เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด – ตอนที่ 32 พิธีหมั้น

ดึกขนาดนี้แล้ว จะกลับไปตระกูลหนานกงคงเป็นไปไม่ได้แล้ว ไป๋มู่ชิงกลับออกจากคอนโดแล้วไม่รู้จะไปที่ไหนดี จึงมาขอค้างบ้านเหยาเหม่ยหนึ่งคืนในที่สุด
เช้าวันที่สอง เมื่อกลับไปตระกูลหนานกง เห็นคุณผู้หญิงนั่งอยู่บนโซฟารับแขก ไม่รู้ว่าท่านตั้งใจมารอเธอหรือเปล่า
เธอหยุดชะงักเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปหา พร้อมพูดอย่างระวังว่า: “ขอโทษค่ะ คุณย่า พอดีเมื่อวานเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งแต่งงาน จากนั้น……ฉันเลยนอนค้างบ้านเพื่อนค่ะ”
“คุณชายใหญ้ได้เรียนท่านไว้แล้วล่ะ” พี่เหอตอบ
ไป๋มู่ชิงประหลาดใจ ไม่คิดเลยว่าชายวิปริตคนนั้น จะช่วยตนไม่ให้ถูกลงโทษตามกฏของตระกูลจริงๆ
“แต่สำหรับการเป็นนายหญิงน้อยของตระกูลหนานกง ก็ควรจะตระหนักถึงหน้าที่การเป็นนายหญิงน้อย จะเที่ยวเล่นก็ควรจะคำนึงถึงกาลเทศะด้วย “พี่เหอพูดต่อ
ไป๋มู่ชิงรีบพยักหน้ารับคำ: “ฉันทราบค่ะ ฉันจะระวังให้มากกว่านี้”
“เครื่องประดับซื้อมาหรือยัง?” คุณผู้หญิงถามพร้อมชายตามองเธอ
“ซื้อมาแล้วค่ะ อยู่ในนี้” ไป๋มู่ชิงก้มหน้าเริ่มค้นกระเป๋าของตน แต่ว่า……ในกระเป๋ามีสร้อยเพรชอยู่ที่ไหนกัน? กล่องเครื่องประดับอันนั้นไม่ได้อยู่ในกระเป๋าสักหน่อย
สีหน้าของเธอซีดเผือก จึงนึกขึ้นได้ว่าตอนดูแลชายคนนั้นเมื่อคืน เธอหยิบกล่องเครื่องประดับออกจากกระเป๋าเพื่อหามือถือ ด้วยความรีบออกมาจึงลืมหยิบสร้อยคอมาด้วย
“เกิดอะไรขึ้น? หายหรือ?” คุณผู้หญิง เห็นสีหน้าซีดขาวของเธอ ก็พอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เอ่อ……ฉันลืมไป ฉันกลัวว่าฉันถือกลับมาจะไม่ปลอดภัย จึงฝากไว้ที่บ้านเพื่อนค่ะ” เธอโกหกไปอย่างระมัดระวัง
“สร้อยคอราคาสิบกว่าล้านเธอวางไว้ที่บ้านเพื่อนงั้นรึ?” หญิงชราขมวดคิ้ว
“ไม่ค่ะ ฉันเก็บไว้ในตู้เซฟของเธอ” ไป๋มู่ชิงยกแขนเสื้อขึ้นปาดเหงื่อบริเวณมุมหน้าผาก
แย่ละ เธอซุ่มซ่ามจนลืมของราคาสิบกว่าล้านไว้ในบ้านของชายที่ตนไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ แล้วนี่ควรทำอย่างไรดีละ? หรือควรไปหาเขา?เขาจะคืนของให้เธอไหม?
เมื่อคืนเพิ่งจะไม่กลับบ้าน ไป๋มู่ชิงเกรงใจไม่กล้าออกจากบ้านอีก จึงต้องไหว้วานให้เหยาเหม่ยช่วยไปหาสร้อยคอที่คอนโดอย่างเสียมิได้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือ ไม่มีคนอยู่ในห้องนั้น
เธอคิดว่าเวลานี้ผู้ชายคนนั้นคงออกไปทำงาน จึงรบกวนให้เหยาเหม่ยไปอีกรอบในตอนค่ำ ผลลัพธ์ยังคงไม่พบใครที่นั่น
ไม่ว่าเหยาเหม่ยหรือเธอไปที่ห้องห้องนั้น ก็ไม่พบใครในบ้านหลังนั้นเลย ติดต่อกันหลายวัน
เมื่อหมดหนทาง เธอจึงยอมเขียนโน๊ตสอดไว้ใต้ประตูบ้านของเขา หวังว่าเขาจะติดต่อตนก่อนวันที่ 20 และคืนสร้อยคอให้
จนแล้วจนเล่า จนถึงวันงานพิธีหมั้นของไป๋ยิ่งอัน ไป๋มู่ชิงก็ไม่สามารถหาสร้อยคอของตนกลับคืนมาได้
คงไม่ได้นำสร้อยคอของตนหนีไปแล้วหรอกนะ? ไป๋มู่ชิงคิดอย่างเศร้าใจ
สร้อยคอยังไม่ได้คืนมาเลย พิธีหมั้นของไป๋ยิ่งอันก็มาถึงแล้ว
ไม่มีสร้อยคอ ไม่มีคนอยู่เคียงข้าง ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าตัวเองจะถูกทารุณอย่างสาหัส แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
ไป๋มู่ชิงรวบรวมความกล้าเดินเข้าโรงแรม ตรงไปยังฮอลล์จัดงานเลี้ยง
หลินอันหนานและไป๋ยิ่งอันที่สวมชุดสูทและราตรีกำลังยืนต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน ชุดของทั้งสองนั้นถูกเลือกสรรมาอย่างดี หนุ่มหล่อ สาวสวยสมกันราวกิ่งทองใบหยก
ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า คงมีแต่คุณหนูอย่างไป๋ยิ่งอันเท่านั้นจึงจะคู่ควรกับคุณชายน้อยตระกูลเศรษฐีอย่างหลินอันหนาน ลูกนอกสมรสอย่างเธอ จะถูกทอดทิ้งก็ไม่เห็นจะแปลก
มองดูรอยยิ้มของบ่าวสาวรูปงามทั้งสอง ทำให้ไป๋มู่ชิงหมดความกล้าที่จะเดินเข้าไปต่อ หมุนตัวเกือบจะเดินหนีไป กลับได้ยินน้ำเสียงยินดีของไป๋ยิ่งอันดังมา: “นายหญิงน้อยหนานกง ในที่สุดเธอก็มาเสียที?”
ไป๋มู่ชิงหน้าชาทันที ไม่หันกลับไปก็คงไม่ได้

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

ไป๋มู่ชิงเคยได้ยินเรื่องเล่าตั้งแต่เด็กว่า ตระกูลหนานกงในเมืองซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด แต่น่าเสียดายที่คุณชายใหญ่ของตระกูลกลับป่วยเป็นโรคประหลาด โรคที่เขาเป็นจะทำให้เขามีอายุอยู่ได้ไม่ถึงอายุ30ปี ไป๋มู่ชิงยังได้ยินมาอีกว่า คุณชายหนานกงเฉินแต่งงานใหม่ทุกๆปี แต่เจ้าสาวของเขากลับมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงวันต่อมาหลังคืนเข้าหอ แต่ไม่ทราบสาเหตุของการแต่งงานและยังไม่ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิตของเจ้าสาวด้วย เมื่อตระกูลหนานกงได้ส่งของหมั้นมาให้ตระกูลไป๋ ไป๋มู่ชิงก็คิดไม่ถึงว่าพ่อของเธออยากจะปกป้องชีวิตพี่ของเธอไว้ถึงขนาดผลักเธอเข้าไปในประตูนรกอย่างโหดร้าย บังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินเป็นเจ้าสาวคนที่เจ็ดของเขา แทนพี่สาวของเธอ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset