้ามั้ง แต่ยังไงตอนแรกๆเป็นฉัน……”ผู่เหลียนเหยาเห็นหนานกงเฉินเดินเข้ามา เธอก้หยุดพูดและยิ้มทั้งน้ำตาว่า“ไม่มีอะไรค่ะ แค่โดนตกครั้งเดียวเอง ไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรงอะไร”
ผู่เหลียนเหยากวาดสายตาเห็นหน้าไปมู่ชิงแดง พูดอย่าตกใจว่า“นี่ ทำไมหน้าพี่สะใภ้ก็แดงล่ะ?โดนเธอตมมาเหมือนกันเหรอคะ?”
ไป๋มู่ชิงจับหน้าของตัวเองดู ถึงจะตกใจว่าหน้าของตัวเองนั้นรู้สึกร้านผ่าว เมื่อครุ่เอาแต่ทะเลาะกับหนานกงเฉินจนทำให้เธอลืมไปเลยว่าเอก็โดนไป๋ยิ่งอันตบมาเหมือนกัน
นาทีนั้นบนหน้าของเธอแดงขึ้นมาจริงๆ ถ้ามองก็จะเห็นรอยมืออยู่
“ฉันไม่เป็นไร”ยิ้มและไม่สนใจอะไรเลย
“พี่สะใภ้ ยานี้ดีมากๆเลย ให้พี่เขาช่วยพี่สะใภ้นะ”เซิ่งเคอหยิบยาขี้ผึ้งยื่นให้ไป๋มู่ชิงข้างหน้า
“ไม่ต้องหรอก ฉันหนังหนา เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง”
“หนังหนา?”ผู่เหลียนเหยาเสียง“พู”“งั้นก็ให้พี่ช่วยเธอเช็ด ถ้าพรุ่งนี้บวมล่ะจะทำอย่างไร?”
ผู่เหลียนเหยาหันหลังจากเดินตามไป๋มู่ชิงมาหนานกงเฉินหัวเราะพูดว่า“พี่ รีบมาช่วยพี่สะใภ้ทายาเร็ว ทาเสร็จจะได้ไปชมพระจันทร์ในสวนดอกไม่เป็นเพื่อนคุณย่า”
“คุณย่ายังไม่นอนเหรอ?”
“ยังไม่นอน รอประมาณเที่ยงคืนเพื่อชมจันทร์”
หนานกงเฉินไม่ได้พูดอะไร เดินมาจากในมือยาขี้ผึ้งของไป๋มู่ชิง พึ่งจะเปิดฝาไว้ ไป๋มู่ชิงกลับเดินมาจากข้างกายของเขา เดินขึ้นตึกไป
ไป๋มู่ชิงกลับถึงห้อง ยืนอยู่ที่หน้ากระจกรอยแดงบนใบหน้า คิดถึงไป๋ยิ่งอันและผู้ชายแก่คนนั้นจูบกันและคำพูดที่จะมากเกินไปแล้ว ในใจรู้สึกทรมานมาก
ตั้งแต่แรกจนจบหนานกงเฉินไม่เคยเชื่อความบริสุทธิ์ของเธอกับหลินอันหนานเลย ตอนนี้เกรงว่ายิ่งจะไม่เชื่อเข้าไปใหญ่!
ไป๋มู่ชิงอาบน้ำเสร็จก็ไปนอนดูทีวีอยู่บนเตียง ได้ยินเสียงคนข้างนอกหน้าต่าง ทุกคนกำลังชมพระจันทร์เป็นเพื่อนคุณผู้หญิง เธอไม่คิดจะลงไป และยิ่งขี้เกียจไปที่สวยดอกไม้เพื่อเอาใจคุณผู้หญิง เหมือนในใจมีเรื่องอะไรอยู่
บางทีคุณผู้หญิงอาจจะไม่พอใจ แต่เธอไม่อยากจะต้องไปสนใจขนาดนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าหนานกงเฉินพูดว่าเธอสุดจะทน เธอทำไมยังต้องไปแกล้งแสดงเป็นเอาใจคุณผู้หญิงด้วย?
ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา ไป๋มู่ชิงไม่ได้ตอบกลับไป เสี่ยวลวี่ก็ผลักประตูเดินเข้ามาบอกเธอว่าคุณผู้หญิงให้เธอลงไปชมพระจันทร์ด้วยกัน
ไป๋มู่ชิงหันหลังพูดกับเธอว่า“รบกวนเธอบอกคุณผู้หญิงด้วยว่าฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายคงลงไปไม่ได้แล้ว”
เสี่ยวลวี่มองเห็นข้างหลังของเธอก็พยักหน้าและเดินจากไปทันที
“นายหญิงน้อยบอกว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายคงจะไม่ลงไปแล้ว”เสี่ยวลวี่พูด
“เธอเป็นอะไรไป?เมื่อครู่ตอนที่ทานข้าวก็ยังดีๆอยู่ไม่ใช่เหรอ?”คุณผู้หญิงก็หันไปหาหนานกงเฉิน
คุณผู้หญิงพยักหน้าและไม่ถามอะไรมากแล้ว
หนานกงเฉินไม่ได้รู้สึกชอบการชมพระจันทร์เท่าไหร่ ที่มาถึงที่นี่ก็เพราะเพื่อมาเป็นเพื่อนคุณผู้หญิง อยู่เป็นเพื่อนสักครู่หนึ่ง เขาเงยหน้าไปดูพระจันทร์บนท้องฟ้าและพูดว่า“พระจันทร์ปีนี้ก็ไม่ได้กลมขนาดนั้น ทุกคนรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
“เหมือนกับว่าปีที่แล้วพี่ก็พูดแบบนี้”เซิ่งซินหัวเราะพูด
หนานกงเฉินลุกขึ้นมาจากเก้าอี้พูดกับเซิ่งซินว่า“เดี๋ยวสักครู่ฉันจะเข้าไปในบ้านเป็นเพื่อนคุณย่า อย่างนั้นฉันไปก่อนนะ”
เซิ่งซินพยักหน้าตอบรับ
หนานกงเฉินกลับถึงห้อง เห็นไป๋มู่ชิงนอนอยู่บนเตียงเหมือนว่าหลับไปแล้ว เขาเดินไปใกล้ๆไปมองเธออยู่ครู่หนึ่ง เธอสวมชุดนอนใหม่ที่ไปซื้อวันนั้น ชุดสีชมพูสุดน่ารักสดใส
รอยแดงบนหน้ายังไม่หาย มองดูแล้วต้องเจ็บมากแน่ๆ
เขาใช้มือไปขยับแขนเธอใกล้ๆ ไป๋มู่ชิงกลับหันหลังให้เขา
รู้แล้วว่าเธอไม่ได้นอนหลับ หนานกงเฉินถามออกไปว่า“ไม่สบายตรงไหน?”
ไป๋มู่ชิงไม่เอ่ยปากเลย
หนานกงเฉินทนไปนั่งอยู่ข้างๆเธออย่างมีความอดทน เลยขยับตัวเขาให้หันมา จ้องเธอพูดว่า“นี่เธออารมณ์เสียเพราะฉันเหรอ?”
ไป๋มู่ชิงโดนบังคับให้สบตากับเขา พูดด้วยสายตาที่เย็นชาว่า“นี่เธอจะต้องการเตือนฉันเหรอ ฉันไม่มีสิทธินั้นเหรอ?”
“เพราะไป๋ยิ่งอันกับฉันทำให้อารมณ์เสียเหรอ?”
ไป๋มู่ชิงไม่ส่งเสียงอะไรเลย จริงๆแล้วส่วนใหญ่เป็นเพราะว่าเขาทำให้ตัวเองขายหน้าคิดว่าตัวเองไร้ค่า แต่ว่าเธอขี้เกียจพูดออกมา เพราะว่าเธอไม่อยากจะทะเลาะกับเขา ทะเลาะอย่างไรก็ไม่ชนะ
“จนถึงวันนี้ไป๋ยิ่งอันก็ยังไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร ไหนจะเรื่องที่ทำร้ายเหลียนเหยา ไม่คิดเลยว่าเธอจะโกรธฉันเพื่อคนแบบนี้?”หนานกงเฉินไปจับคางของเธอ พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา“เธอคิดว่าตัวเองพิเศษเหรอ เพราะว่าชอบเธอ รักเธอ ฉันต้องไปทนกับอารมณ์ของเธอตลอดเลยเหรอ?”
ไป๋มู่ชิงประชันหน้ากับเขา ในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า“คุณชายนานกง เมื่อก่อนฉันขอโทษคุณนะ คุณจะเอาปืนมายิงฉันก็ได้ แต่ว่าอย่าดูถูกฉันเลย ตอนนี้คุณไม่ใช่แค่ดุถูกฉันนะ ยังทำให้ฉันขี้โมโหอีกด้วย?คุณอยากให้ฉันฟังคุณพูดดูถูกหยักหน้าและยิ้มเหรอ?นี่เป้นวิธีเดีนวใช่ไหมที่จะทำให้คุณพอใจ?คุณจะขอมากไปแล้วหรือเปล่า?
ไป๋มู่ชิงทุ่มเทแรงกายแรงใจ ลุกขึ้นมาจากเตียง สายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง“ฉันอยากจะถามคุณชายหนานกงว่าท้ายที่สุดแลเวคุณให้ความพิเศษอะไรกับฉัน จับคนในครอบครั้วของฉันไป เอาฉันไปขังไว้ที่บ้าบพักตากอากาศเพื่อระบายออกมาเป็นกรณีพิเศษเหรอ?ถ้าเกิดว่าใช่ ฉันสามารถปฏิเสธได้ไหม?ฉันขอร้องคุณล่ะ……”
“ดูแล้วเธอไม่พอใจฉันมากเหมือนกันนะ”หนานกงเฉินหัวเราะเยาะ เอามือไปจับหลังคอของเธอและก้มหัวลงไปจูบเธอ“ทำอย่างไรดี?ฉันให้แบบนี้กับเธอเป็นกรณีพิเศษ เธอไม่มีสิทธิปฏิเสธ”
ไป๋มู่ชิงพูดออกมาอย่างหงุดหงิดว่า“อย่ามาโดนตัวฉัน”
ความเกลียดชังบนหน้าของเธอทิ่มแทงในใจของหนานกงเฉิน เขาจูบไปที่ริมฝีปากเธอด้วยความโกรธ จูบเข้าไปอย่างดูดดื่ม
ไป๋มู่ชิงต่อสู้ด้วยความโกรธ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งๆที่เขาเกลียดเธอขนาดนี้ และยังจูบเธอไปแบบติดต่อกัน ต้องการเธอหรือว่านี่เขารู้สึกทรมานโดยไม่รู้ตัวเหรอ?
เธอต่อสู้ดิ้นรนอยู่พักหนึ่งแต่ก็ไม่ได้หลุดออกมาจากเขา ในตาก็มีน้ำตาแห่งความไม่เป็นธรรมไหลลงมาตามหน้า รสชาตที่ขมฝาดนั้นก็ค่อยๆแทรกซึมเข้าไปในปากของทั้งสอง หนานกงเฉินขมวดคิ้วในที่สุดก็ปล่อยเธอไป
เขาจากที่ไม่ชอบเห็นผู้หญิงร้องไห้อยู่ใต้ร่างของเขา ไม่ชอบมาตั้งแต่ไหนแต่ไร!
เมื่อก่อนผู้หญิงพวกนั้นตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาถ้าไม่ร้องไห้จนตัวหด หรือไม่ก็ยังไม่ทันมีใครเข้าไปก็ร้องไห้แล้ว เขารู้สึกไม่ชอบเลย ดังนั้นเลยไม่อยากจะชายตาไปมองพวกเธอและยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอนที่พวกเธออยู่ในอ้อมกอด
เขาผลักไปมู่ชิงออกไปเธอก็ลงไปอยู่บนเตียง หลังจากนั้นก็ลุกจากขอบเตียงและเดินออกมา
ไป๋มู่ชิงคิดคืนนี้ว่าหนานกงเฉินต้องมีเรื่องอย่างว่าแน่ๆ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะปลีกตัวออกไปอย่างกะทันหันแบบนั้น เธอรู้สึกงงงวยเล็กน้อย ในขณะเดียวกันก็ถอยหายใจออกมาเงียบๆ เพราะเธอก็ไม่ชอบที่หนากงเฉินเป็นต้องการเธอแบบนั้น แบบนั้นเขาเลยดูค่อนข้างหยาบคายและไม่อ่อนโยน
นอนอยู่บนเตียงทั้งคืนก็นอนไม่หลับ ในวันที่สองที่ลุกขึ้นมานั้นไป๋มู่ชิงมองไปที่ตำแหน่งหนึ่งข้างๆตัวเองอย่างว่างเปล่า
เธอรู้สึกว่าน่าขายหน้ามาก ไม่ว่าเมื่อคืนหนานกงเฉินจะดูถูกเธอขนาดไหน พอมองเห็นเตียงที่ว่างปล่าในใจของเธอนั้นก็รู้สึกหดหู่
เธออาบน้ำทำความสะอาด เปลี่ยนชุดอะไรเสร็จก็ลงไปทานอาหารเช้าด้านล่าง
ที่ห้องอาหาร ผู่เหลียนเหยาเห็นใต้ตาเธอดำเลยถามไปด้วยความเป็นห่วงว่า“พี่สะใภ้ นอนไม่หลับเหรอคะ?หรือว่ายังไม่สบายอยู่อีก?”
ไป๋มู่ชิงหัวเราะและพูดกับเธอว่า“เปล่าหรอก ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”
“งั้นก็ดีแล้วแล้วค่ะ”ผู่เหลียนเหยายิ้มและก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้าต่อ
ทานอาหารเช้าเสร็จ ตอนที่ไป๋มู่ชิงกำลังกลับห้องนั้นหนานกงเฉินก็พึ่งจะเดินออกมาจากห้องแต่งตัวพอดี สายตาของหนานกงเฉินก็มองผ่านเธอไปเลย ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียวและเดินผ่านเธอเลย
ทันใดนั้นไป๋มู่ชิงก็พูดว่า“ฉันต้องทำอย่างไร?”
หนานกงเฉินหยุดเดิน หันกลับมามองเธอพูดว่า“ก็อยู่ที่นี่ไง ไม่ว่าจะที่ไหนก็ห้ามไป”
ไป๋มู่ชิงอยากถามเขามากว่าทำไมไม่ส่งเธอกลับไปอยู่ที่บ้านพักตากอากาศ ในท้ายที่สดก็ไม่ได้ถามออกไป แต่ถึงอย่างไรการตัดสินใจของหนานกงเฉินเธอคาดเดาไม่ได้หรอก
เธอพยักหน้าและเดินต่อไป
หนานกงเฉินไตร่ตรองอยู่สามสี่วินาที หันไปมองเธอจากด้านหลังและพูดว่า“ฉันไม่ได้หวังให้เรื่องนี้มาติดอยู่ระหว่างพวกเรา ดังนั้นรอฉันกลับมาตอนกลางคืน เธอก็ไปเอาสีหน้าที่กลุ้มใจนี้ออกไปก่อน เข้าใจหรือยัง?”
หนานกงเฉิน!คุณมันชอบใช้อำนาจแบบนี้แหละคนไม่มีเหตุผล!
ไป๋มู่ชิงยิ้มเจื่อนๆอยู่ในใจ พูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อว่า“ฉันจะพยายามยิ้มต้อนรับคุณกลับมาอย่างมีความสุข”
แน่นอนว่าหนานกงเฉินได้ยินแล้วก็รู้ว่าเธอพุดเหน็บแนม เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรและเดินออกไปจากห้องเพื่อไปทำงาน
ทุกคนไปทำงานกันหมดแล้ว แม้แต่ผู่เหลียนเหยาเองก็ยังไปทำงานอีกครั้งแล้ว
ในบ้านนอกจากไป๋มู่ชิงกับหนานกงเฉินที่เหลือก็เป็นพวกคนใช้ เธอเดินไปเดินมาอยู่ในห้องคนเดียว หลังจากนั้นเดินไปที่โต๊ะตรงหัวเตียง หยิบโทรศัพท์ภายในและโทรไปหาซูซี่
หนานกงเฉินไม่ให้เธอออกไปข้างนอก งั้นถ้าเธอเรียกให้ซูซี่มาหาเธอที่นี่ก็ได้แล้วใช่ไหม?
พอซูซี่ได้ยินว่าให้ไปที่ตระกูลหนานกงก็คิดถึงคุณผู้หญิงมาทันที หลังจากนั้นเธอปฏิเสธอย่างอัตโนมัติ
ที่เมืองซี นอกจากหนานกงเฉินแล้วทุกคนก็แทบจะกลัวคุณผู้หญิง ไป๋มู่ชิงเข้าใจซูซี่ คิดไปคิดมาก็พูดว่า“งั้นเธอมาทานข้าวกลางวัลที่นี่สิ เพราะเวลานั้นคุณผู้หญิงกำลังพักผ่อนอยู่ พวกเราสามารถไปคุยกันในห้องนันทนาการได้”
พอซูซี่ได้ยินเธอพูดแบบนี้ ‘เฮ้อ’หัวเราะออกมา“ทำไมถึงรู้สึกว่าเหมือนพวกเรากำลังแอบคบชู้เลยนะ”
“ทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็ต้องรับผลที่ตามมาเอง”
“งั้นก็ได้ เดี๋ยวฉันจะไปหาตอนบ่ายนะ”
ได้ยินเสียงของซูซี่เสียงหัวเราะที่ลื่นหูของซูซี่ ไป๋มู่ชิงรู้สึกงงเล็กน้อย หรือว่านี่เธอไม่สนใจเลยว่าสามีของตัวเองจะไปมีผู้หญิงคนอื่นไหม?
พอวางสาย เธอก็ยังคงกังวลกับปัญหานี้อยู่
ครั้งนี้ที่เธอเรียกซูซี่มานั้นเป็นเพราะอยากเจอะเธอ อยากคุยเรื่องนี้เป็นเพื่อนเธอ
ตอนกลางวัน ซูซี่มาแล้ว
ขับรถสีแดงสุดจี๊ดมา ใส่แว่นดำ ลอนผมอยู่ประมาณที่บ่าของเธอ
ไป๋มู่ชิงเห็นเธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า“ดูแล้วเธอไม่รู้สึกอะไรเกี่ยวกับเฉียวซือเหิงกับผู้หญิงสกุลฟางคนนั้น”
ซูซี่นั่งอยู่บนโซฟา มองดูห้องสันทนาการเลยถามไปว่า“ห้องสันทนาการแทบจะเป็นเมืองสวยสนุกแล้ว”เหมือนกับถูกครอบงำจริงๆเลย เธอควรพาฉันไปดูหน่อยนะ”
“จริงๆแล้วฉันก็ไม่ชินหรอก ไม่ได้มาบ่อยๆเหมือนกัน”มู่ชิงรู้เพียงแค่ว่าที่นี่มีห้องห้องเล่นกีฬาต่างๆ ห้องดูหนัง ห้องคาราโอเกะ แต่ปกติแล้วคนมาใช่ที่นี่ก็น้อยนะ แต่ยังไงคนในตระกูลหนานกงก็ไม่เยอะขนาดนั้น ทุกคนต้องมีเรื่องที่ตัวเองต้องไปจัดการ
ซูซี่เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องโบว์ลิ่ง หยิบลูกโบว์ลิ่งขึ้นมาพูดกับไป๋มู่ชิงว่า“หรือว่าเล่นกันสักหนึ่งเกม?”
“ฉันเล่นไม่เป็น” ไป๋มู่ชิงไปหยิบลูกโบว์ลิ่งในมือเธอมา พูดด้วยน้ำสียงที่ไม่ค่อยดีว่า“ฉันไม่ได้เรียกให้เธอมาเพื่อนเล่นโบว์ลิ่งนะ”
“ถ้าไม่อย่างนั้นเธอเรียกฉันมาทำไมกันล่ะ?”
“เธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะ สุดท้ายแล้วเกี่ยวกับเรื่องนั้นเธอคิดว่าอย่าไงไรบ้าง?”ไป๋มู่ชิงพูดจบก็พูดต่อว่า“ซูซี่ ไม่สามารจะมาช่วยฉันไปได้ตลอดหรอกนะ ปัญหาของเธอเธอก็คุยกับฉันได้ พวกเรายินดีที่จะช่วยเธอ”
“จริงใช่ไหม?”ซูซี่เลิกคิ้ว
“แน่นอนสิ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันอยากจะไปจัดการนางผู้หญิงเลวคนนั้นล่ะ เธอจะไปกับฉันไหม?”
เห็นสีหน้าของไป๋มู่ชิงที่เปลี่ยนไป ซูซี่ก็ขำขึ้นมา ใช้มือลูบๆที่หัวของเธอ“เห็นเธอทำหน้าตากลุ้มใจ ฉันล้อเล่นหรอกน่า”
ในที่สุดซูซี่ก็กลับไปนั่งที่โซฟา น้ำเสียงก็ดูไม่เลวขึ้นเยอะเลยทีเดียว จ้องเธอว่า“ถ้าเปลี่ยนเป็นหนานกงเฉินมีผู้หญิงคนอื่นล่ะเธอจะทำอย่างไร?”
“แน่นอนว่าฉันต้องโมโหและเสียใจมากๆ แต่คงไม่เป็นเหมือนกับเธอแบบนี้หรอก”ไป๋มู่ชิงพูด
“หลังจากโมโหและเสียใจเสร็จแล้วล่ะ?”
“……”ไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ออก เธอก็ไม่ได้รู้ว่าตัวเองจะทำอย่างไร แต่อย่างไรหนานกงเฉินไม่เหมือนกับผู้ชายคนหนึ่ง แน่นอนว่าเธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
เธอมองไปที่ซูซี่ เหมือนกับว่าเข้าใจความหมายของเธอแล้วนิดหน่อย
“ซี่ เธอไม่เหมือนกันฉัน”เธอจับมือของซูซี่ไว้และพูดว่า“เธอยังมีคนหนุนหลังที่คุณชายเฉียงส่งมา น่าจะอยู่เท่าเทียมกันกับเฉียวซือเหิง แต่ฉันที่ตระกูลนีเป็นเพราะคุณผู้หญิงไม่ชอบฉัน หนานกงเฉินเกลียดฉัน ขนาดคนใช่ยังดูถูกฉันเลย”
ไม่ผิด เป็นอย่างนี้จริงๆเมื่อคืนก็อารมณ์เสีย หนานกงเฉินกล้าที่จะขอให้เธอว่าหลังจากคืนนี้ไปให้กดความรู้สึกนั้นไว้ หัวเราะตอบเขาไป
ถ้าเปลี่ยนเป็นซูซี่ เฉียวซือเหิงทำแบบนั้นได้เหรอ?
“ซี่ เรื่องก็ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว นี่เธอรักเฉียวซือเหิงบ้างไหม?”
“คนที่มีผู้หญิงเยอะพอๆกับเสื้อผ้า ฉันจะไปรักเขาได้อยางไร?”ซูซี่พอจะรู้ว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกถึง พอพูดจบเธอก็กัดฟันตัวเอง
“เด็กคนนั้นไม่ได้เป็นอะไรใช้ไหม เธอวางแผนไว้ว่าจะทำอย่างไร?”
“ก็ค่อยๆคิดหาวิธีแล้วกัน”
“ซี่……”ไป๋มู่ชิงเจ็บใจแทนเธอ ไม่อยากจะคิดเลยว่าผู้หญิงที่แข็งแกร่งแบบเธอจะมารู้สึกทนอย่างไรก็ทนไม่ได้กับเรื่องพวกนี้”
ซูซี่ยิ้มและไปตบที่ไหล่เธอ“ทำอะไรน่ะ เธออย่าทำให้ฉันเหมือนเป็นโรคที่หายไม่ได้ได้ไหม?แค่ผู้ชายเอง จะหาไม่เจอเหรอ?”
“หวังว่าเธอจะคิดออกนะ”ไป๋มู่ชิงค่อยๆวางใจขึ้นมาหน่อย
ซูซี่มองไปที่เธอและถามเธอว่า“เธอล่ะ?ไปเดินเล่นได้ และยังมาเล่นที่บ้านฉันได้ จะเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดไหม?”
พูดถึงเรื่องตัวเอง สีหน้าของไป๋มู่ชิงก็ค่อยๆใจเย็นขึ้นมา ผ่านไปครู่หนึ่งก้บอดออกมาว่า“หนานกงเฉินคนนี้……ฉันก็ไม่เขาใจเขาเหมือนกัน”
ช่วงเวลาพวกนั้น ไป๋มู่ชองเองยังคิดว่าตัวเองใกล้จะได้รับการให้อภัยจากหนานกงเฉินแล้ว ใกล้จะสามารถไปเจแม่กับน้องชายของตัวเองได้แล้ว แต่ว่าเพียงแค่ฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ ทั้งหมดก็เหมือนกลับไปที่จุดเดิม ท่าทางที่หนานกงเฉินแสดงออกมากับเธอก็ตกไปอยู่ในสภาพเดิม
ตอนบ่ายส่งซูซี่กลับไปแล้ว รถของหนานกงเฉินก็ขับเข้ามา
ไป๋มู่ชิงเห็นหนานกงเฉินขับรถเข้ามา และดูไปที่ประตูใหญ่ ในใจก็สังหรณ์ใจได้ถึงรางที่ไม่ดี
รถของซูซี่กำลังจขับออกไป หนานกงเฉินก็เห็นเธอเข้าแล้ว

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset