เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – ตอนที่ 162 จุดประสงค์ของคุณหนูจู

“คุณบอกฉันเรื่องพวกนี้ทำไมหรอ?” ไป๋มู่ชิงสูดลมหายใจเข้าเบาๆ แล้วตัดบทเขา
เธอเตรียมใจให้เขาไปได้แล้ว เลิกก็เลิก ไม่เห็นจำเป็นต้องมีเหตุผลหรือข้ออ้างมากขนาดนี้?
“ไม่ทำอะไร แค่อยากให้เธอรู้ว่าผมไม่ได้ตั้งใจจะผิดนัด” หนานกงเฉินกุมมือเธอแน่น: “เธอเลือกวันมาใหม่ ผมจะไม่ผิดนัดอีกแน่นอน ดีไหม?”
ไป๋มู่ชิงเหล่ตาจ้องหน้าเขา ด้วยความประหลาดใจ
เขายังอยากจัดงานแต่งงานกับเธอ? เขายังอยากใช้ชีวิตกับเธอต่อไปหรอ?
“คุณรู้ไหม ฉันคิดว่าคุณเกิดอุบัติเหตุระหว่างทาง เป็นห่วงคุณมาครึ่งวัน แต่คุณกลับอุ้มรักแรกของคุณเข้าบ้านในวันแต่งงานของพวกเรา คุณเคยจินตนาการถึงความรู้สึกของฉันบ้างไหม?”
“ขอโทษ แต่เรื่องความเป็นความตายของคน ผมเห็นเธอตายไปต่อหน้าแบบไม่ช่วยไม่ได้” สีหน้าของหนานกงเฉินยังเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“คุณบอกว่าจะจัดงานแต่งงานกับฉันต่อ แล้วคุณหนูจูจะทำยังไง?” เขาจะทิ้งโอกาสที่จะได้อยู่กับคุณหนูจูหรอ?
“เธอ……ผมจะจัดการให้เรีียบร้อยเอง” หนานกงเฉินสูดหายใจเบาๆ น้ำเสียงไม่อาจซ่อนความกังวลไว้ได้
ใช่ว่าไป๋มู่ชิงจะมองไม่เห็นสีหน้ากังวลของเขา ในตอนนี้เขาเลือกยากมากเธอก็เข้าใจเช่นกัน เขาเลือกเธออาจจะเป็นแค่ชั่วคราว อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกผิด ในเมื่อตอนเช้าเขายังกอดเธอจูบเธอ หยอกล้ออวยพรให้เธอมีความสุขในวันแต่งงาน!
“แล้วเธอล่ะ? คุณคิดว่าเธอจะยอมรับสิ่งที่คุณจัดการให้หรอ?” เธอถามต่อ
หนานกงเฉินคิดอยู่ครู่หนึ่ง ปัญหานี้เขายังไม่ได้คิดอย่างละเอียด
เขายิ้มเล็กน้อย: “แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมและเธอก็ไม่มีทางมีความสัมพันธ์แบบนั้นอีก ผมคิดว่าเธอเข้าใจเรื่องนี้ดีนะ”
เธอเข้าใจสิแปลก ไป๋มู่ชิงหัวเราะเย็นๆ ในใจ
ผู้หญิงคนนี้เห็นชัดๆ อยู่แล้วว่ามาเพื่อหนานกงเฉิน จะมาฟังสิ่งที่เขาจัดการ ปล่อยเขาไป ได้ยังไง?
แต่ว่าเธอไม่ได้พูดออกมา ไม่ว่ายังไงหนานกงเฉินก็ชอบคุณหนูจูของเขาขนาดนั้น คงไม่อยากได้ยินใครพูดไม่ดีเรื่องของเธอ
คุณหนูจูหลับยาวจนถึง 1 ทุ่มกว่าๆ
ตอนเธอตื่นหนานกงเฉินกำลังทำงานอยู่ในห้องหนังสือ เสี่ยวหยวนไม่กล้าเข้าไปรบกวน จึงวิ่งเบาๆ ลงไปแจ้งไป๋มู่ชิงว่าคุณหนูจูตื่นแล้วที่ชั้นล่าง พูดจบจึงนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรพูด จึงรีบหุบปากแล้วจ้องเธออย่างระวัง
ไป๋มู่ชิงนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องรับแขก เมื่อได้ยินเรื่องที่เธอมาแจ้งจึงหันหน้าไปจ้องเธอ: “ทำไมเธอไม่ไปแจ้งคุณชายใหญ่ล่ะ?”
เสี่ยวหยวนสะดุ้งเล็กน้อย คิดในใจว่านายหญิงน้อยไม่พอใจจริงๆ ด้วย เธอรีบตอบ: “เวลาคุณชายใหญ่ทำงานไม่ชอบให้ใครไปรบกวน”
แย่จริง เธอลืมได้ยังไงว่าศัตรูหัวใจเจอกันยังไงก็หึงกัน เป็นเรื่องที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง โชคดีที่นายหญิงน้อยไม่ได้โกรธจนเขวี้ยงแก้วชาใส่เธอ ไม่อย่างนั้น……
ไป๋มู่ชิงสูดลมหายใจเข้าช้าๆ ลังเลเล็กน้อยก่อนจะลุกจากโซฟา เดินขึ้นชั้นบนไป
เธอมาถึงห้องนอนของหนานกงเฉิน เห็นจูจูขยับตัวด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด เพราะแผลบนหลัง เธอยังคงนอนคว่ำอยู่บนเตียง
เมื่อเห็นไป๋มู่ชิงเดินเข้ามา เธอหยุดขยับตัวทันที ประเมินไป๋มู่ชิงด้วยสีหน้าประหลาดใจแล้วพูดว่า: “ทำไมเป็นเธอ? เธอคือมู่ชิงเพื่อนรักของซูซี่ไม่ใช่หรอ? พวกเราเจอกันเมื่อไม่กี่วันก่อน”
ไป๋มู่ชิงสูดลมหายใจเข้าเบาๆ จ้องเธอแล้วพูดว่า: “คุณหนูจู พวกเรามาเปิดอกคุยกันเลยดีกว่า คุณอย่ามาเสแสร้งอีกเลย”
สีหน้าของจูจูประหลาดใจขึ้น: “มู่ชิง คุณกำลังพูดเรื่องอะไรหรอ? ทำไมฉันฟังไม่เข้าใจ?”
“คุณแอบสะกดรอยตามฉันมาหลายวันแล้วไม่ใช่หรอ? หรือคุณจะบอกว่าที่เจอกันในตลาดหลายๆ ครั้งที่ผ่านมาเป็นเรื่องบังเอิญทั้งหมด?”
“ฉันแอบสะกดรอยตามคุณ? มู่ชิง คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า? ฉันจะสะกดรอยตามคุณได้ยังไงกัน?”
ไป๋มู่ชิงเห็นเธอปั้นหน้างุนงง รู้ทันทีว่าถามต่อไปก็ไม่เป็นผลอะไร จึงเปลี่ยนน้ำเสียงให้เบาลง: “งั้นหรอ? หรือว่าจะไม่ใช่คุณ? ขอโทษด้วยนะ ผู้หญิงของเฉินเยอะเหลือเกินจนฉันก็สับสนบ่อยๆ ”
“ไม่เป็นไร” จูจูส่ายหัวเล็กน้อย เธอพยายามจะชันตัวขึ้นนั่ง แต่ไปโดนแผลทำให้สีหน้าเธอบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
“ระวังค่ะคุณหนูจู” ไป๋มู่ชิงเข้าไปพยุงเธอ พูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง: “คุณหนูจูมีแผลอยู่อย่าเพิ่งลุกขึ้นนั่งเลย นอนพักบนเตียงเถอะนะ”
“ขอบใจนะ ฉันลุกขึ้นนั่งได้” เธอนั่งอยู่บนเตียง ประเมินไป๋มู่ชิง อมยิ้มแล้วพูดว่า: “ที่แท้ที่ซูซี่บอกว่าคุณแต่งเข้าตระกูลหนานกงคือแต่งกับเฉินหรอ? แต่ว่าเธออย่าเข้าใจผิดเลยนะ ฉันกับเฉินเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่เด็ก สนิทกันเหมือนพี่น้อง ดังนั้นเขาจึงดีกับฉันขนาดนี้”
“ฉันรู้ค่ะ เมื่อกี้นี้เขาอธิบายให้ฉันเข้าใจแล้วล่ะ” ไป๋มู่ชิงตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ
“เธอไม่ได้ไม่พอใจก็ดีแล้ว”
“ได้ยังไงล่ะ ใครๆ ก็มีเพื่อนรู้ใจกันทั้งนั้นจริงไหม?” ไป๋มู่ชิงพูดจบ ยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ภายในตรงหัวเตียง กดเบอร์ชั้นล่างพร้อมมอบหมายงานให้เสี่ยวหยวน: “อาหารค่ำของคุณหนูจูอุ่นเสร็จหรือยัง? ถ้าอุ่นเสร็จแล้วก็นำขึ้นมาได้เลยนะ”
ไม่ช้า เสี่ยวหยวนก็นำอาหารค่ำขึ้นมา
ไป๋มู่ชิงยืนอยู่บริเวณหัวเตียงพูดกับจูจูว่า: “คุณหนูจู ตอนนี้คุณบาดเจ็บอยู่ ทานอาหารรสจืดสักหน่อยเถอะ”
จูจูมองโจ๊กในถ้วย สีหน้าขอบคุณ: “ขอบคุณนะ มู่ชิง”
“ดูสิ คุณเกรงใจกับฉันอีกแล้ว” ไป๋มู่ชิงพูดปลอบ: “ทานเสร็จก็พักผ่อนนะคะ แผลจะได้หายไวไว”
“อืม ฉันเข้าใจค่ะ”
ไป๋มู่ชิงกวาดสายตามองรอบห้อง: “จริงๆ แล้วนี่เป็นห้องนอนของเฉิน แต่ช่วงนี้เขานอนกับฉันที่ชั้น 3 ก็ถือว่าเป็นห้องที่ว่างอยู่ คุณพักที่นี่สักคืนก่อนแล้วกัน”
“ได้ค่ะ ฉันรู้แล้ว”
“นั้นฉันไม่รบกวนคุณหนูจูแล้วนะคะ”
“อิม ราตรีสวัสดิ์”
ไป๋มู่ชิงเดินออกไป ในห้องเหลือแค่เสี่ยวหยวนที่อยู่รับใช้คุณหนูจูทานอาหารค่ำ”
จูจูถามเสี่ยวหยวนด้วยความสงสัย: “ปกติแล้วนายหญิงน้อยบ้านเธอนอนไวหรอ?”
“ป่าวค่ะ นายหญิงน้อยไปต้มยาให้คุณชายใหญ่ ยังไม่นอนหรอกคะ” เสี่ยวหยวนตอบ
“อาการป่วยของคุณชายใหญ่……ดีขึ้นบ้างไหม?” จูจูถามอย่างลังเล
เสี่ยวหยวนส่ายหน้า ตอบด้วยสีหน้ารู้สึกผิด: “ดิฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ต้องเป็นนายหญิงน้อยถึงจะทราบค่ะ”
ตั้งแต่มาอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังเล็กแห่งนี้ ไป๋มู่ชิงรับหน้าที่ต้มยา และรับผิดชอบอยู่เป็นเพื่อนดูแลหนานกงเฉินทานยา
ไป๋มู่ชิงนำยาไปห้องหนังสือหลังต้มยาจีนเสร็จ เธอชิมยาก่อนหนึ่งคำก่อนจะส่งยาไปให้เขา หนานกงเฉินเงยหน้ามองเธอ เห็นเธอยังคงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนเดิม
เขายิ้มบางๆ รับยามาแล้วจูบลงไป และยื่นมือไปรั้งตัวเธอมานั่งบนตักเหมือนที่ผ่านๆ มา จุ๊บริมฝีปากที่มีรสฝาดของเธอ
ไป๋มู่ชิงหลบริมฝีปากของเขาเล็กน้อย จ้องเขาแล้วพูดว่า: “คุณหนูจูตื่นแล้ว คุณไม่ไปดูเธอหน่อยหรอ?”
“เธอเป็นยังไงบ้าง?”
“ดูเหมือนเธอยังเจ็บมาก”
หนานกงเฉินไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า: “ให้เสี่ยวหยวนดูแลเธอก็พอแล้ว”
ไป๋มู่ชิงเข้าใจว่าจริงๆ แล้วใจเขาอยากไปดูเธอมาก แต่พูดเหมือนไม่ได้มีอะไรแค่อยากดูแลอารมณ์ของเธอแค่นั้น
ความรู้สึกในใจตีกันไปหมด ไม่รู้ว่าความดีใจหรือควรเสียใจดี ดีใจที่เขายังเป็นห่วงความรู้สึกของตัวเธออยู่บ้าง
เขายอมทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอยอมอย่างแน่นอน ใช้แขนโอบคอเขาไว้ เธอเริ่มยิ้มอย่างมีความสุข: “นั้นคุณจะทำงานจนถึงเมื่อไหร่หรอ? ฉันจะไปนอนแล้วนะ”
หนานกงเฉินจูบปากของเธอที่ยื่นออกมา แล้วอุ้มเธอขึ้นในแนวขวาง: “แน่นอนว่าต้องนอนพร้อมภรรยาสิ”
ไป๋มู่ชิงรู้สึกว่าตัวเองลอยขึ้นจากพื้น เธออุทานเสียงต่ำด้วยความกลัว ตั้งแต่คุณหนูจูเข้ามา นี่เป็นร้อยยิ้มแรกของเธอ
เธอโอบคอของหนานกงเฉินแน่น โวยวายด้วยรอยยิ้ม: “คุณปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเป็นโรคกลัวความสูง”
“นั้นผมจะรักษาโรคกลัวความสูงของเธอเอง” หนานกงเฉินอุ้มเธอเข้าห้องนอน วางเธอลงบนเตียง
หนานกงเฉินก้มลงมาจูบเธอ ไป๋มู่ชิงยกมือขึ้นห้ามไว้: “ตกลงกันแล้วนี่ว่าจะพักสะสมสเปิร์ม รอบเดียวท้อง?”
หนานกงเฉินถอนจูบจากเธอด้วยความลังเล พลิกตัวไปด้านข้างแล้วคร่ำครวญว่า: “ผมเลี้ยงมานานขนาดนั้นแล้ว จะให้ผมเลี้ยงถึงเมื่อไหร่กัน?”
“ใกล้แล้ว เลี้ยงอีกหนึ่งสัปดาห์นะ” ไป๋มู่ชิงปลอบพร้อมแตะแก้มเขา
“อีกตั้งหนึ่งสัปดาห์?”
“ใช่ หลังจากหนึ่งสัปดาห์ เป็นช่วงไข่ตก โอกาสสูงมาก”
“เป็นเรื่องจริงหรอ?”
“ทำไมเลียนแบบคำพูดติดปากของฉันล่ะ?” ไป๋มู่ชิงพูดยิ้มๆ
ครั้งนี้เธอจะต้องคว้าโอกาสไว้ให้ได้ พยายามให้ติดในครั้งเดียว การเข้ามาอยู่ของคุณหนูจูทำให้เธอตัดสินใจแน่วแน่ขึ้น
คุณหนูจูจะเล่นเล่ห์เพทุบายกับเธอ เธอก็ต้องใช้ลูกในการผูกมัดหนานกงเฉิน ก่อนที่เธอจะแย่งหนานกงเฉินไปสำเร็จ ซูซี่และเหยาเหม่ยพูดถูก เธอไม่ควรเป็นคนดีขาวบริสุทธิ์เหมือนดอกบัวขาวตลอดไป ยอมให้คนอื่นมาบีบมานวดมาสั่งได้
เธอเบียดตัวเข้าหาอ้อมกอดของหนานกงเฉินแบบไม่รู้ตัว ถามเบาๆ ในอ้อมกอดของเขา: “คุณสามี คุณยังอยากให้ฉันมีลูกให้คุณอีกหรอ?”
“แน่นอนสิ” หนานกงเฉินชายคางเธอขึ้น: “บอกเธอแล้วไม่ใช่หรอ? จูจูเธอเป็นแค่อดีตไปแล้ว เธออย่ากังวลเลยว่าผมและเธอจะมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกัน”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่สบายใจ” ไป๋มู่ชิงส่ายหน้า สีหน้าจริงจัง
“แล้วเธอจะให้ทำยังไงจึงจะยอมเชื่อล่ะ?”
“หลังจากแผลเธอหายดีแล้ว ให้เธอไปอยู่ที่อื่น” ไป๋มู่ชิงไม่ไว้ใจหนานกงเฉิน ไม่ไว้ใจคุณหนูจูคนนั้นยิ่งกว่า เธอรู้ดีกว่ารักแรกนั้นลืมยากที่สุด
หนานกงเฉินได้ยินเธอพูดดังนั้น ลังเลเล็กน้อยก่อนพูดว่า: “ตอนนี้เธอไม่มีที่อยู่ ถ้าไล่เธอออกไป เธอก็ต้องเร่ร่อนอยู่ข้างนอกสิ”
ไป๋มู่ชิงตั้งใจจะถามเขาว่าตกลงเกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูจูกันแน่ แต่เธอไม่อยากพูดถึงผู้หญิงคนนั้นอีก จึงอดใจไว้ไม่ถามต่อ
เธอรู้อยู่แล้วว่าหนานกงเฉินไม่ยอมไล่เธอออกจากบ้านแน่นอน เธอแค่อยากลองถามดูเฉยๆ เธอซุกหน้าเข้าไปในอ้อมกอดอีกครั้ง ไม่พูดอะไรอีก
หนานกงเฉินก้มหน้าจูบศีรษะเธอ และไม่พูดอะไรอีก
ไป๋มู่ชิงโชคดีมากที่ตัวเองยังสามารถนอนอยู่ในอ้อมกอดของหนานกงเฉินอีก โชคดีมากที่เขาไม่ได้จู่จู่ก็ไปจากเธอเหมือนหลินอันหนาน ทำให้เธอตั้งตัวไม่ทัน ในสมองของเธอสับสนมาก ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหนกว่าเธอจะหลับไป
ในคืนนั้น ไป๋มู่ชิงสะดุ้งตื่นเพราะเสียงกรีดร้องโหยหวน คนที่สะดุ้งตื่นพร้อมเธอคือหนานกงเฉิน เธอยังไม่ทันรู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น หนานกงเฉินก็เลิกผ้าห่มพุ่งตัวออกจากห้องนอนไปแล้ว มีเพียงเสียง’ตึงตึง’ดังขึ้นนอกประตู
เธอนั่งเหม่ออยู่บนเตียงครู่หนึ่ง กว่าจะได้สติจากอาการมึนงง แล้วลงจากเตียงไปตามไปยังชั้น 2
หนานกงเฉินพุ่งเข้าไปในห้องนอนของจูจู เห็นฉากที่จูจูตื่นตระหนกร้องเสียงหลงแล้วล้มลงบนพื้นพอดี เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเข้าไปพยุงเธอลุกขึ้นอย่างร้อนรนพร้อมถามอย่างเป็นห่วง: “จูจู คุณเป็นอะไรหรอ? ทำไมหล่นมากองกับพื้นล่ะ?”
จูจูที่ก่อนหน้านี้หลับตากางแขนกางขาดิ้นรนอยู่นั้น เมื่อได้ยินเสียงของหนานกงเฉิน รีบโถมตัวเข้าสู่อ้อมอกของเขาแล้วร้องไห้เสียงดัง
“อย่ากลัวไปเลย ผมอยู่นี่แล้ว เป็นเด็กดีนะ” หนานกงเฉินโอบเธอไว้ ลูบผมเธอเบาๆ: “เกิดอะไรขึ้นหรอ? ฝันร้ายใช่ไหม?”
จูจูยังคงซบอกเขาและร้องไห้อยู่ และยังคงตื่นกลัว: “เฉิน ฉันฝันว่าแม่ฉันจับตัวฉันกลับไป ฉันกลัวมาก……!”
“อย่ากลัวไปเลย เธอไม่มีทางมาหาถึงนี่หรอก” หนานกงเฉินลูบไหล่เธอ
“ฉันกลัว ฉันกลัวจริงๆ นะ ทำยังไงดี?” จูจูน้ำตานองหน้ากอดเขาไว้แน่น: “เฉิน อย่าไปจากฉันได้ไหม? ฉันนอนไม่หลับ ฉันกลัว……”
หนานกงเฉินพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้: “ได้ ผมไม่ไปไหน ผมจะอยู่กับคุณที่นี่”
หลังจากปลอบอยู่นานมาก จูจูเงียบลงในที่สุด เพียงแต่มือทั้งสองข้างยังคงกอดหนานกงเฉินแน่น
หนานกงเฉินพูดด้วยเสียงอ่อนโยน: “พอแล้วนะ ผมอุ้มคุณไปพักผ่อนบนเตียงนะ”
จูจูกลับกอดตัวเขาแน่นขึ้น พึมพำในอ้อมกอดของเขา: “เฉิน ถ้าแม่ฉันยังคงบีบให้ฉันแต่งงานกับตาแก่แซ่หลี่นั่นจะทำยังไงดี? แต่งงานกับคนแบบนั้น ฉันยอมตายดีกว่า”
“ไม่หรอก วันหลังผมไปคุยกับท่านให้” หนานกงเฉินตอบ
จูจูพยักหน้า: “ขอบคุณนะ เฉิน ถ้าไม่ใช่คุณฉันไม่รู้จริงๆ ว่าควรทำยังไง”
“ขอบคุณอะไรกัน นี่เป็นเรื่องที่ผมควรทำอยู่แล้ว” หนานกงเฉินพูดกับเธออย่างอดทน
“ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าในโลกนี้ทำไมมีแม่ที่รักเงินมากขนาดนี้” จูจูพูดพร้อมน้ำตา: “ตอนนั้นที่เธอรู้ว่าคุณจะขอฉันแต่งงาน ก็ให้ฉันตามคุณกลับมาเมืองซีทันที ยังรับคฤหาสน์หลังใหญ่ขนาดนั้นจากคุณ หลังจากนั้นพอได้ยินคนอื่นลือกันว่าผู้หญิงที่แต่งงานกับคุณต่างมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 1 เดือน ก็รีบหลอกให้ฉันไปอยู่เมืองนอก เฉิน ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เธอหลอกให้ฉันไปเมืองนอก ยึดเอกสารทั้งหมดของฉันไป ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่มีทางไปจากคุณแน่นอน”
ไม่เพียงแต่หนานกงเฉินที่โอบเธอไว้จะตกใจ แม้แต่ไป๋มู่ชิงที่ยืนเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะเข้าไปยังไง ก็ตะลึงตามไปด้วย
ตอนนั้นที่เธอหายไปอย่างกระทันหัน ที่แท้ไม่ใช่เพราะเธอกลัวโรคของหนานกงเฉิน แต่เป็นเพราะแม่ของเธอหลอกให้เธอไปเมืองนอกหรอ? และยังถูกยึดเอกสารกลับประเทศไม่ได้?
“คุณพูดว่าอะไรนะ? ตอนนั้นคุณถูกคุณแม่คุณหลอกไปเมืองนอกหรอ?” หนานกงเฉินถามด้วยความประหลาดใจ
จูจูพยักหน้า: “ใช่ค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะหายไปจากคุณอย่างกระทันหันได้ยังไงกัน? เฉิน คุณลืมเรื่องที่เราเคยสัญญากันไว้แล้วหรอ? พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่จะแก่ตัวไปหรือป่วยหรือตาย!”
“อืม”
“ที่แท้ที่เธอรีบขังฉันไว้ที่เมืองนอก เพราะจะใช้ฉันเป็นเครื่องมือหาเงิน ขอแค่อีกฝ่ายมีเงิน ต่อให้เป็นตาแก่เธอก็ไม่สนใจ” เป็นสูดลมหายใจเข้าอย่างขมขื่นใจ: “ฉันเริ่มสงสัยจริงๆ ว่าฉันเป็นลูกแท้ๆ ของเธอจริงหรือเปล่า”
หนานกงเฉินฟังที่เธอพูดจบ จู่จู่ก็นึกถึงไป๋มู่ชิงที่มีชะตาชีวิตที่ลำบากเหมือนกับเธอ
“คุณดูแผลบนตัวฉันสิเธอเป็นคนลงมือเอง เธอบอกว่าถ้าคราวหน้ากล้าหนีงานแต่งอีก จะตีขาให้หักทั้งสองข้าง” จูจูพูดไปเรื่อยๆ น้ำตาไหลอาบแก้มอีกครั้ง
หนานกงเฉินยื่นมือไปหยิบกระดาษทิชชู่บนโต๊ะเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าให้เธอ: “แม่เธอรับสินสอดมาเท่าไหร่ ผมจะใช้คืนให้คนแซ่หลี่นั่นเอง คุณอย่าคิดมากเลยนะ ไปนอนพักบนเตียงก่อนเถอะ”
“ฉันไม่นอน ฉันกลัวฝันร้าย” จูจูส่ายหน้า
“ไม่พักผ่อนแผลจะหายได้ยังไงล่ะ? คืนพรุ่งนี้ผมให้เสี่ยวหยวนมานอนเป็นเพื่อนคุณดีไหม?”
“ได้ค่ะ แต่ว่าคืนนี้คุณต้องอยู่เป็นเพื่อนฉันนะ” จูจูพูดอ้อน
หนานกงเฉินส่ายหัว: “ไม่ได้ ผมเป็นผู้ชายคุณเป็นผู้หญิง”
“คุณเคยรับปากฉันว่าจะดูแลฉันตลอดชีวิต คุณลืมแล้วหรอ?
“ผมไม่ได้ลืม”
“นั้นทำไมคุณไม่ยอมอยู่เป็นเพื่อนฉันล่ะ?”
“จูจู……” หนานกงเฉินยิ้มเฝื่อนๆ : “ความสัมพันธ์ของพวกเราไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ”
“ฉันรู้ เพราะว่าคุณแต่งงานแล้ว”
“ใช่ ผมและเธอรักกันดี มีความสุขกันมาก”
จูจูยังคงพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย: “ฉันดูออก เฉิน คุณสบายใจเถอะ ฉันจะไม่ทำลายความสัมพันธ์ของพวกคุณ ฉันจะมองคุณเป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆ นะ”
“เด็กดี ต่อไปเธอจะต้องเจอผู้ชายที่เธอรักและแต่งงานกันแน่นอน” หนานกงเฉินอุ้มเธอขึ้นจากพื้นในที่สุด วางเธอลงบนเตียง
จูจูนอนอยู่บนเตียง จ้องเขาด้วยสีหน้าเสียใจ: “แม้ว่าจากคนรักลดขั้นมาเป็นน้องสาวทำให้เสียใจอยู่บ้าง แต่ว่าคุณสบายใจได้เลยนะ ฉันจะห่วงใยคุณ รักคุณเหมือนเมื่อก่อนแน่นอน คุณก็ต้องดีกับฉันเหมือนเมื่อก่อนด้วยนะ”
หนานกงเฉินพยักหน้า: “ผมจะทำดีกับคุณ นอนเถอะ ผมจะออกไปหลังจากที่คุณหลับ”
“ได้ งั้นฉันนอนก่อนนะ” คุณหนูจูหลับตา
หนานกงเฉินถอยหลังก้าวหนึ่ง แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ สายตามองบนหน้าเธออย่างเงียบๆ
หน้าตาเธอไม่ได้แตกต่างไปจากเมื่อก่อน ยังคงอ่อนวัย ยังคงสวยบริสุทธิ์ และยังเป็นใบหน้าเดิมในความทรงจำเขา เงาในความทรงจำ
เขาไม่เคยคิดเลยว่าจูจูจะกลับมาข้างกายเขาด้วยวิธีที่คาดไม่ถึงขนาดนี้ เธอยังคงเป็นเธอคนเดิม เสียดายที่……เขาไม่ใช่ตัวเขาคนเดิมอีก เขาเป็นผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว เป็นผู้ชายที่มีคนรักแล้ว!
“ขอโทษนะ เป็นผมเองที่ตามหาคุณไม่ละเอียดพอ” เขาพูดในใจเบาๆ
จนกระทั่งฟ้าใกล้จะสว่าง หนานกงเฉินจึงกลับขึ้นมาจากชั้น 2
ได้ยินเสียงฝีเท้า ไป๋มู่ชิงหันหลังให้เขา แกล้งหลับไป
หนานกงเฉินเบาฝีเท้าลง เลิกผ้าห่มขึ้นแล้วนอนลงบนเตียง กอดเธอไว้จากด้านหลัง
ไป๋มู่ชิงปล่อยให้เขากอดเธอไว้ ในใจกลับมีความรู้สึกขยะแขยงเบาๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมีเรื่องในใจ เธอเหมือนได้กลิ่นอายที่เป็นของคุณหนูจูจากตัวเขา
เธอที่หลงไหลกลิ่นของเขามาโดยตลอด เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกขยะแขยงเขา เพียงเพราะว่า เมื่อกี้เขากอดคุณหนูจูของเขาไว้แน่นขนาดนั้น
ขณะที่กำลังทานอาหารเช้า เสี่ยวหยวนเดินลงมาจากชั้นบน พูดกับหนานกงเฉินว่า: “คุณชายใหญ่ คุณหนูจูไม่ยอมทานอาหารเช้าค่ะ บอกว่าไม่อยากอาหาร”
หนานกงเฉินเงยหน้าขึ้นมองไป๋มู่ชิงแวบหนึ่ง แล้วพูดกับเสี่ยวหยวนว่า: “นั้นรอสายอีกหน่อยค่อยเอาไปให้เธออีกรอบแล้วกัน”
“ได้ค่ะ” เสี่ยวหยวนพยักหน้า
ไป๋มู่ชิงวางถ้วยและตะเกียบลง หยิบทิชชู่จากด้านข้างเช็ดปากพร้อมกับพูดกับหนานกงเฉิน: “วันนี้ฉันอยากออกไปเดินเล่นสักหน่อย”
หนานกงเฉินวางตะเกียบตาม: “อยากไปเดินเล่นที่ไหน? ผมไปเป็นเพื่อนคุณ”
“ไม่เป็นไร คุณอยู่เป็นเพื่อนคุณหนูจูที่บ้านเถอะ ฉันไปเดินเล่นกับซูซี่และเสี่ยวเหม่ยก็พอ” ไป๋มู่ชิงไม่ได้บอกเขา เธอไม่ได้อยากออกไปเดินเล่นสักนิด เธอแค่ไม่อยากทนดูผู้หญิงคนนี้ออดอ้อนอยู่ในบ้านแค่นั้น
เธอเดาว่าคุณหนูจูไม่ได้ไม่อยากอาหารหรอก แค่อยากให้หนานกงเฉินขึ้นไปป้อนอาหารเธอแค่นั้น เมื่อคืนเธอก็ใช้วิธีแบบนี้ครอบครองหนานกงเฉินไว้ทั้งคืนแล้วไง?
“มู่ชิง เธอไม่ได้……”
“คุณชายใหญ่ คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้วค่ะ” ไป๋มู่ชิงยิ้มตัดบท: “เมื่อคืนคุณอธิบายกับฉันแล้วไม่ใช่หรอ? คุณกับเธอไม่ได้มีความรักต่อกันแล้ว ฉันเชื่อคุณค่ะ และเชื่อว่าคุณจะจัดการเรื่องนี้ได้ดี”
พูดจบ ไป๋มู่ชิงลุกขึ้นจากเก้าอี้: “ฉันออกไปก่อนนะ”
หนานกงเฉินพยักหน้ารับ: “เดินทางดีดีนะ”
หลังจากฟังไป๋มู่ชิงเล่าจบ เหยาเหม่ยตบโต๊ะแล้วยืนขึ้น: “ถ้าเป็นฉันนะ ฉันจะเดินไปหานางตัวดีที่ห้องอย่างแน่นอน ถามเธอว่าอยากให้คนป้อนเธอหรือเปล่า เธอป้อนได้ชำนาญกว่าคุณชายเฉิน แต่ไม่ใช่ทำเหมือนเธอตอนนี้หนีออกมา ปล่อยให้นางตัวดีมีโอกาสได้อ่อยคุณชายเฉิน”
ไป๋มู่ชิงยื่นมือไปดึงเธอกลับมานั่งบนเก้าอี้ แล้วพูดว่า: “ฉันเชื่อหนานกงเฉิน เขาไม่โกหกฉันหรอก”
“คำพูดของผู้ชายน่าเชื่อตรงไหนกัน? ความรักถ้าจะเกิดขึ้นไม่มีอะไรขวางกั้นได้หรอก อีกอย่างนี่เป็นรักแรกเชียวนะ”
“หนานกงเฉินคงไม่หย่ากับเธอเพราะผู้หญิงคนนั้นหรอกนะ?”
“เป็นไปได้ยังไง? ไม่ว่ายังไงหนานกงเฉินก็เป็นคนที่กล้ารักกล้าแค้นนะ ก่อนหน้านี้ขังเธอไว้เพราะชอบเธอ จับเธอไปแต่งงานที่อำเภอ ตอนนี้เขาคงไม่กล้าจับเธอไปหย่าที่อำเภอเพราะนางตัวดีคนนั้นหรอกนะ? เขาจะกลัวเธอหรอ?” เหยาเหม่ยพูด
เมื่อฟังเหยาเหม่ยพูดจบ ไป๋มู่ชิงรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นทันที เธอหันไปหาซูซี่: “เสี่ยวซี่ ทำไมเธอไม่พูดอะไรเลยล่ะ?”
ซูซี่สูดลมหายใจเข้าอย่างเหลืออด พูดว่า: “ตอนนี้นางตัวดีจะมา จะต้านยังไงก็คงต้านไม่ไหว ครั้นจะรอให้หนานกงเฉินรู้ตัวเอง ฉันคิดว่าคงตายสถานเดียว”
“ความมายของเธอคือ ฉันต้องเป็นคนเริ่มรุกก่อนหรอ”
“ใช่”
“อย่างนั้นฉันต้องทำอะไรบ้าง?”
“เรื่องแบบนี้ยังต้องถามพวกเรา? ไม่เคยดู《ศึกรักจอมราชันย์》หรอ?”
“ไม่เคยดูจริงๆ แฮะ”
“นั้นก็กลับไปดูสิ”
“ตามซีรี่ย์มันเหนื่อยไป พวกเธอสอนฉันเถอะ”
“วิธีที่ฉันสอน เธอกล้าใช้ไหม?” เหยาเหม่ยพูดเคืองๆ
“วิธีอะไีร”
“เมื่อเห็นนางตัวดีโอบหนานกงเฉินเพื่ออ้อน ให้เข้าไปตบปากนางสักที แล้วโยนทะเบียนสมรสไปตรงหน้าเธอ บอกเธอว่า หนานกงเฉินเป็นสามีของเธอ ให้เธอสำรวมด้วย” เหยาเหม่ยพูดพร้อมแสดงกริยาท่าทางประกอบเพื่อความสมจริงไปด้วย
ซูซี่หัวเราะเย็นๆ : “หนึ่งร้องไห้ สองโวยวาย สามผูกคอ สามวิธีนี้แย่งผู้ชายคืนมาได้แค่ตัว ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก”
“นั้นเธอคิดว่าฉันควรทำยังไงล่ะ?” วิธีของเหยาเหม่ยสะใจมากก็จริง แต่ไป๋มู่ชิงไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้
“ถ้าอยากเอาชนะใจหนานกงเฉินอีกครั้ง ต้องใช้สติปัญญา ให้รอดูสถานการณ์เงียบๆ”
“รอด้วยสติยังไม่ทันปัญญา หนานกงเฉินคงถูกนางตัวดีแย่งไปแล้ว” เหยาเหม่ยโต้เธอกลับ
ซูซี่ไม่ยอม: “แต่เธอคิดว่าหนานกงเฉินจะยอมให้ไปมู่ชิงทะเลาะโวยวายได้หรอ? ความรู้สึกที่หนานกงเฉินมีต่อผู้หญิงคนนั้นลึกซึ้งกว่าที่มีต่อมู่ชิง ตอนนี้เขารู้สึกผิดและมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อมู่ชิงจึงเลือกมู่ชิง รอเขาเบื่อมู่ชิงเมื่อไหร่ เธอคิดว่าเขาจะลืมรักแรกเพื่อคนที่ตัวเองไม่ได้รักหรอ?”
เหยาเหม่ยจนคำพูด แต่ก็พูดต่อว่า: “ตอนนี้มู่ชิงเป็นภรรยาที่ถูกต้องของตระกูลหนานกง ต้องมีมาดของนายหญิงน้อยตระกูลหนานกงถึงจะถูก แบบนี้ถึงจะไม่โดนผู้หญิงหน้าไม่อายดูถูก”
“จุดนี้ฉันเห็นด้วย” ซูซี่พยักหน้า
ไป๋มู่ชิงมองเพื่อนทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า รู้สึกว่าตัวเองมาเสียเที่ยวแน่ๆ ไม่ได้วิธีการแก้ปัญหาดีดีเลย
“ฉันเองก็เป็นคนที่ล้มเหลวในชีวิตคู่ ไม่มีวิธีอะไรให้เธอได้หรอก เธอเองลองขอพรให้ตัวเองเยอะๆ เถอะ” ซูซี่ยักไหล่อย่างอดไม่ได้
ไป๋มู่ชิงยกน้ำผลไม้ขึ้นดื่มคำหนึ่ง สูดลมหายใจเข้าเบาๆ แล้วพูดว่า: “จริงๆ แล้วความคิดเดิมของฉันคือ ขอให้หนานกงเฉินอภัยให้ฉัน ได้รับชีวิตที่อิสระแล้วทุ่มแรงกายแรงใจไปตามหาลูกสาวของฉัน หรือว่าช่างมันไปเลย? ปล่อยพวกเขาไป ส่วนฉันถอยออกมา ไปตามหาลูกสาว” ตอนพูดประโยคนี้ ไป๋มู่ชิงรู้สึกว่าเลือดในหัวใจของตัวเองกำลังหยด
เธอรู้ตัวว่าเธอรักผู้ชายที่เย็นชาบ้าอำนาจ แต่เวลาเอาใจผู้หญิงน่ากลัวสุดๆ เพราะช่วงนี้ถูกเขาทำร้าย ทำให้เธอรักเขามากกว่าเดิม รักลึกซึ้งกว่าเมื่อก่อน
เหยาเหม่ยพูดอย่างจนคำพูด: “เพื่อลูกที่ไม่มีอยู่จริง เธอจะปล่อยหนานกงเฉินไป เธอบ้าไปแล้ว!”
“ลูกไม่ได้ไม่มีอยู่จริงสักหน่อย” ไป๋มู่ชิงโต้กลับอย่างไม่พอใจ
“เพราะคำพูดเดียวของเสี่ยวซี่ เธอดูสิว่าตอนนี้สภาพเธอเป็นยังไงแล้ว ตามหาลูกสาวเช้าจรดเย็นเหมือนคนเป็นโรคประสาท” เหยาเหม่ยหยิบแฟ้มใบเสร็จบนโต๊ะขึ้นตีหัวของซูซี่เบาๆ : “เรื่องนี้โทษเธอเลย!”
เหยาเหม่ยไม่เชื่อมาโดยตลอดว่าลูกของมู่ชิงถูกสลับตัวไป แต่ไม่สนับสนุนเธอที่ตามหาลูกสาวเหมือนคนโง่อยู่แบบนี้
“ฉันจะไปรู้ได้ไงว่ามู่ชิงจะบ้าขนาดนี้” ซูซี่มองเธอตาขวาง
“แต่ว่ามู่ชิง……” ซูซี่จ้องไป๋มู่ชิงแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง: “เธอเคยคิดไหม ถ้าหากว่าเด็กคนนี้มีอยู่จริง เธอหาเธอเจอ แต่พ่อของเด็กกลับไม่อยู่แล้ว หรือว่าเธออยากให้ลูกสาวของตัวเองมีชีวิตอยู่ในครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวตลอดชีวิต? เหมือนเธอที่ไม่ได้ความรักจากพ่อตั้งแต่เด็ก มีชีวิตอยู่แบบที่ถูกมองว่าแปลกในสายตาของคนอื่น”
ซูซี่หยุดครู่นึง: “ดังนั้น ต่อให้เป็นเพราะลูกสาวที่มีความเป็นไปได้สูงว่ามีอยู่จริง เธอยิ่งต้องจับหนานกงเฉินไว้ให้อยู่หมัดนะ”
“ใช่ ทำเพื่อลูกสาวในตำนานของเธอเถอะ” เหยาเหม่ยพูดเสริม
เพื่อลูกสาวของตัวเอง ไป๋มู่ชิงชะงักไป
จริงสิ ถ้าเธอมีลูกสาวคนนึงจริง ถ้าเธอหาลูกสาวจนเจอแล้วพากลับมา อย่างนั้นลูกสาวของเธอต้องกลายเป็นเด็กที่ไม่มีพ่อหรอ? นี่จะเป็นผลกระทบต่อเด็กไปตลอดชีวิตนะ!”
ใช่ ต่อให้เป็นการทำเพื่อลูกสาว เธอก็ห้ามยกหนานกงเฉินให้คุณหนูจูคนนั้นเด็ดขาด
“พวกเธอคิดว่า ทำไมหนานกงเฉินดูไม่ออกว่าคุณหนูจูกำลังเสแสร้งหรอ?” เธออดไม่ได้ที่จะระบาย เธอไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเมื่อคืนคุณหนูจูไม่ได้ฝันร้ายจริงๆ ไม่ได้กลัวจริงๆ แต่กำลังใช้อุบายยอมเจ็บตัว เพื่อแลกให้หนานกงเฉินอยู่กับเธอ แต่หนานกงเฉินกลับกอดเธอแน่น เหมือนว่าถ้าคลายมือออก เธอจะตายเพราะกลัวซะอย่างนั้น
“ที่รักคะ ในสายตายคนรักย่อมมีซีซืออยู่แล้ว หนานกงเฉินรักเธอมากขนาดนั้น เห็นเธอทำอะไรก็ดีที่สุดอยู่แล้ว” ซูซี่ยักไหล่ยิ้มอย่างเย็นๆ
เหยาเหม่ยพูดเสริมอยู่ข้างๆ: “นั่นสิ ตอนนี้ขอแค่คุณหนูจูขมวดคิ้วนิดเดียว เขาก็คงอดไม่ได้ที่จะกอดเธอไว้แล้วปลอบประโลมอย่างทะนุถนอม อย่าว่าแต่บาดเจ็บหนักขนาดนี้เลย”
ก็จริง ในใจของหนานกงเฉิน คุณหนูจูก็เหมือนตุ๊กตาในดวงใจที่แตะนิดเดียวก็แตกสลายไปได้
ไป๋มู่ชิงถอนหายใจด้วยรอยยิ้มขมขื่น
หนานกงเฉินและเสี่ยวหยวนมาที่ห้องของจูจูด้วยกัน จูจูกำลังเหม่อมองไปทางหน้าต่าง พอได้ยินเสียงฝีเท้า ก็พูดเสียงเบาว่า: “เสี่ยวหยวน ฉันยังไม่อยากอาหารเหมือนเดิม”
เสี่ยวหยวนมองหนานกงเฉิน แล้วยักไหล่อย่างอดไม่ได้
หนานกงเฉินพิจารณาหุ่นที่บอบบางบนเตียง ในใจเกิดความรู้สึกเจ็บปวดและสงสารขึ้นอย่างอดไม่ได้ ตอนนั้นเธอไม่ผอมขนาดนี้
เขารับถ้วยในมือของเสี่ยวหยวนมา เดินไปวางไว้บนหัวเตียง พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า: “ต้องกินข้าวตรงเวลาแผลจึงจะหายไวนะ ร่างกายก็จะแข็งแรงขึ้นด้วย”
เมื่อได้ยินเสียงเขา จูจูหันหน้ามาทันที
“เฉิน? ทำไมเป็นคุณล่ะ?” บนหน้าของเธอมีความรู้สึกยินดีปรากฎขึ้นแวบหนึ่ง: “เมื่อกี้ฉันรู้จากเสี่ยวหยวนมาว่ามู่ชิงออกไปเดินเล่น คุณไม่ได้ไปกับเธอหรอ?”
“เปล่า เธอไปเดินเล่นกับเพื่อนรักเธอน่ะ” หนานกงเฉินเอนตัวไปพยุงเธอขึ้นจากเตียง: “มา ลุกขึ้นมากินอะไรสักหน่อย”
“อิจฉาคนที่มีเพื่อนจัง” จูจูปั้นหน้าแสดงความอิจฉา
“อยู่ที่เมืองซีนานอีกหน่อย คุณก็จะมีเพื่อนเอง” หนานกงเฉินพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ
หนานกงเฉินยกโจ๊กบนโต๊ะขึ้นจะป้อนเธอ จูจูรีบรับถ้วยมาไว้แล้วพูดว่า: “เฉิน ฉันกินเองดีกว่า”
หนานกงเฉินประหลาดใจเล็กน้อย
จูจูกินโจ๊กในถ้วยพลางพูดด้วยความรู้สึกผิด: “เฉิน เมื่อคืนฉันเสียมารยาทมากไปใช่ไหม ขอโทษนะ ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ซะนาน จึงฝันร้ายแล้วรู้สึกกลัวไปหมด”
“ไม่เป็นไร”
“หวังว่ามู่ชิงจะไม่เข้าใจคุณผิด”
“ไม่หรอก มู่ชิงเป็นคนเข้าใจโลกเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร”
“จริงหรอ?” จูจูพูดด้วยสีหน้าเซอร์ไพร์: “ถ้าเป็นแบบนี้จริงก็ดีมากเลย คุณรู้ไหม? หลังจากที่ตื่นมาเมื่อเช้าพอคิดๆ ไปก็รู้สึกเสียใจมาก พวกคุณก็เพิ่งแต่งงานกันใหม่ด้วย ถ้าฉันเป็นเหตุไปกระทบความรู้สึกของพวกคุณเข้า ฉันคงไม่สบายใจเอามากๆ”
“ไม่หรอก”
เสียงรถยนต์ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จากชั้นล่าง จูจูกวาดสายตายไปนอกหน้าต่าง รีบรบเร้าว่า: “เฉิน คุณรีบออกไปเถอะ อย่าให้มู่ชิงเห็นว่าคุณอยู่ในห้องฉันแล้วเข้าใจผิด ถ้าเป็นอย่างนั้นจะไม่สบายใจเอา”
หนานกงเฉิน เห็นเธอเข้าใจอะไรง่ายขนาดนี้ รู้สึกสบายใจมากขึ้น
เขาเองก็ไม่อยากให้มู่ชิงเข้าใจผิดเหมือนกัน จึงลุกขึ้นจากขอบเตียงแล้วพูดว่า: “นั้นเธอกินเสร็จก็พักผ่อนนะ มีความต้องการอะไรก็บอกเสี่ยวหยวนได้”
“ได้ค่ะ” จูจูพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
หนานกงเฉินเดินออกจากห้องของจูจู พอดีกับที่ไป๋มู่ชิงเดินขึ้นมาจากชั้นล่าง ยังไงก็ช้าไปก้าวนึงสินะ
เขามองไป๋มู่ชิง ไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรอธิบาย เรื่องแบบนี้ยิ่งอธิบายยิ่งวุ่นวายอยู่แล้ว
ไป๋มู่ชิงมองเขาอยู่เช่นกัน จึงยิ้มบางๆ แล้วถามว่า: “คุณหนูจูเขาโอเคไหม?”
“โอเคดี” หนานกงเฉินเดินเข้าไป โอบเธอไว้ในอ้อมกอด จูบริมฝีปากเธอแล้วถามว่า: “ทำไมกลับมาเร็วจัง”
จุมพิตอย่างสนิทสนมเป็นการอธิบายที่ดีที่สุดแล้ว เขารู้สึกอย่างนั้น
แต่ไป๋มู่ชิงกลับเห็นต่าง เธอเชื่อว่าหนานกงเฉินจะต้องรู้สึกผิด รู้สึกทำผิดต่อเธอจึงใช้จูบในการปลอบประโลมเธอ
เขายังยอมปลอบเธอ แสดงว่าเธอยังพอมีน้ำหนักในใจเขาอยู่บ้าง แสดงว่าเธอยังมีต้นทุนพอที่จะแย่งชิงกับคุณหนูจูได้บ้าง เธอควรพอใจแล้วไม่ใช่หรอ
ในคืนนั้น ไป๋มู่ชิงคิดว่าจูจูจะก่อเรื่อง ดึงหนานกงเฉินไปอีก จึงหลับไม่สนิทตลอดคืน โชคดีที่ปลอดภัยทั้งคืน จูจูไม่ได้ก่อเรื่องอะไรอีก
วันนี้เป็นวันจันทร์ วันที่ต้องทำงาน
ไป๋มู่ชิงตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุก เรื่องแรกที่เธอทำหลังลืมตาขึ้นคือสำรวจว่าหนานกงเฉินยังนอนอยู่ข้างกายเธอไหม
พอเธอเห็นหนานกงเฉินหลับอยู่ข้างหมอนของเธอ รู้สึกสบายใจขึ้น
โชคดี เขาอยู่!
เธอยิ้มเล็กน้อย ยกนิ้วชี้ไปจิ้มจมูกของเขาแล้วเรียกเบาๆ : “สามีคะ ตื่นไปทำงานได้แล้วค่ะ”
หนานกงเฉินยกมือขึ้นรวบมือของเธอไว้ในกำมือ พูดด้วยเสียงงัวเงียว่า: “นอนเป็นเพื่อนผมอีก 3 นาที พูดจบก็โอบเธอไว้ในอ้อมกอดแล้วหลับตานอนต่อ
เมื่อเห็นสภาพขี้เกียจของเขา ไป๋มู่ชิงเริ่มแซว: “ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนคุณไม่ขี้เซานะ ทำไมตอนนี้ขี้เซาบ่อยจัง”
“ติดมาจากเธอนั่นแหละ”
“ฉันทำตอนไหน”
“เธอทำ” หนานกงเฉินตอบพลางจูบเส้นผมเธอ: “เธอคิดว่าถ้าพวกเราออกกำลังกายยามเช้าสักยกนึง จะทันเวลาไหม?”
“ไม่ทันค่ะ และจะถูกบริษัทลงโทษว่าโดดงาน” ไป๋มู่ชิงรีบดิ้นออกจากอ้อมแขนของเขา พูดพลางลงจากเตียง: “ถ้าคุณไม่อยากให้พนักงานมองว่าเป็นเจ้านาย แต่นำทีมไปทำงานสาย ก็รีบลุกขึ้นมาได้แล้ว”
หนานกงเฉินคว้าเธอไว้ไม่ทัน จึงต้องลุกขึ้นจากเตียงอย่างว่าง่าย
หลังจากที่ทั้งสองล้างหน้าแปรงฟันแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปกินอาหารเช้า
เห็นเสี่ยวหยวน หนานกงเฉินจึงถามว่า: “คุณหนูจูตื่นหรือยัง?”
“ตื่นแล้วค่ะ คุณชายใหญ่” เสี่ยวหยวนตอบ
หนานกงเฉินพยักหน้า แล้วถามต่อ: “เธอกินอาหารเช้าหรือยัง?”
“กินแล้วค่ะ”
หนานกงเฉินไม่ได้ถามต่อ กินอาหารเช้าพร้อมไป๋มู่ชิงแล้วพูดกับเธอว่า: “ไปเยี่ยมคุณหนูจูกับผมหน่อย”
ไป๋มู่ชิงมองเขา ให้เธอไปเยี่ยมคุณหนูจูด้วยกันเนี่ยนะ?
แต่เธอรู้ว่าทำไมหนานกงเฉินจึงทำแบบนี้ เขาอยากให้เธอรู้ว่า เขาและจูจูบริสุทธิ์ใจกัน ไม่จำเป็นต้องทำอะไรลับหลังเธอ
ในเมื่อหนานกงเฉินมีใจขนาดนี้ เธอก็ยอมรับไว้อยู่แล้ว
“ได้สิ” เธอพยักหน้ารับ แล้วเดินขึ้นชั้น 2 พร้อมหนานกงเฉิน
ทั้งสองมาถึงห้องของจูจูพร้อมกัน จูจูสามารถลงจากเตียงได้แล้ว ตอนนี้กำลังใช้รีโมทเปลี่ยนช่องโทรทัศน์อยู่บนโซฟา
เห็นพวกเขาทั้งสองเข้ามา เซอร์ไพร์เล็กน้อย ยืนขึ้นจากโซฟาและประเมินพวกเขา แล้วยิ้มพลางพูดว่า: “เฉิน มู่ชิง พวกคุณตื่นแล้วหรอ?”

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset