เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – ตอนที่ 14 ปล่อยตัวเธอ

กว่าหนานกงเฉินจะกลับถึงบ้านก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว เขาโยนกุญแจรถให้คนรับใช้จากนั้นก็เดินขึ้นห้องไป
“คุณชายกลับมาแล้วหรอคะ”พี่เหอเดินลงมาพอดี “คุณชายเพิ่งออกจากโรงพยาบาลก็รีบไปทำงาน คุณผู้หญิงเป็นห่วงแย่เลย”
“ผมหายดีแล้ว ไม่เป็นไรหรอก”
“แต่ก็ไม่ควรหักโหมเกินไปนะคะ”
“ผมจะพยายาม” หนานกงเฉินพยักหน้าให้แล้วเดินต่อไป จู่ๆเขาก็หยุดแล้วหันไปถามว่า “นายหญิงน้อยกลับมาหรือยัง?”
พี่เหออึ้งเล็กน้อย เพราะคุณชายไม่เคยถามถึงเธอเลย
หนานกงเฉินไม่ได้เป็นห่วงอะไรเธอหรอก แค่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล ก็แค่ถามเฉยๆ
ที่จริงแล้วพี่เหอไม่อยากพูดเรื่องนี้กับคุณชายหรอก แต่เมื่อคุณชายถาม ก็แค่บอกความจริงไป “นายหญิงน้อยใช้โอกาสที่กลับบ้านไปแอบเจอกับผู้ชายคนอื่น ด้วยความโกรธคุณหญิงเลยสั่งลงโทษเธอ”
“แอบไปเจอกับผู้ชายคนอื่น?” คิ้วของหนานกงเฉินขมวดเข้ม ช่างกล้านัก!
“ดิฉันก็คาดไม่ถึงเหมือนกันว่าเธอจะทำตัวเช่นนี้” จากนั้นพี่เหอก็หยิบโทรศัพท์ออกมายื่นไปให้หนานกงเฉินดู รูปที่ว่า เธอแอบไปเจอผู้ชายคนอื่น
หนานกงเฉินรับโทรศัพท์ไปดู แล้วมุมปากเผลอยิ้ม
ถ้าเป็นเพราะรูปนี้เธอถึงโดนลงโทษล่ะก็ เจ้ากระต่ายน้อยช่างน่าสงสารเหลือเกิน
“คุณชายคะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” พี่เหอครุ่นคิด ภรรยาตัวเองมีชู้ แต่กลับมีอารมณ์ยิ้ม?
“ผมไม่เป็นไร” ยื่นโทรศัพท์คืนไปแล้วเอ่ยว่า “เรื่องนี้ช่างเถอะ ปล่อยตัวเธอได้แล้ว”
“แต่ว่าคุณหญิง……”
“ไม่เป็นไรหรอก บอกว่าผมเป็นคนสั่งเอง” หนานกงเฉินตบบ่าพี่เหอเบาๆ “ปล่อยตัวเธอมาผลิตลูกเถอะ คุณยายอยากอุ้มหลานไม่ใช่หรอ”
“อือ……อื้ม……” พี่เหอพยักหน้ารับ
เธอถูกขังตั้งแต่เที่ยง ถึงตอนนี้ก็สิบกว่าชั่วโมงแล้ว ขาทั้งสองข้างของไป๋มู่ชิงคงชาจนไม่มีความรู้สึกแล้ว
ใจคิดว่ากฎตระกูลนี้ยังมีความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง อย่างน้อยก็ไม่ถูกเฆี่ยนตีจนเลือดหนอง คิดไม่ถึงเลยว่าแค่คุกเข่าไถ่โทษช่างทรมานกว่าการถูกเฆี่ยน ถ้าเฆี่ยนตีเธอ สักพักก็ปล่อยตัวเธอแล้ว แต่การลงโทษด้วยการคุกเข่านี่สิ ช่างยาวนานเหลือเกิน
เธอทั้งหิวทั้งเมื่อยแถมบนหัวยังมีแผลอีก เธอคงทนไม่ไหวแน่ๆ
ในห้องโถงบรรพบุรุษทั้งกว้าง ห้องก็เยอะไปหมด แต่ดึกๆแบบนี้ทำไมจุดเทียนแค่ไม่กี่เล่มล่ะ รอบตัวเธอมืดไปหมด เงียบสงัดจนน่ากลัว
เธอจำได้ตอนที่คนใช้พาเธอดูทั่วๆบ้าน แค่พูดถึงห้องโถงบรรพบุรุษสีหน้าแต่ละคนก็เริ่มซีด ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่
เพียงนึกถึงอย่างนี้ ขนเธอก็ลุกซู่ไปหมด
‘กึก’ เหมือนเสียงของประตูที่แง้มออก เหมือนมาจากทางขวาของเธอ
เธอสะดุ้งเฮือกจนต้องเอามือมากอดตัวเองไว้ สายตาก็กวาดมองไปรอบทุกซอกทุกมุม สุดท้ายกลับหยุดอยู่ที่ห้องทางฝั่งขวาห้องหนึ่ง
นั้นเป็นประตูที่ทำขึ้นด้วยไม้เก่าแก่ ประตูแง้มออกมาประมาณกำปั้นของเธอ แต่ในช่องนั้น……
ไป๋มู่ชิงเสียวสันหลังวูบ เหงื่อไหลออกมาเป็นเม็ดเป็นเม็ด
เธอเห็นอะไรบางอย่าง ใบหน้าที่ขาวซีด สายตาที่น่ากลัว นั่นมันใบหน้าของผู้หญิงเหรอ? แล้วยังใส่ชุดขาวตัวยาว……
เธอได้ยินเสียงแว่วๆข้างหูว่า “เอาแหวนคืนมา……”
ไป๋มู่ชิงขยี้ตาแล้วดูอีกครั้ง ผู้หญิงคนนั่นหายไปแล้วและไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก
แต่เมื่อกี้เธอเห็นจะๆจังๆนะ ตาฝาดไปหรอ แต่ก็ไม่หนิ
เธอผู้ซึ่งไม่เชื่อสิ่งลี้ลับนี่แต่ก็กลัวจนรู้สึกหวั่นๆ
เธอยกมือข้างขวาขึ้นมาดู เพื่อที่จะดูแหวนบนนิ้วนางเธอ แต่แหวน……
เมื่อกี้เหมือนมีคนทวนแหวนจากเธอหรอ? เธอขยับถอยหลังช้าๆ ขยับถอยช้าๆ
เธอรู้ว่าประตูนั้นถูกล็อค แต่ก็ยังมีคนรับใช้คนหนึ่งเฝ้าอยู่ เธอขยับถอยหลังจนชนกับประตู ใช้มือทุบไปที่ประตูแรงๆพร้อมพูดว่า “ช่วยด้วย! มีผี!มีผี……!”
แม้จะตะโกนร้องเพียงใด คนใช้ก็ไม่เปิดประตูให้เธอ
เธอหันกลับไปมองที่ประตูบานนั้น แม้ไม่เห็นอะไรเลย แต่ก็กลัวจนตัวสั่น เธอทุบประตูแรงขึ้น “มีผี……ปล่อยฉันออกไป!ปล่อยฉันออกไป……!
ตะโกนร้องไปสักพัก ประตูก็ถูกเปิดออก
ไป๋มู่ชิงนิ่งเงียบไปพร้อมเงยหน้าที่มีแต่คราบน้ำตาไปหาคนที่มาเปิดประตู
พี่เหอ! เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าพี่เหอใกล้ชิดเข้าถึงง่าย เหมือนคนในครอบครัวเธอ
“มีผี…..”เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
พี่เหอมองตาขวางใส่เธอ “นายหญิงน้อย เอกสารหน้าที่สามข้อที่สอง คุณไม่เห็นหรือคุณไม่แม้แต่จะเคยเปิดดู?”
“ฉัน……ฉันอ่านแล้ว แต่ที่นี่มีผีจริงๆนะ อยู่ข้างในนั้น……”
เธอจำได้ขึ้นใจเลยแหละว่าหน้าสามข้อที่สองเขียนไว้ว่าอะไร ความหมายรวมๆคือห้ามพูดถึงสิ่งลี้ลับในบ้านหลังนี้เด็ดขาด ตอนนั้นเธอยังแอบคิดว่า คนตระกูลหนานกงเชื่อในเรื่องพวกนี้ แต่กลับไม่ให้ใครเอ่ยขึ้นเลย?
“หุบปากนะ!”
“ฉัน……”
“นำตัวเธอกลับไปบนบ้านใหญ่ ไป” พูดจบพี่เหอก็หันหลังเดินไป
ไป๋มู่ชิงรีบเช็ดน้ำตาของเธอ โล่งอกไปที ในที่สุดเธอก็ได้ออกไปจากที่นี่!

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset