เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – ตอนที่ 30 เจ็บตรงไหน

นี่เป็นห้องคอนโดติดทะเลที่กว้างขวางโล่งสว่าง ตกแต่งสไตล์ผู้ชายและหรูหรามาก ไป๋มู่ชิงพยุงเขาไปบนเตียงในห้องนอน จ้องเขาและพูดว่า: “ฉันไปนะ”
หนานกงเฉินกลับคว้ามือเธอไว้ เสียงที่แฝงด้วยคำสั่งเบาๆ: “ไปรินน้ำให้ผมสักแก้ว”
ไป๋มู่ชิงออกจากห้องนอน กวาดสายตามองรอบๆแล้วเดินไปรินน้ำอุ่นที่เครื่องทำน้ำดื่ม เมื่อกลับเข้าห้องนอนในมือหนานกงเฉินมียาอยู่ 1 เม็ด เขายื่นมือไปรับแก้วน้ำมา กลืนยาในมือลง
“คุณกินยาอะไร? คุณเป็นอะไรกันแน่?”
“ยาแก้ปวด”
“คุณเจ็บตรงไหนหรอ?”
หนานกงเฉินไม่ตอบ ล้มตัวลงบนที่นอน
ในเมื่อเขากินยาไปแล้ว เธอเองก็ควรกลับบ้าน จึงพูดว่า: “คุณผู้ชายคะ ที่บ้านฉันเข้มงวดมาก ถ้ายังไม่รีบกลับจะโดนลงโทษด้วยกฏของตระกูลแน่นอน ดังนั้น……ฉันต้องกลับแล้วค่ะ”
“อย่าเพิ่งไป”
“ทำไมละ?”
“ทำของกินให้ผมหน่อย”
“แต่ว่า……” ไป๋มู่ชิงมองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้กำลังจะ 4 ทุ่มแล้ว ถ้ายังทำของกินให้เขาอีก เธอกลับไปโดนลงโทษตามกฏของตระกูลแน่นอน เมื่อคิดถึงห้องบรรพชนที่น่ากลัว เธอก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเล็กน้อย
“เธอสบายใจเถอะ ผมจะรับรองให้เธอไม่โดนลงโทษตามกฏของตระกูล”
“คุณจะรับรองฉัน? ด้วยอะไร?”
“ก็ด้วย……ความสัมพันธ์ของผมกับหนานกงเฉิน”
“คุณเป็นอะไรกับหนานกงเฉิน?”
หนานกงเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย นอนคว่ำหน้าบนเตียงแล้วอ้วกออกมายกใหญ่
ไป๋มู่ชิงร้องออกมาเบาๆ กระโดดถอยหลังก้าวนึง ผู้ชายคนนี้เป็นอะไรของเขา ป่วยอยู่แล้วยังดื่มหนักขนาดนี้อีก ทำให้เธออยู่ต่อก็ไม่ได้จะไปก็ไม่ได้ ถ้าเธอไปตอนนี้ เขาตายอยู่ที่่นี่ทำยังไง? ถ้าอยู่ต่อจะผ่านด่านคุณผู้หญิงยังไง?
หลังสับสนอยู่สักพัก เธอเดินเขาไปกรองน้ำร้อนจากห้องน้ำ บิดผ้าเช็ดหน้ายื่นให้เขา และยังหาไม้ถูพื้นเช็ดถูพื้นจนสะอาด
เห็นสิ่งที่เขาอ้วกมีเพียงน้ำดีและน้ำเท่านั้น รู้เลยว่าตอนนี้เขาคงหิวมากแน่ๆ ถ้าไม่ทำอะให้กินก็คงไม่ได้
เธอเดินไปยังห้องครัว ในตู้เย็นไม่เหลืออะไรเลยนอกจากน้ำไม่กี่ขวด ให้ตู้เก็บของไม่มีข้าวสารเหลือแม้แต่เม็ดเดียว เธอเริ่มหมดคำพูด ปกติผู้ชายคนนี้ไม่กินข้าวหรอ?
ไม่มีข้าวสารเหลือเลย ยังจะขอให้เธอทำของกินให้อีก
เมื่อหมดหนทาง เธอจึงไปยังห้องฝั่งตรงข้าม ขอยืมข้าวสารและเกลือกลับมา
การทำโจ๊กค่อนข้างจะใช้เวลา เมื่อเธอทำเสร็จก็ 5 ทุ่มแล้ว เธอยกโจ๊กมาหน้าเตียง จ้องแผ่นหลังของเขา:​ “ฉันยืมข้าวสารกับเกลือห้องตรงข้ามมา โจ๊กรสเกลือช่วยบำรุงกระเพาะ คุณกินสักหน่อยแล้วกัน”
หนานกงเฉินดันตัวลุกขึ้นอย่างยากเย็น รับโจ๊กมาจากเธอ เห็นสีหน้าไม่เต็มใจของเธอ จึงพูดว่า: “คุณหนูไป๋ อย่าทำหน้าแบบนั้นเลย ต่อไปนี้เธอยังต้องการให้ผมช่วยอีกเยอะ”
“คุณรู้ได้ยังไง?” ไป๋มู่ชิงหมดคำพูด
หนานกงเฉินไม่ตอบ ก้มหน้ากินโจ๊กรสเกลือ
บางทีเขาอาจจะพูดถูก แต่เธอก็รู้สึกกระสับกระส่ายอยู่ดี เวลานี้แล้วไม่รอดจากกฏของตระกูลแน่นอน กลับไปตอนนี้กับกลับไปพรุ่งนี้ก็เหมือนกัน
รู้อย่างนี้ไม่น่าเข้ามายุ่งเลย ต่อให้เธอไม่ช่วย คุณหนูเหอก็ต้องมาส่งเขาอยู่แล้ว ตามด้วยขึ้นคร่อมเขา เขาเป็นผู้ชาย โดนกระทำก็ไม่ได้เสียหายอะไร
เมื่อกินโจ๊กเสร็จ หนานกงเฉินล้มตัวลงนอน งอตัวเล็กน้อย
“ยัง……เจ็บมากไหม?” ไป๋มู่ชิงประเมินพร้อมถาม: “ไปโรงพยาบาลไหม?”
“เธอไปได้แล้ว”
“แต่ว่าคุณ……” ไป๋มู่ชิงเสียงอ่อนลงเล็กน้อย: “ถ้าคุณตายไป ฉันจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัย”
หนานกงเฉินไม่พูดอะไร ไม่รู้ว่าหลับไปหรือยัง
ไป๋มู่ชิงยืนหน้าเตียงไม่รู้จะทำอะไรดี ไปก็ไม่ได้อยู่ต่อก็ไม่ได้ จะทิ้งเขาไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ แต่ก็ไม่ควรค้างคืนที่นี่

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset