เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – ตอนที่ 175 ความไม่สบายใจ

หลังจากกินเค้กกับเด็ก ๆ ไป๋มู่ชิงก็บอกลาทุกคนและออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
ขณะที่ออกไปจูจูยิ้มและถามเธอว่าอยากทานอาหารกลางวันด้วยกันไหม แน่นอนว่าไป๋มู่ชิงปฏิเสธออีกตามเคย
จูจูไม่ได้พูดอะไรมาก เมื่อเดินไปถึงข้างรถจึงถามขึ้นว่า”มู่ชิง คุณขับรถมาที่นี่เหรอ ฉันขอติดรถไปลงระหว่างทางด้วยได้ไหมคะ”
ไป๋มู่ชิงมองเธอและถามอย่างเย้ยหยัน “รถของคุณไม่หรูกว่าของฉันหลายสิบเท่าเหรอทำไมไม่ขับออกมาล่ะ”
จูจูยิ้มเขิน “ฉันมาที่นี่เพื่อการกุศล การขับรถดีๆ แบบนั้นจะทำให้คนเข้าใจผิดได้”
“ก็จริง” ไป๋มู่ชิงพยักหน้าจากนั้นกล่าวว่า “แต่ขอโทษนะ ฉันจะกลับคฤหาสน์หลังเก่าไม่ได้ไปทางเดียวกับคุณ”
“ไม่ ฉันจะไม่กลับไปที่คฤหาสน์หลังเล็ก แค่ไปที่หน้าซูเปอร์มาร์เก็ตไป่ฮุ่ยก็พอค่ะ” จูจูจ้องที่เธอด้วยสีหน้าปวดร้าว “มู่ชิง คุณยังคงรู้สึกเป็นศัตรูกับฉันอยู่ แต่ฉันอยากเป็นเพื่อนกับคุณจริงๆ ”
“โอเค เลิกเสแสร้งเถอะ รีบขึ้นรถ” ไป๋มู่ชิงเดินอ้อมไปและขึ้นรถไป
จูจูก็เปิดประตูอีกด้านและเข้าไปในรถด้วยความรู้สึกขอบคุณ “ขอบคุณนะ สามารถประหยัดเงินค่าแท็กซี่ได้มากกว่าสิบหยวนเลยล่ะ”
ไป๋มู่ชิงเม้มริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ ในใจคิดว่าผู้หญิงคนนี้ช่างเสแร้งเสียจริง หนานกงเฉินให้รถให้บ้าน เดาว่าบัตรวีไอพีก็คงรูดได้ไม่อั้น ยังจะมาเรียกร้องความสงสารที่นี่อีก?
แต่เธอไม่พูดอะไรและสตาร์ทรถและออกจากประตูบ้านเด็กกำพร้าไป
ขณะที่รถกำลังขับอยู่ จูจูมองไปที่ไป๋มู่ชิงและพูดว่า “จริงสิ มู่ชิง คุณชายเฉินเคยพูดถึงเรื่องตอนที่ฉันเคยช่วยชีวิตเขาตอนเด็กไหม”
ไป๋มู่ชิงหันหน้าไปมองเธอแล้วพยักหน้า “เคยพูดถึง”
“แล้วเขาพูดว่าอะไร ได้บอกกับคุณไหมว่าฉันช่วยเขาที่ไหน”
ไป๋มู่ชิงหยุดรถข้างทางแล้วจ้องไปที่เธอ “คุณหนูจู คุณคิดว่าคำถามแบบนี้ควรจะเอามาพูดกับฉันไหม คุณคิดว่าฉันจะสนใจหรือเปล่า คุณบอกว่ายอมแพ้เรื่องคุณชายเฉินไปแล้ว แล้วทำไมยังพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก อยากจะให้ฉันรู้สึกอึดอัดใจงั้นเหรอ? ”
“ไม่ มู่ชิง คุณเข้าใจผิดแล้ว ที่จริงแล้วฉันก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง” จูจูส่ายหัวด้วยสีหน้าลุกลี้ลุกลน “ฉันจำเรื่องบางอย่างไม่ได้แล้ว แต่ก็ไม่สะดวกที่จะถามคุณชายเฉิน ดังนั้น … ” 
“ก็เลยอยากรู้จากปากฉันใช่ไหม”
“ใช่…”
“ถ้าคุณยอมแพ้เรื่องคุณชายแล้ว ทำไมถึงยังตามหาความทรงจำในอดีตอีกล่ะ?”
“ฉัน … ” ใบหน้าของจูจูจมดิ่งลงและเธอก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้”ที่จริงฉันทำแบบนี้ก็เพื่อที่จะยุติอดีตที่ผ่านมา มู่ชิง คุณบอกฉันได้ไหม”
“ขอโทษด้วย ฉันไม่ค่อยแน่ใจ เพราะตอนที่คุณชายเฉินบอกฉัน ฉันไม่มีอารมณ์ที่จะฟัง” ไป๋มู่ชิงพูดประโยคนี้กับเธอและสตาร์ทรถใหม่อีกครั้ง
เมื่อจูจูเห็นว่าเธอไม่เต็มใจที่จะพูด จึงทำได้เพียงตอบรับ ‘อ้อ’ เบา ๆ “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว”
ดูเหมือนว่าตัวเองใจร้อนเกินไป ยังเร็วไปที่จะถาม จูจูคิดในใจอย่างช่วยไม่ได้
หน้าซูเปอร์มาร์เก็ตไป่ฮุ่ย มู่ชิงจอดรถไว้ข้างทางและจ้องไปที่เธอ “ถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว”
จูจูหันศีรษะมองออกไปนอกหน้าต่างใบหน้าของเธอเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “ขอบคุณนะคะ ฉันจะเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทนคุณวันหลัง”
“เงินหนึ่งมื้ออาหารนั่งแท็กซี่ได้ตั้งหลายรอบนะ” ไป๋มู่ชิงยิ้มอย่างเย้ยหยัน
จูจูเกาหัวอย่างเขินอาย”อันที่จริงฉันแค่อยากจะเลี้ยงอาหารคุณ แต่ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ค่อยรู้สึกซาบซึ้งเท่าไหร่ ดังนั้นลืมมันไปเถอะค่ะ”
หลังจากพูดจบเธอก็ผลักประตูรถและขอบคุณอีกครั้งก่อนจะปิดประตูรถแล้วเดินไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต
เมื่อเธอจากไป ในใจของไป๋มู่ชิงก็เริ่มลุกขึ้นเป็นไปอีกครั้ง ผู้หญิงคนนี้ตั้งใจจะขึ้นรถเธอให้ได้ ขึ้นมาแล้วนอกจากคำพวกไร้สาระไม่กี่ประโยคนั่น ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายอะไรแล้วก็ลงรถไปเฉยๆ แบบนี้น่ะเหรอ?
มันไม่ง่ายเหมือนการขับรถเพื่อประหยัดเงินมากกว่าสิบเหรียญใช่ไหม?
ดูไม่ออกจริงๆ!
ไป๋มู่ชิงจอดรถในโรงรถของคฤหาสน์หลังเก่าทันใดนั้นข้อความแจ้งดังขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาและกดไปที่กล่องข้อความข้อความนั้นมีเพียงคำสั้น ๆ สองคำ ได้รับแล้ว
ข้อความปริศนา ไป๋มู่ชิงไม่คาดคิดมาก่อน แต่หลังจากที่เธอเห็นหมายเลขโทรศัพท์ กลับอดไม่ได้ที่จะกดเข้าไปดู เธอดูแล้วดูอีก มีเพียงข้อความสั้นๆ สามคำเท่านั้น
เธอไม่รู้ว่าข้อความนี้จากหลินอันหนานจะเป็นการส่งผิดหรืออะไรกันแน่ แต่เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงปัญหา เธอจึงไม่สนใจเขา จากนั้นจึงลบข้อความทิ้งไป
หนานกงเฉินออกไปข้างนอก ช่วงบ่ายไป๋มูชิงจึงนอนเล่นอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านเพียงคนเดียว
จนกระทั่งเย็นหนานงกงเฉินกลับมา ในขณะที่รอหนานกงเฉินอาบน้ำ ไป๋มู่ชิงตรวจดูกล่องข้อความบนโทรศัพท์มือถือของเธออย่างเบื่อ ๆ ในนั้นมีอีเมลงานหลายฉบับ มีอีเมลส่วนตัวและผู้ส่งคือหลินอันหนาน
เนื้อหาในอีเมลคือเว็บไซต์และประโยค นี่คือบริษัทใหม่ของฉัน
บริษัทใหม่ของหลินอันหนานงั้นเหรอ? เขาจดทะเบียนบริษัทใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่? เธอเปิด URL ด้านบนด้วยความงงงวยและหน้าเว็บไซติบริษัทจึงถูกเปิดออกทันที
บริษัทตกแต่งรุ่ยอัน? ไป๋มู่ชิงมองโลโก้บนนั้นด้วยความประหลาดใจ ในฐานะเพื่อนร่วมงานเธอรู้เรื่องบริษัทใหม่นี้อย่างแน่นอน แต่เธอไม่คาดคิดว่าเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังบริษัทคือหลินอันหนาน!
แม้ว่าบริษัทนี้จะเป็นบริษัทใหม่ แต่ดูก้รู้ว่าเป็นบริษัทที่มีเบื้องหลังผู้สนับสนุน เป็นบริษัทที่มีเบื้องหลัง เพื่อนร่วมงานมักพูดถึงบริษัทนี้อยู่บ่อยๆ เรียกได้ว่าคลื่นลูกใหม่แห่งวงการ
หลินอันหนานจดทะเบียนบริษัทใหม่และจดทะเบียนที่เมืองซี เขาจะกลับมาเร็ว ๆ นี้หรือเปล่า? แม้ว่าเธอจะรู้สึกสงสารเขาที่ต้องถูกบีบบังคับให้ไปต่างประเทศ แต่เธอก็รู้สึกไม่สบายใจเมื่อคิดว่าเขาจะกลับมาที่เมืองซี และอาจทำให้เธอเดือดร้อนอีกครั้ง
หลินอันหนานตามหาเธอบ่อยมากเมื่อเร็ว ๆ นี้เป็นเพราะเขากำลังจะกลับมาเร็ว ๆ นี้หรือเปล่า?
ไป๋มู่ชิงกังวลมากขึ้นเมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้ และเริ่มเหม่อลอย
จนกระทั่งหนานกงเฉินออกมาจากห้องน้ำและเห็นเธอนั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียง ในมือถือโทรศัพท์ เขาจึงจงใจชะลอความเร็วและเดินเข้าไปหาเธอ จากนั้นตะครุบตัวเธอแล้วพูดว่า “ดูอะไรอยู่น่ะ”
ไป๋มู่ชิงตกใจจนทำโทรศัพท์ในมือของเธอตกลงบนผ้าห่ม
หนานกงเฉินเห็นโลโก้บริษัทบนหน้าจอแวบเดียวเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วใช้นิ้วโป้งปัดหน้าจอสองสามครั้งแล้วถามว่า “เป็นอะไร สนใจบริษัทนี้เหรอ”
ไป๋มู่ชิงเฝ้าดูเขาหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกไปและเธอก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเธอส่ายหัวอย่างรีบร้อน “ไม่ใช่ บริษัทใหม่น่ะ ดูเหมือนว่าจะไม่เลว ได้ยินจากเพื่อนร่วมงานพูดกัน”
“ไม่เลวเลยจริงๆ ” หนานกงเฉินยังคงกวาดหน้าจอด้วยนิ้วหัวแม่มือของเขา “ดูก็รู้ว่าเป็นเจ้าชายแบกถุงเงินถุงทองมาเปิดบริษัทเล่นๆ ”
“เหอะๆ อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้” ไป๋มู่ชิงมองไปที่สีหน้าของหนานกงเฉิน โชคดีที่เขาไม่รู้ว่าบริษัท นี้เป็นของหลินอันหนาน มิฉะนั้นเขาจะเข้าใจผิดเธออีกแน่นอน
เธอเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์แล้วพูดว่า “เอาล่ะ รีบนอนกันเถอะ”
หนานกงเฉินพยักหน้ากอดเธอและนอนลงบนเตียง
ไป๋มู่ชิงไม่คาดคิดมาก่อนว่าสิ่งที่เธอกังวลจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ เมื่อเธอเห็นร่างของหลินอันหนานปรากฏต่อหน้าเธอ เธอก็ประหลาดใจมากจนแทบพูดไม่ออก
เขากลับจีนมาแล้วจริงๆ เขากลับมาแล้ว!
จะเป็นไปได้อย่างไร? ผู้อาวุโสคนทั้งสองของตระกูลหลินตกลงกับหนานกงเฉิน อย่างชัดเจนว่าเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้กลับไปยังมาอีกตลอดชีวิตไม่ใช่เหรอ? เป็นไปได้ยังไง … แค่ครึ่งปีก็กลับมาแล้ว?
แน่นอนว่าเธอหันหนีไป แต่หลินอันหนานกลับตามไปคว้าข้อมือเธอเอาไว้พลางพูดว่า “มู่ชิง อย่าเพิ่งไป ฟังฉันพูดก่อน”
“ฉันไม่อยากฟัง” ไป๋มู่ชิงส่ายหัวและเริ่มดิ้นรน
น้ำเสียงของหลินอันหนานร้องขอ “มู่ชิง ฉันกลับมาเพื่อจัดงานวันเกินให้กับแม่ เมื่อจัดเสร็จจะรีบไป ดังนั้นได้โปรดอย่าเป็นแบบนี้ไหม นั่งคุยเป็นเพื่อนฉันสักพักก่อน”
“คุณก็รู้ว่าฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ” ไป๋มู่ชิงรู้สึกกังวลเล็กน้อยพร้อมกับร้องขออีกครั้ง “ถ้าเฉินเห็นฉันกับคุณ เขาจะไม่พอใจอีกนะ”
น้ำเสียงของหลินอันหนานดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด”หรือว่าในใจคุณมีเพียงแค่เขาคนเดียวอย่างนั้นเหรอ ฉันเคยช่วยชีวิตคุณ แต่คุณกลับไม่ให้โอกาสฉันแม้แต่จะเลี้ยงกาแฟสักแก้ว ไป๋มู่ชิง คุณต้องใจร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ คุณควรรู้ว่ายิ่งคุณไม่มีความรู้สึกฉันก็ยิ่งไม่เต็มใจ”
“ฉัน … ” ไป๋มู่ชิงพูดไม่ออก
หลินอันหนานยังคงตั้งคำถามต่อไป “ทำไมคุณถึงหลีกเลี่ยงฉันเหมือนงูหรือแมงป่องแบบนี้ คุณต้องบังคับให้ฉันลากคุณไปที่ร้านกาแฟต่อหน้าทุกคนหรือไม่?
ไป๋มู่ชิงไม่สามารถตอบได้ แต่หลินอันหนานคว้าข้อมือของเธอแล้วหันไปรอบ ๆ และชี้ไปที่ร้านขายเครื่องประดับที่อยู่ไม่ไกล “จำสิ่งที่คุณบอกฉันเมื่อเรามาที่นี่เพื่อเลือกแหวนแต่งงานจำได้ไหมจำคืนวันแต่งงานของเราได้ไหม คุณลืมไปหมดแล้วเหรอ? ”
“ใช่ ฉันลืมไปหมดแล้ว ฉันลืมเรื่องนี้ไปนานแล้ว” ไป๋มู่ชิงส่ายหัว “เพราะฉะนั้นได้โปรดปล่อยฉันได้ไหม พวกเราควรขาดกันแต่โดยดี”
หลินอันหนานจ้องมองเธอพลางถอนหายใจอย่างท้อแท้และพยักหน้า “โอเค คุณต้องการขาดกับฉันใช่ไหม เข้ามากับฉันแล้วฉันจะยอมขาดกับคุณ”
หลังจากพูดเสร็จเขาก็หันหลังเดินไปในร้านกาแฟข้างๆ
ไป๋มู่ชิงลังเลที่จะไปกับเขา แน่นอนว่าเธอไม่อยากเข้าไป แต่เธอต้องการจะยุติความสัมพันธ์ที่ยุ่งเกี่ยวกับหลินอันหนานทั้งหมดจริงๆ
หลังจากดิ้นรนอยู่นาน ในที่สุดเธอก็เดินตามเข้าไปในร้านกาแฟ
ร้านกาแฟในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่เปิดอยู่ แม้ว่าทั้งสองจะเลือกสถานที่มุมหนึ่ง แต่ไป๋มู่ชิงก็ยังรู้สึกอึดอัดและไม่ปลอดภัย
เธอจิบจากแก้วน้ำบนโต๊ะคลายความกังวลและพูดว่า “คุณมีอะไรจะบอกก็รีบพูดเถอะ ฉันมีเรื่องที่ต้องรีบกลับไปทำ”
หลินอันหนานมองไปที่เธออย่างงุนงงและหัวเราะกับตัวเอง “ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คุณนั่งกับฉันราวกับว่าคุณกำลังมีชู้? ”
“อันหนาน ฉันขอร้องล่ะ อย่าเป็นแบบนี้ได้ไหม” ไป๋มู่ชิงเหลือบมองไปรอบ ๆ ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอมักจะรู้สึกเหมือนมีสายตาจ้องมองเธออยู่รอบ ๆ ตัวเธ อความรู้สึกนี้เริ่มต้นตั้งแต่ตอนที่เธอได้พบกับหลินอันหนาน
“อย่าเป็นแบบไหน”
“อย่าติดต่อฉันอีก ฉันบอกคุณหลายครั้งแล้วว่าฉันกับหนานกงเฉินแต่งงานกันแล้ว และเราไม่มีแผนที่จะหย่าร้างกัน”
“มู่ชิง คุณไม่ใช่คนที่หนานกงเฉินกำลังมองหา คุณไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม” หลินอันหนานส่ายหัว “คุณและเขาไม่มีทางได้ลงเอยกัน ครั้งที่แล้วคือไป๋ยิ่งอัน ครั้งนี้เป็นคนที่ถูกกำหนดไว้ คือคุณหญิง คุณคิดว่าหนานกงเฉินยังสามารถควบคุมเกมทั้งหมดเหมือนครั้งที่แล้วได้อีกเหรอ?
ไป่มู่ชิงฟังมาเยอะและเบื่อที่จะได้ยินเรื่องนี้
เธอพูดอย่างหมดหนทาง “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต แต่ตอนนี้ฉันและ หนานกงเฉินจะไม่แยกจากกัน เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด ดังนั้นโปรดอย่ามาพูดเรื่องเหล่านี้กับฉันอีได้ไหม”
หลินอันหนานเริ่มโกรธ”ทำไมคุณไม่ฟังเลยล่ะ จะต้องเผชิญหน้ากับความตายก่อนหรือไงถึงจะคิดได้? ”
“หลินอันหนาน! ” ไป๋มู่ชิงลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ของเธอ “คุณบอกว่าคุณจะตัดขาดกับฉัน ฉันก็ยอมเข้ามากับคุณ แต่ทัศนคติของคุณยังคงเป็นเช่นนี้และก็ยังน่ารำคาญมาก ถ้าไม่มีอะไรจะพูดแบบนี้ล่ะก็ฉันขอตัวก่อน……”
หลังจากพูดจบ ไป๋มู่ชิงก็หันหลังเดินไปที่ทางออกของร้านกาแฟ
ในที่สุดเธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเดินออกจากร้านกาแฟและเห็นว่าหลินอันหนานไม่ได้ตามเธอมา
อย่างไรก็ตามก่อนที่เธอจะเดินออกจากประตูห้างสรรพสินค้า โทรศัพท์ในกระเป๋าของเธอก็ดังขึ้น เธอคิดว่าหลินอันหนานโทรมา จึงเร่งฝีเท้าพยายามออกจากห้างสรรพสินค้าให้เร็วที่สุด
ในเวลาเดียวกันหลินอันหนานที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ใช้นิ้วหัวแม่มือกวาดหน้าจอเพื่อดูรูปถ่าย ขณะที่กดโทรหาไป๋มูชิง
มีรูปถ่ายทั้งหมดสามรูป หนึ่งคือรูปไป๋มู่ชิงและหลินอันหนานมองหน้ากันที่ทางเข้าร้านกาแฟอีกรูปคือสองคนนั่งอยู่ที่มุมร้านกาแฟ ส่วนอีกรูปหนึ่งคือรูปที่หลินอันหนานดึงข้อมือของไป๋มู่ชิง 
ไม่ว่าจะเป็นรูปใดก็ตาม ตอนนี้เขาโกรธจนดวงตาแดงก่ำเป็นสีแดง ความโกรธของเขาพุ่งสูงขึ้น แต่ไป๋มู่ชิงไม่สามารถรับโทรศัพท์ของเขาได้ในเวลานี้
เขาโกรธมากจนทุบโทรศัพท์และทำให้เลขาเหยียนที่อยู่ด้านข้างประหลาดใจ
“คุณชายเฉิน … คุณโอเคไหมคะ?” เลขาเหยียนจ้องมองเขาอย่างระมัดระวัง
แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ไม่มีคนอื่นนอกจากไป๋มู่ชิงที่สามารถยั่วยุหนานกงเฉินได้
“คุณกำลังโทรหานายหญิงน้อยใช่ไหมคะ ตอนนี้เป็นเวลาเลิกงานเธอกำลังนั่งรถอยู่อาจจะไม่สะดวกรับโทรศัพท์ คุณรอสักพักก่อนค่อยโทร … ” ก่อนที่เธอจะพูดจบหนานกงเฉินก็หายไปอย่างรวดเร็วราวกับสายลม
หลังจากขึ้นรถหนานกงเฉินก็ขับตรงไปยังไชน่าเซ็นทรัลเพลส
มื้อกลางวันวันนี้ ไป๋มู่ชิงบ่นว่าเสื้อเชิ้ตของเขาไม่สวย ยังบอกอีกว่าเลิกงานแล้วจะไปที่ไชน่าเซ็นทรัลเพลสเพื่อซื้อเสื้อให้เขา เขาไม่รู้ว่าเธอกำลังดื่มกาแฟอยู่ที่ไชน่าเซ็นทรัลเพลสหรือไม่ แต่เขาก็ยังรีบไปที่นั่นโดยตรง
อย่างไรก็ตามเขามองไปรอบ ๆ ในร้านกาแฟ แต่ไม่พบแม้เงาของไป๋มู่ชิง
ไป๋มู่ชิงกลับบ้านหลังจากออกมาจากไชน่าเซ็นทรัลเพลส หลังจากกลับถึงบ้านเธอก็โยนกระเป๋าของเธอลงบนโซฟาและเอาชุดนอนเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเธอยังคงได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังผ่านประตู เธอที่รู้สึกรำคาญจึงเอาศีรษะไว้ใต้ฝักบัวปล่อยให้น้ำไหลผ่านไป
หลับตาลง ภาพในหัวคือช่วงเวลาหลายวันมานี้ที่หลินอันหนานสร้างความเดือดร้อนใจให้กับเธอ เมื่อก่อนหลินอันหนานไม่ได้เป็นแบบนี้ หลังจากเกิดเรื่องของหนานกงเฉินขึ้น เขาก็เปลี่ยนไปเป็นแบบนี้
สำหรับเขาเธอไม่รู้จะทำอย่างไรดี
หลังจากปล่อยให้น้ำไหลผ่านไปสักพัก ไป๋มู่ชิงก็ปิดวาล์วน้ำใส่เสื้อผ้าแล้วเดินออกไป
ทันทีที่เธอก้าวออกจากห้องน้ำ ประตูห้องนอนก็เปิดออกและหนานกงเฉินก็เดินเข้ามา
ไป๋มู่ชิงผงะและมองเขาด้วยความประหลาดใจ “เฉิน คุณบอกว่ามีงานสำคัญที่ต้องทำงานล่วงเวลาไม่ใช่เหรอ … ”
“เมื่อครู่เธอไปไหนมา” หนานกงเฉินขัดจังหวะเธอและเดินเข้ามาหาเธอในไม่กี่ก้าวแล้วบีบคอของเธอด้วยฝ่ามือของเขา
ไป๋มู่ชิงผงะด้วยความโกรธและพ่นออกมาโดยสัญชาตญาณ “ไป … ไชน่าเซ็นทรัลเพลสจะซื้อเสื้อให้คุณ”
ในใจของเธอมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีนี้ตั้งนานแล้ว ทำไมหนานกงเฉินถึงโกรธขนาดนี้? หรือว่าเขารู้เรื่องที่เธอพบกับหลินอันนันแล้วงั้นเหรอ? ปกติแล้วนอกจากเรื่องผู้ชาย ก็ไม่มีเรื่องอะไรจะทำให้เขาโกรธได้ถึงขนาดนี้อีกแล้ว
“เสื้ออยู่ไหนซื้อมาหรือยัง”
“ยัง… ” ไป๋มู่ชิงอ้าปากค้างเธอพบกับหลินอันหนานทันทีที่มาถึงไชน่าเซ็นทรัลเพลสและเธอไม่มีเวลาเดินเล่น
“ไม่ได้ซื้อเสื้องั้นเหรอ แล้วเธอไปทำอะไรที่นั่นล่ะ”หนานกงเฉินกอดคอเธอแรงขึ้นเล็กน้อยแลไป๋มู่ชิงรู้สึกได้ทันทีว่าเธอหายใจลำบาก
หนานกงเฉินถามอีกครั้ง “เรื่องอะไรที่สำคัญขนาดนั้น สำคัญถึงขนาดไม่รับสายฉันเลย บอกมาสิ”
จิตใจของไป๋มู่ชิงว่างเปล่า หรือเป็นเขาที่โทรมาไม่ใช่หลินอันหนาน พระเจ้า เธอคิดว่ามันคือหลินอันหนานจึงปล่อยให้โทรศัพท์ดังตลอดทาง
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้ว่าคุณโทรมาฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะไม่รับสายของคุณ”
“ฉันถามว่าเมื่อกี้เธออยู่กับใคร” หนานกงเฉินถามอย่างไม่อดทนแม้ว่าเขาจะรู้คำตอบอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังอยากได้ยินจากปากเธอ
แต่ไป๋มู่ชิงคิดว่าเขาโกรธเพราะเธอไม่รับโทรศัพท์ เพื่อหลีกเลี่ยงการกระตุ้นความโกรธของเขาเธอส่ายหัว “ฉันเปล่าค่ะ … ”
คำสั้นๆ เพียงสามคำ แต่กลับกระตุ้นความโกรธในใจของหนานกงเฉินจนหมดซึ่งความอดทนเขาโกรธจนโยนร่างของเธอไปที่ด้านข้างของโซฟาและพูดด้วยความโกรธว่า”ไป๋มู่ชิง! สันดานของเธอมันไม่เคยเปลี่ยน นิสัยโกหกหลอกลวงของเธอมันไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้! ”
เขาก้าวไปข้างหน้าด้วยความโกรธและโน้มตัวลงไปจ้องมองเธอ”เธอตั้งใจจะบอกฉันไหมว่าวันนี้ไปเดินที่ไชน่าเซ็นทรัลเพลส แต่มีเสื้อเสื้อเชิ้ตที่เหมาะกับฉันก็เลยกลับมาแบบนี้งั้นเหรอ?”
ในขณะที่หนานกงเฉินกำลังพูดอยู่ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อและกดมันสองสามครั้งก่อนจะยื่นให้กับเธอ “มีผู้คนมากมายในโลกที่รอคอยการหย่าร้างของเราและมีสายตามากมายที่จับจ้องอยู่ แต่เธอกลับกล้าที่จะนัดเจอหลินอันหนานลับหลังฉันงั้นเหรอ? ”
ใบหน้าของไป่มู่ชิงตกตะลึงทันทีเมื่อเธอเห็นรูปถ่ายของตัวเองและหลินอันหนานบนหน้าจอโทรศัพท์ จากนั้นเขาก็ฉวยโทรศัพท์กลับและมองไปที่มองดูสามรูปนั้นอีกครั้ง
“เธอจะอธิบายว่านี่คือรูปตัดต่อ ไม่เกี่ยวข้องกับเธออย่างนั้นล่ะสิ” หนานกงเฉินกัดฟันพูด
“ไม่ … มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ” ไป๋มู่ชิงลุกขึ้นยืนจากโซฟาหลังจากที่สะดุ้งสักพักจ้องมองไปที่หนานกงเฉินและส่ายหัวอย่างกระวนกระวาย “เฉิน ฟังฉัน พอฉันไปถึงไชน่าเซ็นทรัลเพลสก็เจอกับหลินอันหนาน เข้าบอกว่าจะตัดความสัมพันธ์กับฉัน ดังนั้นฉันก็เลยตามเขาไปที่ร้านกาแฟ ฉันนั่งอยู่ในร้านกาแฟกับเขารวมแล้วไม่ถึงห้านาที รูปภาพพวกนี้คงจะเป็นหลินอันหนานจัดเตรียมให้คนของเขาถ่ายรูปไว้ เขาจงใจ … ”
หนานกงเฉินจ้องมองไปที่เธอ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังให้โอกาสเธอแต่งเรื่องต่อ
ไป๋มู่ชิงกุลีกุจออธิบาย จึงทำได้เพียงพูดต่อไปว่า “ฉัน … หลังจากที่ฉันตามเขาไปเขากลับไม่ได้พูดตัดความสัมพันธ์กับฉัน แต่กลับพูดเรื่องเดิมๆ ซ้ำๆ จากนั้นฉันจึงออกมา หลังจากที่ฉันวิ่งออกมาจากห้าง ฉันได้ยินเสียงโทรศัพท์จริงๆ แต่ฉันไม่รู้ว่าเป็นคุณที่โทรมา ฉันคิดว่าเป็นหลินอันหนานที่โทรมาดังนั้นจึงไม่ได้รับสาย”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโกหกคุณ ฉันกลัวคุณรู้ว่าฉันนัดเจอกับหลินอันหนานแล้วจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแบบนี้” ดวงตาของไป๋มู่ชิงแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความวิตกกังวล
เธอเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นและจ้องไปที่หนานกงเฉิน จากนั้นก็ยื่นมือออกไปเพื่อจับข้อมือของเขาและเขย่ามัน “คุณอย่าโกรธเลยนะ ถ้าครั้งต่อไปฉันเห็นเขาอีกจะรีบเดินหนีไปออกไป ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรฉันจะไม่ตอบกลับเขาสักคำ ดีไหม ”
หนานกงเฉินมองไปที่เธอด้วยสายตาที่ตำหนิตัวเองและเศร้าและหัวเราะเยาะ “แต่งเรื่องได้เหมือนดีนะ”
“ฉันไม่ได้แต่งเรื่อง สิ่งที่ฉันบอกคือความจริง” ไป๋มู่ชิงรีบส่ายหัวและคว้าข้อมือของเขา”ฉันสาบานว่าฉันไม่ได้โกหกคุณ เฉิน คุณบอกว่าเราควรจะเชื่อใจกันไม่ใช่เหรอ ฉันยังเชื่อใจคุณเรื่องจูจูเลย ทำไมคุณไม่เชื่อเรื่องของฉันกับหลินอันหนานบ้างล่ะ? ”
คำอธิบายของเธอทำให้ความโกรธของหนานกงเฉินเบาลง แต่เธอก็ยังคงเสียใจกับการพบกับหลินอันหนานอยู่ดี
สรุปแล้วรูปภาพเหล่านี้จะถ่ายโดยหลินอันหนานหรือไม่ก็ไม่มีใครรู้ได้ แต่การที่ไป๋มู่ชิงนั่งกับเขาในร้านกาแฟนั่นคือเรื่องจริง
เขาสูดลมหายใจพลางจ้องมองเธอและพูดว่า “คราวนี้ฉันให้อภัยเธอก็ได้ แต่ฉันก็ไม่ได้เชื่อเธอทั้งหมดหรอกนะ ดังนั้นต่อไปเธอต้องพิสูจน์ตัวเองหน่อย อย่าให้ฉันเห็นว่าเธออยู่ด้วยกันกับเขาอีก โดยเฉพาะให้ฉันได้รับรูปภาพแบบนี้ “หนานกงเฉินหยิบโทรศัพท์ที่เธอวางไว้บนโต๊ะ และลบรูปภาพเหล่านั้น พลางเงยหน้าขึ้นมองเธออีกครั้ง” ถ้ารูปพวกนี้ส่งถึงสายตาคุณย่าละก็ไม่รอดแน่ ”
ไป่มู่ชิงลดสายตาลง ไม่กล้าพูดอะไร
แต่ไม่ว่ารูปภาพเหล่านี้จะถูกส่งไปถึงคุณหญิงหรือไม่ อย่างไรก็ตามคุณหญิงก็ไม่ตั้งใจจะยอมรับเธออยู่แล้ว เรื่องนี้เธอรู้ดีอยู่แก่ใจ
เธอไม่ได้คาดคิดว่าหลินอันหนานจะทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้และส่งภาพถ่ายไปยังโทรศัพท์มือถือของหนานกงเฉินอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่เธอนั่งอยู่กับเขาในร้านกาแฟเพียงไม่ถึงห้านาที
เธออยากจะโทรไปด่าหลินอันหนาน แต่คิดไปคิดมา ก็ช่างมันเถอะ จากนี้ต่อไปก็แบ่งเส้นระหว่างเขากับเธอ
หลังจากที่หนานกงเฉินจากไป ไป๋มู่ชิงก็มุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มในห้องนอนดูทีวีโดยลำพัง เพียงเปิดทีวีเอาไปเฉยๆ ในใจเธอกลับไม่ได้ดูตามเลยแม้แต่น้อย
จากนั้นเธอก็หลับไปบนโซฟา
เธอจงใจนอนบนโซฟา เพราะโดยปกติแล้วเมื่อเธอหลับไปบนโซฟาจนกระทั่งหนานกงเฉินทำงานเสร็จ เขาก็จะมาอุ้มเธอไปนอนบนเตียง
เธอชอบความรู้สึกของการถูกอุ้มไปวางบนเตียงเบาๆ เธออยากรู้ว่าคืนนี้เขาจะอุ้มเธอไปอีกหรือไม่ ในจิตใต้สำนึกก็อยากรู้ว่าเขาโกรธมากแค่ไหน
อย่างไรก็ตามเมื่อเธอตื่นขึ้นมาเธอก็ต้องผิดหวัง
เธอยังคงนอนอยู่บนโซฟาและชุดเครื่องนอนบนเตียงก็เป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนกับเมื่อคืน
เห็นได้ชัดว่าเมื่อคืนนี้หนานกงเฉินไม่ได้กลับไปนอนที่ห้อง
ดูเหมือนว่าเขาจะโกรธจริงๆ โกรธมากจนไม่อยากกลับห้องด้วยซ้ำ
หลินอันหนาน นี่คือจุดประสงค์ของเขางั้นเหรอ? เขาคิดว่าการทำเช่นนี้เธอจะสามารถแยกความรู้สึกของนางและหนานกงเฉิน และกลับไปหาเขาได้หรือไม่? เมื่อไหร่ความคิดของเขาจะสุดโต่งน้อยลง?
เธอลุกขึ้นนั่งอย่างเงียบ ๆ บนโซฟา เดินเท้าเปล่าไปที่หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานเปิดผ้าม่านและมีแสงแดดอุ่น ๆ ฉายผ่านหน้าต่างทันที
อากาศวันนี้ดีจริงๆ เมื่อเทียบกับความหนาวในบ้านแล้วข้างนอกสบายกว่าเยอะเลย
เมื่อเธอมองไปที่สระว่ายน้ำในสวน เธอก็เห็นร่างหนึ่งลอยๆ จมๆ อยู่บนผิวน้ำ เธอวางฝ่ามือไว้ที่หน้าผากพลางเบิกตากว้าง เมื่อค้นพบว่านั่นคือหนานกงเฉิน
เขากำลังว่ายน้ำในวันที่อากาศหนาวเย็นมัน ไม่รักชีวิตแล้วหรือไง!
เธอหันกลับมาและเดินไปที่ประตูคนที่ลงมาชั้นล่าง เจอกับผู่เลี่ยนเหยากำลังดูทีวีในห้องนั่งเล่น ผู่เลี่ยนเหยามองเธอด้วยรอยยิ้มและถามว่า “พี่สะใภ้ คุณจะรีบไปไหน?”
“ฉันเห็นนายน้อยว่ายน้ำในวันที่หนาวเย็นเช่นนี้” ไป๋มู่ชิงกล่าว
ผู่เลี่ยนเหยายิ้ม”เมื่อก่อนพี่ชายชอบว่ายน้ำในฤดูหนาวน่ะ เคยชินแล้ว เธอไม่เห็นเหรอว่าคุณย่าก็ยังไม่สนใจเลย”
ก็จริงสินะ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขาเคยชินแล้ว คุณหญิงก็คงให้คนไปนำตัวเขาขึ้นมาจากน้ำตั้งนานแล้ว ยังไงซะคุณหญิงก็เห็นเขาสำคัญยิ่งกว่าชีวิตตัวเองเสียอีก
เธอยิ้ม “นั่นสินะ”
เธอคิดว่าเขาจะถูกกระตุ้น แต่โชคดีที่มันเป็นแค่นิสัย
อย่างไรก็ตามเธอไม่ล้มเลิกความคิดที่จะไปสระว่ายน้ำจึงเดินจากบ้านหน้าบ้านไปที่สวนหลังบ้าน ตรงไปที่ขอบสระ
ไป๋มู่ชิงนั่งยองๆ ที่สระว่ายน้ำเพื่อทดสอบอุณหภูมิของน้ำ สระว่ายน้ำกลางแจ้งก็เย็นมาก
ทันใดนั้นร่างก็ปรากฏขึ้นใต้ผิวน้ำที่เงียบสงบ ไป๋มู่ชิงถึงกับผงะร่างกายของเธอถอยห่างโดยสัญชาตญาณ
ในที่สุดเธอก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่านั่นคือหนานกงเฉิน เธอสาดน้ำเย็นไปที่ใบหน้าของเขาแล้วถามว่า “หนาวไหม”
หนานกงเฉินหลับตา จากนั้นจับแขนด้วยมือข้างหนึ่งและผลักศีรษะของเธอให้กระแทกกับน้ำ “ลองดูสิแล้วเธอจะรู้”
“อืม … ” ไป๋มู่ชิงรู้สึกเย็นที่ใบหน้าของเธอเย็นเฉียบราวกับมีดบาด
เธอซึ่งเดิมเป็นคนกลัวน้ำถูกเขาผลักลงไปในน้ำแบบนี้ แต่เมื่อเธอรู้สึกหนาวและกลัวเธอก็ตกใจมากจนโบกมือและกรีดร้อง “ช่วยด้วย …! ”
ฟองอากาศพุ่งขึ้นมาเหนือน้ำ แม้ว่าหนานกงเฉินจะดึงเธอออกจากน้ำอย่างรวดเร็ว แต่เธอก็ยังคงหวาดกลัว เธอไออย่างหนักและเช็ดหยดน้ำบนใบหน้าด้วยมือของเธอ กว่าจะกลับมาหายใจเป็นปกติได้อีกครั้ง
เธอลืมตาขึ้นและมองไปที่ใบหน้าที่ไร้ความปรานีของหนานกงเฉิน หลังจากที่รู้สึกหนาวสั่นในใจเธอพูดขึ้นด้วยความโกรธว่า “หนานกงเฉิน! คุณรู้ว่าฉันกลัวน้ำที่สุด! คุณยังทำแบบนี้อีก! ”
“ถ้าเธอไม่กลัวน้ำฉันก็คงขี้เกียจให้เธอลอง” หนานกงเฉินจ้องไปยังเธอที่มีผมของเธอหยดอยู่เล็กน้อย “แล้วไงล่ะ หนาวไหม? ”
“ไอ้บ้า! ” ไป๋มู่ชิงสาดน้ำใส่ใบหน้าของเขาด้วยมือเธอ
หนานกงเฉินหลบพลางจับแขนของเธอด้วยฝ่ามือของเธออีกครั้งและกดใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอด้วยมืออีกข้างหนึ่งกับน้ำ
ไป๋มู่ชิงคิดว่าเขากำลังจะกดเธอจมลงไปในน้ำอีกครั้ง จึงหลับตาลงด้วยความตกใจและกรีดร้อง แต่มันกลับไม่ใช่น้ำในสระเย็น ๆ ที่รอเธอ แต่เป็นริมฝีปากสีแดงเย็นยะเยือกของเขา
เธอตะลึงและรีบประคองไหล่ของเขาด้วยมือของเธอเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองตกลงไปในน้ำ
ปลายลิ้นของเขาแทรกลงไประหว่างฟันของเธอให้เปิดออก แล้วจูบเข้าไป
ด้วยท่าทางและจูบที่เร่าร้อนเช่นนี้ ไป๋มู่ชิงได้ลิ้มลองเป็นครั้งแรก เธอทั้งหวาดกลัวและตื่นเต้นจนกรีดร้อง แต่หนานกงเฉินกลับดูเพลิดเพลิน ปลายลิ้นของเขาตวัดไปมาอย่างเพลิดเพลินพร้อมกับเธอที่ตื่นเต้น
ถ้าไม่กลัวว่าเธอจะเป็นหวัด เขาจะลากเธอลงน้ำตั้งนานแล้ว
ไป๋มู่ชิงเข้าใจแล้วว่าเขากำลังลงโทษเธอ ที่แอบพบกับหลินอันหนานเมื่อคืนนี้ เพียงแค่การลงโทษครั้งนี้มันเลวร้ายเกินไปสำหรับเธอ เธอยอมถูกเขาทุบตีเสียยังดีกว่าการโดนลงโทษเช่นนี้!
ในที่สุดหนานกงเฉินก็ปล่อยริมฝีปากของเธอและผลักร่างของเธอกลับไปที่ฝั่ง เมื่อเห็นเธอที่หอบเหนื่อย ในที่สุดก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจ
“คราวหน้าถ้าเธอกล้าแอบเจอกับหลินอันหนานลับหลังฉัน และไม่ยอมรับสายฉันอีก ฉันจะเปลื้องผ้าแล้วโยนเธอลงน้ำ” หนานกงเฉินขู่เธอ
“ทำไมเปลือยก่อนโยนลงน้ำล่ะ” ไป๋มู่ชิงถามด้วยความสงสัย
“คุณคิดว่าไงล่ะ” ความคลุมเครือเลื่อนผ่านดวงตาของหนานกงเฉิน
ในที่สุดไป๋มู่ชิงก็เข้าใจ ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอร้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอไม่กล้าแม้แต่จะคิดถึงฉากนั้น
ในขณะที่เธอรู้สึกเขินอาย หนานกงเฉินได้กระโดดขึ้นจากน้ำแล้วจับเสื้อคลุมอาบน้ำบนเก้าอี้และสวมมันไว้บนตัวของเธอ และขณะที่เดินไปที่บ้านหลังใหญ่
ไป๋มู่ชิงลุกขึ้นเพื่อเดินตามเขาและยิ้มอย่างมีความสุข ขณะที่เธอมองแผ่นหลังใหญ่นั่นดูเหมือนว่าความโกรธของเขาจะหายไปแล้ว ซึ่งมันเยี่ยมมาก!
ทันทีที่หนานกงเฉินหันศีรษะไปเธอก็เห็นเธอยิ้มอย่างสั่นเทา สีหน้าของเธอหดตัวและจงใจถามว่า “เธอยิ้มอะไร? ”
“เปล่าค่ะ” ไป๋มู่ชิงหยุดยิ้ม แต่ก็ยังไม่เก็บความอารมณ์ดีเอาไว้ได้
เธอเดินขึ้นไปโอบแขนของเขา “จู่ๆ ฉันก็คิดว่าคุณน่ารักมาก”
“แล้วเธอล่ะ” หนานกงเฉินยกมือขึ้นแตะผมเปียกที่แก้มของเธอ “น่ารักมากเหมือนลูกหมาตกน้ำเลย”
“คุณต่างหากที่เป็นลูกหมาตกน้ำ คุณคือสามีของลูกหมาตกน้ำ! ” ไป๋มู่ชิงจับแขนของเขาและทั้งสองก็เดินเข้าไปในบ้านด้วยกัน
เมื่อเข้ามาในห้องนั่งเล่นผู่เลี่ยนเหยายังคงนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นและไม่รู้ว่าคุณหญิงตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
เมื่อเห็นคุณหญิง ไป๋มู่ชิงรีบปล่อยมือจากหนานกงเฉินทันทีและทักทายด้วยความเคารพ “คุณย่า อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
คุณหญิงเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ทั้งสองคนจากนั้นก็ส่งเสียงเบาๆ “อืม”
ทางด้านผู่เลี่ยนเหยากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ใหญ่และพี่สะใภ้แต่งงานกันมาเกือบสองปีแล้ว แต่ก็ยังรักกันจนน่าอิจฉา”
ไป๋มู่ชิงเหลือบมองไปที่ผู่เลี่ยนเหยาจากนั้นก็มองไปที่คุณหญิง ประโยคนี้ฟังดูขัดหูของเธอเป็นอย่างมาก จึงบอกว่า “ฉันจะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
พูดจบเธอก็ไม่สนใจหนานกงเฉินอีกต่อไป และรีบขึ้นตึกไปอย่างรวดเร็ว
เธอกลัวว่าหากเธออยู่ต่อไปคุณหญิงจะพูดอะไรที่ไม่ชอบมาพากลกับเธอและหนานกงเฉินจะมีปากเสียงกับคุณหญิงเพราะเธอ

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset